เล่มที่ 2 บทที่ 48
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความสงสัยของมู่หรงฉิงก็คลี่คลายลง
ครู่ก่อนนางยังสงสัยอยู่ว่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะยอมรับนางในฐานะลูกสะใภ้ภายในเวลาเพียงสองวันได้อย่างไร? ครั้นคิดพิจารณาดูแล้ว การกระทำของฮูหยินผู้เฒ่าแม้ว่ามันจะดีสำหรับนาง แต่มันก็ดีเกินไปอยู่หลายส่วน
จวบจวนได้ฟังคำพูดของฮูหยินเฉิน มู่หรงฉิงถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าที่แท้พฤติกรรมของยวี้เอ๋อร์ได้กระตุ้นฮูหยินผู้เฒ่าเสียแล้ว ความไม่ซื่อสัตย์ของยวี้เอ๋อร์ต่อมู่หรงฉิงส่งผลให้ฮูหยินผู้เฒ่านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งกระตุ้นความเกลียดชังในใจของฮูหยินผู้เฒ่า นั่นเป็เหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงได้ลงมือกับยวี้เอ๋อร์ได้อย่างเฉียบขาด
แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากได้ยินฮูหยินเฉินพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน มู่หรงฉิงพลอยนึกถึงสิ่งที่อนุหนิงพูดกับมู่หรงยวี่ในคืนวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ามู่หรง
จำได้ว่าในเวลานั้น ยวี้เอ๋อร์วางยานาง แต่นางไม่ได้เป็อะไร เนื่องจากกินยาคลายร้อยพิษที่จ้าวจื่อซินให้มา มู่หรงยวี่และอนุหนิงได้มาที่ห้องของนางด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นนางในสภาพสะบักสะบอม และอนุหนิงก็พูดว่า “ยวี่เอ๋อร์ อย่าได้มองเพียงของตรงหน้าสิ แม่รอวันนี้มาเป็เวลาสิบปีแล้ว แต่เ้ากลับรอเวลาเพียงไม่นานไม่ได้เชียวหรือ?”
ยามนี้ได้ฟังคำพูดของฮูหยินเฉินอีกหน นางถึงกับอธิบายความรู้สึกเป็คำพูดไม่ถูก เมื่อได้ฟังฮูหยินเฉินบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเกือบจะถูกฆ่าตายเมื่อสิบปีที่แล้ว นางเผลอนึกเชื่อมโยงเื่นั้นกับอนุหนิงเข้าด้วยกันโดยไม่คาดคิด
คิดได้ดังนั้นนางก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนว่า นางถูกความเกลียดชังครอบงำกระทั่งเห็นต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็ข้าศึกไปเสียหมด มันเป็คนละเื่กันและไม่เห็นมีความเกี่ยวข้องกันเลย ไม่นึกไม่ฝันว่านางจะเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้
มู่หรงฉิงลดสายตาลงโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจา ฮูหยินเฉินจึงคิดเพียงว่ามู่หรงฉิงกำลังบ่นในใจ หลังจากถอนหายใจ นางได้อธิบายถึงพิธียกน้ำชาในวันนั้น ความหมายคือสาวใช้ที่เ้าพูดนักพูดหนาว่าเป็สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนั้น เป็คนคิดคดทรยศ ถ้าไม่ใช่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อในตัวเ้า ฮูหยินผู้เฒ่าจะจัดการให้เ้าได้อย่างไร?
