เดินอยู่บนถนนใหญ่ในเมืองมู่เหย่ เจิ้งซื่อหรงมีความรู้สึกว่าตนนั้นยิ่งใหญ่นัก กล่าวถึงที่สุดเขาอายุเพียงยี่สิบปีก็มีทักษะการบ่มเพาะพลังของปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับสี่ดาวแล้ว ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองมู่เหย่เช่นนี้ เจิ้งซื่อหรงก็นับได้ว่าเป็ยอดฝีมือแล้ว
แม่เล้าชราในอี๋หงย่วนสายตาแหลมคมยิ่ง เจิ้งซื่อหรงยังอยู่ห่างไกลกับอี๋หงย่วนพอสมควร แต่นางก็เข้าไปต้อนรับแล้ว แม่เล้าชราแค่มองก็ทราบทันทีว่าเจิ้งซื่อหรงเป็ผู้เจนสนามในเวทีรัก ทั้งยังเป็คนประเภทที่โง่งมแต่เงินหนา คิดว่าคนเองนั้นพิเศษ คิดเอาเองว่าตนสง่างามอย่างไร้ข้อจำกัด หญิงสาวในอี๋หงย่วนชื่นชอบคนประเภทนี้มากที่สุด
“ไอ้หยา แค่มองก็ทราบแล้ว คุณชายท่านนี้คงมาจากต่างถิ่นกระมัง พวกเรายังไม่เคยเห็นคุณชายที่หล่อเหลาคมคายขนาดนี้ในเมืองมู่เหย่มาก่อนเลย บุคลิกสง่างามอย่างแท้จริง”
เจิ้งซื่อหรงรู้สึกว่าแม่เล้าเฒ่าในเมืองมู่เหย่แห่งนี้ตาถึงจริงๆ เหนือกว่าพวกพ่อเล้าขี้ประจบในเมืองหลวงมากมายนัก พูดเื่จริงเที่ยงแท้แน่นอนยิ่งนัก เขารู้สึกเบิกบานสำราญใจ ยกมือหยิบทองคำแท่งหนึ่งยัดเข้าไปในร่องอกลึกล้ำของแม่เล้าชรา หัวเราะพลางกล่าวว่า “แม่เล้าปากช่างหวานเสียจริง ช่วยพาสาวงามที่ดีที่สุดในนี้มาให้ข้าสักหลายคนหน่อย” ระหว่างที่พูดก็ถูกแม่เล้าชราที่ยิ้มกว้างด้วยความยินดีจนแก้มแทบปริพาเข้าประตูใหญ่ไป
“พวกเ้า แขกผู้มีเกียรติมาแล้ว…” แม่เล้าชราะโคราหนึ่ง “ว้าว” ครู่เดียว เหล่าสาวงามในชุดหลากสีสันราวกับนกกระจิบนกกระจอกก็พากันกรูออกมา เพราะความหมายแท้จริงที่แฝงอยู่ในคำพูดแม่เล้าชราก็คือ คนมั่งคั่งหน้าตาดีมาที่นี่แล้ว เหล่าสาวๆ รีบมาแบ่งเงินกันเถิด…
เจิ้งซื่อหรงมาก็เพื่อ้าเปิดหูเปิดตา เชยชมจิ้งจอกสาวสักครั้ง แม่เล้าชรารู้สึกลำบากใจแล้ว คุณชายใหญ่เจิ้งจึงปาตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึงออกไปใบหนึ่ง แม่เล้าชราจึงเดินนำเจิ้งซื่อหรงไปยังห้องของนางจิ้งจอกอย่างยินดีปรีดาทันที
แม่เล้าชราถือตั๋วแลกเงินที่ยังมิทันได้ชื่นชมอย่างเต็มที่ ทันใดก็มีชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายืนขวางอยู่เบื้องหน้า ยังมิทันได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเกิดเื่ใด ก็รู้สึกทรวงอกเบื้องหน้าเย็นวูบ
วันนี้เทพเ้าแห่งความมั่งคั่งให้โชคจริงๆ เมื่อครู่คุณชายหน้าขาวเพิ่งจะยัดทองคำเข้ามาหลายแท่ง นายท่านเคราใหญ่ก็ยัดเข้ามาให้อีกแท่ง พลันแม่เล้าเฒ่ารู้สึกว่าหนวดเครารกรุงรังเต็มใบหน้าของนายท่านเคราใหญ่ก็ดูน่ามองขึ้นมา
