เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอาณาทะเลระทม แล้วยังเป็ผู้แข็งแกร่งทะเลระทมอันยาวนานเช่นจางซานคนนี้อีก ไม่มีใครคิดเลยว่าเ่ิูจะรอดชีวิตได้
ระยะห่างระหว่างสองอาณา มากเทียบเท่าฟ้าห่างจากดิน
เวินหว่านตะบึงตะบอนเข้าไป เพราะเขาคิดว่าลางร้ายมีมากกว่าลางดี
กระทั่งหลิวจงหยวนยังมีไฟปะทุในอกเร่าๆ เขารั้งเวินหว่านไว้ไม่ได้ เขาตัดสินใจไม่สนหน้า์วิมานอะไรทั้งนั้นแล้วว่าเสียงดัง “หัวหน้าจาง ท่านพาลเกินไปแล้ว เ่ิูเป็ดวงดาราในอนาคตของอาณาจักร มีความดีความชอบต่อด่านโยวเยี่ยน ท่านพูดว่าฆ่าท่านก็ฆ่า ท่านทำเื่พวกนี้มาหลายปีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เกินขอบเขตไป วันนี้ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ”
หลิวจงหยวนฉีกหน้าไม่เหลือชิ้นดี
หลินหลาง อีซานเช่อและคนอื่นๆ หัวเราะเสียงเย็น
จางซานหันขวับไปทันที เขามองเวินหว่านและหลิวจงหยวนแววตาเย็นเยียบ ใจแผ่รังสีสังหาร “เฮอะๆ หมากัดไม่เห่า พวกเ้าสองคนเป็ใคร ก่อนหน้านี้ต่อหน้าข้าแม้แต่จะตดยังไม่กล้าตด ตอนนี้โดดกัดเรอะ? เหอะๆ ข้าจะฆ่าคน หรือว่าต้องขออนุญาตหมาสองตัวเช่นพวกเ้าอีก พอใจแล้วหรือยัง?”
“ไอ้สถุล พ่อจะลุยให้รู้ดำรู้แดง!” เวินหว่านเส้นอารมณ์ขาดผึงเหมือนเสือบ้า เขาปรี่เข้าไปจะจัดการ
ทันใดนั้นเอง
“แม่เ้าโว้ย เ้าเวิน ยั้งมือไว้ก่อน”
เสียงอันคุ้นเคยดังแว่วมา
หมู่ชนตาพร่ามัว พวกเขามองเห็นร่างๆ หนึ่งระยิบระยับออกมาจากกลุ่มฝุ่นหลังจางซาน เขารั้งเวินหว่านเอาไว้
ชุดขาวราวหิมะ
เป็เ่ิูไม่ผิดตัว
“ปล่อยข้า แม่มันเถอะ” เวินหว่านเมื่อถูกรั้งเอาไว้ ปฏิกิริยาแรกคือตะเบ็งเสียงค่อนข้างมีโทสะ ทว่าตะเบ็งได้ครึ่งเสียงก็ตาสว่าง เขาหันหน้าไปมอง เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏอยู่ข้างกายตัวเอง เด็กที่คิดว่าตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
เขาอึ้งสนิท
“น้องเย่ เ้า...ยังมีชีวิตอยู่หรือ?” หลิวจงหยวนที่ใจมั่นคงกว่าใคร ตอบสนองก่อนเพื่อน
เ่ิูทำหน้าไม่แยแส เขาว่า “ข้าบอกแล้วนะพี่หลิว เชื่อใจข้าอีกสักหน่อยไม่ได้หรือไง ใครบอกว่าข้าตายเล่า? เฮอะๆ ข้าเป็คนที่แม้แต่เยี่ยนปู้หุยก็ยังฆ่าไม่ตายเชียวนะ อยากจะฆ่าข้า ไม่ว่ามันเป็ใคร น่ากลัวว่าต้องชดใช้สิ่งที่มันกระทำด้วยล่ะนะ!”
