หลังจากอวี้ฉู่จาวถอดเสื้อผ้าหลินหร่านออกก็พบว่าตามร่างกายอีกฝ่ายเต็มไปด้วยาแจากความหนาวเหน็บ
เสื้อผ้าบางมาก ฤดูหนาวเช่นนี้ สวมเสื้อผ้าแบบนี้จะกันหนาวได้อย่างไร
อวี้ฉู่จาวลูบไปตามร่างกายหลินหร่าน
หลินหร่านถึงกับชะงัก ร่างกายเปลือยเปล่าที่ถูกมองและััโดยอวี้ฉู่จาวสั่นเทาเล็กน้อย ด้วยความอายจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “ท่านอ๋อง ร่างกายของกระหม่อมผู้ต่ำต้อยไม่สะอาด อาจแปดเปื้อนสายตาได้”
“ไม่เลย”
อวี้ฉู่จาวหันไปถอดเสื้อคลุมออก แล้วหันกลับมาอุ้มหลินหร่าน
ตอนนี้หลินหร่านเริ่มคุ้นชินกับอ้อมกอดของอวี้ฉู่จาวแล้ว แต่ยังคงจับเสื้อสำหรับสวมชั้นในของอวี้ฉู่จาวอย่างระมัดระวัง
เมื่อรวมกับชีวิตในชาติก่อน นี่ถือเป็ครั้งแรกที่หลินเหลียงปล่อยให้ผู้อื่นััตนเอง แม้จะเป็ชายเหมือนกัน
แต่ว่าข้างหน้า…คิดดีไม่ได้เลย
ร่างกายของหลินหร่านเกร็งไปหมด ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
คนที่ดูเป็ธรรมชาติที่สุดก็คงจะมีแต่อวี้ฉู่จาว เขาอุ้มหลินหร่านลงไปในสระน้ำ “ต่อไปข้าอยู่ด้วย อย่าดูถูกตนเอง เ้าดีที่สุดไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม ต่อหน้าข้าไม่ต้องแทนตัวเองว่ากระหม่อมผู้ต้อยต่ำหรอก ใช้คำว่าข้าแทนก็พอ”
อวี้ฉู่จาวมองหลินหร่านราวกับเป็คนสำคัญ คำแทนตนเองที่เขาใช้ก็ไม่ใช่ ‘เปิ่นหวัง’ แต่เปลี่ยนเป็คำว่า ‘ข้า’
เขาจะปล่อยให้หลินหร่านดูถูกตัวเองต่อไปแบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ
“พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ท่าทีว่านอนสอนง่ายทำให้อวี้ฉู่จาวอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบบนหน้าผาก
หลินหร่านชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝันอีกครั้ง
หลินหร่านคิดว่า หากลงไปในสระน้ำจะถอยห่างจากอวี้ฉู่จาวเพราะตนเองนั้นต้อยต่ำยิ่งนัก
ทว่า อวี้ฉู่จาวโอบกอดหลินหร่านไว้ในอ้อมแขนตลอด แถมยังนำผ้ามาถูหลังให้อีก หลินหร่านจึงทำได้เพียงนั่งอยู่เฉยๆ ไม่กล้าขยับตัว
่ที่อวี้ฉู่จาวกำลังถูหลังให้หลินหร่านนั้น เขาพบว่ามีปานสีชมพูอ่อนบนไหล่ข้างขวาของอีกฝ่าย รูปปานดูคล้ายกับดอกปี่อั้นฮวา1 แต่เพราะผิวของหลินหร่านขาวมากจึงทำให้เห็นได้ไม่ชัดนัก
หากลูบไปก็จะรู้สึกถึงโครงร่างชัดเจน หรือหากลองมองดีๆ จะเห็นได้อย่างง่ายดาย อวี้ฉู่จาวรู้ความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ดีจึงไม่ได้พูดอะไร
ทั้งคู่ต่างไม่เอ่ยปาก ทั้งห้องจึงเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงน้ำไหล
ไม่รู้เป็เพราะอายหรือน้ำร้อนกันแน่ ถึงทำให้ร่างกายของหลินหร่านแดงได้เช่นนี้ เพราะผิวของอีกคนขาวทำให้เห็นผิวบางส่วนขึ้นสีแดงเรื่อชัดเจน
