เสียงกีบม้าที่ก้องกังวานนี้เป็เสียงเฉพาะของอาชาเปินเหลย
เสียงสุนัขหอนก้องสะท้อนไม่หยุด สั่นะเืไปทั้งป่าก่อนหน้านี้
แม้เสียงหอนกึกก้องของหมาป่าจะไม่นาน แต่จากการรับรู้อันเฉียบคมที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของหลงเซี่ยวอวี่ เพียงชั่วขณะเดียวเขาก็หาจุดกำเนิดของเสียงได้อย่างแม่นยำ จึงรีบร้อนมาอย่างไม่รีรอ
เสียงกีบม้าค่อยๆ ใกล้เข้ามา
เวลาเดียวกัน ในป่าไม่ไกลก็ปรากฏเงาร่างสีแดงเย้ายวนขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง
เดิมทีเย่จื่อมู่นั้นไปแล้ว แต่เขาได้ยินเสียงหอนของหมาป่าที่เดิมกึกก้องไม่หยุดได้ไม่นานก็ขาดหายไป
เสียงหอนของหมาป่าที่หายไปอย่างกะทันหัน อยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก เขารู้สึกประหลาด จึงได้ย้อนกลับมาดู
เมื่อเขามองเห็นมู่จื่อหลิงบนต้นไม้ก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อครู่เสียงหมาป่าหอนกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ยายหนูผู้นี้ยังนอนหลับได้อยู่อีก ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
เด็กสาวผู้นี้รู้ว่าเขายังอยู่ข้างกายนางใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงวางใจ หลับลึกถึงขั้นฟ้าผ่าก็ยังไม่ะเื!
เพียงแต่ไม่คิดว่า ฝูงหมาป่าที่ยิ่งใหญ่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย สนามหญ้าที่เขียวชอุ่มมาแต่เดิมก็กลายเป็สีดำขลับส่งกลิ่นเหม็นของคาวเืคละคลุ้ง
เืสีดำพวกนี้คือ...ยาพิษ!
เย่จื่อมู่รู้สึกว่าน่าประหลาดยิ่งนัก!
เมื่อครู่นี้เกิดเื่ใดขึ้น? มิใช่อุบายของยายเด็กคนนี้ใช่ไหม?
แล้วเย่จื่อมู่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขามัดเข็มขัดบนต้นไม้เป็เงื่อนตาย มิอาจแกะได้อย่างสิ้นเชิง ยายเด็กผู้นี้จึงมิอาจลุกขึ้นได้
นอกจากนี้ถ้ายายเด็กคนนี้ฟื้นขึ้นมาพบว่าทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเืหมาป่า และไม่เห็นเขาแล้ว เช่นนั้นจะยังไม่โมโห และยังงีบหลับต่ออย่างสบายอารมณ์ได้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไร การหายไปของหมาป่าฝูงใหญ่ เหนือไปจากการคาดเดาของเขา ทว่าก็ยังมิได้ทำลายแผนการที่เขาวางไว้แต่แรก
เพราะยังมีสิ่งที่เหนือความคาดหมาย นั่นก็คือความเร็วของผู้ที่เขารอคอยนั้นมีมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
ดังนั้น...
เย่จื่อมู่คลี่รอยยิ้มร้ายกาจอันทรงเสน่ห์ ดวงตาเฉลียวฉลาดเปล่งประกายอย่างสนอกสนใจ
ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดเขาจะไม่ดูหลุมพรางที่เขาตั้งใจวางไว้แล้วค่อยไปเล่า
และมู่จื่อหลิงในยามนี้ที่หลับใหลไม่ได้สติ ก็ทำให้ละครฉากนี้แสดงออกมาได้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีกพอดี
ไม่รอให้อาชาเปินเหลยหยุดลง หลงเซี่ยวอวี่ก็เห็นชุดกระโปรงสีขาวที่ย้อมด้วยเืบนต้นไม้สูงตระหง่านในทันที
กระโปรงสีแดงโลหิตพลิ้วไหวไปตามลม แม้จะสวยงาม แต่ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
และคนที่อยู่บนต้นไม้ ใบหน้าที่งดงามมาแต่เดิมในยามนี้ถูกแต้มไปด้วยคราบโลหิตอันน่าหวาดกลัว
นางหลับตาทั้งสองข้างอย่างสงบเงียบ สองมือห้อยลงอย่างเป็ธรรมชาติ นอนพิงบนลำต้นไม้ที่ใหญ่และแข็งแรงไม่ไหวติง
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ...เขาจับลมหายใจแห่งการมีชีวิตอยู่ของนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่มีลมหายใจแล้ว?
มู่จื่อหลิงนาง...นาง...ไม่มีทาง!
เพียงชั่วพริบตา สีหน้าหลงเซี่ยวอวี่ก็เปลี่ยนไป สมองขาวโพลนไปทันใด
เงาร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ พุ่งตัวขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา!