ฮูหยินเฉินพูดต่อหน้านางไม่หยุด มู่หรงฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็ได้ยินเฉินเทียนหยูที่อยู่บนเก้าอี้ยาวพูดพึมพำ “เสียงดังจริงๆ ข้าอยากนอน”
“ท่านพี่ตื่นแล้ว” ในที่สุดก็พบข้อแก้ตัวที่จะไม่ต้องฟังคำสั่งสอนของฮูหยินเฉินอีกต่อไป มู่หรงฉิงรีบลุกขึ้นและเดินไปที่เก้าอี้ยาว
โธ่! ฮูหยินเฉินจำเป็ต้องให้ท่านพูดเื่นั้นด้วยหรือ? ตอนนี้ข้ารู้อย่างกระจ่างมากเชียวล่ะ
คำพูดนั้นเอ่ยได้เพียงในใจ มู่หรงฉิงไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำอย่างแน่นอน
ครั้นเห็นมู่หรงฉิงเดินไปยังเก้าอี้ยาวด้วยความเร็ว ฮูหยินเฉินก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ลูกสะใภ้รองคนนี้ถูกใจนาง เจริญตามากกว่าลูกสะใภ้คนโตที่เปลี่ยนใจไปมาถึงหลายเท่า แต่น่าเสียดายนางใจดีเกินไป คิดพิจารณาดูแล้วบางทีอาจเป็เพราะมารดาของนางจากไปเร็ว มิหนำซ้ำนางยังถูกอนุภรรยาของบิดากดขี่มากเสียจนได้แต่ไว้ใจสาวใช้คนสนิท กระทั่งแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างคนเสแสร้งตบตากับคนดีไม่ได้
ฮูหยินเฉินพลอยรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นมู่หรงฉิงประคองเฉินเทียนหยูอย่างใกล้ชิด ลูกสะใภ้รองคนนี้ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น พูดถึงแค่จิตใจของเด็กสาวซึ่งนั่นก็ทำให้นางพึงพอใจ เอาเถอะ... ไม่สามารถแยกแยะก็ไม่เป็ไร วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ยังมีเวลาที่จะค่อยๆ สอนได้ นางจะต้องไปพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ต้องไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าบ่นว่าฉิงเอ๋อร์คนนี้ไม่ฉลาดและโปร่งใสเกินไป
ได้ข้อสรุปดังนั้นฮูหยินเฉินก็ลุกขึ้นและเดินไปยังเก้าอี้ยาว “นอนมาทั้งบ่ายแล้ว นอนหลับสบายดีหรือไม่?”
เมื่อเห็นฮูหยินเฉินตรงเข้ามาตรงหน้า เฉินเทียนหยูจึงเอ่ยถามอย่างสะลึมสะลือว่า “ท่านแม่มาที่นี่ได้อย่างไรหรือ? ข้านอนหลับ แต่ไม่รู้สึกสบาย ข้าปวดศีรษะ ร่างกายของข้าเจ็บ มันเจ็บไปหมด”
เฉินเทียนหยูยังคงสับสนอยู่หลายส่วน แม้กระทั่งดวงตาที่ใสสะอาดก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกส่งผลให้มู่หรงฉิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ยิ่งได้ฟังเฉินเทียนหยูพูดว่า ‘มันเจ็บไปหมด’ มู่หรงฉิงก็ยิ่งรู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะ้าวางแผนจัดการยวี้เอ๋อร์ เฉินเทียนหยูจะต้องเจ็บเช่นนั้นหรือ? มิหนำซ้ำเห็นว่ามือและเท้าของเขายังอ่อนแรงอยู่ นางพลอยรู้สึกทรมานจริงๆ
ในระหว่างที่มู่หรงฉิงรู้สึกผิดในใจ นางไม่คิดอะไรมากนอกจากยกมือขึ้นนวดที่หน้าผากของเฉินเทียนหยู ด้วยหวังว่าจะสามารถบรรเทาความเ็ปให้เฉินเทียนหยูได้
น้ำหนักมือขณะบีบนวดของมู่หรงฉิงเหมาะสมกำลังดีมาก เฉินเทียนหยูจึงหรี่ตาอย่างสบาย และด้วยร่างกายอ่อนแอในตอนแรก เขาถึงใช้โอกาสนี้ในการพิงมู่หรงฉิง “มือของน้องหญิงหอมมาก สบายมาก...”
