หมื่นกระบี่ห้อยอยู่กลางอากาศในความว่างเปล่า ที่นี่ดุจอาณาจักรแห่งกระบี่ กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนขวางอยู่บนร่างของเซียวเฉินดั่งเขตแดนตามธรรมชาติ ตัดขาดเซียวเฉินจากโลกภายนอก ไม่มีทางเข้ามาได้
เพราะเจตจำนงกระบี่นั้นน่ากลัวยิ่งนัก
เซียวเฉินเกิดความรู้สึกหวาดกลัว เวลานี้ เขามั่นใจว่าการสืบทอดสายนี้ต้องทำให้ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานพ่ายแพ้อย่างแน่นอน อีกทั้งาแบนร่างก็น่าจะได้มาจากที่นี่มากกว่า
เหนือศีรษะมีหมื่นกระบี่อยู่กลางอากาศ ใต้เท้าคือกองกระดูกขาวโพลน
ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
สายตาของเซียวเฉินลึกล้ำ เขายังคงปล่อยเจตจำนงกระบี่ออกจากร่าง แต่ประสิทธิภาพที่ได้กลับน้อยนิด ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่ที่อยู่เบื้องหน้า เขาดูน่าขำสุดขีดดั่งหิ่งห้อยกำลังประชันแสงกับจันทร์กระจ่าง
เขาไม่มีทางเลือก ในเมื่อก้าวมาแล้ว เขาก็จำเป็ต้องเดินต่อไป
เซียวเฉินมองความว่างเปล่าด้วยสายตาแน่วแน่และเอ่ยช้าๆ “ทำอย่างไรข้าจึงจะได้รับสืบทอดมรรคากระบี่?”
สิ่งที่ตอบคำถามเขาคือเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังสะท้านฟ้า
เซียวเฉินเงียบไป เวลานี้ เขาจะรุกก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ หากถอนตัวย่อมหมายความว่าการสืบทอดล้มเหลว แต่หากรุดหน้า เขาจะต้องถูกฟันใต้คมกระบี่ ต่อให้เป็เซียวเฉินก็ไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์เช่นนี้
เสียงคำรามของกระบี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ปราณกระบี่โอบล้อมเซียวเฉินไว้ราวกับพายุคลั่ง สภาวะยิ่งใหญ่ไพศาลดุจคลื่นั์กระทบฝั่ง ปราณกระบี่พวยพุ่งกัดกร่อนร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง มีสายฟ้าหมุนวนรอบกาย ปราณกระบี่ปะทะกับสายฟ้า เกิดสะเก็ดไฟรอบทิศ แต่เซียวเฉินก็ยังได้รับาเ็ มีาแเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน โลหิตสดย้อมเสื้อผ้าจนกลายเป็สีแดงฉานอย่างช้าๆ
เซียวเฉินดูกระเซอะกระเซิงเป็พิเศษ แต่เขายังสงบนิ่ง หลับตาทั้งสองข้าง ราวกับกำลังรับรู้อะไรบางอย่างทั้งยังเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดุจวางตัวอยู่วงนอกและตัดขาดจากเื่อื่น เวลาผ่านไปสามวัน าแบนร่างของเซียวเฉินหายดีแล้วเป็แผล เป็แผลแล้วหายดีอยู่ซ้ำๆ แต่เขาก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว
ผ่านไปอีกสามวัน เซียวเฉินก็ยังเป็เช่นเดิม
ฟิ้ว ฟิ้ว ....
ลมแรงพัดเป็ระลอก เจตจำนงกระบี่ทะยานฟ้าดั่งสามารถทำลายฟ้าดิน ทันใดนั้น เซียวเฉินก็ลืมตา ดวงตาเปล่งประกาย เจตจำนงกระบี่ทั่วร่างมารวมตัวในฉับพลันปะทะกับเจตจำนงกระบี่ในความว่างเปล่า ผสานเป็หนึ่งเดียวกับกฎเกณฑ์มรรคากระบี่ที่อยู่ระหว่างฟ้าดินและขึ้นลงตามเจตจำนงกระบี่นั้น
ปราณกระบี่แข็งแกร่งเขาก็แข็งแกร่ง แข็งแกร่งราวกับว่าระหว่างฟ้าดินมีเพียงกระบี่นี้เท่านั้น กระบี่เดียวสามารถสะบั้นฟ้าดิน สะบั้นสุญตา ผ่าแยกฟ้าพร่างดาวออกจากกัน เจตจำนงกระบี่อ่อนแอเขาก็อ่อนแอ อ่อนแอดุจระหว่างฟ้าดินมีขนห่านเพียงเส้นเดียว หากมีลมพัดมาเบาๆ ก็ปลิวหายไป
ตูม!
เจตจำนงกระบี่นับพันนับหมื่นร่วงจากฟ้า จู่โจมลงบนร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินกระอักโลหิตจนต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกเ็ปเส้นชีพจรทั่วร่างราวกับกระบี่เมื่อครู่ได้ทำลายเขา
“เพราะเหตุใด?”