หลงเซี่ยวอวี่มองมู่จื่อหลิงที่ตัวอ่อนปวกเปียกนอนอยู่บนต้นไม้เพียงลำพัง ก็หยุดหายใจทันที
ฉีอ๋องที่เยือกเย็นสุขุม หนักแน่นดั่งูเา ไม่ได้รับผลกระทบจากเื่ใดมาแต่ไหนแต่ไร ในชั่วขณะนี้ก็กระวนกระวายขึ้นมาแล้ว
ณ ขณะนี้ เขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของคราบโลหิตสีแดงบนตัวมู่จื่อหลิง
เขามองไม่เห็นแสงสีม่วงเจิดจ้าที่หมอบอยู่บนตัวมู่จื่อหลิงอย่างเรียบร้อย
เขาไม่สังเกตเห็นเข็มขัดสีแดงที่กลมกลืนไปกับกระโปรงย้อมสีแดงรัดบริเวณเอวของนางแน่น
เขาไม่ได้ไปคิดว่าทำไมมู่จื่อหลิงถึงถูกมัดอยู่บนต้นไม้
เขารู้เพียงว่า ผู้หญิงโง่งมที่กล้าโต้เถียงกับเขา กล้าถลึงตาใส่เขา กล้าไม่มีมารยาทกับเขา ร่างกายได้รับาเ็จนมีลมหายใจเพียงเบาบาง
เขารู้เพียงว่าเป็เพราะความประมาทเลินเล่อของเขา ทำให้มู่จื่อหลิงเกิดเื่ขึ้น
เย่จื่อมู่เห็นฉากนี้ มุมปากเย้ายวนก็โค้งยิ่งขึ้น ละครเื่นี้แม้ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ แต่เจริญหูเจริญตากว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
เขาส่ายศีรษะส่งเสียงจุ๊ๆ คิดไม่ถึงเลย เดิมก็แค่อยากทดสอบเล็กน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ
ฉีอ๋องผู้เ็าสูงศักดิ์ หยิ่งยโส นึกไม่ถึง...นึกไม่ถึงว่าจะเสียการควบคุมเช่นนี้
คุ้มค่าที่เขามารอบนี้จริงๆ
เย่จื่อมู่กลับไม่รู้เลยว่า เพียงแค่แผนเล็กๆ น้อยๆ ของเขานั้น ไม่เพียงพอจะทำให้หลงเซี่ยวอวี่ผู้เฉียบแหลมสูญเสียการควบคุม เหตุผลที่หลงเซี่ยวอวี่เสียการควบคุมจริงๆนั้นก็คือการหลับใหลของมู่จื่อหลิง หลับได้อย่างประจวบเหมาะ หลับเหมือน ‘ตาย’
ทว่า เย่จื่อมู่ก็ขำไม่ออกอย่างรวดเร็ว
เพราะ
หลงเซี่ยวอวี่ยื่นมืออันสั่นเทาน้อยๆ ไปอังลมหายใจของมู่จื่อหลิง เขายินยอมให้การสังเกตของเขาผิดพลาดเสียดีกว่า
แต่ ในยามนี้ััไม่ได้ถึงลมหายใจใดๆ ของมู่จื่อหลิงจริงๆ
“มู่มู่! มู่มู่!” หลงเซี่ยวอวี่เสียสติไปในชั่วพริบตา ร้องเรียกรอบแล้วรอบเล่า
เขาเขย่าตัวของมู่จื่อหลิงอย่างรุนแรง ดวงตาที่ยโสเ็ามาแต่เดิม เจือไปด้วยแววเ็ปอย่างลึกซึ้ง
มู่มู่ ขอโทษนะ...เปิ่นหวางมาช้าไป เปิ่นหวางไม่ควรให้เ้าสืบคดีนี้ด้วยตนเอง ไม่ควรให้เ้ามาที่ป่าสายหมอก ไม่ควร...
หลงเซี่ยวอวี่ในยามนี้รู้เพียงว่าส่วนที่ใกล้กับหัวใจทุกข์ทรมานราวกับถูกฉีกทึ้ง
สิ่งที่ตามมาคือหัวใจบีบรัดจนแทบขาดใจ เจ็บจนเขาจะหายใจไม่ออก
อีกด้านหนึ่ง
รอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเย่จื่อมู่ ชะงักค้างอยู่ที่มุมปากโดยพลัน สติหลุดในชั่วพริบตา
เกิดอะไรขึ้น? แม้นี่จะไม่ใช่การแสดง แต่ก็เกินไปแล้วกระมัง
นี่ นี่ดูเหมือนจะเล่นใหญ่ไปแล้ว!
