“ได้เวลามอบสถานศึกษาชางหวงให้ศิษย์ใหม่อย่างพวกเ้าแล้ว” ซูเฉินเทียนอมยิ้มกล่าว ยามนี้เขาย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าแล้ว ย่อมจะไม่อาลัยอาวรณ์อันดับบนผังชางหวงอีก เมื่อถึงระดับเขา สิ่งที่แสวงหาคือมรรคาบู๊ มิใช่ชื่อเสียงลาภยศ
เซียวเฉินเดินลงจากเวทีประลอง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยมองเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น
เขาทำได้จริงๆ
เซียวเฉินเอาชนะซูเฉินเทียนได้แล้วจริงๆ แม้พวกเขารู้ว่าซูเฉินเทียนไม่ได้เข้าร่วมอย่างเต็มกำลัง แต่เซียวเฉินก็สามารถใช้ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุดจนได้รับการยอมรับจากผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้า นี่เพียงพอแล้วที่จะแสดงถึงความสามารถและพร์ของเซียวเฉิน
“เ้าทำได้แล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉินแล้วเอ่ยยิ้มๆ
เซียวเฉินผงกศีรษะ
จากนั้นหันหน้าไปมองซูเฉินเทียน “ศิษย์พี่ซู หากมีโอกาส ข้าจะไปขอคำชี้แนะจากท่านอีก หวังว่าถึงตอนนั้นพวกเราจะสามารถสู้กันอย่างเบิกบานใจสักครั้ง แบบไม่ต้องออมรั้งยั้งมือน่ะ”
“ข้าจะรอวันนั้น”
เซียวเฉินพามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยไปจากเวทีประลอง ซูเฉินเทียนมองเงาหลังของเซียวเฉินแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ดูท่า คราวนี้ลั่วเฉินอวี่คงนั่งไม่ติดแล้ว...”
สามวันต่อมา การต่อสู้ระหว่างเซียวเฉินกับซูเฉินเทียนก็สะท้านะเืทั้งสถานศึกษาชางหวง ส่วนเซียวเฉินก็อยู่ในตำแหน่งที่อันตรายที่สุดเป็ครั้งแรก และกลายเป็บุคคลระดับสูงในสถานศึกษาชางหวง
วันนี้ แก้ไขผังชางหวงเสียใหม่
อันดับหนึ่งบนผังชางหวง เซียวเฉิน ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด
อันดับสองบนผังชางหวง ลั่วเฉินอวี่ ขั้นตานฟ้าเก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุด
อันดับสามบนผังชางหวง โม่ซิวหยา ขั้นตานฟ้าเก้าชั้นฟ้าระดับต้น
อันดับสี่บนผังชางหวง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด
ผังชางหวงเปลี่ยนลำดับใหม่ ทำให้ศิษย์ในสถานศึกษาชางหวงทุกคนใสุดขีด ดวงตาฉายแววพรั่นพรึง
เซียวเฉินถึงกับขึ้นอันดับหนึ่งแล้ว!
เขาถึงกับเอาชนะซูเฉินเทียนได้?
เขาเพิ่งเข้าสถานศึกษาได้ไม่ถึงหนึ่งปีก็ทำได้ถึงขั้นนี้ ต้องรู้ก่อนว่า แม้แต่ลั่วเฉินอวี่ที่อยู่อันดับสองก็เอาชนะซูเฉินเทียนไม่ได้ แต่เขาทำได้ เขายังอายุไม่ถึงสิบแปดปีเลยด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้น เขายังอยู่แค่ขั้นตานฟ้าแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุดก็เอาชนะซูเฉินเทียนได้?
นี่คือพร์เช่นไร!
ไม่เพียงสำนักในะเื แม้แต่ศิษย์ใหม่ที่อยู่สำนักนอกก็ใกับลำดับใหม่บนผังชางหวงเช่นกัน มองอันดับบนผังชางหวงแล้วถึงกับพูดไม่ออกอยู่นาน
ชั่วขณะนี้ นามของเซียวเฉินประทับลงในห้วงสมองของทุกคนอย่างลึกล้ำจนสลัดไม่หลุด
เข้าสถานศึกษาได้ไม่ถึงหนึ่งปีก็แข็งแกร่งจนขึ้นอันดับหนึ่งบนผังชางหวง!
