เล่มที่ 1 บทที่ 10
ด้วยเสียงกรีดร้องของยวี้เอ๋อร์ คิดว่าคงจะมีผู้คนมาที่นี่ในเร็วๆ นี้ วันนี้คึกคักจริงๆ เพราะเื่อื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับนาง มู่หรงฉิงขบคิดทีละเื่ตามลำดับ
“ยวี้เอ๋อร์ รีบประคองคุณชายคนนี้ออกไปเร็ว” หัวใจของนางร้อนเดือดแต่กระนั้นนางก็จำต้องกดไฟแห่งความโกรธเคืองไว้พร้อมเปล่งเสียงสั่งกำชับยวี้เอ๋อร์
ยวี้เอ๋อร์ดูเหมือนจะใทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างอย่างงุนงง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวั่นกลัว
“ได้โปรดช่วยประคองคุณชายรองออกไปโดยเร็ว” ยวี้เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้างและไม่กล้าก้าวเท้าไปข้างหน้า มู่หรงฉิงจำต้องหันไปหาจ้าวจื่อซินเพื่อขอความช่วยเหลือ
จ้าวจื่อซินยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปข้างหน้า เฉินเทียนหยูผู้กำลังนอนอยู่บนร่างของมู่หรงฉิงก็เริ่มสูดดมกลิ่นของมู่หรงฉิงอย่างดุเดือด “เอ๋! ตัวของเ้าหอมมาก ข้าชอบกลิ่นนี้มาก”
ขณะพูด ชายหนุ่มได้ฝังศีรษะไว้ที่ลำคอของมู่หรงฉิงพลางดมอย่างระมัดระวัง
“อืมๆ กลิ่นนี้ใช่เลย เป็กลิ่นโปรดของข้าเชียวล่ะ จ้าวจื่อซิน เ้าลองมาดมดูสิ กลิ่นคล้ายผลไม้นั่นมาก อยากกินจริงๆ เลย”
ระหว่างนั้น เฉินเทียนหยูก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางจ้าวจื่อซิน ครั้นเห็นจ้าวจื่อซินยื่นมือมาดึงเขา ดวงตาของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนเป็ดุร้าย “ไปให้พ้น ข้าอยากกินผลไม้ เ้าไปให้พ้น”
เฉินเทียนหยูมีท่าทีคล้ายกับเด็กที่ถูกขโมยขนมหวานในฉับพลัน เขาจ้องมองไปทางจ้าวจื่อซินอย่างดุร้ายพร้อมบีบลำคอของมู่หรงฉิง “ไม่อนุญาตให้เ้ามาฉกผลไม้ของข้าไปกิน ถ้าเ้ากล้าเข้ามา ข้าจะบีบผลไม้ให้เละเลย ถึงข้าจะเหยียบมันจนเละ ข้าก็จะไม่ให้เ้ากินด้วย”
ฝ่ามือของเฉินเทียนหยูที่กุมลำคอของมู่หรงฉิงกระชับแน่นขึ้นอย่างกะทันหัน ทางด้านมู่หรงฉิงก็สูดลมหายใจเข้าทันทีพร้อมกับเหลือกตามองจ้าวจื่อซินด้วยความตื่นตระหนก
เฉินเทียนหยูผู้นี้เป็คุณชายรองของตระกูลเฉินซึ่งเป็ตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยในเมืองหลวง ได้ยินมาว่า เมื่อสามปีก่อน เขากลายเป็คนคลุ้มคลั่งและโง่เขลาเป็ครั้งคราวโดยไม่รู้สาเหตุ อย่างไรก็ดีตระกูลเฉินซึ่งเป็ตระกูลที่ทำกิจการกับราชวงศ์ ได้ทำการค้ากับวังหลวง ย่อมมีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในเมืองหลวง ด้วยสาเหตุนั้นจึงมอบเทียบเชิญให้จวนเฉินมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย
แต่เหตุใดฮูหยินเฉินถึงได้พาเ้าลูกชายโง่งมมาร่วมงานเลี้ยงด้วย?
