ที่จริงแล้วเด็กหญิงผู้นี้พอถูกล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดก็ดูน่ารักไม่น้อย เพียงแต่อาภรณ์ที่ใส่ดูไม่พอดีตัวอย่างเห็นได้ชัด ทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา สั่งให้คนตัดเย็บขึ้นมาใหม่เสียก็สิ้นเื่
“ถวายบังคมหวังเฟยเหนียงเหนี่ยง” เด็กหญิงคุกเข่าลงคำนับอย่างเคารพนบนอบ “หม่อมฉันอวี่เหลียนเอ๋อร์ ขอบพระทัยหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงที่ช่วยชีวิตเพคะ”
เหยาเชียนเชียนรีบสั่งให้นางลุกขึ้น ดูเหมือนว่านางจะเรียนรู้ระเบียบนี้มาเมื่อครู่
“ที่ตลาดเ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ไฉนต้องขอบคุณข้าเล่า?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์บอกว่าชายผู้นั้นไม่ใช่บิดาแท้ๆ ของนาง นางถูกขายให้เขาเพื่อหาเงินเช่นกัน นางเปิดให้เห็นแขนที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็มากมาย บนแขนที่เล็กและบอบบางนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็ในระดับที่แตกต่างกัน
บางแผลก็ดูผ่านเวลามานานมากแล้ว เป็แผลเป็ที่ติดตัวมาั้แ่อายุเท่าไรก็ไม่อาจทราบได้
“ดูเหมือนข้าจะไม่ควรปล่อยเขาไปจริงๆ” เหยาเชียนเชียนนึกเสียดาย คนชั่วเช่นนี้สมควรถูกขังไว้สักสองสามปีให้สำนึกได้ก่อน และหลังจากนั้นค่อยปะาชีวิตดังเช่นที่หลิ่วอิงเอ๋อร์กล่าว
“เหลียนเอ๋อร์หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมานมาได้ต้องขอบพระทัยหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเพคะ” อวี่เหลียนเอ๋อร์คุกเข่าและคำนับอีกครั้ง “ต่อไปนี้เหลียนเอ๋อร์ยินยอมทำตามรับสั่งของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงแต่เพียงผู้เดียวเพคะ”
“รีบลุกขึ้นเถิด” เหยาเชียนเชียนยิ้ม นางจะสั่งให้เด็กอายุเท่านี้ไปทำอะไรได้ ในจวนไม่มีเด็กคนอื่นแล้ว นางคิดว่าอาเหยียนอยู่คนเดียวน่าจะเหงา คราวนี้ได้มีพี่สาวสักคนก็น่าจะอยู่เป็เพื่อนกับเขาได้บ้าง
“นี่คือเสี่ยวซื่อจื่อ โดยปกติก็ไม่ต้องทำงานที่ใช้แรงงานมากนัก ดูเหมือนว่าเ้าจะอายุมากกว่าเขาเล็กน้อย เช่นนั้นเพียงแค่คอยอยู่ดูแลเขาก็พอแล้ว”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ค้อมกายคารวะ “ถวายบังคมเพคะซื่อจื่อ”
อาเหยียนไม่พูดอะไร หลังจากทอดมองนางอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วครู่ก็กระตุกชายอาภรณ์ของเหยาเชียนเชียนอย่างออดอ้อน
“ท่านแม่ อาเหยียนเพิ่งเรียนการตกปลามา ท่านแม่ไปเล่นกับอาเหยียนเถิดขอรับ”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ที่ถูกเมินมองไปทางเหยาเชียนเชียนอย่างไม่สบายใจ ดูเหมือนว่าเสี่ยวซื่อจื่อผู้นี้จะไม่ชอบนางเท่าไรนัก และนางก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน ดังนั้นจึงมองเหยาเชียนเชียนอย่างขอความช่วยเหลือ
“ไปกันเถิดท่านแม่ ในสระน้ำมีเ้าอันธพาลตัวใหญ่ด้วยนะขอรับ” อาเหยียนวาดไม้วาดมือไปด้วย “หากตกขึ้นมาได้ก็จะได้กินมันเย็นนี้”
เหยาเชียนเชียนลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู คิดว่าอาเหยียนอาจจะกลัวคนแปลกหน้า ไม่สามารถสนิทสนมกันได้ภายในเวลาเพียงชั่วครู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อเวลาผ่านไปเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง
