สร้างสถานการณ์สงบ ใครบ้างล่ะจะทำไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าในที่ลับตระกูลจิ่งจะทำการเคลื่อนไหวใด ทุกคนที่นั่งอยู่ก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครจะแข็งแกร่งใครจะอ่อนแอ ไม่ว่าใครจะได้รับความไม่เป็ธรรม ใครจะเผด็จการ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย พวกเขาสนใจแค่ไปให้ถึงจุดมุ่งหมายของตัวเองก็พอแล้ว อีกอย่างนี่ก็เป็เื่ในบ้านของคนอื่น ต่อให้พวกเขาอย่างยุ่งก็ยื่นมือเข้าไปสอดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้จิ่งเหวินซานเห็นทุกคนล้วนมีสีหน้าอย่างไรก็ได้ จึงวางใจลงได้ เขาสามารถกดหัวจิ่งฝานอย่างไม่เกรงกลัวถึงเพียงนี้ ให้เขาไปนั่งที่หลืบมุมห่างไกล ก็ไม่ใช่ว่าทำไปอย่างไร้ขอบเขตโดยไร้สติ ขอแค่คนจัดการดูแลเื่ราวในตระกูลจิ่งไม่อยู่ที่นี่ พูดตามจริงแล้วเขาจะทำอย่างไรก้ไม่มีใครกล้าว่าอะไร ต่อให้จะมีอย่างเ้าเด็กจิ่งจื่อนั่นออกมาปกป้องอีกสักกี่คนแล้วจะทำอะไรเขาได้?
โลกนี้สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็ผู้แข็งแกร่งเป็าา ไม่มีใครยินดีจะแบ่งใจไปสงสารคนอ่อนแอหรอก เ้าแข็งแกร่ง คนทั้งโลกก็จะเคารพเ้า เ้าอ่อนแอ คนทั้งโลกก็จะไม่เห็นเ้าอยู่ในสายตา อย่างน้อยผลลัพธ์วันนี้ก็ไม่เลวเลย
น่าเสียดายที่คำพูดนี้อ๋าวหรานไม่ได้ยิน ไม่งั้นจะต้องหัวเราะออกมาสักสองสามทีแน่ๆ อย่าเพิ่งรีบพูดเลยจะดีกว่าว่าใครคนอ่อนแอ
“พวกเรากลับมาสู่เื่หลักเถอะ” หนังตาที่หนาหนักของจิ่งเหวินซานกระพริบ ดวงตาที่ปกติขุ่นมัววันนี้กลับดูสว่างไสวขึ้นหลายส่วน ดูมีชีวิตชีวาอย่างชัดเจน “กฎของการประลองข้าก็ไม่คิดจะเล่นอะไรที่มันใหม่พิสดารหรอก ก็แค่หนึ่งต่อหนึ่งง่ายๆ ข้าเชื่อว่า นี่ก็เป็วิธีที่ยุติธรรมที่สุด และเป็วิธีที่จะแสดงให้เห็นถึงวรยุทธ์ที่แท้จริงของทุกท่านได้ดีที่สุด”
จิ่งเหวินซานพูดแล้วก็หันศีรษะ สายตาวนเวียนอยู่ที่ทางเต๋อรั่วและสวีหรงฉี่ สุดท้ายก็หยุดลงตรงที่สวีหรงฉี่ อย่างไรเสียเขาไม่อาจรับประกันได้ว่าทางเต๋อรั่วคนนี้จะตอบคำเขาหรือไม่ “คุณชายสวีคุณชายทางท่านนี้จะเข้าร่วมด้วยไหม?”
