หลิวพั่นที่เป็นางข้างห้องของครอบครัวหนึ่งตายแล้ว
ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบห้า นางตั้งท้องโดยไม่รู้ตัวกับคุณชายในจวนได้ห้าเดือนแล้ว ยามนี้อากาศหนาวถนนลื่น นางเดินไม่ระวังจึงหกล้มและตกเืจนแท้ง ตอนรักษาตัวก็ถูกความหนาวเย็นจนป่วย เมื่อได้ยินข่าวว่าจางซื่อตายแล้วยิ่งทำให้นอนฝันร้ายไปหลายวัน พอถึงตอนเช้าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ตายไปเช่นนี้เอง
ครอบครัวนั้นส่งศพของหลิวพั่นกลับมาที่บ้าน ขณะเดียวกันก็ส่งโลงศพและเงินหกตำลึงมาให้ด้วย
หลิวต้าเพิ่งเสียมารดา คราวนี้ก็เสียน้องสาวคนรองไปอีก เขาโศกเศร้าเสียใจจนผมหลายเส้นกลายเป็สีขาวภายในค่ำคืนเดียว
โลงศพของหลิวพั่นถูกฝังไปได้ไม่ถึงสามวัน ทางการก็ส่งคนมาถึงบ้านหลิว กล่าวว่าหลิวเป่าที่อยู่ในคุกทะเลาะกับนักโทษที่ถูกขังด้วยกัน ได้รับาเ็จนตายทั้งสองฝ่าย ให้หลิวต้าและน้องๆ ไปรับศพหลิวเป่ากลับบ้าน หากไม่ไปรับศพหลิวเป่าภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะนำศพของหลิวเป่าไปโยนทิ้งในที่รกร้าง
เื่ร้ายเกิดขึ้นต่อเนื่องจริงๆ บ้านหลิวมีคนตายต่อเนื่อง ไม่ถึงสิบวันก็จัดงานศพไปแล้วสามงาน
เมื่อคนในหมู่บ้านรู้ว่าบ้านหลิวเกิดเื่มากมายเช่นนี้ จึงพากันคิดว่าหลิวต้าคงขายน้องๆ แล้วเอาเงินไปซื้อที่ดินแต่งภรรยาเป็แน่
หญิงชราหลายคนยังจงใจพูดต่อหน้าหลิวเอ้อร์ หลิวซาน หลิวซื่อ ว่า “พ่อพวกเ้าเป็ลูกเต่าที่เห็นแก่เงินไม่เห็นแก่ญาติ พี่ใหญ่ของพวกเ้าก็ได้รับสืบทอดนิสัยมาจากพ่อเ้า จะต้องขายพวกเ้าไปจนหมดแน่นอน”
“ปีนี้พี่ใหญ่ของพวกเ้าอายุสิบเจ็ดแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน รอดูเถิด เขาต้องขายพวกเ้าแล้วเอาเงินไปแต่งงานแน่”
ั้แ่โบราณจนกระทั่งปัจจุบัน หากบิดามารดาไม่อยู่แล้วบุตรคนโตก็จะเป็เ้าบ้าน
ต่อให้หลิวต้าขายน้องไปจนหมดก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย
หลิวเอ้อร์ไม่ได้เชื่อคำพูดง่ายดายเช่นนั้น แต่หลิวซานและหลิวซื่อยังเด็ก ได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ออกมา เมื่อกลับไปที่บ้านก็ไปถามหลิวต้าว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะขายพวกเราแล้วเอาเงินไปแต่งพี่สะใภ้หรือ”
“พี่ใหญ่ ท่านจะขายพวกเราเพราะจะแต่งพี่สะใภ้หรือ”
“ผู้ใดบอกว่าข้าจะขายพวกเ้า?” หลิวต้ากำลังคิดเื่ไปทำงานที่อำเภอ ตอนนี้จึงต้องคุยกับน้องๆ ให้รู้เื่
หลิวซานและหลิวซื่อเชื่อมั่นในตัวของหลิวต้ามาก ไม่สงสัยในคำพูดของเขาแม้แต่น้อย “ที่แท้พี่ใหญ่จะไม่ขายพวกเรานี่เอง” “พี่ใหญ่…”
หลิวซื่อดีใจจนร้องไห้
หลิวต้าอุ้มหลิวซื่อขึ้นมานั่งบนตักของตนเอง ลูบหัวเล็กๆ ของเขาแล้วพูดกับน้องๆ ว่า “ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่แล้ว พี่สาวของพวกเ้าก็ไม่อยู่แล้ว ข้าเหลือแค่พวกเ้าสี่พี่น้อง จะขายพวกเ้าได้อย่างไร”
หลิวซานร้องไห้ “พวกเขาเป็คนเลว”
หลิวซื่อกอดขาหลิวต้าเอาไว้แล้วบอกว่า “พวกเขาแย่จริงๆ”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าไปที่อำเภอได้หรือไม่เ้าคะ อยู่ที่บ้านได้หรือไม่ ตอนกลางคืนข้าหวาดกลัวยิ่งนัก” หลิวเสี่ยงเคยถูกนายท่านจางที่ภรรยาตายไปแล้วลวนลามหลายครั้ง นางใจนไม่กล้าออกไปไหนหลายวันและไม่กล้าบอกหลิวต้าด้วย
เมื่อหลิวเสี่ยงไม่พูด หลิวต้าย่อมไม่รู้ เขาได้แต่ขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “หากข้าอยู่ที่บ้านก็หาเงินไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง?”
