เวลาต่อมา…
19:30น.
เซฟเฮาส์ของไดร์ฟ
ห้องนอนไดร์ฟ….
พรึบ
“ชื่อเล่นไดร์ฟ…ชื่อจริงนายดรัณภพเดชชัชพงษ์อายุ27ปี……ชื่อในวงการท่านไดร์ฟแห่งเดอะปรินซ์ชื่นชอบการร้องเพลงมาก…และการCover Dance..และเบรกแดนซ์มากฝีมือ…”
“เมื่อปี2015…เขาได้แต่งเพลงลงโซเชียลยอดวิวขึ้นทะลุหลักร้อยล้านในชั่วข้ามคืนและปี2018เขาได้สมัครเข้าแข่งขันรายการเฟ้นหานักร้องนักเต้นหน้าใหม่ของค่ายเพลงั์ใหญ่TEจนสามารถคว้ารางวัลชัยชนะไปได้”
“และในปี2019เขาได้เดบิวต์เป็หนึ่งในสมาชิกวง THE PRINCEจากค่ายเพลงTEและเขาได้เป็หัวหน้าวง…”
“โอ้โห….เก่งนะเนี่ย…” ฉันเอ่ยชมผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันโดยที่เขาเอาศีรษะของเขาเอนซบลงมาบนไหล่ของฉันโดยมีฉันนั่งอ่านประวัติของเขาจากในแมคบุ๊คของฉันที่ทางการ์ดส่งคืนมาให้ฉันแล้ว และฉันก็จะอยู่ค้างที่นี้เพื่อดูแลไดร์ฟอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
“เหรอ?” เขาเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบอย่างไม่ได้สื่อออกว่าดีใจที่มีคนกำลังชื่นชมเขาอยู่
“แล้วเธอล่ะ….เริ่มเขียนนิยายั้แ่เมื่อไหร่?”
“อยากรู้เื่ของฉันเหรอ?” ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ที่อยู่ๆ เขาก็ถามเื่ของฉัน
“เธอเป็คนแรกที่ฉันอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ….อาจจะเป็เพราะฉันคิดถึงแม่ด้วยล่ะมั้ง” ไดร์ฟเอ่ยออกมา ฉันควรจะดีใจใช่ไหมที่เขาพูดแบบนี้ ที่เขาบอกว่าฉันเหมือนแม่เขา….ใช่สิฉันควรจะดีใจนะ
“แม่นาย…ท่านไม่อยู่แล้วเหรอ?”
“ฉันขอโทษนะ…ที่ถาม…นายไม่ต้องตอบฉันก็ได้…” ฉันเอ่ยบอกไดร์ฟไปหลังจากที่เห็นว่าเขาเงียบไปและฉันก็คิดได้ว่า ฉันไม่ควรจี้จุดเขาเพราะบางทีการที่ทำให้เขาอารมณ์ดิ่งจนคิดสั้นได้อาจเป็เพราะการกระทบกระเทือนจิตใจเขาเื่แม่ของเขาก็ได้นะ
“อืม…ไม่เป็ไรหรอก…แม่ฉันเสียั้แ่ฉันอายุยี่สิบแล้วล่ะ…”
“เจ็ดปีกว่าแล้วเหรอ?”
“อืม….แต่ทำไมอาการนายเพิ่งมาดิ่งเมื่อปีนี้?” ฉันว่าอย่างสงสัย
“เธอจะบอกว่าฉันเป็โรคซึมเศร้าใช่ไหม?” ไดร์ฟถามฉันกลับมาเสียงแ่เบาอย่างคนที่พอจะรู้ตัวแล้ว ว่าเขากำลังป่วยอยู่จริงๆ
“ใช่….นายอยากหายหรือเปล่าล่ะ?” ฉันเอ่ยถามเขาไป เป็ในจังหวะเดียวกันกับที่เราสองคนหันมาจ้องหน้ากันพอดี
“อยากหาย…เธอจะช่วยฉันได้ป่ะล่ะ….”
“ได้สิ^_^” ฉันว่าพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างคนที่เต็มใจ
“งั้น….เธอก็กอดฉัน….แบบที่เธอกอดฉันตลอดได้ไหม?”