ตอนนี้สวีหรงฉี่ก็ถูกถามจนนิ่งไปแล้ว อดส่งสายตาไปทางทางเต๋อรั่วไม่ได้ กลับไม่คิดว่าทางเต๋อรั่วจะพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ถึงแม้สายตาั้แ่ต้นจนจบจะไม่มองคนทั้งสองแม้เพียงนิด
จนถึงวันนี้จิ่งเหวินซานก็ยังไม่อาจแน่ใจในสถานะของคนผู้นี้ได้ ระหว่างรับประทานอาหารก็ลองเลียบๆ เคียงๆ อยู่หลายครั้ง คนผู้นี้กลับไม่สนใจจะต่อคำแม้แต่น้อย คำพูดทั้งหมดล้วนเป็สวีหรงฉี่ที่รับไป การตอบคำถามแบบทั้งไม่ตอบรับและไม่ปฎิเสธกำกึ่งอยู่เช่นนี้ ถึงแม้จิ่งเหวินซานจะไม่พอใจแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียคนที่แม้แต่ตระกูลสวียังต้องยกย่องนั้น เขาก็ไม่สามารถจะไปล่วงเกินได้ง่ายๆ
สุดท้ายก็ถือว่าได้รับคำตอบยืนยันแล้ว จิ่งเหวินซานก็ยิ้มพูดว่า “เช่นนั้นวันนี้นับรวมคุณชายทางท่านนี้รวมเข้าไปด้วย ทั้งหมดมีสองร้อยห้าหกคนเข้าร่วมการแข่งขัน พอดีจะได้ไม่ต้องแบ่งเป็สายๆ หลายรอบ ในการแข่งขันเราจะใช้การจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ ใครจับได้คนไหน ก็เป็คนนั้นไป ทั้งหมดล้วนต้องพึ่งดวง ยุติธรรมอย่างยิ่ง ลูกหลานตระกูลจิ่งของเราก็เหมือนกับทุกท่าน มาตรฐานเดียวกันหมด จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็พิเศษอย่างแน่นอน”
ทุกคนพากันพยักหน้า แสดงอาการเห็นด้วย
จิ่งเหวินซานพูดต่อว่า: “ทุกวันเราจะแข่งกันสองรอบ รอบเช้ากับรอบบ่าย ทั้งหมดต้องแข่งกันแปดรอบ ทุกรอบที่แข่งกันจะตัดคนออกครึ่งหนึ่ง คนที่ยืนหยัดได้จนถึงสุดท้ายก็จะได้ที่หนึ่งไปครอง ทุกท่านล้วนเป็ต้นกล้าชั้นยอดของแผ่นดินใหญ่ในอนาคต ดังนั้นเราจะแค่ประมือกันเท่านั้นรู้ผลแล้วก็หยุด ห้ามทำร้ายกันถึงชีวิต ตัดสินแพ้ชนะดูที่ใครลงจากเวทีก่อน หรือจะยอมแพ้ไปเลยก็ย่อมได้ หากฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ ต้องหยุดโจมตีทันที ห้ามทำร้ายกัน ทุกท่านประลองกันชนะก็เข้ารอบต่อไป แพ้ก็ถอยออกไป หวังว่าหลานทั้งหลายจะเคารพกฎกติกา ชมการแข่งขันด้วยรอยยิ้ม แค่การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกัน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กันเป็หลัก”
อ๋าวหรานอดคิดในใจไม่ได้ว่า กฎของจิ่งเหวินซานยุติธรรมจริงๆ แถมยังให้หยุดเมื่อรู้ผลแล้ว ไม่อนุญาตให้ทำร้ายใครถึงชีวิต เช่นนั้นเขาจะจัดการจิ่งฝานอย่างไร? หรือแค่อยากจะแสดงอำนาจเพียงอย่างเดียวจริงๆ ให้ชื่อเสียงของตัวเองขจรขจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่?