หลิวจงหยวนยังไม่ทันพูดอะไร เวินหว่านก็ะเิเสียก่อน
“ไอ้เด็กเวร” เวินหว่านคำรามลั่นเหมือนเสือบ้า ชกหมัดกระแทกอกเ่ิูไปทีหนึ่ง “ข้าเพิ่งบอกเ้าไปหยกๆ ว่าถ้าไม่มีเื่อะไรก็อย่าทำให้คนใสิวะ เ้าหลอกข้าอีกแล้ว เ้าจะล้อข้าเล่นให้ตายเลยใช่ไหม!”
“พรวด”
เ่ิูพ่นเืออกมาสายหนึ่ง
“เฮ้? ไม่เป็ไรนะ?” เวินหว่านใ รีบหยุดหมัดที่สองที่พุ่งออกไปแล้วทันที
เ่ิูหน้าเบ้ “ถ้าเ้าต่อยข้าอีกสองสามหมัดข้าได้เป็ไรแน่...พูดก็พูดเถอะเ้าเวิน เ้าช่วยอ่อนโยนลงหน่อยได้ไหม ทุกครั้งที่เจอข้าเป็ต้องหมัดเข่าศอกเตะทุกที รุนแรงจนข้าจวนจะมีแรงกดดันทางจิตตอนเจอเ้าอยู่แล้ว”
เวินหว่านโบกหมัดอย่างโกรธแค้น “พ่อไม่เป็ห่วงไอ้เด็กเวรอย่างเ้าหรอก...”
เ่ิูซาบซึ้งใจนัก
เวินหว่านและหลิวจงหยวนฉีกหน้าจางซานที่เป็ระดับหัวเรือใหญ่ผู้นี้ในสถานการณ์คับขันเพื่อเขา จางซานเป็ใครกัน? เ่ิูได้ล่วงรู้ทุกอย่างในวันนี้ สองคนนี้ต่อว่าจางซานต่อหน้าคนมากมายเพื่อเขา ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนกันเล่า?
โดยเฉพาะหลิวจงหยวน ก่อนหน้านี้แม้เ่ิูจะนับเขาเป็เพื่อน แต่ก็เป็แค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ เ่ิูรู้แล้วว่า แม่ทัพกองโจรนามหลิวจงหยวนผู้นี้เป็ชายชาตรี เป็ชายชาติทหารที่ควรค่าพอให้เขาญาติดีด้วย
เ่ิูไม่ถนัดการใช้ถ้อยคำพรรณนาความรู้สึกของตัวเอง
แต่เขาจะจำเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ไม่มีวันลืมเลือน
เวินหว่านตรวจดูร่างกายเ่ิูั้แ่หัวจรดเท้า หลังยืนยันว่าไม่มีาแฉกรรจ์อะไร ถึงค่อยเบาใจลงได้
คนอื่นๆ กลับตกอยู่ในความตื่นตระหนกขั้นสูงสุด เนิ่นนานอย่างไม่อาจถอนตัว
เ่ิูรอด?
แล้วสภาพาแก็ไม่ได้ร้ายแรงด้วย...
นี่มัน...
สายตานับคู่ไม่ถ้วนมองตรงไปยังจางซาน
ผู้าุโของกองทัพท่านนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะไล่ฆ่าเ่ิูั้แ่แรก แล้วคลื่นพลังปราณสั่นะเืแทบทลายหอคอยอาชาขาว ดังกัมปนาทน่ากลัวถึงสามครั้งนั่น มันเป็เพราะอะไรเล่า? หรือว่าเพราะเ่ิูแข็งข้อต่อจางซาน?