“เขาถึงกับเอาชนะซูเฉินเทียนได้...เป็มารร้ายจริงๆ...” โจวเจ๋อมองชื่อบนผังชางหวงแล้วเหม่อลอยอยู่นาน ดวงตาทอแววซับซ้อน
เมื่อแรกเข้าสู่สถานศึกษา เซียวเฉินเคยสู้กับเขาและเอาชนะเขาได้ ส่วนเขาพยายามฝึกวิชาอยู่ตลอด คิดว่าคงมีสักวันที่จะสามารถล้างอายได้ แต่ชั่วขณะนี้ เขายอมศิโรราบ ยอมแพ้ให้เซียวเฉินทั้งปากและใจ
จากนั้น โจวเจ๋อก็เดินหัวเราะลั่นจากไป
“มารดามันเถอะ พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือของคนที่อยู่อันดับหนึ่งบนผังชางหวงแล้วบิดายังไม่พอใจอะไรอีก ไม่แค้นเคือง ฮ่าฮ่าฮ่า...”
ด้านหลินหนิง หลินคุน และสือเทียนแห่งสำนักนอกก็ใที่เซียวเฉินขึ้นอันดับหนึ่งบนผังชางหวงจนต้องมองหลายครั้ง นึกว่าตนเองดูผิดไป
“ฮ่าฮ่า เซียวเฉินร้ายกาจมาก ถึงกับจัดการซูเฉินเทียนได้ มารดามันเถอะ ร้ายกาจแท้ๆ คิดไม่ถึงว่าข้าหลินคุนเป็พี่น้องกับคนที่อยู่อันดับหนึ่งบนผังชางหวง เบิกบานใจจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” หลินคุนแห่งสำนักนอกส่งเสียงหัวเราะและมีความสุขอย่างยิ่ง เวลานี้เขารู้สึกมีหน้ามีตาเป็พิเศษ บิดาเป็พี่น้องกับอันดับหนึ่งบนผังชางหวงเชียวนะ!
ส่วนสือเทียนก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกัน “เซียวเฉินคือัในมวลมนุษย์ วันหน้าต้องไม่ถูกกักขังอยู่ที่สถานศึกษาชางหวงแน่นอน เขาจะทะยานสู่์เก้าชั้นฟ้า วันนี้ข้าเป็สหายของเขาได้ก็เพียงพอแล้ว ฮ่าฮ่า”
ส่วนหลินหนิงที่อยู่ด้านข้างก็ขอบตาแดงก่ำ แค่นเสียงใส่พี่ชายของตนและสือเทียน “ไม่แน่ว่าเวลานี้เขาคงลืมพวกเราไปแล้ว ตอนนี้เขาอยู่อันดับหนึ่งบนผังชางหวงนะ ส่วนพวกเราก็แค่ศิษย์ธรรมดาที่สุดของสำนักนอกเท่านั้น”
ว่าแล้ว หลินหนิงก็น้ำตาร่วง แม้นางจะพูดแบบนี้ แต่ในใจก็รู้สึกยินดีกับเซียวเฉิน ต่อให้เขาลืมพวกเราไปแล้วอย่างไรเล่า ข้ายัง...ไม่เคยลืมเ้าเหมือนเดิม
หลินคุนสบตากับสือเทียนแล้วเงียบงัน หลินหนิงจะมีเื่ปิดบังพี่ชายอย่างหลินคุนได้อย่างไร เขารู้ว่าหลินหนิงชอบเซียวเฉิน แต่เขาจะแค่มองดูโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้
“เฮ้อ...”
หลินคุนถอนหายใจและส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
แต่ในเวลานี้เอง พลันมีเสียงดังมาช้าๆ
“ได้ยินคนว่าร้ายข้ามาแต่ไกลเชียว ใครล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของพวกเราอีก บอกข้ามา ข้าจะไปจัดการให้ รับประกันว่าทุบตีจนแม้แต่บิดามารดาก็จำไม่ได้”
คนทั้งสามหันหน้าไปมองพร้อมกันและนิ่งงันอยู่ตรงนั้น เห็นเด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งเดินมาช้าๆ อยู่ไม่ไกล เด็กหนุ่มหน้าตาโดดเด่น หว่างคิ้วแฝงความองอาจ มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ แต่พวกเขาไม่เคยลืมเลือนใบหน้านี้เสมอมา
เด็กหนุ่มผู้นั้น คือเซียวเฉิน
เซียวเฉินเดินมาถึงข้างกายคนทั้งสาม พยักหน้าให้หลินคุนและสือเทียน จากนั้นมองหลินหนิงที่ยังปาดน้ำตาแล้วอดแย้มยิ้มไม่ได้
“ข้าเซียวเฉินจะเป็คนลืมมิตรสหายกระนั้นหรือ พวกเราสี่คนเคยร่วมเป็ร่วมตายด้วยกันมา ข้าเซียวเฉินจะลืมพวกเ้าได้อย่างไร?” คำพูดของเซียวเฉินเหมือนมีเวทมนตร์ ในยามนี้หลินหนิงรู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่งเมื่อมีเขาอยู่ข้างกาย ทำให้นางคิดจะพึ่งพา