“อีกอย่าง ข้ายังมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง เหล่าจอมยุทธ์น้อย ลองฟังดูหน่อย” จิ่งเหวินซานหยุดไปนิด มองไปยังคนทั้งหมด “ถึงแม้จะบอกว่าจับฉลากประลองยุทธ์นั้นยุติธรรม แต่ถ้าแค่จับฉลากเพื่อหาคู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียวหลานทั้งหลายคงยากนักที่จะหาคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อได้ ดังนั้น——“
หลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว ไม่ทราบว่าทุกท่านสามารถรั้งอยู่อีกวันสองได้หรือไม่ ถึงตอนนั้นทุกท่านสามารถส่งคำท้าไปหาคนที่ตัวเองอยากจะประลองได้ตามอัธยาศัย แน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ คนที่ถูกท้าทายมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ”
เมื่อบอกออกไปเช่นนี้ ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดัง ความตื่นเต้นในน้ำเสียงของทุกคนยากนักที่จะแอบซ่อนไว้ได้ ข้อเสนอนี้ของจิ่งเหวินซานถูกใจทุกคนมากจริงๆ
วิธีจับฉลากยุติธรรมก็จริง แต่คนจำนวนสองร้อยกว่าคนนี้ เ้าจะสามารถจับฉลากได้คนที่อยากท้าทาย อยากประลองด้วยได้นั้นยากมาก ไม่แน่อาจจะพลาดไปเลยั้แ่ต้นจนจบ อีกอย่างเื่วรยุทธ์นี่ สามารถประลองจนรู้ว่าใครเหนือกว่าได้ แต่มันก็ยังคงมีความเป็ไปได้ที่จะถูกกดหรือถูกควบคุมไว้ บางครั้งเ้าแพ้ ไม่ใช่เป็เพราะวรยุทธ์เ้าไม่ดี แต่เป็เพราะวรยุทธ์หรือแนวทางต่อสู้ของคู่ต่อสู้เ้าไปกดไปควบคุมเ้าไว้พอดี ไม่แน่ว่าหากไปสู้กับคนอื่นที่เก่งกว่านี้เ้าอาจจะชนะก็ได้ ถ้าเป็แบบนี้ ก็ทำได้แค่โทษดวงแล้ว
แน่นอนในบรรดาคนพวกนี้ ถึงแม้จะมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย แต่คาดว่าคนที่รอคอยความโชคดีคงจะมีมากกว่า สำหรับคนที่แข็งแกร่งจริงๆ แล้ว ถึงแม้จะเจอคู่ต่อสู้ที่กดความสามารถแล้วอย่างไร คนที่แข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง เื่พวกนี้ก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา แต่ยอดฝีมือพวกนี้มีเป้าหมายอื่นแอบแฝงอยู่ จึงรอคอยการประลองแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นคนบนโต๊ะหลัก จึงแลกเปลี่ยนสายตากันไปรอบหนึ่ง ล้วนแต่เห็นด้วยอยู่ในใจแต่ไม่พูดออกมา นี่สำหรับพวกเขาแล้วถือเป็โอกาสอันดีที่หาได้ยากยิ่ง
บนโต๊ะนี้ มีหนุ่มน้อยอัจฉริยะแห่งยุคของแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ด้วยกัน ไม่มีคนไหนที่ไม่โอหังในความสามารถของตัวเอง จับใครไปสักคน ก็ล้วนเป็ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น ต่อให้ตำแหน่งบนโต๊ะจะไม่เหมือนกัน แต่คาดว่าในใจทุกคนคงคิดว่าตัวเองสามารถมานั่งรวมโต๊ะกับจิ่งเหวินซานได้ตัวเองก็ต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร
สำหรับหลัวฉี่และสวีหรงฉี่แล้ว ทั้งสองล้วนเป็อัจฉริยะที่แผ่นดินใหญ่ยอมรับ ชื่อ“สองฉี่”นั้นขจรขจายไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ เกี่ยวกับว่าระหว่างพวกเขาสองคนใครเก่งกว่ากัน ั้แ่ที่คนทั้งสองมีชื่อเสียงขึ้นมาก็กลายเป็หัวข้อที่คนทั้งแผ่นดินใหญ่ถกเถียงกันไม่หยุด มีคนที่สนับสนุนหลัวฉี่ ส่วนคนที่สนับสนุนสวีหรงฉี่ก็มีไม่น้อยยิ่งกว่า หัวข้อที่คนทั้งแผ่นดินใหญ่ให้ความสนใจ ทั้งสองจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร ในใจเกรงว่าคงอัดอั้นอารมณ์อยู่นานแล้ว เสียดายก็แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เคยได้ประมือกันเท่านั้น
จิ่งเหวินซานพยักหน้า สีหน้ามีความพอใจ คาดว่าคงจะรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขา “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็พูดเพียงเท่านี้ ทุกท่านหากมีอะไรอยากถามหรือว่าอยากเพิ่มเติม ตอนนี้ก็สามารถพูดออกมาได้เลย”
ในห้องเงียบไปพักหนึ่ง หลัวฉี่สาดสายตาไปรอบหนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านลุงจิ่งอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้ว ข้าไม่มีข้อสงสัยใดอีก ไม่ทราบว่าท่านอื่นล่ะ?”