“นายรู้ไหม…ถ้าแฟนคลับนายรู้ว่าฉันได้กอดกับท่านไดร์ฟาาแห่งเดอะปรินซ์มีหวังพวกเธอเอาฉันตายแน่!” ฉันพูดไปพลางขนลุกไป เพราะไม่อยากจะจินตนาการการเลยถ้าเื่นี้รู้ไปถึงหูเหล่าแฟนคลับของไดร์ฟฉันจะมีสภาพเป็ยังไง
“ก็ช่างดิ….ฉันไม่แคร์” ไดร์ฟว่าอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ฉันแคร์” ฉันสวนเขากลับไปทันทีจะไม่ให้ฉันแคร์ได้ไง เพราะฉันมีโอกาสไปเยี่ยมชมยมทูตได้เลยน่ะนั้น
“ฉันก็แคร์…” ไดร์ฟพูดสวนขึ้นมาอีก
“อะไรของนาย…” ฉันถามไดร์ฟไปอย่างงงๆ ที่เขาเปลี่ยนคำได้ง่ายซะเหลือเกิน
“ฉันแคร์แค่เธอ^_^”
“มุขจีบหญิง….?” ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไป เขาก็ยิ้มบางๆ ให้ฉัน มันทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาเพราะฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มแต่พอเขายิ้มแบบนี้มันช่างสดใสจัง ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนคลับของไดร์ฟได้เยอะอย่างถล่มทลายแบบนี้ ก็เพราะเขายิ้มทีหัวใจแทบจะละลายยังไงล่ะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น…?” ไดร์ฟเอ่ยถามฉันอย่างสงสัยพลางขยับใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาใบหน้าของฉันจนปลายจมูกของเราแตะกันอย่างแ่เบา
“ไดร์ฟ….นายจะใช้ข้ออ้างว่านายป่วยซึมเศร้าแล้วจะมาจูบฉันบ่อยๆ แบบนี้ไม่ได้นะ…” ฉันว่าอย่างเหนื่อยใจ ที่ไดร์ฟกำลังใช้ริมฝีปากของเขาคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากของฉัน เขาจ้องแต่จะจูบปากฉันอีกแล้ว
“ทำไมอ่ะ…ก็ฉันอยากจูบเธอ….” ไดร์ฟเอ่ยออกมาพลางทำสีหน้าอย่างเอาแต่ใจ ฉันก็กระพริบตาปริบๆ เมื่อมองไปที่ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของไดร์ฟที่มันเผยอขึ้นเล็กน้อย
“ฉัน…เคยอ่านนิยายของเธอด้วยนะ…”
“มันมีฉากสยิวด้วย….เธอเคยทำกับแฟนเหรอ? ถึงได้เขียนจนเห็นภาพนึกว่าไปแอบอยู่ใต้เตียงขนาดนั้น..”
“ไดร์ฟ…คนป่วยซึมเศร้าเขาไม่มีอารมณ์อย่างว่ากันหรอกนะ” ฉันเอ่ยเสียงเข้มเถียงเขาไป เขาก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจนะแต่ก็ไม่ยอมผละใบหน้าให้ถอยห่างออกไปจากฉันอยู่ดี
“ว่าแต่…นายเคยอ่านนิยายของฉันเมื่อไหร่กัน?”
“ก็ตอนเธอหลับ….ฉันแอบเห็นหนังสือนิยายในกระเป๋าเธอ…ที่การ์ดเอามาให้…ฉันก็เลยเปิดอ่านดู…”
“เขียนใช้ได้เลยนะ…สนุกเลยล่ะ…”
“สนุกจนฉันรู้สึกว่า….อยากลอง….”
“นิยายเล่มนั้น….ที่เขาบอกว่าใช้เซ็กส์บำบัดซึมเศร้า..”
“ไดร์ฟ….นี่นายอ่านมันจนจบเลยเหรอ?” ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปด้วยท่าทางเอียงอายที่ไดร์ฟอ่านนิยายสิบแปดบวกเล่มนั้นของฉันจนจบ มันเป็เื่ราวที่นางเอกที่ป่วยเป็โรคซึมเศร้าพระเอกเป็มาเฟีย สองคนใช้เซ็กส์บำบัดซึมเศร้าน่ะ ฉันเขียนเป็ในแนวทางสื่อเื่อย่างว่ามากกว่าเนื้อหาของเื่แต่มันกลับโด่งดังเปรี้ยงปร้างได้ตีพิมพ์ถึงสองครั้งแหนะ
“เธอ….ลองใช้มันกับฉันได้ไหม….” ไดร์ฟว่าเสียงอ่อนแววตาของเขาหวานหยดย้อยจนใครมองต้องคล้อยตามแน่
“ไดร์ฟบ้า!!” ฉันร้องเสียงหลงก่นด่าเขาไปอย่างเอียงอาย มีผู้หญิงมากมายที่พร้อมจะพลีกายให้เขา แต่เขาจะมาร้องขอฉันโต้งๆ แบบนี้เลยเหรอเนี่ย ฉันเป็ผู้หญิงมีพ่อมีแม่จะมาขอแบบนี้ได้ยังไงกัน ไอ้หื่นไดร์ฟ!!
