ใน่สองสามวันมานี้ที่โรงงานยุ่งเสียจนแทบจะไม่ได้พัก หมี่หลันเยว่ หมี่หลันหยาง หลินเผิงเฟย และเฉียนหย่งจิ้น ต่างก็รีบรุดมาที่โรงงานใน่พักกลางวัน เพื่อช่วยเหลืองานเท่าที่พอจะทำได้
"ว้าว หลันเยว่ เลี้ยงอาหารพวกเราด้วย!"
โรงงานของหลันเยว่ดูแลเื่อาหารอยู่แล้ว ปกติอาหารที่นี่ก็ดีกว่าที่บ้านหลายเท่าตัว ตอนนี้ยังมีเนื้อให้กินอีก ทุกคนรู้ดีว่า่นี้หาซื้อเนื้อยาก ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อได้
"พวกพี่ๆ ทำงานหนักขนาดนี้ ฉันต้องแสดงน้ำใจหน่อยค่ะ วางใจได้เลยนะคะพี่ๆ ทุกคน ถ้าเราเร่งงานรอบนี้จนเร็จ เราก็จะมีรางวัลพิเศษให้ค่ะ"
เหล่าพี่ๆ คนงานต่างส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ตื่นเต้นกันสุดๆ
"แต่ฉันต้องขอพูดตรงๆ หน่อยนะคะพี่ๆ การเร่งงานก็ส่วนเร่งงาน แต่ห้ามมีของเสียหายนะคะ จะทำให้โรงงานเราเสียชื่อไม่ได้ งานรอบนี้ฉันจะให้พี่เสี่ยวหว่านช่วยตรวจคุณภาพอย่างละเอียด ต้องประณีตกว่าสินค้าที่ขายในร้านเราด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็ลูกค้ารายใหญ่ ถ้าทำลูกค้ารายนี้หลุดมือไป นอกจากจะไม่มีรางวัลแล้ว ยังจะโดนหักเงินเดือนอีกด้วยนะคะ"
เมื่อหมี่หลันเยว่ทำท่าทางเข้มงวดขึ้นมา ก็ดูเหมือนหัวหน้าครอบครัวขึ้นมาจริงๆ เหล่าคนงานหญิงต่างก็รู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้เป็คนดี ที่พูดแบบนี้ก็เพื่อร้าน ไม่มีใครโกรธเคืองเธอหรอก ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่เธอก็เป็เ้าของร้านตัวจริงเสียงจริง
"รู้แล้วจ้ะ หลันเยว่ พวกเราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จะไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน"
มีคนงานรับ่ต่อ เพราะที่นี่ให้ค่าตอบแทนดีกว่าคนที่ทำงานในหน่วยงานรัฐเสียอีก ใครๆ ก็ไม่อยากเสียงานนี้ไป ยิ่งไปกว่านั้น หมี่หลันเยว่ก็แค่ขอให้ตั้งใจทำงาน ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นที่เข้มงวดกว่านี้แล้ว
"ดีมากค่ะ ่นี้ทุกคนอาจจะต้องทำงานหนักหน่อย ช่วยกันทำตัวอย่างที่้าออกมาสักสองสามชุดก่อนนะคะ จากนั้นก็เป็การผลิตในปริมาณมาก พี่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรือไม่รู้ ให้ถามพี่ๆ ที่ทำงานเก่งๆ ได้เลยนะคะ ทุกคนต่างก็ทำเพื่อโรงงาน จะไม่มีการหวงวิชาแน่นอนค่ะ"
