อวิ๋นซีมองบุตรสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม ดวงหน้าน้อยๆ มีสีหน้าราวกับเป็ผู้บริสุทธิ์นางถามด้วยความกรุ่นโกรธเล็กน้อย “ตกลงว่า วันนี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่? ” ตอนที่ได้ยินว่าบุตรสาวเกิดเื่ขึ้นในวัง ทำให้นางใไม่น้อย
ถึงกระนั้นนางก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ไม่ควรให้บุตรสาวตนเข้าวัง
หวานหว่านอึกอึกอักอักบอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเื่ที่นางจัดการฮองเฮาด้วยและหลังจากที่เื่ราวทั้งหมดถูกเล่าจากปากบุตรสาว อวิ๋นซีก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตนควรจะบรรยายอารมณ์ความรู้สึกในยามนี้อย่างไรดี
หรือเด็กคนนี้จะไม่รู้ว่า การทำเช่นนั้นอันตรายแค่ไหน อีกทั้ง คนยังเด็กถึงเพียงนี้เหตุใดจึงได้มีเจตนาที่ไม่ดีมากมาย ทั้งยังหาญกล้าริอาจคิดจัดการกับเสด็จย่าของตัวเองเด็กคนนี้ช่างกล้าเกินไปแล้วจริงๆ
“แท้จริงแล้วลูกก็ไม่อยากทำเช่นนั้นหรอก แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่า สตรีชราผู้นั้นรังแกเสด็จพ่อและเสด็จแม่เช่นไรในใจข้าก็รู้สึกโกรธ...” หวานหว่านพูด ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มเริ่มแดงก่ำแล้วนางบิดปากน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ “อีกประการ ข้าก็แค่พูดไปสองสามประโยคเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่านางจะมีปฏิกิริยามากมายเพียงนั้น คนคงจะทำเื่อันใดไม่ดีไว้กระมัง”
คำตอบของเด็กน้อยทำให้อวิ๋นซีที่ได้ยินมีสีหน้าดำคล้ำ ผู้เป็มารดาพูดว่า“เื่เ่าั้ล้วนเป็เื่ของผู้ใหญ่ ส่วนเ้าเป็แค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยทำไม?อีกประการ หากนางอยากจะพบเ้า เ้าก็เลือกได้ว่าจะไปพบหรือไม่หากไม่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรพวกเราสามารถปิดประตูจวนและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแค่นี้ก็ย่อมได้เ้าจะโกรธเพียงนั้นทำอันใด? ”
หวานหว่านรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ การที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็การระบายความโกรธให้บิดามารดาตนนี่นา
“เ้ายังจะกล้ามาน้อยใจอีก หากว่าวันนี้ คนที่เสด็จปู่ของเ้าเลือกจะเชื่อไม่ใช่เ้าแต่เป็ฮองเฮา ตัวเ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าจะทำเช่นไรต่อไป หวานหว่าน เ้ายังเด็กโลกและความคิดของผู้ใหญ่ล้วนเป็สิ่งที่เ้ายังไม่มีทางเข้าใจได้ ดังนั้นแม่เพียงอยากจะบอกเ้าว่า วันหน้าพวกเราจะทำเช่นนี้ไม่ได้ รู้หรือไม่? ”
“ลูกทราบแล้วเพคะ” หวานหว่านพยักหน้า แม้มารดาจะคิดเช่นนี้ แต่เื่ที่ว่าจะทำเช่นไรในอนาคตข้างหน้าตัวนางก็คิดว่าบิดามารดาคงจะเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ อีกทั้ง เมื่อไรที่นางต้องไปจากเมืองหลวงเมื่อไปถึงสถานที่ที่ห่างไกลอย่างเขาอู่ไถ ต่อให้ยามนั้นคนทั้งสองคิดอยากจะบ่นว่านางไม่ว่าอย่างไรก็บ่นว่าไม่ได้แล้ว
“เ้าบอกแม่มาตามตรง เหตุใดเ้าถึงอยากไปเขาอู่ไถนัก” บุตรสาวจะทนรับกับความลำบากได้หรือไม่ด้วยเื่นี้ไม่มีใครเข้าใจได้ดีไปกว่านางผู้เป็มารดาแล้ว เพราะหวานหว่านนั้นไม่เหมือนกับสตรีสูงศักดิ์ในราชวงศ์จริงๆเด็กน้อยเคยติดตามคนในหมู่บ้านไปในพื้นที่เพาะปลูก ทั้งยังทำกระทั่งขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรคนทำเื่มามากมายอย่างที่เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ไม่เคยต้องทำ ดังนั้น นางเชื่อมั่นว่าบุตรสาวตนย่อมทนกับความลำบากได้แน่
เพียงแต่ จู่ๆ บุตรสาวนึกอยากจะไปเขาอู่ไถ...เื่นี้ ผู้เป็มารดาเช่นนางไม่อาจเข้าใจได้