“หญิงสาวนางไหนของเราที่นี่ ถูกตาต้องใจนายท่านใหญ่ท่านนี้แล้วบ้าง ข้าจะจัดการให้ท่านทันทีเลย” เสียงหัวเราะแม่เล้าเฒ่าช่างน่าเบื่อจนทำให้คนเสียชีวิตได้จริงๆ เหล่าสาวๆ ในชุดหลากสีสันราวกับนกกระจิบนกกระจอกก็พากันกรูออกมารวมตัวกันอีกครั้ง พลันั์ตาของชายเครารุงรังเฉียบคมขึ้นทันใด สาวงามรู้สึกตัวเย็นวาบ เหน็บหนาวขึ้นมา แม่เล้าเฒ่าโบกไม้โบกมือทันใด ยิ้มและดุด่าขึ้นว่า “พวกเ้าไม่ถึงขั้นเหล่านี้ นายท่านผู้นี้ไม่ต้องตาต้องใจพวกเ้า สมควรกลับไปไหนก็กลับไปตรงนั้นเลย อย่ามาทำลายอารมณ์อันสุนทรีย์ของนายท่านผู้นี้”
แม่เล้าเฒ่ารู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา บุรุษหนวดเคราครึ้มผู้นี้ไม่สมควรไปตอแยด้วย พลังกดดันนี้ น่ากลัวยิ่งนัก เมื่อครู่สายตามองแวบเดียว ก็แทบทำให้ิญญาของนางกระเจิงแล้ว แม้จะเป็ผู้สนับสนุนการเงินรายใหญ่ แต่หากไม่รับมือให้ดีละก็ เกรงแต่ว่าจะเกิดเื่ราวใหญ่โตขึ้นมาได้
“นายท่านในที่นี้ของพวกเรามีสาวงามที่หมายตาไว้หรือยัง?” แม่เล้าเฒ่าถามอย่างระมัดระวัง
“ข้า้าจิ้งจอกน้อย!” ชายร่างใหญ่ท่าทางไม่ค่อยชอบพูดจา หลังจากพูดจบประโยคหนึ่ง ก็หยิบเงินที่เปล่งแสงเป็ประกายออกมาปึกหนึ่ง แต่ว่าไม่ได้มอบให้แม่เล้าเฒ่า แต่โบกไปมาตรงหน้านาง
ดวงตาแม่เล้าเฒ่าเป็ประกายวูบขึ้น แทบจะอดเอาตัวไปแนบชิดกับบุรุษหนวดครึ้มไม่ได้ บุรุษประเภทนี้จึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย มีรังสีการฆ่าฟัน มีฐานะร่ำรวยมั่งคั่ง กระดูกทั้งตัวนั้นดุจดั่งแผ่นเหล็กก็ไม่ปาน มีความเชื่อมั่นใจและกระฉับกระเฉง…แต่ว่าจิ้งจอกน้อยเพิ่งจะเข้าห้องของคุณชายเจิ้งไป ถ้ามือเร็วขาไวละก็แสดงว่ากำลังทำงานอยู่ ถ้ามืออ้อยอิ่งเท้าเชื่องช้าแสดงว่ากำลังถอดอาภรณ์อยู่
ในใจคิดพิเรนทร์ แม่เล้าเฒ่านั่งลงใจคิดไตร่ตรองว่าดูท่าแล้วข้าได้แต่ทำความสะอาดหม้อให้นายท่านเคราหนาผู้นี้แล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เื่ทำความสะอาดหม้อก็ต้องมีคนไปกระทำหรอกนะ กระแอมไอเพื่อให้คล่องคอ แม่เล้าเฒ่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “นายท่านรออีกสักครู่ ตอนนี้จิ้งจอกน้อยกำลังแต่งหน้าทาปากอยู่ ท่านดื่มน้ำชาไปก่อน ข้าจะเรียกสาวงามสักหลายคนพานายท่านไปฟังเพลง จิ้งจอกน้อยประทินโฉมเสร็จแล้ว ก็จะให้นางมาพบนายท่าน!”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะตรงไปห้องจิ้งจอกน้อยเพื่อหานาง ข้าชอบจิ้งจอกน้อยที่ไม่แต่งหน้า” ขณะพูดชายมีเคราก็เดินขึ้นชั้นบนไป
“นายท่าน นายท่าน ท่านอย่าใจร้อนสิ!” แม่เล้าเฒ่าจิตใจร้อนรน ทำไมต้องมาเจอนายท่านที่ไร้เหตุผลด้วยนะ จะต้องให้บอกว่าจิ้งจอกน้อยกำลังรับแขกหรืออย่างไร