ฮูหยินเฉินเห็นเฉินเทียนหยูกำลังเพลิดเพลินอยู่กับความสบาย ก็คลี่ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “มีแต่เ้าเท่านั้นที่สบาย เวลาที่ฉิงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ไม่มีใครดูแลเหมือนเ้าตอนนี้”
เฉินเทียนหยูไม่ชอบฟังคำพูดของฮูหยินเฉิน เขาถึงได้ลืมตาขึ้นและจ้องเขม็ง “น้องหญิงเป็น้องหญิงของข้า ข้าดีกับน้องหญิง น้องหญิงก็ดีกับข้า นี่คือสัจธรรมความถูกต้องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ นอกจากนั้นข้าก็ดีกับน้องหญิงด้วยเช่นกัน”
หลังจากพูดจบ เฉินเทียนหยูก็ยกมือขึ้นโอบเอวเรียวของมู่หรงฉิงพลางถูไถใบหน้าหล่อเหลาในอ้อมแขนของนางอย่างต่อเนื่อง
พฤติกรรมของเฉินเทียนหยูส่งผลให้มู่หรงฉิงหน้าแดงก่ำทันที นางจึงยกมือผลักเฉินเทียนหยูออกไป อย่างไรก็ดี เนื่องจากร่างกายของเฉินเทียนหยูยังคงแอบอิงอยู่กับนาง เด็กสาวแค่ใช้กำลังเพียงเล็กน้อย ร่างกายที่หนาหนักของเฉินเทียนหยูก็โอนอ่อนลงอย่างน่าประหลาด ครั้นเห็นว่านางผลักเขาถึงกับจะล้มลงแล้ว มู่หรงฉิงกลับรีบยื่นมือออกไปจับเขาไว้
ด้วยการผลักและการดึงนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนตำแหน่ง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเฉินเทียนหยูได้แนบลงบนหน้าอกของมู่หรงฉิงส่งผลให้มู่หรงฉิงรู้สึกเหมือนใบหน้าของนางกำลังถูกไฟไหม้ มันร้อนจนน่าใ
ฮูหยินเฉินมองดูทั้งสองคนทำตัวคล้ายเด็กๆ กระทั่งในตอนท้ายนางก็ยิ้มหน้าบาน แต่เมื่อเห็นมู่หรงฉิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน นางจึงคิดได้ว่าตนควรจะไปแล้ว
ต้องไม่อยู่รบกวนคู่หนุ่มสาวที่นี่ถึงจะถูก นางกระแอมไอก่อนจะพูดว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ฉิงเอ๋อร์คือน้องหญิงของเ้า ดังนั้นเ้าจะต้องดีกับฉิงเอ๋อร์ นั่นเป็สัจธรรมความถูกต้องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เมื่อก่อนไม่เคยใช้สำนวนที่ถูกต้องเลย แต่วันนี้สำนวนนี้ช่างเหมาะสมเสียจริง”
หลังจากฮูหยินเฉินเอ็ดเฉินเทียนหยูด้วยรอยยิ้ม นางถึงหันไปพูดกับมู่หรงฉิงว่า “เวลาสายมากแล้ว เ้าคอยดูเทียนหยูสักเล็กน้อย อย่าปล่อยให้เขาไปสร้างปัญหาอีกล่ะ ข้าควรจะไปหาฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว”
โธ่! เื่วันนี้จะต้องพูดให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังจริงๆ จะได้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข ดูคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ปรองดองกันเหมือนคู่สามีภรรยาปกติทั่วไป แต่การที่พวกเขาสามารถเข้ากันได้เป็อย่างดี ทำให้เฉินเทียนหยูรู้สึกรักและเอ็นดูได้ นับว่าเป็สิ่งที่สวยงามเช่นกัน
ฮูหยินเฉินจากไปอย่างมีความสุข ฝ่ายมู่หรงฉิงก็รู้ว่าการที่ฮูหยินเฉินบอกให้นางคอยดูเฉินเทียนหยู แท้ที่จริงแล้ว้าให้นางอยู่ในห้อง จนกว่าการลงโทษยวี้เอ๋อร์จะดำเนินการถึงที่สุด
มู่หรงฉิงไม่ได้คาดหวังจะให้ลดโทษของยวี้เอ๋อร์จริงๆ ดังนั้นนางจึงพูดกับฮูหยินเฉินอย่างนอบน้อมว่า “ฉิงเอ๋อร์ทราบแล้ว ท่านแม่โปรดเดินช้าๆ”
มองดูฮูหยินเฉินเดินออกจากห้อง ก่อนเลื่อนสายตามองผ่านหน้าต่างและได้เห็นฮูหยินเฉินออกจากลานเรือนด้วยการประคองของสาวใช้สองคน จากนั้นสายตาของมู่หรงฉิงจึงเลื่อนไปมองยวี้เอ๋อร์ผู้ซึ่งถูกทุบตีและร้องไห้เสียงดังเสียจนเสียงแหบ
เห็นส่วนใต้เอวและส่วนเหนือต้นขาของยวี้เอ๋อร์เปื้อนเืไปหมดแล้ว ขณะที่เสี่ยวซือทั้งสองคนก็มีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มศีรษะ ทั้งยังหอบหายใจคล้ายวัว
ฟังสาวใช้นับเลขด้านข้างว่าหกสิบแปด มู่หรงฉิงพลอยเยาะเย้ยในใจว่า ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยหรือ? ดูสภาพของยวี้เอ๋อร์ นางยังไม่ตายอย่างแน่นอน คิดว่าถ้าเฆี่ยนถึงหนึ่งร้อยที แม้ไม่ตายก็เกือบเสียไปครึ่งชีวิตแล้ว
เฉินเทียนหยูเห็นมู่หรงฉิงจ้องมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ส่งผลให้เขามุ่งความสนใจไปที่ด้านนอกหน้าต่างด้วย เมื่อเห็นยวี้เอ๋อร์ถูกเฆี่ยนตีอย่างน่าสยดสยอง ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามมู่หรงฉิงอย่างงุนงงว่า “น้องหญิง พวกเขากำลังทำอะไรอยู่หรือ? สาวใช้คนนั้นดูเหมือนจะเป็สาวใช้จากจวนของท่านพ่อของเ้า? ทำไมถึงเฆี่ยนตีนางล่ะ?”
