เช้าตรู่ เซี่ยวอี๋ถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู เธอเหลือบมองนาฬิกา ยังไม่ทันจะ 7 โมงดีเลย เสิ่นิเคาะประตูรัวไม่หยุดอย่างกับิญญาบ้า
“คุณน้าคุณน้าตื่นเร็ว เดี๋ยวเราจะต้องรีบไปเปิดบิล~” เสิ่นิเอ่ยปากร้องลั่นพลางเคาะประตู
“เปิดบ้านป้านายสิ เอะอะแต่เช้าน่ารำคาญชะมัด!” เซี่ยวอี๋เปิดประตูด้วยความไม่พอใจ ต้องขอบคุณเสิ่นิที่ก่อเื่เมื่อคืน เซี่ยวอี๋ปวดกล้ามเนื้อร้าวไปทั้งร่าง แค่จะลากสังขารลงจากเตียงยังต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ขนาดจะจับลูกบิดประตูมือก็ยังสั่นไหวเลย
“อย่าโมโหไปเลย ผมมีของขวัญมาให้คุณนะ ถือเป็คำขอโทษ” เสิ่นิหยิบเดรสลูกไม้เกาะอกที่สวยงามประณีตออกมาจากด้านหลังอย่างมีลับลมคมใน
“ชุดของ GUCCI เหรอ” เซี่ยวอี๋ใจนลืมความโกรธ เธอรีบคว้าชุดมาพลิกสำรวจป้ายราคาอย่างรวดเร็ว 18000 $ นี่ ไม่ใช่ ¥ ด้วย ข้อความบนป้ายล้วนเป็ภาษาต่างประเทศทั้งหมด ไม่เหมือนสินค้าในประเทศเลย “นายไปซื้อมาจากไหน”
“ก่อนหน้านี้ผมไปปฏิบัติภารกิจที่ฝรั่งเศสมา มีคนฝากผมซื้อ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ น่าจะตายไปแล้วล่ะ” เสิ่นิพูดหน้าตาเฉย
“เสื้อผ้าคนตาย นายเอามาเป็ของขวัญให้ฉันเนี่ยนะ” เซี่ยวอี๋ขมวดคิ้ว
“ก็ยังไม่เคยใส่เลย ถ้าคุณไม่อยากได้ก็คืนมา” เสิ่นิทำท่าจะคว้าคืน แต่เซี่ยวอี๋ชิงซ่อนกระโปรงไว้ที่ด้านหลังของตนอย่างรวดเร็ว
“ทำไมจะไม่อยากได้ล่ะ เมื่อคืนนายทำไว้แสบ ชดใช้ด้วยเ้านี่ก็ถือว่าสมควรแล้ว!” เซี่ยวอี๋แลบลิ้นก่อนจะปิดประตูห้อง หญิงสาวมีความสุขกับการลองชุดใหม่ทันที
“ผู้หญิง….ร้อยทั้งร้อยก็ชอบของพวกนี้เหมือนกันหมด” เสิ่นิถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ใช่ ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ใครบ้างที่ไม่ชอบของมียี่ห้อ ก็แค่ไม่มีปัญญาซื้อเท่านั้น ยิ่งชุดตรงหน้าแล้วด้วย เซี่ยวอี๋คิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาซื้อ ต่อให้อีกหน่อยได้เป็ตำรวจพิเศษ แต่ก็ยังเป็แค่มนุษย์เงินเดือน กระโปรงนั่นตัวละ18000 เหรียญสหรัฐเชียวนะ ปาเข้าไป 120,000 หยวน! ต่อให้เข้มงวดสุดๆ ไม่เที่ยวไม่กินเลยสองปีเต็ม ก็ใช่ว่าจะซื้อชุดตรงหน้านี้ได้