หวานหว่านยิ้ม “ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่คิดจะทำเื่ใดก็ล้วนต้องแบ่งความคิดและจิตใจมาดูแลลูกอยู่เสมอหากว่าลูกไปอยู่เขาอู่ไถ มีไทเฮาอยู่ด้วย แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าแตะต้องลูกแน่”
เมื่ออวิ๋นซีได้ฟังคำตอบของเด็กน้อย นางก็รู้สึกได้ว่าคำพูดของบุตรสาวมีเหตุผลยิ่งถึงแม้หวงกุ้ยเฟยเองก็อยู่ที่เขาอู่ไถเช่นกัน แต่หวานหว่านก็หาใช่เด็กธรรมดา หากคนคิดอยากจะลงมือกับหวานหว่านสิ่งที่ควรตระหนักถึงคือที่ยืนของตนก่อน
หากหวานหว่านได้พระทัยของไทเฮาจริง แน่นอนว่าจักต้องมีคนคอยปกป้องนาง
เพียงแต่ หากทำเช่นนี้จริงๆ ครอบครัวของพวกนางก็ต้องแยกจากกันแล้ว
“เื่ราวบนเขาอู่ไถซับซ้อนนัก เื่มากมายมิได้ง่ายดายดังที่เ้าคิดในเมื่อครานี้เสด็จปู่ของเ้าทรงอนุญาตให้เ้าไป แน่นอนว่าข้าและบิดาเ้าย่อมไม่กล้าขัดพระบัญชาเช่นนั้น เมื่อถึงตอนนั้น เ้าก็พาเตี๋ยอีและเพ่ยเอ๋อร์ไปด้วย ให้พวกนางได้อยู่เคียงข้างคอยปกป้องเ้า”
สามปีก่อน อวิ๋นซีมีความคิดอยากจะให้เตี๋ยอีมาดูแลอยู่ข้างกายหวานหว่านแต่จวินเหยียนกลับมองว่าเตี๋ยอีนั้นอ่อนแอเกินไป จึงพาคนไปฝึกฝน หลังจากผ่านไปสามปีเตี๋ยอีในตอนนี้กับเตี๋ยอีที่เป็เพียงสาวใช้มือไร้แรงจะฆ่าไก่ในคราวแรกก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวกับเป็คนละคนถึงแม้จะยังไม่อาจพูดได้ว่าเป็จอมยุทธ์ขั้นสูงอันดับหนึ่ง แต่นางก็สามารถจัดการกับพวกโจรเล็กๆหรือคนที่มีระดับวรยุทธ์ธรรมดาได้อย่างไม่มีปัญหา
ยิ่งกว่านั้น สองสามปีมานี้เตี๋ยอียังมุ่งฝึกอาวุธลับและวิชาตัวเบาคนเช่นนี้ เมื่อถึงตอนสำคัญก็มักจะมีความสำคัญมากจนทำให้คนคาดไม่ถึงอยู่เสมอ
เตี๋ยอีมีนิสัยสุขุม นางเหมาะจะอยู่ข้างกายหวานหว่าน
มารดายินยอมให้ไปแล้ว แม้จะยังมีเงื่อนไข หวานหว่านที่ได้ฟังก็ทำเพียงพยักหน้ารับพูดว่า “ลูกฟังเสด็จแม่เพคะ”
เพียงไม่นาน เื่ที่หวาหยางจวิ้นจู่จากจวนหนิงชินอ๋องทูลขอฝ่าาเพื่อไปรับใช้กตัญญูอยู่ข้างกายไทเฮาด้วยตนเองที่เขาอู่ไถนั้นก็ได้ลือเลื่องไปทั่วทั้งเมืองหลวงคนไม่น้อยต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เื่นี้อย่างลับๆ โดยมองว่าหวาหยางจวิ้นจู่ผู้นี้เป็เด็กกตัญญูและคนที่คอยผลักดันเื่นี้อยู่เื้ัก็ย่อมต้องเป็หนิงชินอ๋องและพระชายา ถึงจะดูคิดดีแต่ในใจคนเ่าั้ก็ยังมองว่า ไม่เสียทีที่หนิงชินอ๋องเป็ถึงพระโอรสสายตรงของฮ่องเต้จิตใจมากอุบาย
นอกจากนี้ แน่นอนว่ายังมีคนอีกมากมายที่นึกสงสัยในตัวชายาชินอ๋องที่เมื่อกลับมาจากหานโจวก็ได้รับคำชมจากฮ่องเต้ผู้นี้บ้างก็มีคนลือไปว่า หมอหญิงผู้นี้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงศักดิ์ ทั้งยังทำให้หนิงชินอ๋องลุ่มหลงไปถึงจิติญญานางจักต้องเป็ปีศาจจิ้งจอกแน่
อย่างไรก็ตาม คำเล่าลือเ่าั้ อวิ๋นซีไม่ได้สนใจเลยสักนิดไม่ว่าจะเื่ของหวานหว่าน หรือเื่ที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็สตรีมากอุบาย หรือเป็ปีศาจจิ้งจอกด้วยเื่เหล่านี้ นางไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ข่าวลือที่เกิดขึ้นนอกจวนไม่อาจทำลายพวกนางสามคนได้
หลังจากนั้น ยิ่งคนเ่าั้เห็นว่าจวนหนิงชินอ๋องไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับข่าวลือเสียๆหายๆ แม้แต่น้อย พวกเขาก็ยิ่งพูดรุนแรงมากขึ้น จนมาถึงคืนก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ เื่ของชายาหนิงชินอ๋องที่ไม่อาจไม่กล่าวได้เ่าั้ก็ถูกคนพูดกันปากต่อปากไปกว่าสิบแบบ
ขณะเดียวกันเมื่อเพ่ยเอ๋อร์นึกถึงข่าวลือด้านนอกเ่าั้ นางก็ยิ่งร้อนใจจนแทบทนไม่ไหวทว่าผู้เป็นายกลับยังสามารถนั่งอ่านตำราได้อย่างมั่นคงเช่นนี้นี่เรียกว่าฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีร้อนใจจนตาย [1] จริงๆ!