โธ่! เฉินเทียนหยูยังสามารถแยกแยะถึงสาวใช้จากครอบครัวของนางได้ด้วยหรือ?
มู่หรงฉิงค่อนข้างแปลกใจกับคำพูดของเฉินเทียนหยู “ท่านพี่สามารถแยกแยะระหว่างครอบครัวของท่านพ่อของข้ากับครอบครัวของท่านพี่ด้วย ท่านพี่ฉลาดจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ จ้าวจื่อซินสอนข้าวันนี้” ได้ฟังคำยกย่องของมู่หรงฉิง หางของเฉินเทียนหยูถึงกับยกขึ้นสู่ฟ้าทันที “ข้าขอให้จ้าวจื่อซินสอนข้านับเลข แต่จ้าวจื่อซินบอกว่าการนับเลขมันน่าเบื่อ เขาบอกว่าสิ่งที่เกี่ยวกับน้องหญิงน่าสนใจมากกว่า ดังนั้นเขาจึงสอนข้าในสิ่งที่น่าสนใจ”
จ้าวจื่อซินสอนหรือ? มู่หรงฉิงประหลาดใจเล็กน้อย ครั้นคิดตรึกตรอง จ้าวจื่อซินคงจะถูกเฉินเทียนหยูก่อกวนจนรำคาญ จึงหาวิธีหันเหความสนใจของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงไม่คาดคิดเลยว่า จ้าวจื่อซินจะรับมือกับเฉินเทียนหยูได้ดีมาก
“แล้วจ้าวจื่อซินยังพูดอะไรอีก?” มู่หรงฉิงอยากรู้จริงๆ ว่าจ้าวจื่อซินจะใช้อะไรในการหลอกลวงเฉินเทียนหยู? บางทีเขาอาจจะพูดอะไรที่ทำให้เฉินเทียนหยูมาก่อกวนนางก็มีความเป็ไปได้
ผู้ชายคนนั้นแปลกประหลาด คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่นทั้งยังมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างอธิบายเป็คำพูดไม่ถูก นางไม่้าที่จะถูกผู้ชายเช่นจ้าวจื่อซินลอบวางกับดักโดยไม่รู้ตัว
“จ้าวจื่อซินบอกว่า…”
“สาวใช้คนนั้นวางยาพิษคุณชายรองและฮูหยินน้อย นั่นเป็สาเหตุทำให้คุณชายรองปวดศีรษะอย่างรุนแรง”
เฉินเทียนหยูยังไม่ทันได้พูดอะไร ทันใดนั้นจ้าวจื่อซินก็เดินเข้ามาพร้อมกับชามยา
ความเกลียดชังในหัวใจของมู่หรงฉิงพวยพุ่งขึ้นทันควัน หากจ้าวจื่อซินไม่มีชามยาอยู่ในมือ นางสงสัยจริงๆ ว่า จ้าวจื่อซินคงตั้งใจเข้ามาเพื่อขัดจังหวะคำพูดของเฉินเทียนหยู
“เ้าพูดถึงอะไร? สาวใช้คนนั้นวางยาพิษพวกเราหรือ?” เฉินเทียนหยูได้ยินคำพูดของจ้าวจื่อซิน ั์ตาของเขาถึงกับเบิกกว้างทันที “ไม่น่าล่ะข้าถึงได้รู้สึกเ็ป ข้านอนไม่เคยเ็ปเช่นนี้มาก่อน วันนี้ข้ากลับรู้สึกเ็ปมาก ปรากฏว่าสาวใช้คนนั้นเล่นไม่ซื่อนี่เอง ฮึ! ข้าจะทำความสะอาดนางเอง”
หลังจากพูดจบ เฉินเทียนหยูจึงเตรียมจะลงจากเก้าอี้ยาว ทว่าจังหวะนั้นจ้าวจื่อซินกลับขวางเฉินเทียนหยูไว้ “ในเวลานี้คุณชายรองอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง จะจัดการทำความสะอาดผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร คุณชายรองดื่มยาก่อนดีกว่า รอให้มีเรี่ยวแรงแล้วค่อยไปจัดการ”