มีหลัวฉี่เปิดขึ้นมาก่อน คนอื่นๆ ก็พากันตอบรับ แสดงออกว่าไม่มีเื่อะไรสงสัยอีก จัดการเช่นนี้ดีมาก หลัวฉี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็ผู้ใหญ่กว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่จริงๆ ยิ่งรวมกับเขามีชื่อเสียงั้แ่ยังเด็ก ความสามารถก็เป็ที่ยอมรับกันไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นตอนนี้จึงดูมีความเป็หัวหน้าอยู่เล็กน้อย
เห็นว่าทุกคนไม่มีข้อสงสัยแล้ว จิ่งเหวินซานก็ลุกขึ้น พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังดึงเก้าอี้ไปด้านหลังเล็กน้อย เพื่อให้เขายืนได้กว้างขวางสบายๆ “การประลอง ก็เริ่มั้แ่วันนี้ ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้นวันนี้จะประลองแค่รอบตอนบ่าย ท่านทั้งหลายตอนนี้สามารถไปพักผ่อนก่อนได้ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นในหมู่บ้านตระกูลจิ่งของเราก่อน ยามเว่ยหนึ่งเค่อ1 เราทุกคนค่อยมารวมตัวกันที่ลานสนามประลอง เริ่มการแข่งขันอย่างเป็ทางการ เช่นนี้ดีหรือไม่?”
ทุกคนตอบเสียงประสานกันว่าดี จิ่งเหวินซานบอกทุกคนว่าสามารถแยกย้ายกันไปได้เลย “หลานทุกท่านพยายามพาสาวใช้หรือเด็กรับใช้ไปด้วย จะได้ไม่เดินออกไปไกล หาทางกลับไม่ได้”
เมื่อได้รับคำตอบ จิ่งเหวินซานก็ยิ้มๆ แล้วก็ขอตัวลา “เช่นนั้นคนแก่อย่างข้าก็ไม่ขอรบกวนคนหนุ่มสาวเช่นพวกเ้าแล้ว พวกเ้าตามสบาย หาก้าอะไร สั่งพวกสาวใช้ได้เลย อย่าได้เกรงใจ อีกเดี๋ยวเราไปเจอกันที่สนามประลอง”
ลูกหลานจากตระกูลใหญ่พวกนี้ไม่ว่าลับหลังจะเป็อย่างไร แต่อย่างน้อยบนใบหน้าล้วนมีมารยาททั้งสิ้น แต่ละคนยืนขึ้นประสานมือคาราวะกล่าวลา เมื่อจิ่งเหวินซานออกไป ทุกคนก็นั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็มีบางคนที่สีหน้าตื่นเต้นรอคอยออกไปอย่างรีบร้อน ส่วนมากล้วนเป็คนบนโต๊ะของอ๋าวหราน คิดว่าคงเป็พวกตระกูลเล็กๆ ยังไม่เคยเห็นหมู่บ้านที่ใหญ่ขนาดนี้ จึงได้สนใจใคร่รู้อย่างยิ่ง
จิ่งจื่อดึงๆ เสื้ออ๋าวหราน “ไปเถอะ ไปหาพี่จิ่งฝาน”
อ๋าวหรานพยักหน้า โต๊ะของจิ่งฝานนั้นมีคนลุกไม่มากนัก กริยามารยาทฉากหน้าสำหรับพวกเขาแล้วสำคัญมาก ตอนนี้แต่ละคนเ้าไปข้ามาพูดจาเกรงใจถามไถ่กันอยู่ โดยเฉพาะสวีหรงฉี่ที่เพิ่งมา ทุกคนยังไม่ทันได้พูดด้วย ตอนนี้แน่นอว่าต้องถามไถ่ทักทายกันสักหน่อย แน่นอน ที่สำคัญกว่าก็คือคนพวกนี้สงสัยใคร่รู้ในตัวทางเต๋อรั่วเป็อย่างมาก ตอนที่จิ่งเหวินซานยังอยู่ด้วย ทุกคนก็ไม่ค่อยสะดวกจะถาม ตอนนี้มีแค่คนรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้กังวลอีก