ไม่ว่าหลินหลาง อีซานเช่อหรือนายทัพใหญ่คนอื่นๆ คนอื่นจากอิทธิพลหลายกลุ่มล้วนรู้สึกว่าเื่นี้ช่างพิลึกกึกกือ
“เป็อย่างไรมาอย่างไรกันแน่นะ?” หลินหลางเข้าไปใกล้อย่างลับๆ ล่อๆ เขาถามจ้าวหรูอวิ๋น
จ้าวหรูอวิ๋นหน้าซีดขาว เขาส่ายหน้าไม่พูด
ต่อให้เขาเป็หมูโง่ แต่ก็ยังมองออกว่าครานี้ต้องห้ามแพร่งพรายเื่ที่เกิดขึ้นในโถงใหญ่นั่นออกไปเป็อันขาด หาไม่แล้วจางซานต้องไม่มีทางไว้ชีวิตเขา สำหรับจางซานแล้ว เื่เมื่อครู่นี้คือความอัปยศอดสูครั้งมโหฬาร ความอัปยศที่จะให้ใครอื่นรับรู้ไม่ได้เป็อันขาด
จ้าวหรูอวิ๋นทั้งะเืใจและตื่นตะลึงถึงขีดสุด
เขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าเ่ิูสามารถต่อกรกับจางซานได้ หนำซ้ำยังทำจางซานาเ็อีกด้วย
เขามองเ่ิูไม่ออกจริงๆ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ จ้าวหรูอวิ๋นสาบาน ว่าชีวิตนี้จะไม่มีทางไปเผชิญหน้ากับพวกประหลาดเหนืุ์เช่นเ่ิูอีกเลย แม้ว่าใจจะต้องแบกรับความพ่ายแพ้และสิ้นหวังมากเพียงใด แต่เขาก็ต้องยอมรับ ว่าตัวเขากับเ่ิูนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันอีกต่อไปแล้ว
บรรยากาศในโถงใหญ่ช่างน่าประหลาด
“ไอ้หนุ่ม ข้าไม่นึกเลยว่าเ้าจะมีแนวทางอยู่หลายสาย ข้าเลินเล่อไป” จางซานมองเ่ิู น้ำเสียงนั้นสงบลงบ้าง “แต่ลำพังตอนนี้ จะคว่ำข้าได้นั้นยังอีกยาวไกล พวกเรารอดูกันดีกว่า วันหลังได้เจอของจริงแน่”
เอ่ยจบ จางซานก็หันกายเดินออกไปจากห้องโถง
กลุ่มคนที่บุกเข้ามาทางประตูใหญ่รีบหลีกทางกันเป็พัลวัน เหมือนหลีกทางให้ผี งู เทพหรือแมงป่อง
จางซานพาจ้าวหรูอวิ๋นเดินออกจากห้องโถง ออกจากหอคอยอาชาขาว ตรงสู่ถนนหนทางไกลออกไปช้าๆ ภายใต้ความคุ้มครองขององครักษ์สี่นาย
ยามนี้เอง ที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
แสงสายัณห์สุดท้ายแห่งดวงตะวัน สาดส่องบนพื้นถนน
เวลาแห่งการหวงห้ามใกล้เข้ามา คนบนถนนน้อยเหลือใจ ถนนจึงปลอดโปร่งโล่งสบาย
กายของจางซานในตอนนี้ค่อนข้างเดียวดายท่ามกลางแสงตะวันรอน
ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้หันหน้ากลับไปมองหอคอยอาชาขาว
เพราะหันหลังให้ดวงอาทิตย์ ร่างกายบังเส้นแสง ใบหน้าของเขาจึงมีเงามืดปกคลุมจนเลือนรางอย่างมาก แต่ดวงตาคู่คมยาวดั่งดาบนั้น มีแสงแห่งฤดูหนาวสะท้านพาดผ่าน แวบเดียวก็จางหาย
คนที่ได้เห็นแววตานั้นล้วนกลัวกันหัวหด
จวบจนจางซานและคนอื่นเดินลับไปตรงหัวมุมถนนแล้วนั้น คนส่วนใหญ่จึงค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง
สายตาทุกคู่กลับไปมองเ่ิูอีกครั้ง
จากความะเืใจครั้งมโหฬาร ทำให้ทุกคนเริ่มประเมินเด็กหนุ่มคนนี้เสียใหม่
ตอนแรกคิดว่าเขาเป็แค่คนมีบทเล็กๆ เท่านั้น ถึงได้ไม่เคยคิดอะไรให้มากความ ทว่าเมื่อคิดกลับไปยังเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กคนนี้เข้ามายังด่านโยวเยี่ยน ผู้คนจึงค่อยๆ เริ่มคิดได้ว่านายคนใหม่แห่งหอคอยอาชาขาวนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างน้อยเมื่อดูจากเื่วันนี้ มีความเป็ไปได้มากว่าเ่ิูต่อต้านหมัดทั้งสามของจางซานไว้ได้
พลังของเ่ิู หรือจะเข้าอาณาทะเลระทมแล้วกันนะ
แม้มิใช่อาณาทะเลระทม ก็ต้องเข้าเส้นเขตแดนอาณาเต็มทีแล้วเถอะ
นี่คือข้อตัดสินใจในใจของทุกคน
เทพ์ ผู้แข็งแกร่งอาณาทะเลระทมอายุไม่ถึงสิบหกหรือ?