“ผลไม้หอมดีมาก ข้าชอบ ข้าชอบ” จ้าวจื่อซินเห็นว่าเฉินเทียนหยูมีท่าทีคล้ายจะคลุ้มคลั่ง เขาก็รีบก้าวเท้าถอยหลัง “คุณชายรอง อย่าวิตกกังวล ผู้น้อยไม่เข้าไปก็ได้ ผลไม้ยังไม่สุกดีเลย ถ้าคุณชายรองบีบมันจนเละ จะน่าเสียดายแย่เลย”
“น่าเสียดาย เฮอะ เฮอะ... น่าเสียดาย...”
จ้าวจื่อซินถอยห่างออกไป และความรุนแรงของเฉินเทียนหยูในการบีบมู่หรงฉิงก็คลายลงเช่นกัน เขาพูดว่า “ผลไม้หอมดีมาก”
ในที่สุดก็สามารถหายใจได้ มู่หรงฉิงไออย่างอ่อนแรง เนื่องด้วยยากระดูกอ่อนออกฤทธิ์แล้ว นางจึงไม่มีแรงจะผลักเฉินเทียนหยูออกไป มิหนำซ้ำเฉินเทียนหยูยังคงนอนทับอยู่บนร่างกายของนาง และก้มศีรษะดอมดมอย่างหนัก “หอมดีมาก ข้าชอบ”
กลิ่นหอม? นางไม่ชอบกลิ่นกำยาน บนเสื้อผ้าของนางก็ไม่มีกลิ่นหอมด้วย ถ้าพูดถึงกลิ่นหอมจะต้องเป็เพราะการเกล้าผมของวันนี้เป็แน่ เนื่องด้วยมีการใช้น้ำมันใส่ผม กลิ่นของน้ำมันนั่นหอมสดชื่นละมุนละไมเป็อย่างมากคล้ายกับกลิ่นผลไม้บางชนิด
เมื่อก่อนนางมักจะเกล้าผมอย่างเรียบง่าย จึงไม่จำเป็ต้องใช้น้ำมันใส่ผมใดๆ แต่การเกล้าผมในวันนี้ แม่นมจิ่นเป็คนเกล้าให้ น้ำมันใส่ผมชนิดนั้นเป็น้ำมันใส่ผมที่แม่นมจิ่นและยวี้เอ๋อร์เป็คนเลือกครั้งที่ไปซื้อของในตลาดเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว...
ยวี้เอ๋อร์... ยวี้เอ๋อร์... เ้าปูทางให้วันนี้ ั้แ่ครึ่งเดือนที่แล้วกระนั้นหรือ
ไม่สิ! เมื่อนับรวมวันเวลาที่หยกแขวนส่วนตัวได้หายไปเมื่อสองสามเดือนก่อน ยวี้เอ๋อร์ได้ปูทางสำหรับวันนี้ั้แ่เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาแล้ว
“ข้าชอบกลิ่นนี้ หอมมาก ข้าอยากกินผลไม้ ข้าอยากกินผลไม้”
ยามนี้เฉินเทียนหยูคล้ายเด็กที่หาสิ่งของอันเป็ที่โปรดปรานเจอแล้ว เขาออกอาการดีใจ เพิ่มความไร้เดียงสาให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอยู่หลายส่วน ทว่าหัวใจของมู่หรงฉิงกลับจมลงสู่ก้นบึ้งไปแล้ว
ภายใต้การจ้องมองด้วยความตื่นตระหนกหวาดหวั่นของนาง เฉินเทียนหยูก็ยังคงก้มศีรษะลงมาแลบลิ้นเลียมุมปากของมู่หรงฉิง “หือ? ไม่หวาน”
ด้วยการกระทำของเฉินเทียนหยู มู่หรงฉิงรู้สึกเหมือนมีเสียงะเิตูมในสมอง ก่อนที่จะตอบสนอง นางก็ได้ยินเสียงตำหนิ “เทียนหยู เ้าทำอะไรของเ้า?”