หมี่หลันเยว่โอบไหล่คนงานรุ่นเก่าเ่าั้อย่างสนิทสนม ท่าทางใกล้ชิดทำให้คนงานใหม่ๆ อิจฉาเล็กน้อย ถ้าได้สนิทกับเ้าของขนาดนี้ ค่าตอบแทนจะไม่ดีได้อย่างไร แค่ตั้งใจทำงานก็จะเหมือนกับคนงานเก่าๆ พวกนี้ในไม่ช้า
"แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรไม่รู้หรือไม่เข้าใจก็ถามได้เลย พวกเราจะบอกทุกอย่าง ถ้างานของพวกเธอดี โรงงานก็จะดีขึ้น ถ้าโรงงานดีขึ้น ค่าตอบแทนของพวกเราก็จะดีขึ้นไปด้วย แค่พวกเราตั้งใจทำงาน หลันเยว่จะไม่ทำให้พวกเราเสียเปล่าหรอก เธอไม่ใช่คนขี้เหนียวอยู่แล้ว"
คนที่พูดคราวนี้คือ เผิงลี่น่า คนที่อาสาช่วยจ้างรถให้ตอนที่เจอหมี่หลันเยว่ครั้งแรกนั่นเอง รถของลูกพี่ลูกน้องเธอก็เป็คนแนะนำให้ แน่นอนว่าเธอเป็คนตรงไปตรงมาและเปิดเผย คำพูดในตอนนี้ก็ไม่ได้ปิดบังความคาดหวังของตัวเอง ใครๆ ก็อยากได้รายได้เพิ่มทั้งนั้น
"พี่ลี่น่าพูดได้ดีมากค่ะ โรงงานไม่ใช่ของฉันคนเดียว แต่เป็ของพวกเราทุกคน แค่เราร่วมแรงร่วมใจกันรักษาโรงงานให้ดี ผลประโยชน์ก็จะตกเป็ของพวกเราทุกคนด้วย พี่ๆ จำไว้แค่ประโยคเดียว น้ำขึ้นให้รีบตัก ถ้าโรงงานเราดีขึ้นเรื่อยๆ ค่าตอบแทนก็มีแต่จะดีขึ้นไปอีก ฉันจะไม่ยอมให้พี่ๆ ทำงานเหนื่อนเปล่าแน่นอน และพี่ๆ ก็คงจะไม่ยอมให้ฉันต้องเหนื่อยเปล่าๆ ใช่ไหมคะ"
หลันเยว่ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เธอจัดการระดมคนแบบนิ่มนวล ไม่ต้องเสียงดังหรือใช้กำลัง แล้วก็มีคนตอบรับทันที
"แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ ถึงพวกเราจะเป็คนใหม่ แต่เื่การตัดเย็บเสื้อผ้าพวกเราก็เป็มืออาชีพแล้ว หลันเยว่วางใจได้เลย รับรองว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน คอยดูได้เลย"
"ดีมากค่ะ ฉันคอยฟังข่าวดีอยู่นะคะ"
หลันเยว่ถือเนื้อเข้าไปในครัว พลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"วันนี้ฉันจะทำอาหารให้พี่ๆ ได้ชิม เป็การตอบแทนที่เหนื่อยกันมาค่ะ"
"ว้าว เ้านายตัวน้อยของเราลงมือทำอาหารเองเลยเหรอเนี่ย นับเป็เกียรติอย่างยิ่ง"
"ไม่รู้ว่าฝีมือของหลันเยว่จะใช้ได้รึเปล่านะ ถ้าทำไม่อร่อยขึ้นมา คงเสียของน่าดู"
มีทั้งคนที่ไม่ได้สนใจจะกินเนื้อ และบางคนก็อดห่วงฝีมือของหลันเยว่ไม่ได้ แต่หมี่หลันเยว่กลับม้วนแขนเสื้อเริ่มทำอาหารแล้ว