เขาคลายจุดสลบของมู่จื่อหลิงไปแล้ว ต่อให้นางไม่สนใจเสียงเห่าหอนะเืฟ้าของหมาป่า สามารถนอนหลับบนต้นไม้ได้อย่างสบายใจเฉิบได้
แต่หลงเซี่ยวอวี่จะปลุกนางไม่ตื่นได้อย่างไร? และถูกเขย่าเพียงนี้จะยังไม่ตื่นได้อย่างไร?
แล้วถ้าเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ไม่ตาย ต่อให้หลงเซี่ยวอวี่กังวล ก็คงไม่สูญเสียการควบคุมเช่นนี้
หรือว่าเขาจะจับลมหายใจที่มั่นคงของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ไม่ได้?
ลมหายใจ? เมื่อครู่หลงเซี่ยวอวี่ทำอะไร? จับลมหายใจ?
หรือว่า...หรือว่าเสี่ยวหลิงเอ๋อร์จะไร้ลมหายใจ?
หรือว่าหลิงเอ๋อร์จะเกิดเื่ขึ้นจริงๆ? หรือว่าหลังจากที่เขาจากไปมีคนมา?
ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าเขา บอกเขาว่าเป็ไปได้
ในตอนนี้ หัวใจของเย่จื่อมู่ก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที เขารู้สึกผิดจนลำไส้เขียว ถ้ามู่จื่อหลิงเกิดเื่ขึ้นเพราะเขาจากไปจริงๆ เขาควรทำเช่นใดดี?
เย่จื่อมู่ยันกายลุกขึ้นในทันที ในใจทั้งตื่นตระหนกและร้อนรน เขาอยากเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อจับลมหายใจของมู่จื่อหลิง แต่ก็กลัวถูกหลงเซี่ยวอวี่พบเข้า
ทว่าเสี่ยวหลิงเอ๋อร์หมดสติไปจริงๆ เกิดเื่ขึ้นจริงๆ แล้ว เขาถูกพบแล้วเป็อย่างไร?
ดังนั้น เย่จื่อมู่จึงจะก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
แต่วินาทีต่อมา ฝีเท้าของเขาก็ชะงักลง!
หลงเซี่ยวอวี่ฉีกเข็มขัดสีแดงที่รัดเอวมู่จื่อหลิงอยู่อย่างระมัดระวัง เตรียมอุ้มนางลงไป
“โอ้กๆๆ” นายน้อยยังไม่ตาย
เสี่ยวไตกูที่ยังอยู่บนตัวมู่จื่อหลิง ร้องเสียงต่ำ
เมื่อครู่มันเห็นชายผู้นี้เขย่าตัวนายน้อยอยู่ตลอด ราวกับอยากให้นางฟื้นขึ้นมา ดังนั้นมันจึงรู้ว่าชายผู้นี้ จะต้องคิดว่านายน้อยเกิดเื่เหมือนมันก่อนหน้านี้เป็แน่
มันไม่กล้าร้องเสียงดัง เพราะสัญชาตญาณบอกมันว่า ชายผู้แข็งแกร่งน่าเกรงขามผู้นี้ในยามนี้อันตรายนัก หากยั่วโทสะเขาเข้า คงรับผิดชอบผลลัพธ์ไม่ไหวแน่
เป็เพราะเสียงร้องเบาๆ ของเสี่ยวไตกู ทำให้หลงเซี่ยวอวี่ฟื้นคืนสติกลับมา
หลงเซี่ยวอวี่ฉลาดในระดับใดกัน แม้เขาจะไม่เข้าใจความหมายของคางคกม่วง แต่เ้าคางคกม่วงตัวนี้เฉลียวฉลาดนัก เห็นมู่จื่อหลิงเปลี่ยนเป็เช่นนี้แล้ว มันยังคงสงบนิ่งเหมือนคราแรก อยู่บนตัวนางอย่างเรียบร้อย
ตอนนี้คางคกม่วงไม่โหวกเหวกโวยวาย นี่หมายความว่าอะไรกัน?
“นางยังไม่ตาย?” ดวงตาหงส์ของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงน้อยๆ ั์ตาปรากฏแววสงสัย ทว่าในใจกลับมั่นใจ
“โอ้ก”
เสี่ยวไตกูจึงร้องออกมาหนึ่งครั้ง แต่คิดว่าเขาฟังไม่เข้าใจ ดังนั้นมันจึงขยับร่างเล็กๆ อย่างทุ่มเทแรงใจ แสดงออกอย่างมั่นใจว่ามู่จื่อหลิงยังไม่ตาย
ไม่ตายจริงๆ? แล้วเหตุใด...
สีหน้าหลงเซี่ยวอวี่สว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้
เขายกมือไปกุมรอบข้อมือมู่จื่อหลิงทันที ชีพจรเต้นปกติ เพียงแต่ไม่มีลมหายใจ
ที่มู่จื่อหลิงสลบไปสามวันก็มีอาการเช่นนี้ มีชีพจรไร้ลมหายใจ
แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมู่จื่อหลิงจึงเป็เช่นนี้ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ในขณะนี้คือ...นางไม่เป็ไร!