“นายท่านใหญ่อย่างข้านานๆ จึงจะมาเยือนสักครั้ง ข้า้าพบเ้าจิ้งจอกน้อยเดี๋ยวนี้ ไฉนเ้าจึงมาขวางข้าไว้?” นายเคราใหญ่ถามเสียงอู้อี้
“เื่นี้…”
“เื่นี้อะไรกัน? เวลาของข้ามีจำกัด อย่ามาอึกๆ อักๆ สองจิตสองใจกับข้า” นายท่านเคราใหญ่แค่นเสียงเ็า แม่เฒ่ารู้สึกหนาวเหน็บเย็นวาบไปทั้งตัว มิสู้ตัดสินใจพูดความจริงออกมาเอง
นายเคราใหญ่แค่นเสียงเ็าคราหนึ่ง เดินตรงไปทางห้องรับรองแขกพิเศษของเจิ้งซื่อหรง
จิ้งจอกสาวแห่งโหยวอวิ๋น หาได้เ้าชู้ชายตา เปี่ยมด้วยจริตจะก้านอย่างในมโนภาพไม่ กลับเหมือนกับิญญาทะมึนแห่งหุบเขาอันว่างเปล่า ประณีตเรียบง่ายไร้การปรุงแต่ง ทว่าสง่างาม ไม่ทาแป้งแต่งหน้าและเขียนคิ้วเหมือนดั่งดอกบัวน้อยแรกแย้ม ทำให้ผู้คนมิอาจตัดใจพูดวาจาหยาบคาย รูปลักษณ์ที่ประณีตและั์ตาสีฟ้าแสนสวยละเอียดอ่อนคู่นั้น แค่จ้องมองเพียงครั้งเดียว ทำให้คนเพ้อฝันไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายเล็กกะทัดรัด อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก ก้าวเดียวกระเพื่อมดุจคลื่นพลิ้วสามระลอก เดินเหินดุจใบไม้ร่วง ดั่งบุปผาโบยบิน ยามนั่งเหมือนสายลมเฉื่อยฉิวพัดใบหลิว อิริยาบถนั่งตัวตรงเช่นนั้นตลอดไป พบเห็นน่าจดจำเป็เื่ที่ลืมไม่ลง
เจิ้งซื่อหรงรู้สึกว่าจิ้งจอกสาวผู้นี้มีเสน่ห์รัดรึงใจยิ่งกว่าในเื่เล่า ถึงแม้วันนี้ได้ทุ่มทองคำไปเยอะแล้ว แต่ก็คุ้มค่ายิ่งนัก เจิ้งซื่อหรงคำนวณตั๋วทองคำที่นำติดตัวของตนแล้ว อดที่จะทอดถอนหายใจออกมาคำหนึ่งมิได้ แค่ตั๋วทองคำหลายหมื่นเท่านั้น เกรงแต่ว่าจะมิเพียงพอไถ่ตัวจิ้งจอกสาวโหยวอวิ๋น เล่าลือกันว่าเคยมีจิ้งจอกสาวนางหนึ่งขายไปด้วยราคาสูงถึงเกือบครึ่งล้านในการประมูลของหอสมบัติจิติญญา สถานที่แห่งนี้ไม่อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของตระกูลเจิ้ง คิดจะใช้อำนาจกดดันคาดว่าคงมิสำเร็จ มิฉะนั้นอี๋หงย่วนคงไม่สามารถเก็บจิ้งจอกนางนี้ไว้ได้ั้แ่แรกแล้ว
จิ้งจอกสาวได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญ รู้ว่าจะทำให้ผู้ชายโปรดปรานได้อย่างไร ยิ่งรู้จักการจะควบคุมบุรุษเพศอย่างไร เจิ้งซื่อหรงเห็นจิ้งจอกสาวครั้งแรกเท่านั้น ก็ถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา แต่อารมณ์เยือกเย็นและสง่างามของจิ้งจอกสาว ทำให้เขามิอาจไม่เสแสร้งแกล้งทำตัวสง่างาม มิฉะนั้นก็จะน่าอับอายขายหน้าเกินไปแล้ว