อวี้ฉู่จาวไม่อาจอดกลั้นความรักที่มีต่อหลินหร่านได้ เขาเริ่มจมดิ่งไปกับเสน่ห์หาของอีกคน
ส่วนหลินหร่านเริ่มครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้เหมือนได้ยินพ่อบ้านบอกว่าพระชายาสิ้นพระชนม์แล้ว พระชายาคนไหนกัน? ปีก่อนพระชายาของเทพเ้าแห่งาสิ้นพระชนม์กะทันหันในคืนวันแต่งงาน เื่นั้นเขาเองก็รู้ดี
ทว่า หลินหร่านกลับรู้สึกว่าตอนนี้ แค่ท่านอ๋องมองเขาก็นับว่าเป็เื่ดีงามแล้ว
เพราะฉะนั้น เหตุใดพ่อบ้านถึงได้เอ่ยเื่นั้นขึ้นมากันนะ
“เมื่อคืนวาน ชายาคนที่สองของข้าเสียชีวิตอย่างกะทันหันอีกเช่นเคย ต่อจากนี้หากไม่เกิดเื่อะไรอีกฮ่องเต้จะให้เราแต่งงานกัน” อวี้ฉู่จาวพลันเอ่ยปากขัดจังหวะความคิดของหลินหร่าน
อย่างนี้เองสินะ พระชายาสิ้นพระชนม์อีกแล้ว…ไม่สิ
หลินหร่านเพิ่งตระหนักได้ถึงประโยคหลังที่อวี้ฉู่จาวบอก
“เหตุ...เหตุใดพวกเราถึงแต่งงาน” หลินหร่านหันไปมองอวี้ฉู่จาวอย่างไม่อยากเชื่อ
“ใช่ แม้เื่นี้จะถูกวางแผนเอาไว้ แต่ครั้งนี้ข้าเต็มใจ อีกเดี๋ยวตอนหมอซูมาตรวจร่างกายเ้า ข้าต้องกลับวังหลวงก่อน เวลานี้เ้าพักให้สบายเถิด แล้วข้าจะรีบกลับมา”
“พ่ะย่ะค่ะ แต่...ทำไมฮ่องเต้ถึงให้เราแต่งงานกัน”
“หลายปีมานี้ข้ามีชะตาตกต่ำ พบเจอปรปักษ์มากมาย ดวงเริ่มอาภัพชายา ข้าจึงคิดอยากใช้ชีวิตสันโดษ...”
“เป็ไปไม่ได้” อวี้ฉู่จาวยังพูดไม่จบหลินหร่านก็ขัดขึ้น เขาเชื่อว่าท่านอ๋องต้องไม่ได้เป็เช่นนั้น “ท่านอ๋องเป็เทพเ้าแห่งา ปกป้องราชวงศ์อวี้ เป็ดั่งวีรบุรุษ”
อวี้ฉู่จาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขากุมมือของหลินหร่านพร้อมระบายยิ้ม ครั้งนี้รอยยิ้มชัดเจนกว่าครั้งก่อน
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเป็ข้าพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านยังไม่เข้าใจเหตุผลที่ฮ่องเต้เลือกตนเองเป็พระชายา
อวี้ฉู่จาวยกมือเกลี่ยเส้นผมเปียกบนหน้าผากของหลินหร่านก่อนพูด “เพราะพอเ้าเกิดมา แม่เ้าก็ตายจาก อีกทั้งเ้ายังตายแล้วฟื้นขึ้นมา เป็คนที่มีชื่อเสียงด้านความโชคร้ายแต่ดวงแข็ง จึงเหมาะกับข้านัก”
ท่าทีของอวี้ฉู่จาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาใส่ใจในสิ่งที่เอ่ย ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ต้องเอ่ยออกมา
หลินหร่านไม่ได้ใส่ใจและไม่คิดตำหนิที่อวี้ฉู่จาวกล่าวถึงตนเช่นนี้
นี่เป็เื่ที่คนทั้งเมืองอวี้อันต่างรู้ดี เขาใช้ชีวิตโดยถูกตราหน้าและเอ่ยวาจาไม่เหมาะสมมาเจ็ดปีแล้ว
หลินหร่านก้มหัวลงพลางเอ่ยเสียงแ่ “ข้าเป็คนมีลางร้าย”
แม้แต่หลินหร่านก็คิดว่าตนเองเป็เช่นนั้น