อวิ๋นซีมองเพ่ยเอ๋อร์ พูดเรียบๆ “เพ่ยเอ๋อร์ เ้าเดินไปเดินมาหน้าเปิ่นเฟยได้สิบรอบแล้วกระมังแม้เ้าจะยังเดินไปเดินมาต่อได้ไม่เวียนหัว แต่เปิ่นเฟยเวียนหัวจนจะเป็ลมแล้ว”
ชั่วขณะนั้นเพ่ยเอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวตอบออกไปเช่นไร และเป็นานจึงพูดขึ้น“พระชายาเพคะ คนด้านนอกนั่นต่างก็ร่ำลือกันไปต่างๆ นานาว่า ตอนนั้นพระองค์ทรงใช้เล่ห์กลใดที่ไม่ดีไม่งามเช่นไรบ้างมาจับท่านอ๋องทำให้ท่านอ๋องที่ทำอันใดไม่ได้จำต้องตบแต่งท่านเข้ามา”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เพ่ยเอ๋อร์ก็อยากจะออกไปลากตัวเหล่าคนที่ชอบยุ่งเื่ชาวบ้านมาซ้อมสักรอบสาวใช้ข้างกายเยี่ยงพวกนางล้วนรู้ข้อเท็จจริงดี ตอนนั้นเป็ท่านอ๋องต่างหากที่น่าไม่อายเล่นลูกไม้เพื่อหาวิธีแต่งพระชายาเข้ามาและเป็พระชายาของพวกนางที่ถูกบังคับให้ขึ้นเกี้ยวเ้าสาว
“ชื่อเสียงชายาอ๋องของพวกเ้าล้วนถูกคนทำลายแล้ว ตัวนางยังไม่ร้อนใจเลยสักนิดแล้วเ้าจักร้อนใจทำอันใด? ” อวิ๋นซีวางตำราในมือลงอดถามไม่ได้
แท้จริงแล้วเพ่ยเอ๋อร์ผู้นี้เรียกได้ว่าเป็บ่าวที่ภักดียิ่ง แต่คนก็ยึดติดและตรงไปตรงมาเกินไป ซึ่งจะลองเทียบกับสาวใช้คนอื่นดูก็ได้ ไม่ว่าจะฉุนเอ๋อร์ หรือเซียงเอ๋อร์ก็ล้วนไม่มีใครมาถามไถ่เื่นี้และต่างทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นกันทั้งนั้น พวกนางทั้งสองต่างรู้ว่าสิ่งใดควรทำก็แค่ทำสิ่งนั้น
ในตอนนั้นเองที่สตรีสองนางกำลังพูดคุยกัน จวินเหยียนที่เพิ่งเข้ามาก็ได้ยินประโยคนี้ของภรรยาพอดีเขาอดไม่ได้ให้ต้องถามกลับ “ชายาของเปิ่นหวางไม่ใช่เ้าหรืออย่างไร”
“จะใช่ได้อย่างไร คนด้านนอกต่างกำลังลือกันชายาของท่านอ๋องนั้นคือปีศาจจิ้งจอก ส่วนหม่อมฉันนั่งไม่เปลี่ยนชื่อยืนไม่เปลี่ยนแซ่ มีนามว่า อวิ๋นซีไม่ได้มีนามว่าปีศาจจิ้งจอกอันใดนั่นนี่เพคะ ดังนั้น ท่านอ๋องอย่าได้นับชายามั่วๆเลยเพคะ” อวิ๋นซีพูดอย่างมีอารมณ์
เมื่อจวินเหยียนเห็นเช่นนั้นก็โบกมือไหวๆ เป็สัญญาณให้เพ่ยเอ๋อร์ถอยออกไปตอนนี้เขาจำต้องคุยเื่สำคัญในชีวิตกับพระชายาจิ้งจอกปีศาจของตนเสียหน่อยแล้ว
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีร้อนใจจนตาย(皇帝不急太监急)หมายถึง คนในเหตุการณ์ไม่ร้อนใจแต่คนรอบข้างกลับร้อนใจช่วยคิดวิธีแก้ปัญหา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้