เซี่ยวอี๋กลืนน้ำลายขณะค่อยๆ สอดกายเข้าในกระโปรงอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าเป็จิตวิทยาหรือเปล่า ทำไมเสื้อผ้ามียี่ห้อถึงได้ใส่สบายอย่างนี้นะเธอรู้สึกว่าิัทุกอณูของเธอที่ได้ััเนื้อผ้านั้นช่างได้รับเกียรติ
เดรสสีดำเปิดไหล่ยาวปิดแค่หนึ่งในสามของ่ขา เผยให้เห็นขาเรียวยาว 105 เิเแทบจะทั้งหมด เซ็กซี่เร่าร้อน เซี่ยวอี๋มองตัวเองในกระจกแล้วหน้าแดงใจเต้นตึกตัก
เธอสวมรองเท้าส้นเข็มคู่เดียวที่มีอย่างขวยเขิน ก่อนจะเดินกระมิดกระเมี้ยนลงไปที่ชั้นล่าง
เธอเห็นเสิ่นิในห้องนั่งเล่นซึ่งเปลี่ยนเป็ใส่ชุดสูทเรียบร้อยแล้ว เขายืนอยู่ ณ ตรงนั้น เหมือนสุภาพบุรุษกำลังรอคอยเซี่ยวอี๋
“สวย...สวยหรือเปล่า กระโปรงสั้นไปหน่อยนะว่าไหม” เซี่ยวอี๋ดึงชายกระโปรงลงอย่างเขินๆ หวังว่ามันจะปิดเรียวขายาวของเธอได้อีกนิด แต่ด้วยการออกแบบของชุด พอเธอดึง่ล่างลงขอบชุดชั้นในก็โผล่ออกมาตรงส่วนที่เปิดไหล่ทำเอาเธอประหม่าขึ้นอีกครั้ง และในขณะที่ดึงขึ้นๆ ลงๆ อยู่นั้นก็เกือบจะทำเอาเสิ่นิเืกำเดาพุ่ง
“แบบนี้แหละ สุดยอด!” เสิ่นิยกนิ้วโป้งให้ “ได้เวลาแล้ว ผมจองโรงแรมหรูเอาไว้ เราไปกันได้แล้วล่ะ”
“นายคิดจะทำอะไร เปิดห้องไว้เหรอ ฉันเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ถึงฉันจะเป็ผู้ช่วยนาย แต่ก็ใช่ว่านายจะลามปามได้ เชื่อไหมว่าฉันเป่าสมองนายได้ในเสี้ยวนาที” เซี่ยวอี๋เปิดกระเป๋าถือและคว้าปืนพกขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
“นี่คุณน้า โรงแรมไม่ได้มีไว้แค่ทำเื่อย่างว่าเท่านั้นนะ ข้าวปลาที่โรงแรมก็มีให้กิน ไปกันเถอะ ผมจะเลี้ยงของอร่อยคุณสักมื้อ ถือเป็การไถ่โทษ” เสิ่นิยิ้มกวนประสาท ก่อนจะลากเซี่ยวอี๋ออกจากบ้าน
วันนี้เซี่ยวอี๋รู้สึกว่ามันผิดปกติไป จู่ๆ เสิ่นิก็กลายเป็สุภาพบุรุษ เขาไม่เพียงเสนอตัวเป็คนขับรถ แต่ยังช่วยเธอเปิดประตู หยิบกระดาษทิชชู ดูแลเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด
โรงแรมหรูที่เสิ่นิพูดถึงก็คือโรงแรมระดับหกดาวแห่งเดียวในเมืองเป๋ยไห่ ห้องอาหาร “อ้าวกวนไห่” ตั้งอยู่ ณ บริเวณริมชายหาดที่งดงามที่สุดของเมืองหลินไห่ ก่อนหน้านี้เพื่อนที่สถานีตำรวจเคยเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “คืนเดียวหมดตัว” หมายถึงการค้างห้องธรรมดาที่นี่หนึ่งคืน เท่ากับไส้แห้งไปทั้งเดือน
แล้วไหนจะการทานอาหารฝรั่งที่อิ่มแค่ครึ่งกระเพาะแต่กลับกระอักเือีก เสิ่นิวางท่าอย่างกับเทพบุตรจากตระกูลมั่งคั่งที่เป็ขาประจำของที่นี่ เขาเดินตรงไปยังห้องอาหารอ้าวกวนไห่ และจับจองที่นั่งริมหน้าต่าง