หลินหนิงแค่นเสียง
“แล้วทำไมเ้าไม่กลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างล่ะ ยังบอกว่าเ้าไม่ลืมพวกเราอีก” แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจของหลินหนิงกลับหวานปานฉาบด้วยน้ำผึ้ง
“สำนักในเป็สถานที่อยู่ยาก หากไม่ระวัง ขนาดตายก็ยังไม่รู้ตัวว่าตายได้อย่างไร หากข้าไม่พยายาม ไหนเลยจะมีข้าในวันนี้” เซียวเฉินอมยิ้มกล่าว
“แต่ข้าก็กลับมาแล้ว กลับมาเยี่ยมคุณหนูหลินหนิงของพวกเราแล้ว ใช่หรือไม่?” เซียวเฉินพูดเช่นนี้ทำให้หลินหนิงหน้าแดง
“ไปไกลๆ เลย ใครเป็ของเ้ากัน”
ว่าแล้วก็วิ่งออกไป หลินคุน สือเทียน และเซียวเฉินต่างสบตากันแล้วยิ้ม เซียวเฉินอยู่สำนักนอกสามวัน ในสามวันนี้ เขาอยู่กับหลินคุนพูดคุยเื่ตอนอยู่สำนักในตลอด แต่เขาไม่ได้เล่าเื่ระหว่างเขากับซือถูอู่ กลัวว่าพวกหลินคุนจะเป็ห่วง ก่อนจากไปเซียวเฉินยังทิ้งผลึกเสวียนระดับบนและยาสมุนไพรฝึกวิชาเล็กน้อยไว้ให้ด้วย
“พี่ใหญ่หลิน พี่ใหญ่สือ ข้าต้องไปแล้ว รอข้ามีเวลาแล้วจะมาหาพวกเ้าอีก ถึงตอนนั้นพวกเรามาดื่มกันสักครา” เซียวเฉินยิ้มกล่าว
“แน่นอน”
หลินคุนและสือเทียนต่างผงกศีรษะซ้ำๆ
จากนั้น เซียวเฉินมองหลินหนิงแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ต่อไปห้ามว่าร้ายข้าลับหลังอีกนะ ครั้งนี้ข้ายกโทษให้ แต่ครั้งต่อไปจะไม่ละเว้นง่ายๆ อย่าเอะอะก็ร้องไห้ล่ะ ข้าบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเ้าก็จะไม่ผิดคำพูด เชื่อข้าสิ”
“ยังคงเป็ประโยคนั้น ตั้งใจฝึกวิชา ข้าจะรอพวกเ้าที่สำนักใน”
หลินหนิงขอบตาแดงก่ำ แต่จนแล้วจนรอดน้ำตากลับไม่ได้ไหลลงมา จนเงาหลังของเซียวเฉินค่อยๆ หายลับ หลินหนิงจึงน้ำตาร่วงอยู่เงียบๆ
เซียวเฉิน ชาตินี้ได้เห็นเ้าไกลๆ สักครั้ง หลินหนิงก็พึงพอใจแล้ว...
หลังกลับถึงสำนักใน เซียวเฉินยังไม่ทันกลับถึงที่พักของตนเอง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยก็มาหาถึงที่ สตรีสองนางมีสีหน้าหนักใจ
เซียวเฉินอดเอ่ยยั่วเย้าไม่ได้ “เป็อะไรไป สีหน้าไม่น่าดูขนาดนี้ เหมือนรับประทานอาจมมาเลย”
สตรีสองนางเดือดดาลทันที
“เ้าสิกินอาจม ทั้งบ้านเ้านั่นแหละกินอาจม!”
“แล้วพวกเ้าเป็อะไรไป” เซียวเฉินถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ในใจของเขามีคำตอบที่ใกล้เคียงอยู่แล้ว
“ลั่วเฉินอวี่มาหาเ้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ย “เขาบอกว่าจะท้าสู้เ้า”
เซียวเฉินยิ้ม เป็เช่นนี้จริงๆ ด้วย
ลั่วเฉินอวี่...
เซียวเฉินโบกไม้โบกมือ แค่นเสียงเอ่ยว่า “เขาบอกจะท้าสู้ก็ท้าสู้ได้หรือ ข้าไยมิใช่ไม่มีหน้ามีตาเกินไป บอกเขาว่าจะท้าสู้ก็ย่อมได้ ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งพันก้อนบวกกับสมุนไพริญญาขั้นสี่ห้าต้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่คุย”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็เดินวางมาดกลับไปที่พักของตนเอง
มองท่าทางแบบหากอันดับหนึ่งคือฟ้า ข้าคืออันดับสองของเซียวเฉิน สตรีสองนางก็ทั้งฉิวทั้งขัน
ถึงกับใช้ให้ตนเองเป็คนถ่ายทอดคำพูดแทน ฮึ!
ทว่าสตรีสองนางยังคงหันกายจากไป