เด็กน้อยมักจะชอบมีเพื่อนเล่น อาเหยียนโตขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่เคยมีเพื่อนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อยู่ๆ มีพี่สาวคนสวยเพิ่มมาอีกคนก็คงรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย
“เอาสิ แม่จะไปกับอาเหยียน” นางกวักมือเรียกอวี่เหลียนเอ๋อร์ “เหลียนเอ๋อร์ก็ไปด้วยกันสิ”
หากทำความคุ้นเคยกันมากสักหน่อยก็จะดีเอง เหยาเชียนเชียนพาเด็กทั้งสองไปในสวนด้วยกัน ที่นั่นมีสระน้ำขนาดใหญ่สระหนึ่ง และข้างๆ กันก็ยังมีสระน้ำเล็กอีกสระหนึ่ง ในสระนั้นมีปลาและกุ้งที่อาเหยียนจับกลับมาได้ในครั้งนั้น พวกมันยังคงถูกเลี้ยงไว้อย่างดีอยู่ในนั้น
“ใช้อันนี้” อาเหยียนช่วยผู้เป็แม่เกี่ยวเหยื่ออย่างระมัดระวัง และกำชับอย่างละเอียดราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย “ท่านแม่เหวี่ยงมันออกไปก็พอ และหลังจากนั้นก็ไม่ต้องขยับขอรับ”
เหยาเชียนเชียนไม่ได้สนใจการตกปลานัก ทว่าการตกปลาเป็เพื่อนอาเหยียนนั้นต่างออกไป นางชอบที่ได้เห็นเด็กน้อยมีความสุขอยู่ข้างๆ
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์ขอลองดูด้วยได้หรือไม่เพคะ?” เด็กหญิงถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ได้สิ...”
“ไม่ได้” อาเหยียนเข้ามาขัดจังหวะนาง เขาจ้องมองอวี่เหลียนเอ๋อร์เขม็งราวกับกลัวว่านางจะแย่งเบ็ดตกปลาคันนั้นไปพลางเม้มปากเล็กๆ ด้วยท่าทางดุดัน
“เบ็ดนี้ให้ท่านแม่เท่านั้น ผู้อื่นห้ามแตะต้อง”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ถอยหลังออกไปครึ่งก้าวราวกับถูกทำให้ใ นางก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติอาเหยียนเป็เด็กดีมาก คิดไปถึงยามที่เขาได้เจอกับหลิ่วอิงเอ๋อร์เป็ครั้งแรกก็ไม่ได้มีท่าทางไม่เป็มิตรมากขนาดนี้ แล้วเหตุใดเขาถึงได้เอาแต่ทำสีหน้าไม่ดีใส่อวี่เหลียนเอ๋อร์อยู่เรื่อย
“แม่ชอบเบ็ดที่อาเหยียนทำมาก แต่เหลียนเอ๋อร์ก็ชอบมากเช่นกัน มีคนชอบเพิ่มอีกคนก็จะเป็การบ่งบอกได้อย่างดีว่าอาเหยียนทำออกมาได้ดีไม่ใช่หรือ”
นางหยิกใบหน้าเล็กของอาเหยียนเบาๆ และพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอย่างเต็มที่ “อาเหยียนทำได้ดี ดังนั้นผู้อื่นจึงชื่นชอบเช่นกัน ยิ่งคนชอบมากเท่าไรก็จะยิ่งชื่นชมและยอมรับในตัวอาเหยียนมากขึ้นเท่านั้น อาเหยียนควรจะดีใจสิ และยิ่งต้องขอบคุณที่ผู้อื่นยอมรับด้วย เพราะฉะนั้นห้ามดุพี่เหลียนเอ๋อร์ เข้าใจหรือไม่?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์รีบคุกเข่าลง กล่าวว่านางไม่รู้กาลเทศะ ต่อไปจะไม่บังอาจแตะต้องสิ่งของของเสี่ยวซื่อจื่อตามอำเภอใจอีก
เหยาเชียนเชียนลอบถอนใจ แต่เดิมเด็กคนนี้ก็ถูกชายผู้นั้นทรมานมาหลายปีแล้ว น่ากลัวว่าความกล้าหาญของนางคงเล็กยิ่งกว่าตากุ้งยิงเสียอีก มายามนี้ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและไม่มีญาติมิตรอยู่ข้างกาย การจะให้นางอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจก็ต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะหนึ่ง
อวี่เหลียนเอ๋อร์ขี้กลัวและเชื่อฟัง วันนี้ต้องเผชิญหน้ากับอาเหยียนที่แตกต่างไปจากปกติ นางคงเสียขวัญจนแทบจะกลายเป็กระต่ายน้อยอยู่แล้ว
“ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้องสิ่งของของท่านแม่” อาเหยียนเบะปาก “ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้”