เนื่องจากตรงกับ่เวลาอาหารเช้าพอดี ผู้คนที่อยู่ในร้านจึงแน่นขนัด นอกจากเด็กแล้วผู้ชายทุกคนได้หันไปจ้องเซี่ยวอี๋ที่สวยหยาดเยิ้มกันเป็ตาเดียว พวกเขาจ้องกันเสียจนเซี่ยวอี๋เขิน
ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ตรงมุมสงบ ได้เบนสายตาตามมา แววตาภายใต้กรอบแว่นสีทองนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจและชื่นชม
เสิ่นิสั่งอาหารเช้ามูลค่า 388 หยวนกับพนักงานเสิร์ฟสาวด้วยภาษาอังกฤษ เมื่อเซี่ยวอี๋เห็นราคาแล้วก็อดสูดหายใจลึกไม่ได้ “ไข่ดาวฟองหนึ่งฟอง 60 หยวน นี่เขาใช้ไข่ต้มใบชาที่นำเข้ามาจากไต้หวันหรือยังไง”
“อย่าโวยวายไปน่า ไม่ได้ให้คุณจ่ายซะหน่อย” เสิ่นิใช้ผ้าอุ่นเช็ดมือก่อนเริ่มมื้ออาหาร
“ฉันแค่กังวลแทนนาย นายไม่ค่อยมีเงินไม่ใช่เหรอ” เซี่ยวอี๋ยกแถ้วน้ำขึ้นจิบ
“จบมื้อนี้แล้ว ก็น่าจะเหลืออีกสัก 2 เหมา” คำพูดลอยหน้าลอยตาของเสิ่นิทำเอาเซี่ยวอี๋แทบสำลัก
“นายบ้าหรือเปล่า ไม่มีเงินยังทำหน้าใหญ่ ไม่กินแล้ว กลับบ้าน” เซี่ยวอี๋ทำท่าเตรียมจะลุก
“อย่ากระโตกกระตากสิ คุณเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างหลังผม 45 องศาไหม คนที่สวมแว่นกรอบทอง เสื้อเชิ้ตสีเหลืองสดนั่นน่ะ” ตอนที่เสิ่นิเดินเข้ามาในร้านอาหารเขากวาดตาสำรวจโดยสัญชาตญาณ เขาสแกนเครื่องแต่งกายของทุกคนในร้านเอาไว้ในหัวแล้ว นี่คือพร์ที่ได้จากการเป็นักฆ่า
“ว่าไงนะ” เซี่ยวอี๋มองตามไป ชายคนนั้นยกแก้วไวน์ในมือเพื่อส่งสัญญาณให้กับเธอ พฤติกรรมหยาบคายเช่นนี้ แต่พอเป็ชายกลางคนคนนั้นทำกลับดูมีการศึกษาขึ้นมาทันที
“เขาคืออู๋เหนิงผู้จัดการส่วนตัวของเมิ่งฉี เขาเป็แมวมองที่อยู่ในวงการบันเทิงมา 20 ปี ปั้นดาราดังมามากมาย เมื่อ 3 ปีก่อน เขาเข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวของเมิ่งฉี ั้แ่นั้นมาเขาก็ตกอับ แต่ตอนนี้เื่ที่เราต้องทำก็คือ ‘หาทางอ่อยเหยื่อ’ ให้เข้ามาติดเบ็ดให้ได้” เสิ่นิกระซิบ
“อ่อยยังไง” พอเซี่ยวอี๋เอ่ยปากถามเธอก็พลันนึกออกในทันที “ไอ้ขี้หมา คุณจะใช้ฉันเป็เหยื่ออย่างนั้นเหรอ”
“อู๋เหนิงไม่ใช่ปลาตัวน้อย ดาราหญิงวัยรุ่นมากมายกระเสือกกระสนอยากจะเข้าสังกัดเขา แต่คนที่เข้าตาเขากลับมีน้อยมาก” เสิ่นิพูดพลาง ใช้เงาสะท้อนจากช้อนสเตนเลสลอบมองไปยังเหยื่อ “ดูเหมือนว่าเขาจะชอบคุณนะ ได้ผลอยู่”