เมื่อเฉินเทียนหยูเห็นยา เขาก็ยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดเกลี้ยงโดยไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นจ้าวจื่อซินจึงหยิบผลไม้ออกมาให้เฉินเทียนหยูโดยไม่จำเป็ต้องให้เฉินเทียนหยูร้องขอ
ขณะที่กำลังกัดผลไม้ เฉินเทียนหยูยังพึมพำก่นด่ายวี้เอ๋อร์อย่างไม่หยุดปาก ฝ่ายมู่หรงฉิงมองไปที่ชามเปล่าในมือของจ้าวจื่อซินด้วยดวงตาเหม่อลอย
ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ายานี้ไม่ต่างจากเืของซากศพ น่ารังเกียจจริงแท้ อย่างไรก็ดีเฉินเทียนหยูหลับสามารถดื่มยาจนหมดเกลี้ยงภายในพริบตาเดียวโดยไม่ขมวดคิ้ว
คิดตรึกตรองแล้ว มู่หรงฉิงจึงรู้สึกขยะแขยงอย่างมาก ไม่ได้การแล้ว นางต้องรีบหยุดยาของเฉินเทียนหยูให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเมื่อรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเฉินเทียนหยู นางคงไม่อาจควบคุมอาการคลื่นไส้ได้จริงๆ
ระหว่างที่มู่หรงฉิงกำลังคิดใคร่ครวญ ในเวลาเดียวกันเฉินเทียนหยูก็ได้แต่นั่งก่นด่าทั้งที่ยังอ่อนแรงแม้ว่าเขาจะไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก ถึงกระนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่ลังเล “ฮึ! กล้าวางยาพิษน้องหญิง น้องหญิงจะต้องเ็ปมากด้วยแน่นอน ข้าจะต้องหักกระดูกสาวใช้คนนั้นให้ได้”
เฉินเทียนหยูบ่นพึมพำระหว่างสาวเท้าเดินออกไป ทำให้เปลือกตาของมู่หรงฉิงกระตุกทันควัน หลังจากได้ฟังคำพูดนั้น เฉินเทียนหยู้าหักกระดูกของยวี้เอ๋อร์? นี่มัน... นางควรจะห้ามเขาหรือไม่?
มู่หรงฉิงยังคงลังเลใจว่าจะห้ามไม่ให้เฉินเทียนหยูจัดการยวี้เอ๋อร์หรือไม่ ทว่าเฉินเทียนหยูกลับเดินไปถึงห้องโถงแล้ว ก่อนฝีเท้าของเขาจะหยุดชะงักอย่างกะทันหัน “เอ๋! เมื่อหลายอึดใจก่อน น้องหญิงถามข้าว่าจ้าวจื่อซินยังพูดอะไรกับข้าอีก ข้ายังไม่บอกน้องหญิงเลยว่า จ้าวจื่อซินบอกว่าข้าควรจะรู้เกี่ยวกับความชอบของน้องหญิงให้มากขึ้น?”
เฉินเทียนหยูส่ายศีรษะที่ยังคงวิงเวียน ในเวลานี้ความคิดของเฉินเทียนหยูมีแต่เื่ของยวี้เอ๋อร์ และคร้านเกินกว่าจะไปสนใจเื่อื่น เขาจึงสาวเท้าเดินไปที่ลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเฉินเทียนหยูเข้าไปในลานสนามหญ้า มู่หรงฉิงก็ยืนขึ้น ถึงแม้ว่านางไม่้าขวางเฉินเทียนหยูในการหักกระดูกของยวี้เอ๋อร์ แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเฉินเทียนหยูไม่มีขอบเขต และทุบตียวี้เอ๋อร์ด้วยมืออันหนักหน่วงจนตาย? นางยัง้ายวี้เอ๋อร์ในการเข้าใกล้แม่รองเฉินอยู่นะ