เหยาเชียนเชียนจูบเขาอย่างขบขัน “ใช่ๆ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้ อาเหยียนช่วยดูแลแม่ได้เป็อย่างดี พวกเราอย่าเพิ่งคุยเื่นี้กันยามนี้เลย ดูปลาน้อยตัวนั้นสิ มันกำลังจะงับเหยื่อแล้วใช่หรือไม่?”
เื่อย่างนี้จะใจร้อนเกินไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่จิตใจเปราะบางและอ่อนไหว ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะทำให้พวกเขาลดความระแวดระวังลงและสามารถเล่นด้วยกันได้
สองแม่ลูกตกปลาได้ราวสามสี่ตัว ส่วนอวี่เหลียนเอ๋อร์ก็ได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา และใบหน้าก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เหยาเชียนเชียนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้อาเหยียน เมื่อเห็นว่าในที่สุดเด็กน้อยก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว นางจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่าจะกลับไปที่เรือนสักครู่
“แม่สั่งให้ทางห้องเครื่องทำของว่างไว้ อาเหยียนรอที่นี่สักประเดี๋ยว แม่จะรีบไปรีบกลับ”
เหยาเชียนเชียนลอบหันกลับไปมองข้างหลังเล็กน้อย ให้เวลาเด็กน้อยทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ถ้าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วยไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะผ่อนคลายลงได้บ้าง
“เสี่ยวซื่อจื่อ้าเกี่ยวเหยื่อหรือไม่เพคะ?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าอย่างหยั่งเชิง “เมื่อครู่เหลียนเอ๋อร์จดจำไว้ทั้งหมดแล้ว ให้เหลียนเอ๋อร์ช่วยเสี่ยวซื่อจื่อนะเพคะ”
อาเหยียนหันกลับไปมองนาง ดวงตากลมโตคู่นั้นไร้ซึ่งแววอ่อนโยนดังเช่นยามปกติ ยามนี้มีเพียงความระแวดระวังและความเ็าจางๆ
“เ้าอยู่ห่างจากท่านแม่หน่อย ห้ามเข้าใกล้ท่านแม่”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ก้มหน้าลงราวกับใในคำพูดของเขาและไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก มือเล็กทั้งสองข้างกำชายอาภรณ์ไว้ ชวนให้คนมองรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแทนนาง
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเหลียนเอ๋อร์ไว้ เหลียนเอ๋อร์ย่อมต้องตอบแทนเหนียงเหนี่ยงเพคะ”
อาเหยียนหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย สองมือเท้าเอวยืนอยู่ตรงหน้านาง พยายามวางมาดดุดันออกมาอย่างเต็มที่
“ห้าม...ห้ามเ้าเข้าใกล้ท่านแม่ รอท่านแม่กลับมาแล้วข้าจะขอให้ท่านแม่ไล่เ้าออกไป”
อวี่เหลียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางเดินเข้าไปอย่างทำตัวไม่ถูก และทำท่าคล้ายกับจะคว้าชายอาภรณ์ของอาเหยียนแต่กลับถูกปัดมือออก ทำให้นางร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและหวาดกลัว
“ซื่อจื่อได้โปรดอย่าไล่เหลียนเอ๋อร์ไปเลยนะเพคะ เหลียนเอ๋อร์สามารถทำได้ทุกอย่าง และจะปรนนิบัติหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงให้ดีอย่างแน่นอนเพคะ”
อาเหยียนไม่อยากใส่ใจนาง แต่ในขณะที่เขากำลังจะสั่งให้สาวใช้ที่อยู่ข้างกายพาตัวนางออกไป อยู่ๆ เขาก็ถูกนางคว้าแขนไว้โดยไม่ทันตั้งตัว และทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง
“เ้าจะทำอะไร อย่าแตะต้องตัวข้า” เขากล่าวพร้อมกับพลิกมือออก แต่ไม่คิดว่าจะทำให้อวี่เหลียนเอ๋อร์เซไปเล็กน้อยและล้มคว่ำลงไปในสระน้ำจนเกิดเสียงดัง ‘ตู้ม’ จากนั้นสระน้ำลึกราวสองหมี่ก็ท่วมมิดศีรษะของนางได้อย่างง่ายดาย
“ช่วย! ช่วยด้วย...”