“ถ้านายกล้าให้ฉันไปนอนกับมันล่ะก็ นายตายแน่” เซี่ยวอี๋พูดด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“วางใจเถอะ เื่ขึ้นเตียงกับคุณน่ะ เก็บไว้ให้ผมจัดการเองดีกว่า เื่ดีๆ แบบนี้จะปล่อยไปให้เขาได้ยังไง ผมแค่อยากอ่อยให้เขามาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ จะได้ ‘เผลอ’ พูดถึงเื่ที่เมิ่งฉีถูกคุกคาม จะได้ ‘เผลอ’ บอกว่าผมเป็บอดี้การ์ด ช่างเป็แผนที่เพอร์เฟกต์”
อาหารเช้าอันแสนหรูทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ และในขณะนั้นผู้จัดการร้านก็ได้นำไวน์แดงขวดมาเสิร์ฟด้วยตนเอง
“เราไม่ได้สั่งไอ้นี่ใช่ไหม” เซี่ยวอี๋ถามอย่างฉงน
“คุณผู้หญิงคุณผู้ชาย นี่เป็ไวน์แดงที่คุณอู๋ผู้ซึ่งนั่งอยู่ทางนั้นมอบให้เป็ของกำนัลครับ ทานให้อร่อยนะครับ” ผู้จัดการร้านเปิดขวดไวน์ด้วยมาตรฐานการเสิร์ฟแบบอังกฤษ เขารินไวน์ให้เสิ่นิและเซี่ยวอี๋คนละครึ่งแก้ว
“เอาล่ะ คราวนี้ขยับปากแล้วพูดตามผมนะ ‘กอบกุล’ ” เสิ่นิบอกเป็นัยให้เซี่ยวอี๋ยกแก้วไวน์ขึ้น และหันไปอมยิ้มให้อู๋เหนิงเป็เชิงขอบคุณ เท่านี้ก็นับว่ารู้จักกันแล้ว
เป็ไปตามคาด เมื่อทานอาหารไปได้สักพัก อู๋เหนิงก็ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาหา “ท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่าไวน์แดงรสชาติเป็อย่างไรบ้าง”
“ไวน์ใหม่ของ Chateau Cheval Blanc ยังสู้ไวน์ Chateau Lafite-Rothschild ปี 82 ไม่ได้ รู้สึกว่าคุณอู๋เหนิงจะขี้เหนียวไปหน่อยนะครับ” เสิ่นิจิบไวน์ด้วยรอยยิ้ม
“ฮะ? คุณรู้จักผมด้วย?” อู๋เหนิงประหลาดใจ
“ใครจะไม่รู้จักแมวมองอันเลื่องชื่อกันล่ะครับถึงคุณจะรักสงบเก็บตัว แต่ในฐานะบอดี้การ์ดอย่างผมก็ย่อมต้องจดจำใบหน้าคนที่มีชื่อเสียงให้ได้ทุกคน” เสิ่นิเปลี่ยน ‘ความเผลอ’ ให้เป็ ‘เจตนา’ “ถ้าไม่ถือล่ะก็นั่งลงดื่มด้วยกันสักแก้วก่อนสิครับ”
“ดูเหมือนวันนี้ทั้งสองท่านจะตั้งใจมาที่นี่เพื่อพบผม ซ้ำยังเอาหยกงามมาหลอกล่อผมอีก ถ้าผมยังเล่นตัวอยู่ คงจะหยาบคายเกินไปแล้ว” อู๋เหนิงเป็คนสุภาพ เขานั่งลงข้างเซี่ยวอี๋ และยังคงอมยิ้มในขณะที่ยื่นนามบัตรให้กับหญิงสาว “ไม่ว่าคุณกับเขาจะเป็อะไรกัน ผมแค่ชอบค้นหาพลังของความงาม ถ้าคุณอยากเป็ดารา คุณแค่โทรหาผมตามเบอร์บนนามบัตรนะ”