"หลันเยว่ เธอไหวเหรอ ถ้าไม่ไหวให้ฉันมาทำแทนก็ได้นะ ฉันก็เคยทำอาหารที่บ้านเหมือนกัน"
พอคิดว่าหลันเยว่จะต้องทำอาหารให้คนสิบกว่าคน เฉียนหย่งจิ้นก็เป็ห่วงขึ้นมา แอบตามเข้าไปในครัว อยากจะเปลี่ยนให้หลันเยว่พัก
"ไม่เป็ไรค่ะ พี่หย่งจิ้น ฝีมือฉันใช้ได้เลย พี่คอยชิมก็แล้วกัน"
หมี่หลันเยว่เริ่มลงมือจัดการอย่างคล่องแคล่ว การที่เธอลงมือทำเองก็เพราะอยากให้คนงานวางใจตั้งใจทำงาน ไม่ต้องให้ใครมาทำอาหารเพื่อเสียเวลาทั้งนั้น งานรอบนี้เร่งด่วนจริงๆ แต่คนที่ใจร้อนที่สุดก็คือหมี่หลันเยว่ ถ้าอีกฝ่ายแค่พูดเล่นๆ แล้วไม่มาจริงๆ ก็คงเสียเวลาเปล่า
"เธอกังวลอยู่ใช่ไหมล่ะ"
เฉียนหย่งจิ้นพอจะเข้าใจความคิดของหมี่หลันเยว่ เื่ใหญ่ขนาดนี้ ใครก็คงจะไม่สบายใจ เขาช่วยหมี่หลันเยว่เด็ดผัก พลางพูดจาปลอบโยน
"การทำธุรกิจครั้งนี้มันเหนือความคาดหมายอยู่แล้ว เธออย่าคิดมากเกินไปเลย ถ้าพวกเขามา เราก็ถือว่าได้ลาภลอย ถ้าพวกเขาไม่มา เราก็ถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น อย่าเก็บเอาไปคิดให้ตัวเองเป็ทุกข์เลย"
"ฉันรู้ค่ะ พี่หย่งจิ้น ขอบคุณนะคะ!"
หมี่หลันเยว่ไม่คิดว่าเฉียนหย่งจิ้นจะช่างสังเกตขนาดนี้ มองออกว่าเธอกังวลใจ
"แต่ฉันอยากจะตกลงธุรกิจนี้ให้ได้จริงๆ เราลงทุนลงแรงไปเยอะขนาดนี้แล้ว"
เฉียนหย่งจิ้นเห็นว่ามือของหมี่หลันเยว่หยุดทำงาน คนเริ่มเหม่อลอย
"ใช่แล้ว เราลงทุนลงแรงไปเยอะขนาดนี้ เตรียมการมามากมาย ถ้าพวกเขาไม่มา นั่นก็เป็ความสูญเสียของพวกเขา หลันเยว่ อย่าคิดมาก ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ"
เขายื่นมือไปอยากจะลูบหัวเด็กสาว แต่พอเห็นคราบผักบนมือตัวเองก็รีบชักมือกลับ
"เราก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็เื่ของ์ ถ้า์เมตตาเรา การทำธุรกิจครั้งนี้ก็จะไม่หลุดมือไป แต่ถ้าพวกเขาไม่มา ก็คงต้องบอกว่าเงินก้อนนี้ไม่เป็ของเรา"
การที่ถูกเฉียนหย่งจิ้นปลอบโยนเหมือนเด็กๆ ทำให้หมี่หลันเยว่อายเล็กน้อย นี่เธอแก่ขึ้นทุกวันแล้วเหรอเนี่ย คนอายุสี่สิบกว่าปีกลับถูกเด็กปลอบใจ ช่างน่าสมเพชจริงๆ เพียงแต่ว่านี่เป็การทำธุรกิจครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิต หมี่หลันเยว่คาดหวังมากจริงๆ
"ฉันรู้แล้วค่ะ พี่หย่งจิ้น ขอบคุณนะคะ!"
หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าตัวเองตึงเครียดเกินไปแล้ว การที่ถูกเด็กๆ ชี้แนะ เธอก็ต้องปล่อยวางความคิดไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะดูถูกตัวเองเปล่าๆ
"โธ่ ขอบคุณอะไรกัน พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
การที่หลันเยว่ขอบคุณอย่างจริงจังขนาดนี้ ทำให้เฉียนหย่งจิ้นรู้สึกเขินมาก เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนที่เห็นหลันเยว่มีเื่กังวลใจ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
"แต่หลันเยว่ ต่อไปธุรกิจของร้านเราจะต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน ดังนั้นการรักษาสภาพจิตใจให้ดีจึงเป็สิ่งจำเป็มาก ถ้าเธอเป็แบบนี้ทุกครั้งที่กังวลว่าจะได้หรือไม่ได้ มันก็คงไม่ไหว"
เฉียนหย่งจิ้นคาดหวังกับห้องเสื้อหลัวเยว่มาก เขาหวังว่าตัวเองจะเติบโตไปพร้อมกับมัน
"จะไม่เป็แล้วค่ะ พี่หย่งจิ้น นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ทำธุรกิจใหญ่ ก็เลยคาดหวังมากไปหน่อย ต่อไปจะไม่เป็แบบนี้แล้วค่ะ จริงๆ นะ พี่ไม่ต้องเป็ห่วงนะคะ"
นี่ไม่ใช่เพราะหมี่หลันเยว่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป เพียงแต่เธอเห็นว่าการเซ็นสัญญานี้มูลค่าสูงมามาก
ชาติที่แล้วถึงแม้จะไม่ได้เป็เ้าของธุรกิจ เป็แค่พนักงานขายเล็กๆ แต่เพราะสินค้าที่ขายคือเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นการเซ็นสัญญามูลค่าหลายหมื่นหลายแสนจึงเป็เื่ปกติ สำหรับการทำธุรกิจมูลค่าสูง หมี่หลันเยว่จึงไม่แปลกใจ
อาหารเย็นอุดมสมบูรณ์มาก หลิวลี่กินอาหารที่โรงงานเสร็จแล้วค่อยกลับบ้าน หมี่หลันเยว่ให้เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยไปส่งเธอ แต่เธอปฏิเสธ การที่ให้เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอหลายปีมาส่งกลับบ้าน เธอรู้สึกเสียหน้า บ้านของหลิวลี่อยู่ใกล้กับร้านมาก ความปลอดภัยในปัจจุบันก็ไม่เลว หมี่หลันเยว่จึงไม่ได้ยืนกราน
หลังอาหารเย็น ทุกคนก็เปิดประชุมเล็กๆ หมี่หลันเยว่กำชับเหล่าพี่ๆ ในโรงงานอีกครั้ง ให้พวกเธออย่าทำงานดึกเกินไป คนต้องมีสติครบถ้วน ถึงจะทำงานได้ดี อย่าอดนอนตอนกลางคืนแล้วตอนกลางวันกลับไม่มีแรง นั่นก็เป็การกระทำที่ผิด
หลิวเสี่ยวหว่านตอบรับทีละอย่าง ดันเธอออกจากประตูโรงงาน หมี่หลันเยว่ถึงจะเดินกลับบ้าน เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยยืนยันที่จะไปส่งเธอ หมี่หลันเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ บ้านของเธออยู่ไกลกว่าเล็กน้อย อยู่เชิงเขา การที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอจึงหวงแหนชีวิตมาก
"ถึงบ้านแล้ว พวกพี่สองคนก็รีบกลับบ้านไปเถอะ ขอบใจนะคะที่มาส่ง"
ใกล้ถึงหน้าบ้านแล้ว หมี่หลันเยว่รีบไล่ให้คนทั้งสองกลับ คนทั้งสองกลับยืนยันที่จะส่งเธอเข้าบ้าน
"เรารอดูเธอเข้าบ้านก่อน ค่อยไป รีบเข้าไปเถอะ พวกเราจะไปแล้ว"
ฟ้ามืดแล้ว หมี่หลันเยว่ไม่ได้ชวนคนทั้งสองเข้าไปในบ้าน รีบวิ่งเข้าไปในประตูบ้านตัวเอง จากนั้นก็ไปที่หน้าต่างห้องหนังสือ โบกมือลาคนทั้งสอง หมี่หลันหยางที่รออยู่ในห้องหนังสือก็มาอยู่ข้างน้องสาวที่หน้าต่าง พูดคุยกับเพื่อนสนิททั้งสองสองสามคำแล้วก็ส่งคนกลับไป
ตอนเที่ยงวันรุ่งขึ้น หมี่หลันเยว่กำลังกินข้าวอยู่ เฉียนหย่งจิ้นก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้องเรียนของหมี่หลันเยว่
"หลันเยว่ พวกเขามาแล้ว เราต้องรีบไปแล้ว"
หลันเยว่รีบวางกล่องข้าวในมือ หมี่หลันหยางก็รีบลุกขึ้นตาม
"เอาข้าวไปวางบนเครื่องทำความร้อน เดี๋ยวเรากลับมากินกัน คงไม่มีเวลามากินข้าวเที่ยงแล้วล่ะ"
หลันเยว่ปิดฝากล่องข้าว ให้พี่ชายเอากล่องข้าวไปวาง ตามปกติแล้ว การที่คนเดินทางไกลมาก็ควรเลี้ยงอาหารเที่ยง แต่เวลาตอนเที่ยงกระชั้นชิดเกินไป ไม่มีเวลาพอ ดังนั้นจึงต้องเลื่อนไปเป็อาหารเย็นแทน
หลินเผิงเฟยก็รออยู่ที่หน้าประตูห้องเรียนเช่นกัน ข้างๆ เขาคือเพื่อนของเฉียนหย่งจิ้น
"นี่คือ หนิวเถียจู้ คือเพื่อนที่ฉันบอกเธอไง คราวนี้ต้องขอบคุณเขาที่ช่วยติดต่อให้"
หลันเยว่รีบยื่นมือออกไป
"เถียจู้ ขอบคุณมากนะคะ พี่เป็เพื่อนของพี่หย่งจิ้น ฉันจะไม่เกรงใจนะคะ แต่เื่ความสัมพันธ์ก็ส่วนความสัมพันธ์ เื่ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ เื่นี้ถ้าตกลงกันได้ ฉันต้องขอบคุณพี่อย่างงามแน่นอนค่ะ"
ถึงแม้หนิวเถียจู้จะได้ยินเื่ราวของหมี่หลันเยว่จากเฉียนหย่งจิ้น แต่พอได้เจอตัวจริง เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ อายุเธอยังน้อยเกินไป ถึงแม้จะอยู่รุ่นเดียวกับเฉียนหย่งจิ้น แต่แค่ตาไม่บอดก็จะมองออกว่าเด็กสาวคนนี้อายุน้อยกว่าเด็กนักเรียนชั้น ม.1 เหล่านี้มาก
"หลันเยว่ ชื่อเสียงของเธอโด่งดังมาก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเกรงใจกัน ไปเจอกับพวกเขาก่อนเถอะ พวกเธอรีบไปที่ร้านเดี๋ยวฉันไปรับพวกเขาที่บ้าน แล้วส่งตรงไปที่ร้านเลย"
ไม่ต้องพูดถึงว่าแขกที่มาจะเชื่อใจเด็กคนหนึ่งที่มาเป็คนกลางได้หรือไม่ หนิวเถียจู้คนนี้ก็เป็คนที่ไว้ใจได้เช่นกัน สมแล้วที่ว่าปลาหาปลา กุ้งหากุ้ง เพื่อนของพี่หย่งจิ้นก็ไม่เลว
ทั้งสี่รีบออกจากโรงเรียน ขึ้นรถโดยสารประจำทางมุ่งตรงไปที่ร้าน ไม่นานหนิวเถียจู้ก็พาคนมา หมี่หลันเยว่ยืนรออยู่หน้าประตู เมื่อเห็นคนมาก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่าน และยินดีต้อนรับสู่การเยี่ยมชมค่ะ!"