ถัดจากนั้นตามมาด้วยเสียงหอบหายใจ เสียงประหลาดใจและเสียงถอนหายใจซึ่งทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกเหมือนมีเมฆสีดำปกคลุมอย่างท่วมท้น นางถึงกับหายใจไม่ออก
เสียงตำหนินั้นทำให้เฉินเทียนหยูเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเม้มริมฝีปาก “ท่านแม่ นางกลิ่นหอม แต่นางไม่หวาน”
ระหว่างเฉินเทียนหยูเอ่ยปากพูดถ้อยคำนั้น เขาก็ไม่ได้ลุกออกจากร่างของมู่หรงฉิง แต่กลับดมที่ลำคอของนางต่อหน้าผู้คนคล้ายกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง “ทำไมไม่หวานล่ะ?”
“เ้าสารเลว จ้าวจื่อซิน ยังไม่ดึงเ้าเลวคนนี้ออกไปอีก” ฮูหยินเฉินโมโหมาก มือทั้งสองข้างของนางถึงกับสั่นเทาพลางชี้ไปทางจ้าวจื่อซินพร้ะโกนอีกหน
“รับทราบ ฮูหยิน” จ้าวจื่อซินรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดึงเฉินเทียนหยู คราวนี้เนื่องจากเฉินเทียนหยูไม่ชอบในความไม่หวานของมู่หรงฉิง เขาจึงลุกขึ้นจากเรือนร่างของมู่หรงฉิงด้วยตัวเอง จากนั้นเดินเข้าหาฮูหยินเฉินด้วยท่าทีไม่รู้ประสาพร้อมใบหน้าเศร้าเสียใจ “ท่านแม่ ข้าอยากกินผลไม้ ข้าอยากกินผลไม้ นางไม่อร่อย นางไม่อร่อย”
ไม่อร่อยหรือ?
“พี่หญิงที่น่าสงสารของข้า เหตุใดถึงถูกคนกระทำอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้เล่า?” สายตาเย้ยหยันของทุกคนมองไปทางมู่หรงฉิงซึ่งนอนอยู่บนพื้นไม่อาจลุกขึ้นได้ จังหวะนั้นมู่หรงยวี่ก็ร้องไห้อย่างเศร้าใจพลางเดินไปหาอีกฝ่ายสองสามก้าวเพื่อช่วยประคองมู่หรงฉิง และแสร้งทำตัวคล้ายเป็พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว
“พี่หญิงนะพี่หญิง พี่อย่าร้องไห้เลย อย่าร้องไห้เลยนะ ท่านย่ากับท่านพ่อจะต้องเรียกคืนความยุติธรรมให้พี่อย่างแน่นอน”
ร้องไห้? มู่หรงฉิงเหลือบมองไปทางมู่หรงยวี่ด้วยสายตาเ็า แต่มู่หรงยวี่กลับซับผ้าเช็ดหน้าที่ดวงตาของมู่หรงฉิงคล้ายกับจะเช็ดน้ำตาให้มู่หรงฉิง
ทันทีที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ มู่หรงฉิงก็รู้สึกว่าดวงตาแสบร้อนจากสารเผ็ดบนผ้าเช็ดหน้า และน้ำตาก็ไหลซึมออกมาทันควัน
“พี่หญิงนะพี่หญิง พี่อย่าร้องไห้อีกเลย ท่านย่ากับท่านพ่อจะต้องให้ความเป็ธรรมกับพี่อย่างแน่นอน” หยาดน้ำตาเริ่มไหลพรูออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื่องจากฤทธิ์ยากระดูกอ่อน นางจึงต้องเอนตัวลงบนร่างของมู่หรงยวี่อย่างไร้เรี่ยวแรง ทำให้มู่หรงฉิงมีท่าทางคล้ายถูกคนรังแกจริงๆ
“ฮูหยินผู้เฒ่า แม่นมฟางและแม่นมจิ่นถูกคนชกจนหมดสติไปแล้ว”
ทันใดนั้นหลิ่วชิงที่อยู่ด้านข้างฮูหยินผู้เฒ่าก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา
“จุๆ เหมือนกับเข้ามาในห้องเพื่อก่อความผิด …คุณชายรองเฉินท่านนี้เริ่มไม่เกรงกลัวกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ”
“เดิมทีก็โง่งมอยู่แล้ว แต่ดันจะพามาที่นี่ด้วยนี่สิ”
“เอ๋! ใน่เวลาร่วมงานเลี้ยงก็ไม่เห็นคุณชายรองเฉินไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้ล่ะ?”