และก็เป็เช่นนี้ จิ้งจอกสาวร้องเพลงให้ฟังบ้าง ร่วมร่ำสุรากันและหลังจากนั้นััมือกันเล็กน้อยเป็ครั้งคราว สนทนาปราศรัยกัน…หลังจากเจิ้งซื่อหรงฟังจิ้งจอกสาวบรรยายประสบการณ์ชีวิตที่เป็โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าและสภาพความรกร้างอดอยากในแดนรกร้างแล้ว ความเห็นอกเห็นใจพุ่งพรวดจนท่วมท้น ความทระนงและภาคภูมิใจของบุรุษกระทบกระเทือนอยู่ในห้วงคำนึงของเขาโดยตรง บังเกิดความเห็นอกเห็นใจ สงสารหญิงสาวที่อ่อนแอคนนี้เหลือเกิน ดังนั้นตอนที่จิ้งจอกสาวกำลังขดร่างซุกตัวอยู่ภายในอ้อมแขนของเจิ้งซื่อหรง เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบธนบัตรเงินใบละหนึ่งพันตำลึงออกมาอีกสองใบยัดใส่ในมือของจิ้งจอกสาว จากนั้นความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายก็เร่าร้อนเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายอารมณ์บุรุษเร่าร้อน สตรีเพศตอบสนองเข็มขัดค่อยๆ คลายหลวม…
“ปัง…” หลังจากปิดประตูลงดาลแล้ว “โครม” เสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้น……เจิ้งซื่อหรงที่ถูกเพลิงปรารถนาแผดเผากายเข็มขัดถอดไปแล้วครึ่งหนึ่ง จิ้งจอกสาวยิ่งแสดงให้เห็นลาดไหล่กลิ่นหอมเลือนราง อารมณ์ปรารถนาและความรู้สึกรักใคร่ไร้สิ้นสุด กลับถูกเสียงพังประตูอย่างกะทันหันทำให้ทั้งสองใจนอารมณ์สุนทรีย์มอดดับ อารมณ์รักสลายหายไปจนหมดสิ้น…
ในใจเจิ้งซื่อหรงโกรธมาก นี่มันเื่อะไรกัน กว่าข้าจะออกมาจากเมืองหลวงช่างยากเย็นแสนเข็ญ กว่าจะได้พบเจอกับจิ้งจอกสาวก็ลำบากยากเย็น กำลังดื่มด่ำกับความรักสุดซึ้งตรึงใจ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เริ่มจะโรมรันพันตู กระทำการอันสุนทรีในาสนามรักอยู่แล้ว ดันมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หากทำให้คุณชายอย่างข้าใเพียงคนเดียวยังดีเสียกว่า นี่ถึงกับทำให้จิ้งจอกสาว น้องสาวตัวน้อยแบบบางคนนี้ต้องพลอยตื่นตระหนกไปด้วย
เจิ้งซื่อหรงบันดาลโทสะเกรี้ยวกราด ในใจเกิดความคิดฆ่าฟันขึ้นมาทันที เงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายร่างใหญ่ หนวดเครารุงรังกำลังจ้องตนและจิ้งจอกสาวอย่างเ็า เหมือนกำลังมองสองคนคบชู้สู่ชายก็มิปาน แม่เล้าเฒ่าวิ่งกระหืดกระหอบไล่ตามอยู่ด้านหลัง พอได้เห็นสภาพนี้ จิตใจร้อนรนขึ้นมาแล้ว นางกล่าวว่า “นายท่าน พวกเราทำธุรกิจกันที่นี่ ท่านมิอาจทำเช่นนี้ จิ้งจอกน้อย นางกำลังปรนนิบัติแขกอยู่…”
“หุบปาก!” นายท่านเคราใหญ่ตวาดเสียงเ็าคราหนึ่ง แม่เล้าเฒ่าไม่กล้ากล่าววาจาอีกแล้ว นางััถึงเจตนาฆ่าที่แผ่ออกมา แม่เล้าเฒ่าขยิบตาให้สัญญาณผู้คุมทางข้างหลัง คนผู้นี้นางมิอาจล่วงเกินได้อย่างเด็ดขาด ได้แต่เชิญผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตัดสินใจมาแก้ปัญหาแล้ว