หลงเซี่ยวอวี่จ้องมู่จื่อหลิงอยู่นาน มองคราบโลหิตบนร่างนาง และรอยแผลบนใบหน้า
ทันใดนั้น หลงเซี่ยวอวี่ก็ยกมือขึ้นช้าๆ เช็ดคราบเืน่าสยดสยองบนใบหน้ามู่จื่อหลิง
ไม่นาน ดวงหน้าเล็กขาวผ่องงดงามก็ปรากฏขึ้นสู่ครรลองสายตา ผิวนวลละเอียด ไม่มีร่องรอยตำหนิใดๆ ไม่มีร่องรอยได้รับาเ็
เย่จื่อมู่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบตกตะลึงไป
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่รู้แล้วว่าาแนั้นเป็ของปลอม
เช่นนั้นเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ไม่เป็ไรแล้ว? แต่เหตุใดนางยังไม่ฟื้น?
ไม่ใช่เพราะแผนการของเขาถูกค้นพบแล้ว? เลยถูกพวกเขาหลอกกลับกระมัง?
นี่มิใช่ขโมยไก่ไม่สำเร็จ แต่ยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือหรือ?
ไม่ว่าอย่างไร ยามนี้แน่ใจแล้วว่ามู่จื่อหลิงไม่เป็ไร หลงเซี่ยวอวี่ก็ได้สติกลับมาเป็ปกติแล้ว ที่แห่งนี้ไม่สะดวกจะอยู่ต่อ
เย่จื่อมู่ตัดสินใจในใจ เขาหันกายจากไปอย่างไร้สุ้มเสียง...
ดวงเนตรหงส์ของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงน้อยๆ เขาถูคราบโลหิตที่ติดอยู่บนท้องนิ้วอย่างใคร่ครวญ หลุบตามองเข็มขัดสีแดงที่ถูกเขาทิ้งไปใต้ต้นไม้
หางตาของเขาเหลือบไปเห็นป่าที่สั่นไหวเบาๆ ไม่ไกล ั์ตาปรากฏความเ็าอันหนาวเหน็บ
เย่ จื่อ มู่!
สายตาของหลงเซี่ยวอวี่ย้ายกลับมาที่มู่จื่อหลิง มองใบหน้าสงบของมู่จื่อหลิงนิ่งๆ ั์ตาคมปลาบและลุ่มลึก ราวกับหยั่งรู้ในทุกอย่าง
สตรีผู้นี้ถูกผู้อื่นช่วยชีวิตแล้วมัดไว้บนต้นไม้? เืหมาป่าติดอยู่ทั่วทั้งตัว...
เสียงหอนของฝูงหมาป่าเพื่อล่อเขามา? สีหน้าเ็าราวกับน้ำแข็ง
สมควรตาย! ถึงกับล้อเล่นครั้งใหญ่เช่นนี้กับเขา
-
เหตุผลที่มู่จื่อหลิงอยู่ในระบบซิงเฉินมาระยะหนึ่งแล้วเป็เพราะนางกำลังคิดค้นยาพิษชนิดใหม่
นางคิดว่าในเมื่อต้องรอให้คนมาช่วย ป่ากว้างใหญ่เพียงนี้การค้นหาคงไม่ได้รวดเร็วเพียงนั้น อีกอย่างนางไม่อยากไปฟังเย่จื่อมู่พูดจาไร้สาระอีก หาเื่ให้ตนเองโมโห
ดังนั้นนางจึงอยู่ในระบบซิงเฉิน ค้นคว้าพิษที่จัดการหมาป่าได้อย่างสมบูรณ์เสียเลย
จริงดังคาด ความพยายามไม่ทรยศผู้ที่ตั้งใจ นางคิดค้นยาพิษชนิดใหม่ออกมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นได้จริงๆ
และพิษชนิดนี้เพียงหยดลงไปบนพื้น มันก็จะกระจายไปได้ในวงกว้าง นี่สามารถจัดการหมาป่าที่จ้องเขม็งอยู่ใต้ต้นไม้ทันทีได้พอดี
จัดการหมาป่าได้ก็สามารถกลับไปได้แล้ว
มู่จื่อหลิงไม่รู้เลยว่า ด้านนอกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าฝูงหมาป่าได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่รู้ว่าเพราะการหลับลึกของตนเองทำให้เกิดเื่ผิดพลาดอันไม่คาดฝัน จนเกือบก่อตัวเป็ ‘เื่ใหญ่’
หลงเซี่ยวอวี่อุ้มมู่จื่อหลิงทะยานกายลงไป และในเวลานี้เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้