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าคนโง่งมก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่มู่หรงเป็หญิงงาม จึงเป็ต้นเหตุของการมาก่อความผิดในคราวนี้?”
ด้วยคำพูดที่เริ่มจะน่าเกลียดมากขึ้น ส่งผลให้ฮูหยินผู้เฒ่า มู่หรงอั้น ตลอดจนฮูหยินเฉินปรากฏสีหน้าไม่สู้ดี
“ฮูหยินเฉิน เ้าจะอธิบายเื่นี้ว่าอย่างไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าเปล่งเสียงฮึอย่างไม่สบอารมณ์ นางระงับเสียงสนทนาเ่าั้ และเอ่ยถามฮูหยินเฉินด้วยท่าทีเ็า
ฮูหยินเฉินสับสนเช่นเดียวกัน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฉินเทียนหยูมาที่นี่ั้แ่เมื่อใด? เห็นๆ อยู่ว่าออกไปนอกเมืองแล้ว เหตุใดเขาถึงมาที่ห้องส่วนตัวของคุณหนูใหญ่มู่หรงเพื่อก่อความผิดเล่า?
“ท่านย่า ข้า…” มู่หรงฉิงอ้าปากพูดแต่กลับถูกมู่หรงยวี่แย่งพูดขึ้นเสียก่อน “พี่หญิง พี่อย่าได้วิตกกังวล พี่อย่าได้วิตกกังวลเลยนะ ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของพี่ถูกทำลายแล้ว ท่านย่าจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับพี่อย่างแน่นอน”
ความบริสุทธิ์ถูกทำลาย หากเหตุการณ์ที่ถูกคนโง่งมล่วงเกินแพร่สะพัดออกไป แม้มู่หรงฉิงจะเป็เหยื่อจากการถูกลวนลาม ถึงกระนั้นนางก็ไม่ถึงกับถูกผู้คนหัวเราะเยาะมากเกินไป แต่คำพูดของมู่หรงยวี่กลับบิดเบือนความหมาย โดยทำให้ทุกคนคิดว่ามู่หรงฉิงถูกเฉินเทียนหยูทำลายความบริสุทธิ์ในห้อง เวลาถัดมาเมื่อนาง้าจะหนีก็ถูกเฉินเทียนหยูจับไว้ ถึงได้เห็นภาพฉากเหตุการณ์เช่นนั้น
“เ้าหยุด...”