แค่จินตนาการถึงสัดส่วนพลังเื้ั คนบางคนก็หน้ามืดตาลายแล้ว
“เย่โหวเหย่ไม่เป็ไรข้าก็เบาใจ วันนี้ข้าไม่รบกวนท่าน ข้าขอลา วันหน้าจะมาเยี่ยมเยียนเย่โหวเหย่ขอรับ” พลทหารจากทัพฝ่ายขวาคนหนึ่งยกมือคำนับพลางเอ่ย
คำพูดนี้ช่างหลักแหลม แสดงความเป็มิตรอยู่บางๆ อีกด้วย
เมื่อเขาเอ่ยเริ่มเต้น คนอื่นๆ ก็พลอยทำบ้าง
“เย่โหวเหย่เป็วีรบุรุษอายุน้อยอย่างที่ข้าคิด”
“กองทัพ่นี้วุ่นวายนะ”
“ข้าขอลา!”
“นิสัยวัยรุ่นต้องเพิ่มความระมัดระวังหน่อยนา”
คนอื่นเปิดปากพูดคนละประโยคสองประโยค บ้างก็แสดงความเป็มิตร บ้างก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปตามเื่ จากนั้นก็พากันคำนับลา เื่วันนี้ซับซ้อนไม่น้อย สองฝ่ายที่งัดข้อกันอยู่ล้วนโหดทั้งสิ้น คนมากมายแม้จะเคารพเ่ิู แต่ก็ไม่อาจทำผิดต่อจางซานได้ ดังนั้นจึงรีบกล่าวลาเพื่อกันไว้ก่อน
เ่ิูไม่พูดมาก เขาเพียงยิ้มแล้วคำนับส่งเท่านั้น
ในเวลาอันรวดเร็วนัก คนที่เคยเข้ามาแออัดกันเต็มห้องโถงก็หายไป กลุ่มคนที่บุกเข้ามาบัดนี้กลับกันไปหมดแล้ว
“น้องเย่ ข้าเองก็ต้องกลับก่อน คืนนี้ข้าต้องเข้าเวรยาม อีกครึ่งชั่วยามก็ต้องเข้างานแล้ว วันหน้าเราค่อยพบกันอีก” หลิวจงหยวนถอนหายใจเปลาะหนึ่งก็คำนับลาบ้าง
“พระคุณพี่ใหญ่หลิวช่วยเหลือข้าในวันนี้ ชิงหยูมิกล้าลืม” เ่ิูไม่ขอไปที เขาแสดงท่าทีตนอย่างชัดเจน
หลิวจงหยวนยิ้ม เขาพยักหน้า แล้วพาองครักษ์ใต้อาณัติหันหลังเดินจากไป
“ต้นหลิวใหญ่ วันหน้าข้าเวินหว่านจะไปชดใช้ความผิดแก่เ้า หลายวันก่อนข้าติดเ้าไว้มาก วันนี้ข้าต้องยอมรับ ว่าต้นหลิวใหญ่คือชายชาติทหาร ข้าเหล่าเวินยอมแพ้เ้า” เวินหว่านรุดไปะโเสียงดัง
หลิวจงหยวนโบกมือโดยไม่หันมามอง เป็สัญญาณบอกว่าเขารู้แล้ว
“เ้าคนนี้ นับได้ว่าจิตใจดี กล้าพูดด้วย” เวินหว่านสองมือกอดอก เอ่ยกลั้วหัวเราะ
เ่ิูพยักหน้า เขาเอ่ยเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง “ใช่แล้ว หากในกองทัพนี้เป็ชายชาตรีเช่นพี่ใหญ่หลิวหมดทุกคน คนแบบเ้าจางซานจะกำแหงขึ้นมาได้อย่างไร...ทหารโยวเยี่ยน ถ้าใคร่จะเก็บกวาดเผ่าปีศาจแดนหิมะให้หมดสิ้น ดูจากสภาพการณ์ตอนนี้น่ากลัวว่าจะยาก”
เวินหว่านหัวเราะแล้วด่า “เ้าเด็กเวรนี่ ไม่รู้เื่อะไรเลย จางซานพาลขนาดนั้นเพราะมีเหตุผลของมัน ไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่เ้าคิดหรอกนะ เด็กอย่างเ้าตอนนี้ดังะเิแน่ แต่ความวุ่นวายใต้การยั่วยุนั้นก็มีไม่น้อย เวลาไหนควรอ่อนก็อ่อนๆ เสียบ้างเถอะ วันนี้เ้ายั่วโมโหจนจางซานเ้าบ้าลงมือเอง...”