จิ้งจอกสาวดูตื่นตระหนก รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ถูกสถานการณ์ตรงหน้าก่อกวนจนทำสิ่งใดมิถูก งานของนาง แม่เล้าเฒ่าเป็คนมอบหมายจัดการ ทำหน้าที่อย่างผู้เชี่ยวชาญ ให้แขกมอบเงินทองใส่มือตนเองด้วยความสมัครใจ ทั้งยังถามว่ามีเงินทองพอเป็ค่าใช้จ่ายอีกหรือไม่ ไม่คิดว่าลูกศรขึ้นพาดสายพร้อมยิงแล้ว เสร็จกิจลูกค้าพึงพอใจอาจได้รับเงินทองเพิ่มอีกอักโข นายเคราใหญ่กลับพุ่งเข้ามาก่อกวน พี่ชายหน้าขาวเบื้องหน้าหน้าตาหล่อเหลา ดูเป็คนเก่งมากความสามารถ น่ารักน่าดูกว่าลุงโง่งมหนวดเครารกรุงรังคนนั้นมากมายนัก จิ้งจอกสาวจึงเกาะแขนเจิ้งซื่อหรงเอาไว้ เสาะแสวงหาความคุ้มครองโดยสัญชาตญาณ พลันิญญาชายชาตินักรบของเจิ้งซื่อหรงพุ่งพรวดเพิ่มขึ้นทันที ด่ากราดด้วยบันดาลโทสะ “เ้าตัวที่มิรู้จักความเป็ตาย บังอาจรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของข้าคุณชาย วันนี้จะเห็นแก่หน้าน้องสาวจิ้งจอกน้อย เ้าควักั์ตาทั้งคู่แล้วไสหัวออกไปจากเมืองมู่เหย่เสีย”
“อาศัยใบหน้าขาวละอ่อนของเ้าน่ะหรือ?” บุรุษเคราใหญ่ถามกลับเสียงเ็า กล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “เ้าจงมอบจิ้งจอกสาวให้นายท่านเช่นข้าอย่างเชื่อฟัง วันนี้ข้าก็จะละเว้นมิถือสาหาความเ้า ตรงนี้มีทองแท่ง เพื่อเป็การชดเชยให้เ้าก็แล้วกัน” ระหว่างกล่าววาจา นายเคราใหญ่หยิบทองคำชิ้นเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ โยนขึ้นลง เผยสีหน้าสุดแสนดูแคลนเหยียดหยาม
เจิ้งซื่อหรงโกรธแล้ว ั้แ่เกิดมาจวบจนเติบใหญ่ ถึงตอนนี้ยังมิมีผู้ใดกล้าพูดจาเช่นนี้กับตน ดูิ่หยามหยันให้ได้อายเหมือนดั่งขอทานก็มิปาน แท่งทองนั่นมันก็แค่สองตำลึงเท่านั้นเอง มอบให้ผู้อื่นเป็การตกรางวัลก็ยังน่าอับอายขายหน้าด้วยซ้ำ ฝ่ายตรงข้ามบอกว่ามอบเป็ค่าชดเชยให้เขา นี่คือการเหยียดหยามให้อัปยศอย่างเห็นได้ชัด เขาพิจารณานายเคราใหญ่อย่างละเอียดคราหนึ่ง กลับไม่สามารถััถึงจิติญญาแห่งการต่อสู้ เป็คนธรรมดาที่ไร้พื้นฐานการบ่มเพาะใดๆ ผู้หนึ่ง คนที่เป็เช่นดั่งมดปลวกผู้นี้ยังอาจหาญมากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขา ท่านป้าอดทนได้ แต่ท่านอาทนมิไหวแล้ว เขาโยกมือขึ้นคราหนึ่ง ใบมีดสีเหลืองคมกริบสุดเปรียบปานสายหนึ่งสับไปที่ลำคอชายหนวดเคราทันที เขาไม่คิดสนทนากับมดปลวกให้เสียเวลาต่อไป สำหรับเขาแล้วเป็การแปดเปื้อนชนิดหนึ่ง
นายเคราใหญ่หัวเราะแล้ว ตวาดเสียงทุ้มต่ำ “ประเสริฐ ถึงกับกล้าประมือกับข้า” ขณะพูดจา ยกมือขึ้นคราหนึ่ง ตบคมมีดปราณแตกสลายอย่างง่ายดายราวกับไร้เื่ราวใดๆ เคลื่อนกายวูบ พลันมาถึงหน้าเจิ้งซื่อหรงในชั่วพริบตา ยกมือขึ้นก็ต่อยออกหมัดหนึ่งทันที