“พี่หญิง พี่อย่าได้วิตกกังวลไปเลย เวลานี้คุณชายรองเฉินได้ทำลายความบริสุทธิ์ของพี่แล้ว ย่อมต้องสู่ขอพี่แต่งงานอย่างแน่นอน เป็ความผิดของคุณชายรองเฉิน เขาย่อมต้องมอบตำแหน่งภรรยาเอกให้กับพี่ และต้องไม่ปล่อยให้พี่ต้องกลายเป็อนุ เนื่องจากสูญเสียพรหมจารีก่อนแต่งงานอย่างแน่นอน”
คำพูดของมู่หรงยวี่ทำให้มู่หรงฉิงหงุดหงิด รู้สึกแน่นหน้าอกจนแทบจะเป็ลมหมดสติ
ทางด้านฮูหยินเฉินกำลังคิดวิธีแก้ปัญหาก็ถึงกับดวงตาเป็ประกายหลังจากได้ยินถ้อยคำของมู่หรงยวี่ “ฮูหยินผู้เฒ่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้เกิดขึ้นไปแล้ว จวนเฉินสัญญาว่าจะยกขบวนขันหมากยาวถึงสิบลี้ พร้อมด้วยเกี้ยวแปดคันมาสู่ขอคุณหนูใหญ่”
เื่เกิดขึ้นไปแล้วกระนั้นหรือ?
มู่หรงฉิงกระวนกระวายอย่างมาก นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักมู่หรงยวี่ออกไป แต่ด้วยสภาพร่างกายของมู่หรงฉิง นางจะผลักมู่หรงยวี่ออกไปได้เสียที่ไหน? ทว่าอยู่ๆ มู่หรงยวี่กลับปล่อยมือ ทำท่าเหมือนถูกมู่หรงฉิงผลักออกห่างจนต้องถอยกลับไปสองสามก้าว “พี่หญิง ยวี่เอ๋อร์รู้ว่าพี่รู้สึกขื่นขม...”
เนื่องจากไม่มีมู่หรงยวี่ช่วยประคอง มู่หรงฉิงจึงล้มลงกับพื้นทันที หยาดน้ำตาที่ไม่ทันได้ซับก็ไหลรินลงมา กระทั่งดวงตาทั้งสองข้างของนางยังพร่ามัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหยาดน้ำตาจะไหลรินออกมามากกว่าเดิม
ท่าทางเช่นนั้นของมู่หรงฉิงช่างน่าเวทนาเสียจริง
หลังจากมู่หรงฉิงล้มลง เฉินเทียนหยูก็เข้ามาหาอย่างอยากรู้อยากเห็น ชายหนุ่มนั่งยองๆ ตรงหน้ามู่หรงฉิงพลางเอื้อมมือออกไปซับหยาดน้ำตาที่อยู่ใต้ตาของนาง ก่อนจะเอามาชิมโดยปราศจากการแจ้งเตือน จากนั้นเขาก็ทำหน้าคล้ายรังเกียจ “น้ำนี้ไม่หวานเลย มันเผ็ด”
เผ็ดกระนั้นหรือ? ทุกคนล้วนรู้ดีว่าน้ำตามีรสฝาด มันจะเผ็ดได้อย่างไร? ครั้นได้ฟังคำพูดของเฉินเทียนหยู ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณชายรองเฉินคนนี้โง่เขลาจริงๆ
มีเพียงจ้าวจื่อซินที่ยืนอยู่ด้านข้างคนเดียวเท่านั้นที่กะพริบตา เขารีบก้าวเท้าไปข้างหน้า ท่าทีคล้ายพยายามช่วยพยุงเฉินเทียนหยูให้ลุกขึ้น “คุณชายสอง ผู้น้อยมีผลไม้ให้กิน”
ระหว่างพูด เขาได้หยิบผลไม้ขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากเสื้อ ผลไม้นั้นมีลักษณะเป็ลูกกลม เปลือกสีแดง บ่งชี้ให้เห็นว่ามันสุกงอมเต็มที่ มู่หรงฉิงอยู่ในระยะใกล้จึงได้กลิ่นหอมของผลไม้จางๆ
ใช่! กลิ่นนี้เลย กลิ่นของน้ำมันทาผมของนางคือกลิ่นนี้