เซียวเฉินมองความว่างเปล่าแล้วเอ่ยถาม
“เพราะเ้าไม่คู่ควร แม้เ้ามีพร์ยอดเยี่ยม แต่กลับไม่คู่ควรที่จะควบคุมมรรคากระบี่ระดับสูงสุด ไปเสียเถอะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะฟันเ้า!” เสียงนั้นโอหังสุดขีด ราวกับว่าเขาเป็เ้านายที่ควบคุม์แห่งนี้ได้
เซียวเฉินลุกขึ้นถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แหลมคม “ในเมื่อท่านยอมรับว่าข้ามีพร์ยอดเยี่ยม แล้วเหตุใดจึงไม่คู่ควรที่จะควบคุมมรรคากระบี่ระดับสูงสุด?”
“เพราะความสามารถของเ้าไม่คู่ควรที่จะได้รับการยอมรับจากข้า!”
ประโยคเดียว ปลุกเร้าิญญากระบี่นับพันนับหมื่น
เขาบอกว่าไม่คู่ควรได้รับการยอมรับจากเขา
เขาเป็ใคร? เขาเป็มรรคากระบี่ระดับสูงสุดหรือ?
เซียวเฉินไม่ได้จากไป แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รับรู้มรรคากระบี่และท่วงทำนองกระบี่ทุกวัน พริบตาก็ผ่านไปสิบวัน เซียวเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจตจำนงกระบี่คุกคามเขาน้อยลงทุกขณะและไม่กล้าแข็งดุดันเช่นในอดีต
มุมปากของเซียวเฉินโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มโดยไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นจมอยู่ในการรับรู้ต่อไป เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เซียวเฉินควบคุมเจตนารมณ์ของมรรคากระบี่ในนั้นได้เล็กน้อยแล้ว ความก้าวหน้าเช่นนี้ทำให้เขาปีติยินดี
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานที่อยู่โลกภายนอกต่างตั้งตารอด้วยสีหน้าตึงเครียด
เซียวเฉินก้าวเข้าประตูบานที่สี่ไปหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด หากมิใช่ชายชราบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าคนทั้งสองคงนึกว่าเซียวเฉินตายอยู่ในนั้นแล้ว
“พี่ ท่านว่าพี่ใหญ่เฉินจะผ่านด่านประตูที่สี่ได้หรือไม่?” ฉู่เยียนหรานถาม ใบหน้าน้อยๆ เต็มไปด้วยความกังวล นิ้วมือกำชายเสื้อ ท่าทางสับสน
“ไม่รู้” ฉู่หยวนส่ายศีรษะ เขากับฉู่เยียนหรานไม่ผ่านด่านประตูบานที่สี่เช่นเดียวกัน าแทั่วร่างเกิดจากเจตจำนงกระบี่ทำร้าย ส่วนเซียวเฉินเข้าประตูบานที่สี่ไปหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ถึงเซียวเฉินมีความสามารถขั้นเสวียนเต๋า ฉู่หยวนก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก
เซียวเฉินจะผ่านด่านได้หรือไม่...
เซียวเฉินมุ่งมั่นอยู่ในความว่างเปล่าโดยไม่ใส่ใจโลกภายนอก เวลาหนึ่งเดือนทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปมาก ขัดเกลาเจตจำนงกระบี่ของตนเองให้สอดคล้องกับมรรคากระบี่ทุกวัน หนวดเคราขึ้นรก เหมือนผู้ฝึกกระบี่โดยสมบูรณ์
ดุจมือกระบี่ที่พเนจรไปสุดหล้า
วันหนึ่ง แสงจรัสร้อยจั้งก็เปล่งจากร่างของเซียวเฉิน พลังแห่งแสงสว่างกวาดม้วนความว่างเปล่า เปลวอัคคีพวยพุ่งกลืนกินฟ้าดิน กระบี่นับหมื่นลอยค้างอยู่ด้านหลัง เหมือนเซียวเฉินกลายร่างเป็ราชันแห่งกระบี่ที่ปกครองราษฎรทั่วหล้า
เวลานี้ เซียวเฉินจึงเอ่ยเรียบๆ “ตอนนี้ ข้าคู่ควรที่จะควบคุมมรรคากระบี่ระดับสูงสุดได้หรือยัง?”
