เื่สำคัญที่จวินเหยียนหมายถึงก็คือ ตอนนี้อายุครรภ์ของภรรยาครบสามเดือนแล้วย่อมสามารถ...ได้แล้วถึงกระนั้นวันนี้ทั้งวันอวิ๋นซีก็ไม่ได้ไปจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว เพราะนางถูกใครบังคนทรมานอย่างหนักไปแล้ว
อวิ๋นซีมองจวินเหยียนทีหนึ่งด้วยสายตาระทวยอ่อนแรง “รู้ทั้งรู้ว่าในท้องข้ายังมีเนื้อก้อนหนึ่งอยู่ตัวท่านก็ยังไม่รู้จักเพลาๆ หน่อย” ตอนนี้นางแทบอยากเข้าไปฉีกใบหน้าได้ใจของบุรุษตรงหน้าเสียจนแทบอดรนทนไม่ไหวอีกทั้ง ยามนี้คนยังถึงกับทำหน้าทำตาราวกับกำลังจะบอกว่า สามีเ้าร้ายกาจเพียงใดเ้าควรจะรู้สึกโชคดีถึงจะถูก
จวินเหยียนหัวเราะฮ่าฮ่า ก่อนจะป้อนขนมที่ยกมาให้นางกิน หลังจากที่นางตั้งครรภ์เขาก็ค้นพบว่าความอยากอาหารของสตรีนางนี้นับวันยิ่งเปลี่ยนไปแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะรสชาติเปรี้ยวเผ็ดหวาน นางก็ล้วนชื่นชอบทั้งหมด ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
มิใช่ว่า หญิงตั้งครรภ์มักจะชอบกินแค่อาหารเผ็ดหรือเปรี้ยวเท่านั้นหรอกหรือแต่ภรรยาเขาไม่ว่าจะเป็อะไรก็ล้วนอยากกิน และกินได้ดีไปเสียทั้งหมด ทว่า ต่อให้กินไปมากเพียงไรรูปร่างก็ยังเล็กนิดเดียว ถึงกระนั้นท้องนางก็ใหญ่โตขึ้นไม่น้อย หากเป็ผู้อื่นเมื่อมีอายุครรภ์ครบสามเดือนก็ไม่แน่ว่าอาจจะยังไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจนแต่อวิ๋นซีผู้นี้ไม่เหมือนดังตำรา ยามนี้แค่สามเดือน แต่ท้องของนางก็เริ่มโตขึ้นมาแล้ว
หากสวมอาภรณ์ที่หลวมๆ หน่อยก็ยังอาจมองไม่เห็น นางลูบท้องตนเบาๆ จากนั้นจึงฉีกยิ้ม“คืนนี้ ข้าอยากกินบะหมี่ที่ท่านทำ”
“ได้” จวินเหยียนยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ สองสามปีมานี้เพียงเพื่อภรรยา เขาต้องเรียนรู้วิธีทำอาหารไปไม่น้อยด้วยได้ยินมาว่า หากคิดอยากจะรั้งหัวใจคนผู้หนึ่ง ก็ควรต้องรั้งกระเพาะของนางเอาไว้ให้ได้ก่อนเพื่อเื่นี้ เขาลงทุนลงแรงไปไม่น้อย
ฉับพลันนั้น เมื่อคิดขึ้นได้ว่าวันพรุ่งนี้ก็จะเป็วันเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวังหลวงแล้วอวิ๋นซีจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “วันพรุ่งนี้ก็จะเป็วันเฉลิมฉลองในวังหลวงแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอคนมากมายที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านท่านว่า คนเ่าั้จะเคียดแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเลยหรือไม่ที่ไม่อาจทำให้ท่านตายได้ยิ่งกว่านั้น ตัวท่านยังเหลือรอดครบส่วนกลับมามีที่ยืนในเมืองหลวงได้อีก”
คนเ่าั้มีมากมาย ซึ่งยังรวมไปถึงเหล่าขุนนางใหญ่บางคนที่เมื่อก่อนภักดีต่อจวินเหยียนเพียงแต่ในภายหลังที่จวินเหยียนต้องไปจากเมืองหลวง พวกเขาเองก็หาทางออกไว้ให้ตนอย่างดีเช่นกันอย่างไรเสียก็ยังมีรัชทายาทและองค์ชายห้า หรือแม้แต่องค์ชายสามที่ตระกูลฝั่งมารดาไม่ได้แข็งแกร่งและไม่เป็ที่พูดถึงในราชวงศ์ แต่ใครเล่าจะกล้ารับประกันว่าคนจะมิได้ปลอมเป็หมูรอกินเสืออยู่ดังนั้น อวิ๋นซีจึงสามารถบอกได้เลยว่า นอกจากเหล่าขุนนางที่นับสิบปีแล้วจะยังภักดีต่อจวินเหยียนไม่แปรเปลี่ยนและพรรคพวกขององค์ชายสี่แล้ว คนที่เหลือล้วนไม่้าเห็นจวินเหยียนกลับมา
ในบรรดาคนเหล่านี้ แน่นอนว่าคนจากฝั่งรัชทายาทรุนแรงและแข็งแกร่งมากที่สุด