“เ้าเป็ใคร?” ในที่สุดเจิ้งซื่อหรงก็ตระหนักถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแล้ว ฝ่ายตรงข้ามมีการเตรียมพร้อม มิใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน ไม่ทันมีเวลาจะถามไถ่ ปลายหมัดนั่นขยายใหญ่ขึ้นตลอดเวลาเบื้องหน้าเขา…
เจิ้งซื่อหรงตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง แรกเริ่มเดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็เพียงคนธรรมดาเท่านั้น ไม่แยแสใดๆ จึงส่งใบมีดปราณออกไปเพียงสายหนึ่ง คิดสังหารฝ่ายตรงข้ามโดยตรง คาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถกระแทกใบมีดปราณแตกสลายด้วยมือเปล่า ถึงอย่างไรเจิ้งซื่อหรงก็เป็ปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับสี่ดาวของจริง คมดาบปราณไม่ได้แตกต่างจากดาบที่ทำขึ้นจากเหล็กกล้าคุณภาพดี ฝ่ายตรงข้ามกลับทำลายอย่างง่ายดาย เพียงแค่สะบัดมือตบเบาๆ ครั้งหนึ่ง ยามนี้ยังโจมตีสวนกลับมาทางตนด้วยอัตราความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“อา…” เจิ้งซื่อหรงคำรามขึ้นอย่างมีโทสะ
“เทียนเหยียนจิ้ง[1]!” พลังปราณบนร่างเจิ้งซื่อหรงหมุนวน พวยพุ่งขึ้นมาดุจดั่งพายุหมุนเปลวเพลิงก็มิปาน กลายเป็เกลียวเปลวเพลิงสีอำพันสุดเกรี้ยวกราดพุ่งใส่นายเคราใหญ่ โต๊ะเก้าอี้และข้าวของเครื่องประดับในห้องถูกเกลียวคลื่นเปลวเพลิงสีอำพันเผาผลาญกลายเป็ฝุ่นผง
แม่เล้าเฒ่าร้องลั่นอย่างตื่นตระหนกล้มกระเด็นลงด้านนอก คลื่นความร้อนที่พุ่งมา ทำให้เส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะของนางหงิกงอ กลายเป็ลอนเกลียวคลื่นไปทันที ความกดดันของปราณอันรุนแรง ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก
“ตูมมม…” ฝ่ามือเจิ้งซื่อหรงถูกนายเคราใหญ่ปัดออกอย่างแยบยล แขนเสื้อด้านซ้ายของนายเคราใหญ่ถูกพลังอัคคีฟ้าของเจิ้งซื่อหรงเผาผลาญกลายเป็ผุยผง เผยให้เห็นท่อนแขนเล็กที่นวลเนียนดั่งหยก ยากจินตนาการยิ่งนักที่บุรุษหนวดเครารกครึ้ม ตัวใหญ่หยาบกร้านและโง่งมกลับมี่แขนขาวนวลเนียนเช่นนี้ได้ แต่สำหรับเจิ้งซื่อหรงแล้ว มันกลับเป็แขนมฤตยูคร่าชีวิต
พลังเทียนเหยียนจิ้งที่เจิ้งซื่อหรงแผ่ออกยังคงแผลงฤทธิ์ไม่สลาย แต่กลับถูกปัดออกไปทางผนังห้อง ภายใต้การโจมตีของเกลียวคลื่นเพลิงสีอำพันที่สาดซัดกระหน่ำ พลันกระจัดกระจายแตกฉานซ่านเซ็นเหมือนดั่งคลื่นกระทบกับหน้าผา ผนังห้องรอบด้านพังทลาย พินาศย่อยยับลงทันที
[1] พลังอัคคีฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้