หลี่หนิงหว่านในฐานะที่เป็สาวน้อยในกลุ่มตระกูลใหญ่เพียงคนเดียวในกลุ่มนี้ หลางฉาตอนนี้ในสายตาของคนอื่นยังเป็เพียงแค่แจกันดอกไม้2 ถึงแม้ตอนแรกนางจะถูกทางเต๋อรั่วทำให้อับอาย แต่นางคิดว่าความงามและชาติตระกูลของนาง ในแผ่นดินใหญ่นี้ต่อให้จะเป็คนที่ไร้สมองสักแค่ไหนเมื่อรู้ฐานะของนางแล้วไม่มีทางจะทำท่าเชิดชี้ฟ้าอยู่ต่อไปได้
“คุณชายทาง เล่าเื่ตระกูลทางให้พวกเราฟังได้หรือไม่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย “ หลี่หนิงหว่านยิ้มบางๆ ความงามของนางจริงๆ แล้วเป็แบบเดียวกับหลางฉา ล้วนเอนเอียงไปทางเย้ายวนอยู่สักหน่อย แต่นางกลับมีลักษณะท่าทางของคุณหนูมีตระกูล ไม่ว่าจะกินก็ดี นั่งก็ดี เดินหรือ ยิ้มก็ดี ล้วนแฝงไว้ด้วยความสง่างามและสงบนิ่ง กลับไปกลบความงามของรูปลักษณ์เข้า ส่วนเื่การแต่งหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อเทียบกับหลางฉาแล้ว ของนางนั้นบางเบาราวกับว่าไม่ได้แต่งก็ไม่ปาน
ทางเต๋อรั่วรูปร่างผอมสูง ดูแล้วไม่กำยำ ท่านั่งสง่างามดูภูมิฐาน ไม่ว่าตระกูลทางจะเป็ตระกูลใหญ่ที่เร้นกายอยู่จริงหรือไม่ อย่างน้อยการอบรมจากที่บ้านของทางเต๋อรั่วก็ไม่แย่อย่างแน่นอน กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมายังมากยิ่งกว่าสวีหรงฉี่เสียอีก เมื่อหลี่หนิงหว่านถามเสร็จ สวีหรงฉี่ก็สั้นสะท้าน ในใจอดแอบด่านางที่ต้องซักไซ้ไล่เรียงจนถึงที่สุดให้ได้ไม่ได้ ทางเต๋อรั่วอยากจะปลอมเป็หมูกินเสือ คนที่ต้องกันอยู่หน้าเขาไม่ใช่ตระกูลสวีหรือไง ไม่ใช่เขาสวีหรงฉี่ผู้นี้หรือไง ข้าวมือนี้ เป็ข้าวมื้อที่เขาทุกทรมานที่สุดั้แ่เคยกินมาเลยจริงๆ ไม่เพียงต้องคอยดูแลอาหารเครื่องดื่มให้ทางเต๋อรั่วตลอดเวลา สังเกตว่าเขาไม่พอใจหรือไม่ โกรธหรือไม่ แล้วยังต้องคอนดูคนบนโต๊ะฝูงนี้ที่มีตาไร้แวว เป็พวกโง่ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กลัวว่าพวกเขาจะถามคำถามอะไรที่ไม่ควรถาม ทำให้คุณชายท่านนี้โกรธ
นี่ก็ช่างเถอะ เข้ายังต้องคิดหาทางไปถมหลุม3ที่พวก “ป่าท่องโก๋4” ที่ความเล่ห์เหลี่ยมไม่สมอายุพวกนี้ขุดไว้ ต้องเฝ้าระวังสูงสุดอยู่ตลอดเวลา โกหกเื่นี้ เสร็จแล้วก็ต้องไปโกหกเื่นั้นอีก เหนื่อยไปทั้งกายและใจ สุดท้ายงานนี้ก็จบลงสักที แต่คนพวกนี้ยังไม่ยอมแยกไปอีก ยังจะมานั่งพูดโยกไปเื่นั้นเื่นี้อยู่อีก
ยามเว่ยหนึ่งเค่อ1 (未时一刻)บ่ายโมงสิบห้า
ดอกไม้2 (花瓶)สวยงามแต่ก็เป็ได้แค่เครื่องประดับ
หลุม3 (坑)ขุดหลุมล่อให้คนอื่นตกลงไป
ป่าท่องโก๋4 (油条)หมายถึงคนที่เ้าเล่ห์มีเล่ห์เหลี่ยม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้