“จะอย่างไรเล่า ยามนี้เปิ่นหวางยังมีชีวิตอยู่อย่างดีและกลับมาแล้ว อีกทั้งพอกลับมาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็หนิงชินอ๋องทันที ต่อให้ในใจพวกเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็ทำได้แค่ทนเอาหากไม่กลัวตาย คิดอยากจะบุกเข้ามา เปิ่นหวางก็พร้อมสนองคืนให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ”
จวินเหยียนป้อนขนมให้อวิ๋นซีจนหมดไปจานหนึ่ง และเมื่อคนบอกว่าแน่นท้องแล้วเขาจึงได้หยุด
สามีตนพูดจาโอ้อวดอย่างน่าไม่อาย อวิ๋นซีก็ได้แต่หัวเราะ ถึงกระนั้นนางก็ไม่เคยคิดสงสัยในคำพูดของจวินเหยียนแม้แต่น้อยเขาบอกอย่างไร ทุกสิ่งก็ต้องเป็ไปเช่นนั้น เพราะเขาเป็คนที่พูดได้ทำได้เสมอ แม้แต่ในเื่ความสัมพันธ์ก็เป็คนเช่นนี้การตีสองหน้าอะไรเ่าั้ไม่เคยอยู่ในสายตาเขา
ด้วยเหตุนี้ สำหรับอวิ๋นซีแล้ว การได้มีสามีเช่นนี้จึงถือเป็เื่ที่โชคดียิ่งชายชาตรีผู้ยิ่งใหญ่กล้าแกร่งสมควรเป็เช่นนี้ และแน่นอนเื่เล่ห์กลอุบายทั้งหลายก็ให้เป็หน้าที่นางจัดการเอง
“เื่ของเจิ้งอ๋องสืบไปถึงไหนแล้ว” จู่ๆ อวิ๋นซีก็นึกถึงบุรุษที่ตอนนั้นไล่ตามไปถึงดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจะนำตัวท่านแม่ของนางไป ทั้งยังอาจกระทำเื่เลวทรามกับท่านแม่บนเรือ ตอนนี้ครอบครัวของนางต้องมาพบเจอเื่เลวร้ายนี้คนคนนั้นมีสิทธิ์อันใดที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
หึหึ จวนเจิ้งอ๋องนั้นร้ายกาจจริงๆ ไม่เสียทีที่คนนับเป็สุดยอดพ่อพันธุ์มีโอรสห้าธิดาสาม ซึ่งปลายเดือนแปดนี้ธิดาคนโตกำลังจะได้ตบแต่งไปเป็ชายาให้องค์รัชทายาทนอกจากนี้ ภรรยาเขาคือบุตรสาวของโจวเก๋อเหล่ามีนามว่า โจวิ่ ส่วนบุตรชายคนโตเองก็ได้แต่งกับหลินเสวี่ยบุตรสาวเสนาบดีเ้ากรมโยธาธิการ
จวนเจิ้งอ๋องนี้นับว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องที่สลับซับซ้อนไม่น้อย
“ข้าสืบมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเื่ที่เขาลอบกระทำอย่างลับๆ มิอาจแพร่งพรายต่อหน้าสาธารณะหรือเื่ที่เขาเลี้ยงดูสตรีอยู่ด้านนอก ทั้งยังให้กำเนิดหนึ่งลูกชายหนึ่งลูกสาวมาแล้วเื่เหล่านี้ เ้าว่า หากแม่เสือที่บ้านเขาล่วงรู้เข้า เขาจะทำเช่นไร”คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ดี เจิ้งอ๋องเป็คนกลัวภรรยา หลายปีมานี้จึงอาจเรียกได้ว่าคนถูกชายากดข่มไว้สนิทอย่างที่ไม่มีทางจะพลิกกายได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมาจากนั้นนางก็ฟังจวินเหยียนเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีมานี้ของเจิ้งอ๋อง อีกฝ่ายถึงกับเลี้ยงบุตรสาวไว้คนหนึ่งที่ด้านนอกซึ่งตอนนี้อายุสิบหกปีแล้ว
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ฟันเฟืองในสมองของอวิ๋นซีก็ทำงานทันที ก่อนจะปรากฏแผนร้ายออกมาหากแผนร้ายนี้สำเร็จได้ นางก็กล้ารับประกันว่าคนของจวนเจิ้งอ๋องจะไม่ได้อยู่ดีแน่ ทั้งที่ที่บ้านก็มีภรรยาผู้น่าเกรงขามอยู่แล้วคนหนึ่งแต่เมื่ออยู่ด้านนอกก็ยังหาสตรีมากอุบายที่มีสภาพทางครอบครัวไม่เลวไว้เป็ภรรยาอีกผู้หนึ่งเจิ้งอ๋องผู้นี้ช่างรนหาที่ตายให้ตนจริงๆ
……...........................................................................................
คืนเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ สำหรับงานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักอวิ๋นเหอในวังหลวง่ต้นยามเซินอวิ๋นซีและจวินเหยียนก็พาลูกเข้าวังมาแล้ว ทว่า เวลานี้อาจเรียกได้ว่ายังเร็วกว่าเวลาเริ่มงานอยู่มากด้านนอกประตูวังคนที่มาก็ยังมีไม่มาก พวกนางพ่อแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังตำหนักเฟิ่งอี้เพื่อถวายบังคมฮองเฮาก่อน และในครั้งนี้ฮองเฮาก็ไม่ได้ห้ามพวกนางเข้าเฝ้า ทั้งยังบอกกล่าวให้คนนำทางเข้าไปด้านในโดยเร็ว
ฮองเฮามองใบหน้างดงามหาใดเปรียบของจวินเหยียน ในใจขบคิดเป็หมื่นพัน และรอจนกระทั่งพวกเขาทั้งครอบครัวถวายบังคมเสร็จเรียบร้อยแล้วฮองเฮาจึงตรัสขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง “หวานหว่านมานี่ ให้ย่าดูแผลที่มือเ้าหน่อยวันนั้นย่าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ”
หวานหว่านมองอวิ๋นซี ก่อนจะเดินเข้าไปหา เพราะเห็นอวิ๋นซีไม่ได้มีท่าทีรั้งตนไว้อย่างน้อยๆ ยามนี้มีนางและจวินเหยียนอยู่ หากสตรีนางนี้ยังจะกล้าทำอันใดบุตรสาวอีกนางผู้เป็มารดาจักต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่มีชีวิตอยู่
ฮองเฮาเพียงแค่มองข้อมือของหวานหว่าน จากนั้นก็กล่าวกับเด็กน้อยว่า“ย่าผิดไปแล้ว ครั้งหน้าจะต้องระมัดระวังกว่านี้แน่ เ้าเองก็อย่าได้ถือสาหาความย่ามากมายเพียงนั้นเลย”
หวานหว่านได้ยินก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ขอแค่เสด็จย่าไม่ตีหวานหว่านอีกหวานหว่านก็จะไม่หวาดกลัวพระองค์แล้วเพคะ” สายตาน้อยๆ ชี้ชวนให้คนมองเป็ต้องใจสะท้านต่อให้อีกฝ่ายคิดอยากจะทำอันใดต่อเด็กคนนี้จริงๆ แต่หากได้เห็นท่าทางเช่นนี้คาดว่าแปดเก้าส่วนก็คงทำไม่ลงแล้ว
มือของฮองเฮาแข็งค้างไปเล็กน้อย จากนั้นจึงส่งยิ้มอ่อนโยนให้พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะหวานหว่านท่าทางนี้คลับคล้ายกับท่านย่าผู้เมตตากำลังมองหลานของตน
ทว่า อวิ๋นซีไม่ได้คิดเช่นนั้น ความรู้สึกที่ฮองเฮาส่งออกมาทำให้นางรู้สึกว่าแปลกประหลาดยิ่ง ในกาลก่อนตอนที่แต่งให้โอวหยางเทียนหัวในฐานะชายารัชทายาท ทุกเดือนนางต้องเข้ามาในวังหลวงเพื่อถวายบังคมฮองเฮา ดังนั้นสำหรับฮองเฮาผู้นี้ นางกล่าวไม่ได้ว่าเข้าใจคนอย่างแจ่มแจ้ง แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า
ฮองเฮาผู้นี้อาจเรียกได้ว่าเกลียดโอวหยางเทียนหัวเป็อย่างมาก แต่ไม่เคยลงมือกระทำการใดต่อองค์ชายคนใดในตระกูลโอวหยางอย่างเปิดเผยกระทั่งตอนนี้โอวหยางเทียนหัวก็ได้กลายมาเป็องค์รัชทายาทแล้วด้วย ทว่า น่าแปลก คนที่รู้จักอดทนอดกลั้นเช่นนี้ถึงกับปฏิบัติต่อบุตรชายแท้ๆของตนเองได้อย่างเ็า หรือว่าในใจของอีกฝ่าย บุตรชายคนนี้จะไม่ใช่ทางรอดของตน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็ยิ่งสงสัยว่าฮองเฮาผู้นี้มีปัญหา
ในตอนที่นางกำลังขบคิดอยู่นั้น จู่ๆ ฮองเฮาก็มองมายังนาง แล้วเอ่ยถามว่า“เ้ากับลูกข้าก็แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายลูกสาวแก่เขาได้เหตุใดจึงยังไม่ให้เขาแต่งชายารองเข้ามา ทำไมหรือ เ้าคิดอยากจะยึดครองลูกข้าแต่เพียงผู้เดียวหรือไร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้