ร่างเล็กตีแขนอยู่ในสระน้ำ เด็กรับใช้สองคนที่อยู่รอบๆ ใและรีบะโลงไปช่วยกันดึงและลากนางกลับขึ้นมาบนฝั่ง
พอเหยาเชียนเชียนกลับมาถึงก็เห็นว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ด้านหนึ่งด้วยตัวสั่นเทา ทั้งร่างเปียกซ่ก บนใบหน้าไม่อาจทราบได้ว่าเป็น้ำตาหรืออะไร ร่างทั้งร่างสั่นระริกไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
นางก้าวเข้าไปด้วยความประหลาดใจ นางแค่ปลีกตัวไปครู่เดียวเท่านั้น เหตุใดเด็กคนนี้ถึงตกอยู่ในสภาพน่าสงสารเช่นนี้ได้
“ท่านแม่” อาเหยียนดึงชายอาภรณ์ของนางด้วยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “นางตกลงไปเองขอรับ”
ถึงแม้เขาจะสะบัดมือออกแต่ก็ไม่ได้ออกแรงเลย ความแรงใกล้เคียงกับตอนปัดฝุ่นในยามปกติเท่านั้น นางก็ไม่ใช่กระดาษเสียหน่อย จะเบาหวิวขนาดนั้นได้อย่างไร เพราะฉะนั้นนางต้องจงใจั้แ่แรกอยู่แล้ว
“หวังเฟย...เหนียงเหนี่ยง” อวี่เหลียนเอ๋อร์คุกเข่าลงตรงหน้าเหยาเชียนเชียนพลางร้องไห้สะอื้น “เหลียนเอ๋อร์...ไม่ระวัง...ไม่ระวังจนตกลงไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวซื่อจื่อ..เพคะ”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว สายตามองไปยังเหล่าสาวใช้และเด็กรับใช้ที่อยู่รอบข้าง ทุกคนต่างคุกเข่าลงและกล่าวเพียงว่าเสี่ยวซื่อจื่ออาจจะไม่ทันระวังและไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่สะบัดมือเบาๆ เท่านั้น ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ตกลงไปได้อย่างไร
“ข้าไม่ได้ไม่ทันระวัง” อาเหยียนกล่าวอย่างลนลาน “เดิมทีก็ไม่ใช่ฝีมือของอาเหยียน ท่านแม่ ไม่ใช่อาเหยียนจริงๆ นะขอรับ!”