“คุณอู๋เหนิง ตอนนี้การหาผู้ช่วยดีๆ มันไม่ใช่เื่ง่าย คุณอย่ามาค้นพบอะไรกับคนของผมเลย” เสิ่นิพูดพลางจิบไวน์แดง “ได้ยินว่า่นี้พวกคุณกำลังมีปัญหาไม่ใช่เหรอ”
“คุณหมายถึงเื่ที่ผมบังเอิญมาเจอคุณอย่างนั้นเหรอ” อู๋เหนิงประชดประชัน การสืบรู้ตำแหน่งแห่งหนของเขาได้ นับว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา หากคะแนนเต็มสิบอู๋เหนิงให้เขาสิบสองแต้ม
“คุณอู๋เหนิงล้อเล่นแล้ว ผมหมายถึงเื่ที่คุณหนูเมิ่งฉีได้รับจดหมายข่มขู่”
“เธอเป็บุคคลสาธารณะ การได้รับจดหมายข่มขู่เพื่อทำให้ใบ้างย่อมเป็เื่ธรรมดา ผมอยู่วงการนี้มานาน ไม่แปลกใจหรอก แค่เมิ่งฉีของผมขี้กลัวเกินไปหน่อย เธอถึงได้พูดเื่นี้กับนักข่าว ทำเอาพวกคุณไม่สบายใจไปด้วย” อู๋เหนิงดื่มไวน์แดงที่ตัวเขาส่งมาให้ แน่นอนว่ารสชาติไม่ได้เื่สักเท่าไร
“ผมจะถามว่า คุณสนใจจ้างบอดี้การ์ดไหม ในธุรกิจนี้ผมเก่งที่สุดแล้ว ด้วยโปรโมชั่น่เปิดตัว ผมจะลดให้คุณเป็พิเศษ” เสิ่นิสมัครงานได้โอหังมาก
เซี่ยวอี๋ประหม่าจนไม่อยากพูดแทรก เธอได้แต่ก้มหน้าดื่มซุปไป
“ไม่ต้องหรอก ผมซื้อหมาให้เมิ่งฉีแล้ว คงไม่ต้องพึ่งคุณแล้วล่ะ” อู๋เหนิงก็เอาคืนไม่เบา
และทันใดนั้นเองเสิ่นิก็เตะขาเซี่ยวอี๋ใต้โต๊ะ ซุปบีทรูทสไตล์รัสเซียตรงหน้าของเซี่ยวอี๋กระเด็นหกรดไปทั่วกางเกงอู๋เหนิง ความร้อนจากซุปทำเอาหน้าเขาแดงระเรื่อ
“ดูเธอสิ ไม่ระวังเอาเสียเลย รีบเช็ดเร็วเข้า!” เสิ่นิรีบยื่นกระดาษทิชชูส่งให้เซี่ยวอี๋
“ขอโทษค่ะ! ขอโทษค่ะ!” เซี่ยวอี๋รู้สึกผิด เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดซุปซึ่งหกลวกตักอู๋เหนิง และทันใดนั้นเอง เสียง “แชะ” ของชัตเตอร์ก็ดังขึ้น อู๋เหนิงและเซี่ยวอี๋รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จึงหันไปมองโทรศัพท์มือถือในมือของเสิ่นิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“แมวมองชื่อดังหน้าไม่อาย คัดตัวสาวงามด้วยวิธีสกปรกกลางที่สาธารณะ คุณว่าพาดหัวข่าวแบบนี้พอที่จะแลกกับงานบอดี้การ์ดของผมได้หรือเปล่า”
ดูจากภาพถ่ายแล้ว อู๋เหนิงกำลังนั่งอยู่เพลินๆ และเห็นผมด้านหลังของเซี่ยวอี๋โผล่พ้นขอบโต๊ะขึ้นมา พระเ้าช่างเข้าข้างเสิ่นิเสียจริง
“คนที่กล้าแบล็กเมลผม จบไม่สวยแน่” อู๋เหนิงสาดแววตาอำมหิต
“ไม่เป็ไร ผมเป็ประเภทที่ถูกลิขิตให้ ‘จบไม่สวย’ อยู่แล้ว” เสิ่นิหัวเราะเ้าเล่ห์ราวกับปีศาจร้าย