“ฉันมีแฟนแล้ว!” ฉันว่าเสียงเข้มหน้าตาเข้มขรึมใส่ไดร์ฟไป เขาก็ยักคิ้วให้ฉันข้างหนึ่งก่อนจะไหวไหล่เล็กน้อย
“ก็ว่าอยู่แล้วเชียว….การแต่งซีนรักของเธอ…ดุเดือดเืพล่านขนาดนั้น…”
“หยุดพูดเลยไดร์ฟ!”
ก๊อกๆๆๆๆ
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ….” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงหวานใสของคุณป้าแม่บ้านเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันใรีบใช้มือดันไหล่เปลือยเปล่าของไดร์ฟให้ถอยห่างออกไปจากฉันเพราะฉันเขินอายป้าแม่บ้านยังไงล่ะ
“เข้ามาได้เลยค่ะ^_^” ฉันเอ่ยอนุญาตป้าแม่บ้านพร้อมกับหยิบผ้านวมผืนใหญ่ออกไปจากร่างกายฉันและรีบลนลานเดินลงมาจากเตียงนอนเพื่อไปรอดูอาหารของเย็นวันนี้
พรึบ
“วันนี้เป็เมนูง่ายๆ นะคะ….กุ้งล็อบสเตอร์กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดค่ะ^_^”
“น่าทานมากเลยค่ะป้า^_^”
“ขอบคุณนะคะ…” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณป้าแม่บ้านและมองไปยังรถเข็นอาหารที่มีกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่บิ๊กเบิ้มอยู่ห้าตัว
“ค่ะ…ป้าขอตัวก่อนนะคะ…อยากได้อะไรเพิ่มเรียกป้าได้นะคะ^_^”
“ค่ะป้า^_^” ฉันยิ้มให้ป้า เขาก็เดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับปิดประตูให้ฉันเสร็จสรรพ ฉันก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่และก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมหวนของกุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่สีส้มที่ยังร้อนๆ อยู่เลย
“ไดร์ฟ”
“อะไร?” ไดร์ฟเอ่ยถามฉันเสียงห้วนหน้าตาบูดบึ้งแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดน้อยลงเลยสักนิด คนอะไรหล่อไม่มีที่ติ แม้สภาพของเขาในตอนนี้จะยังไม่ได้อาบน้ำและเซตผมเหมือนตอนอยู่บนเวทีก็เถอะ แต่เขาก็ยังหล่ออยู่ดี
“ทานกุ้งไหม?”
“ไม่อ่ะ…” ไดร์ฟตอบฉันเสียงนิ่งก่อนจะขยับเอนตัวลงไปบนที่นอนของเขา คนที่เป็โรคซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่ออาหาร และฉันก็รู้มาว่าไดร์ฟไม่ทานข้าวมาหลายวันแล้วและที่สำคัญเมื่อเข้าก่อนที่ฉันจะมาเขากินยานอนหลับไปสิบเม็ดแต่ทางต้นสังกัดกลับไม่ยอมพาไดร์ฟไปหาหมอเลยสักนิด ใจดำจริงๆ กลัวเป็ข่าวมากกว่ากลัวศิลปินในค่ายตาย!
“อ้ำๆๆๆ ….อร่อยจริงๆ ^_^” ฉันพูดพร้อมกับทำหน้าฟินทันทีที่กุ้งล็อบสเตอร์เข้าปากฉันความนุ่มนิ่มละมุนและเคี้ยวเพลินพร้อมกับน้ำจิ้มรสชาติเด็ดเป็อะไรที่บรรยายออกมาเป็คำพูดไม่ได้จริงๆ พูดได้คำเดียวว่า
“อร่อย…” ฉันกินไปและก็พูดไปว่าอร่อยอย่างนู้นอย่างนี้เพื่อเรียกร้องและเรียกน้ำย่อยของคนที่นอนบนเตียงนุ่มพร้อมกับกับคลุมผ้าห่มทั้งตัวแบบนั้น หึไดร์ฟนายอดทนในการยั่วยวนของฉันได้ไม่นานหรอกหึ^_^