“โธ่! หล่นแล้ว” เฉินเทียนหยูเอื้อมมือไปหยิบมัน แต่เขากลับไม่ได้จับให้แน่นเป็สาเหตุให้ผลไม้ร่วงหล่นลงไปที่พื้น เฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินจึงก้มลงหยิบมันขึ้นมาพร้อมกัน จากมุมสายตาที่ทุกคนมองไม่เห็น จ้าวจื่อซินได้นำสิ่งที่คล้ายกันยัดใส่มือของมู่หรงฉิง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงซึ่งได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ภายในเจ็ดสิบสองชั่วยาม จะสามารถคลี่คลายร้อยพิษ”
ครั้นเอ่ยจบเขาก็หยิบผลไม้ขึ้นมา พร้อมพาเฉินเทียนหยูไปยืนตรงหน้าของฮูหยินเฉิน
มู่หรงฉิงไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของจ้าวจื่อซิน แต่นางใช้จังหวะระหว่างลุกขึ้น ก้มศีรษะลง พร้อมนำมันเข้าปาก
ด้วยเพราะนางไม่มีทางออก ในขณะเดียวกันนางก็ไม่สนว่า จ้าวจื่อซินจะเป็คนที่เชื่อถือได้หรือไม่ และไม่อาจสนใจว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ นาง้าเพียงยาสำหรับคลี่คลายฤทธิ์ยากระดูกอ่อนโดยเร็วที่สุด
“คุณชายรองเฉินหมายจะแต่งงานกับคุณหนูมู่หรงคนนี้จริงๆ หรือ?” เสียงอันนุ่มนวลและอ่อนโยนของหนิงสุ่ยรั่วดังขึ้นทำลายบรรยากาศอันหดหู่ “คุณหนูมู่หรงตัวหอมจริงๆ หรือไม่”
หลังจากพูดจบ หนิงสุ่ยรั่วก็ยกมือขึ้นกุมริมฝีปากพร้อมคลี่ยิ้ม นางมองไปทางมู่หรงฉิงอย่างเย้ยหยัน ซึ่งไม่อาจอธิบายออกมาเป็คำพูดได้
“แต่งงาน ท่านแม่ ข้าอยากจะแต่งงานกับนาง นางกลิ่นหอม นางกลิ่นหอม” เฉินเทียนหยูเอ่ยขึ้นเมื่อได้ฟังคำพูดของหนิงสุ่ยรั่ว จากนั้นก็กัดผลไม้ไปพลาง ะโอย่างตื่นเต้นไปพลาง “ข้า้านาง นางกลิ่นหอม ข้า้าให้นางอยู่เคียงข้างข้าตลอดเวลา นางกลิ่นหอม”
“ฮ่าๆ... คุณชายรองเฉินอย่าพูดตลกสิ คุณหนูมู่หรงมีทักษะการต่อสู้อยู่นะ เ้าไม่กลัวว่านางจะต่อสู้กับท่านหรือ?” คนอยู่ด้านหลังพูดสัพยอก
“นางเอาชนะข้าไม่ได้ ครู่ก่อนข้าต่อสู้กับนางแล้ว แต่ท้ายที่สุดนางก็เอาชนะข้าไม่ได้” ภายใต้สายตาการจ้องมองอย่างกระวนกระวายใจของฮูหยินเฉิน เฉินเทียนหยูพูดบางอย่างซึ่งทำให้นางวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น “นางกลิ่นหอม ข้าเลียแล้ว แต่นางกลับไม่หวานเลย แต่งงานกับนาง แล้วเอาไปปลูกไว้ นางก็จะหวานแล้ว”
ตูม…
มู่หรงฉิงผู้ซึ่งเพิ่งได้รับการช่วยประคองจากยวี้เอ๋อร์ ล้มลงอย่างอ่อนแรงทันทีที่ได้ยินคำพูดของเฉินเทียนหยู วลีของเฉินเทียนหยูยังดังก้องหูอย่างต่อเนื่อง ‘ของข้า’ ‘ของข้า’