เสียงนั้นไม่ตอบ เหมือนเป็การยอมรับเงียบๆ
เซียวเฉินยิ้มบางๆ กระบี่หนักเบิกฟ้าที่ได้รับการชำระล้างจากหมื่นกระบี่ปรากฏขึ้นในมือ เจตจำนงกระบี่พวยพุ่งรุนแรง เบิกฟ้าถูกหลอมสร้างขึ้นใหม่ เจตจำนงกระบี่ระดับสูงสุดปั้นเบิกฟ้าให้กลายเป็ก้อนเหล็ก จากนั้นขึ้นรูปเป็กระบี่ใหม่ ยามสร้างคมกระบี่สำเร็จ มีแสงเทพร่วงจากเวิ้งนภามาชำระล้างกระบี่
เซียวเฉินแค่รู้สึกว่าเวลานี้เบิกฟ้าะเิพลัง
จากนั้นเห็น้าคมกระบี่มีอักษรเล็กๆ หนึ่งแถวเขียนว่า ‘กระบี่นามเหยี่ยนเทียน [1]’ …
“เหยี่ยนเทียน...” เซียวเฉินพึมพำ
จากนั้นถือกระบี่ก้าวออกจากประตูคุณสมบัติบานที่สี่ช้าๆ แล้วย่างเข้าประตูบานที่ห้า
วินาทีที่เซียวเฉินเดินออกมา มรรคากระบี่ก็แผ่ซ่านทั่วร่าง สามารถฟันสุญญากาศเป็เสี่ยงๆ เจตจำนงกระบี่อันกล้าแข็งทำให้วังทั้งหลังสั่นไหว
วิ้ง!
ในประตูบานที่ห้า มิติเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อนดุจห้วงเวลาที่สับสน ทำให้เซียวเฉินไม่เข้าใจว่าคุณสมบัติของประตูบานนี้คืออะไร?
“หรือว่านี่คือ...คุณสมบัติของมิติ?”
สายตาของเซียวเฉินฉายแววตกตะลึง จากนั้นลิงโลด คุณสมบัติของมิติต้องเป็พลังแห่งคุณสมบัติที่แข็งแกร่งสุดๆ และถึงขั้นเหนือกว่ามรรคากระบี่อย่างแน่นอน เพราะมรรคากระบี่แกร่งกร้าว แต่คุณสมบัติของมิติสามารถฆ่าคนได้โดยไร้ลักษณ์ ลอบสังหารได้อย่างไร้เทียมทาน
คิดไม่ถึงว่าประตูบานที่ห้าจะเป็การสืบทอดคุณสมบัติมิติ
“แต่ข้าไม่เคยฝึกวิชาที่มีคุณสมบัติมิติมาก่อน จะผ่านการสืบทอดสายนี้ได้อย่างไร?” เซียวเฉินกลัดกลุ้ม ในเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างคัมภีร์หงสาานิรวาณก็ไม่ได้บันทึกเคล็ดวิชาที่มีคุณสมบัติมิติไว้ เขาจึงไม่เข้าใจคุณสมบัติมิติโดยสิ้นเชิง
ไม่รู้จะลงมือจากตรงไหน
ตูม!
ร่างของเซียวเฉินสั่นะเื มีหลุมดำปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับสัตว์ปิศาจปากกว้างดุร้ายที่กลืนกินได้ทุกสิ่ง ทำให้เซียวเฉินตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เพิ่งสิ้นเสียงของเซียวเฉิน ร่างกายก็ถูกหลุมดำกลืนกิน เบื้องหน้าเป็ผืนสีดำสนิท เมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้น เซียวเฉินจึงพบว่าตนอยู่ที่ส่วนลึกของฟ้าพร่างดาว เพียงเอื้อมมือก็ััดวงดาวได้ พละกำลังอันกล้าแข็งทำให้เซียวเฉินใ
“นี่ข้าอยู่ในห้วงฟ้าพร่างดาวหรือ…”
เซียวเฉินพึมพำ “แต่ในฟ้าพร่างดาวกับคุณสมบัติมิติมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?”
ระหว่างที่เอ่ยวาจาก็มีดาวตกวาบผ่าน เห็นได้ถึงพลังอันกล้าแข็ง พริบตาก็ผ่านไปหลายสิบปีแสง [2] แวบเดียว แม้จะอยู่ตรงหน้า แต่กลับอยู่ห่างเป็ระยะทางอันน่าสะพรึงถึงหลายปีแสง ทันใดนั้น ดวงตาของเซียวเฉินก็เปล่งประกาย
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
---
[1] เหยี่ยนเทียน แปลว่า บุกเบิก แผ่ขยายท้องฟ้าให้กว้างออกไป ล้อกับคำว่า เทียนเหยี่ยน ในอี้จิงมีคำกล่าวว่า ตัวเลขต้าเหยี่ยนเกิดจากไท่จี๋ เป็ตัวเลขแห่งการแผ่ขยาย มหามรรคมีตัวเลขเต็มห้าสิบ เทียนเหยี่ยนมีตัวเลขสี่สิบเก้า มักจะไม่สมบูรณ์พร้อมและเหลือทางรอดไว้สายหนึ่ง
[2] ปีแสง หมายถึง ระยะทางที่แสงเดินทางได้ในเวลาหนึ่งปี มีค่าเท่ากับ 9.4607×1012 กิโลเมตร = 63,241.077 หน่วยดาราศาสตร์ = 0.30660 พาร์เซก