เ่ิูเผยยิ้ม “ข้าจงใจยุให้เขาลงมือเอง”
“หือ?” เวินหว่านชะงัก พลันก็ว่าอย่างขุ่นเคือง “หมายความว่าอะไร กลัวอายุยืนเรอะ? เ้ามันบ้า”
เ่ิูหัวเราะมีเลศนัย เขาตอบ “ข้าต้องมั่นใจก่อนถึงทำเช่นนี้สิ จางซานอยู่อาณาทะเลระทมก็จริง แต่ลือกันว่าเขาเลือกเข้าอาณาทะเลระทมั้แ่ตอนมีน้ำพุิญญาสามสิบห้าตา ดังนั้นจึงเป็แค่ผู้แข็งแกร่งทะเลระทมปลอมเท่านั้น ที่ข้ายั่วโมโหให้เขาจู่โจมก็เพราะอยากจะลองดูเสียหน่อย”
“เ้านับได้ว่าบ้าโดยแท้” เวินหว่านถลึงตามอง “อาณาทะเลระทมปลอม สำหรับจอมยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาแล้ว ก็เป็ูเาใหญ่ที่ข้ามผ่านไม่ได้อยู่ดี เ้ากลับ...”
เ่ิูยิ้มไม่เอื้อนเอ่ย
เวินหว่านรู้แกวแล้ว “ไอ้เด็กนี่ ทำไมจู่ๆ รู้เื่พวกนี้ได้? เข้าใจรายละเอียดเบื้องลึกของจางซาน ใครบอกเ้าหา? แล้วยัง...เ้าบอกข้ามาตามสัตย์จริง เ้าอยู่อาณาไหนแล้ว?”
...
...
หลิวจงหยวนเดินออกมาจากหอคอยอาชาขาว รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลือนหาย
คำพูดของเขาวันนี้ที่หอคอยอาชาขาว สำหรับเขาแล้ว เป็การคัดเลือกความสัมพันธ์ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง
แตกหักกับคนประเภทจางซาน เป็เื่ที่เขาในสามเดือนก่อนหน้าแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิด
สำหรับแม่ทัพกองโจรเช่นนี้ จางซานแค่สะบัดข้อมือหน่อยเดียวก็สามารถโยนเขาเข้าตารางได้แล้ว
แม้จะไม่พอใจกับพฤติกรรมของจางซาน แต่หลิวจงหยวนก็เลือกที่จะหลบซ่อนต่อไป
แต่ว่าวันนี้ กระทั่งตัวเขาเองยังไม่อาจเข้าใจ ว่าทำไมถึงได้กล้าต่อว่าจางซานต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นได้
แต่เขากลับไม่เสียดาย
เพราะเขาได้มิตรภาพที่แท้จริงจากเ่ิู
กลับกันเหล่านายทหารคนอื่นด้านหลังตัวเขาล้วนมีสีหน้าหมองเศร้า เป็กังวลแทนแม่ทัพของตัวเอง
ตอนที่เดินผ่านโรงน้ำชานั้นเอง ก็มองเห็นร่างอันคุ้นเคยสองร่างเดินออกมาจากโรงน้ำชา เป็เซียนภาพหลิวอวี่หลางและเด็กหนังสือคู่ใจของเขาซิ่งเอ๋อร์