อวี้ฉู่จาวช้อนใบหน้าอีกฝ่ายขึ้น “อย่าใส่ใจไปเลย นั่นเป็ความคิดของผู้อื่น พวกเรามาใช้ชีวิตของเรา สนใจแค่สิ่งสำคัญสำหรับเราพอ”
แววตาของอวี้ฉู่จาวเต็มไปด้วยความแน่วแน่ หลินหร่านจึงไม่ได้คัดค้านคำพูดของเขา
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากทั้งคู่อาบน้ำและสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย หมอซูที่อวี้ฉู่จาวเอ่ยถึงก็มารออยู่นอกห้องบรรทม
“ท่านอ๋อง หมอซูมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเคาะประตูก่อนแจ้ง
“เข้ามา” อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านไปที่ห้องโถงพร้อมกำชับให้นั่งลงบนเก้าอี้ของพระชายา
เสียงประตูเปิดออก ร่างสูงผมยาวสลวยก้าวเข้ามาด้วยท่าทีที่ต่างจากชายทั่วไป
รูปงามราวกับเทพบุตร ในมือถือพัดด้ามยาว
“ท่านอ๋องทรงาเ็หรือ?” น้ำเสียงของซูชิงเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล
ซูชิงเฟิงเป็หมอพเนจรที่เดินทางไปทั่วทุกสารทิศ แต่เพราะได้เห็นการรบในาครั้งแรกและความรักที่มีให้ชาวเมืองของท่านอ๋อง จึงรู้สึกนับถือเป็อย่างมาก เป็เหตุให้เขาเต็มใจที่จะอุทิศตน เป็หมอให้กองทัพ กระทั่งกลายมาเป็หมอประจำตัวของอวี้ฉู่จาวในปัจจุบัน
อวี้ฉู่จาวได้กลับชาติมาเกิด นอกจากจะได้เจอหลินหร่านก็ยังได้พบกับคนสนิทผู้จงรักภักดีของตนอีก
ในชาติก่อน พวกอนารยชนแดนใต้บุกโจมตีชาวเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ และเพื่อที่จะช่วยให้ชาวบ้านรอดพ้นจากคมดาบ จึงยอมทิ้งโอกาสดีในการบุกโจมตีอวี้ฉู่ซวน ร่วมรบกับชาวเมืองตะวันตกเฉียงใต้ จนเวลานั้น เขาล้มป่วยเพราะได้รับพิษจากแมลง
แต่ก็ได้ซูชิงเฟิงผู้นี้ช่วยเอาไว้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
นอกจากนี้ เขายังทำให้ความพยายามของผู้อื่นล้มเหลว กองทัพกับตัวเขาเองยังไม่ทันได้พัก กลับถูกกองกำลังของฮ่องเต้เข้าปราบปรามจนจบสิ้น
ชาตินี้อวี้ฉู่จาวจึงตั้งใจว่าจะปกป้องดูแลผู้ภักดีต่อเขาคนนี้ให้ดี
“เปิ่นหวังไม่เป็อะไร อยากให้หมอซูตรวจเขาหน่อย” อวี้ฉู่จาวจะโกรธหรือดีใจ ไม่มีใครเคยรู้
ซูชิงเฟิงละสายตาจากอวี้ฉู่จาวไปมองร่างหลินหร่าน
ฝีมือการรักษาของซูชิงเฟิงนับว่าเก่งกาจ แค่มองด้วยตาก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้าเ็หรืออ่อนแอตรงไหนป่วยเป็อะไร
เขาเดินไปใกล้หลินหร่าน มองไปตามาแบนมือและใบหน้า
พอจ้องมองที่ริมฝีปากก็รู้ว่าเกิดจากความหนาวถึงได้เป็เช่นนี้ แต่ค่อนข้างหนักเอาการ และเมื่อกวาดตามองร่างกายกับดวงตาถึงได้รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ขาดสารอาหาร ควรได้รับการบำรุง
--------------------------------------
1 ดอกปี่อั้นฮวา หมายถึง ดอกพลับพลึงแดงหรือพลับพลึงแมงมุม