เหยาเชียนเชียนถอนใจ อวี่เหลียนเอ๋อร์ขดตัวจนแทบจะกลายเป็ก้อนกลมๆ คล้ายกับหวาดกลัวสุดขีด แม้แต่เสียงร้องไห้ก็กลั้นไว้ในลำคอ ชวนให้รู้สึกปวดใจเหลือเกิน
อาเหยียนดึงแขนเสื้อของเหยาเชียนเชียนอย่างร้อนใจพลางเอาแต่กล่าวสองประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมา ‘ไม่ใช่เขา อวี่เหลียนเอ๋อร์ตกลงไปเอง’
แม้ว่าเหล่าสาวใช้และเด็กรับใช้จะกล่าวอ้อมค้อม ทว่าเหยาเชียนเชียนก็เข้าใจความหมายในนั้นได้ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาเหยียนถึงได้ต่อต้านอวี่เหลียนเอ๋อร์ถึงขนาดนี้ นางก็เป็เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“พอแล้ว อาเหยียน” เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุการณ์ในวันนี้เป็อย่างไรเ้าน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว สระน้ำนี้ลึกนัก จะให้คนตกลงไปได้อย่างไร”
แน่นอนว่านางไม่เชื่อว่าอาเหยียนมีเจตนาไม่ดี อาเหยียนบริสุทธิ์มาก ทว่าบางครั้งความบริสุทธิ์นี้ก็อาจทำให้เด็กทำความผิดไปโดยที่ไม่รู้ตัว
“ข้าไม่ได้ทำ ไม่ใช่นะ” อาเหยียนน้อยร้องไห้ด้วยสีหน้าน้อยใจ “ไม่ใช่ความผิดของอาเหยียน นางตกลงไปเอง เหตุใดท่านแม่ถึงไม่เชื่ออาเหยียน?”
เหยาเชียนเชียนกอดเขาแน่นอย่างสงสาร และอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อเขา เพียงแต่อาจเป็ไปได้ว่าตัวอาเหยียนก็ไม่ได้ระวัง จึงพลั้งทำร้ายผู้อื่นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เื่นี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าอาเหยียนเป็เด็กไม่ดี ต่อไปหากระมัดระวังให้มากขึ้นก็พอแล้ว
“ไม่ใช่! ไม่ใช่นะ!”
อาเหยียนน้อยส่ายหน้าอย่างร้อนใจ เขาไม่ได้ไม่เจตนา และไม่ใช่ว่ามีเจตนา เป็ความผิดของนางเองทั้งสิ้นั้แ่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ไม่ระวัง เขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เป็อวี่เหลียนเอ๋อร์ต่างหาก!
เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เด็กน้อยจึงผละออกจากอ้อมกอดของเหยาเชียนเชียนและถอยหลังออกก่อนจะวิ่งหนีไป
“อาเหยียน” เหยาเชียนเชียนพอตามไปได้เพียงสองก้าวก็นึกได้ว่ายังมีคนที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างหลัง หญิงสาวจึงจำต้องหยุดลงเพื่อไปปลอบโยนจิตใจที่ยังตระหนกของอวี่เหลียนเอ๋อร์เสียก่อน และสั่งให้บ่าวไพร่รีบพาเด็กหญิงกลับไปส่งที่ห้อง พร้อมทั้งถือโอกาสนี้ซื้อชุดที่พอดีตัวให้กับนางด้วย
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เหลียนเอ๋อร์ทำให้ซื่อจื่อไม่พอพระทัยหรือไม่เพคะ?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและโผล่ให้เห็นเพียงใบหน้าเล็กเท่านั้น แววตาเต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจ เหยาเชียนเชียนถอนหายใจเบาๆ วันนี้เด็กคนนี้ต้องเสียขวัญมากเป็แน่ สระน้ำลึกถึงขนาดนั้น ต่อให้นางลงไปเองก็คงแตะไม่ถึงก้นสระด้วยซ้ำ
“ไม่หรอก น้อยครั้งที่เขาจะเป็อย่างในวันนี้ อาจจะเป็เพราะอารมณ์ไม่ดีกระมัง หากมีคำใดที่ทำให้เ้ารู้สึกไม่ดี วันหน้าข้าจะให้เขามาขอโทษเ้า แล้วก็เื่เมื่อครู่ รอข้าไปคุยกับเขาให้ชัดเจนแล้วข้าจะพาเขามาเยี่ยมเ้าอีกที”
อวี่เหลียนเอ๋อร์พยักหน้าน้อยๆ และหลุบม่านตาลงกล่าวด้วยน้ำเสียงว่านอนสอนง่าย “ขอบพระทัยหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงที่เป็ห่วงเพคะ เหลียนเอ๋อร์ไม่กล่าวโทษซื่อจื่อหรอกเพคะ”