หลิวเสี่ยงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านไปขอร้องบ้านหลี่ให้พวกเขาขายเต้าหู้ให้ท่านเป็อย่างไร ท่านก็ไปขายเต้าหู้หาเงินเหมือนกับคนตระกูลหวัง ตอนกลางวันขายเต้าหู้ ตอนกลางคืนอยู่บ้าน จะได้ปกป้องข้าและน้องๆ ได้หรือไม่เ้าคะ”
หลิวต้าก้มหน้า “ข้าไม่มีหน้าไปขอร้องคนบ้านหลี่แล้ว”
“ข้าจะไปกับท่าน”
“เช่นนั้นก็ดี เ้าไปกับข้า” คราวที่แล้วสองพี่น้องไปบ้านหลี่ด้วยกัน เมื่อหลิวเสี่ยงโขกศีรษะหลิวต้าก็รู้สึกว่าตนไม่อาจปล่อยวางได้เช่นหลิวเสี่ยง
“ครอบครัวเราตกต่ำเช่นนี้ สิ่งเดียวที่สามารถทำให้คนบ้านหลี่เห็นใจก็มีเพียงความจริงใจเท่านั้น พวกเราจะต้องโขกศีรษะขอร้องคนบ้านหลี่เหมือนคราวที่แล้ว” ในสมองของหลิวเสี่ยงปรากฏภาพหลี่ฝูคังด่าพวกนางพี่น้องเมื่อสิบวันก่อนขึ้นมา ในใจของนางหัวเราะอย่างขมขื่น เมื่อปีที่แล้วยังคิดจะแต่งให้หลี่ฝูคัง ตอนนี้หลี่ฝูคังกลายเป็คุณชายบ้านหลี่ไปแล้ว เขาคงไม่คิดมองนางอีก แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าจริงๆ
หลิวเอ้อร์ยืดอกผอมๆ ที่แทบไม่มีเนื้อของตน “พี่ใหญ่ พี่สาม ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”
หลิวซานและหลิวซื่อกล่าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ข้าก็จะไปด้วย”
“หากพวกเราไปกันทั้งหมด ข้ากลัวบ้านหลี่จะคิดว่าพวกเรากดดันพวกเขา” ในชั่วขณะที่คุกเข่าลงศักดิ์ศรีก็ไม่เหลือแล้ว หลิวต้าไม่อยากให้น้องชายทั้งสามคุกเข่าให้ผู้อื่น และไม่อยากให้บ้านหลี่คิดว่าถูกกดดัน
หลิวเสี่ยงเดินไปทำอาหารในห้องครัว เลื่อนหินที่ใช้ทับอยู่บนปากโอ่งออก พบว่าแป้งหยาบในนั้นเหลือเพียงสิบกว่าชั่ง ในบ้านมีห้าปากท้อง แป้งหยาบเหล่านี้มีพอกินไม่กี่วันเท่านั้น หากบ้านหลี่มีใจเมตตาช่วยเหลือครอบครัวของตน ให้พี่ใหญ่ไปขายเต้าหู้ก็คงดี
สองพี่น้องกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วก็รอให้ฟ้ามืด จากนั้นจึงค่อยไปบ้านหลี่
คราวนี้ไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว พวกเขาแอบมาที่บ้านหลี่โดยไม่ให้คนอื่นเห็น ถึงตอนนั้นต่อให้บ้านหลี่ปฏิเสธ วันข้างหน้าสองบ้านพบหน้ากันก็ไม่กระอักกระอ่วน
อู่ต้าที่เฝ้าอยู่ตรงประตูถามว่า “พวกเ้ามาหาเ้านายข้ามีธุระอะไร”
หลิวต้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “พวกเรามาขอร้องให้ท่านอาหลี่และท่านน้าจ้าวขายเต้าหู้ให้พวกเรา”
หลิวเสี่ยงคิดว่าคราวนี้พวกนางไม่อยากล้มเหลวกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พบคนครอบครัวหลี่ จากนั้นก็ต้องรอให้พวกตนหิวตายหรือต้องทนมองหลิวต้าออกไปทำงานจนเหนื่อยตายอยู่ด้านนอก ส่วนตนเองก็ถูกนายท่านจางลวนลาม คิดได้ดังนี้จึงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเ็ปปนสะอื้น “พวกเราใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มาหา”
“ให้พวกเขาเข้ามา” คราวนี้จ้าวซื่อถึงกับทอดถอนใจ
พวกหลิวต้าเดินเข้าไปที่บ้านหลี่อย่างระมัดระวัง กลัวว่าหากลงเท้าหนักจะทำให้คนบ้านหลี่ไม่พอใจ
บ้านหลี่กินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ในห้องโถงยังคงมีกลิ่นหอมอันเข้มข้นของเนื้อหลงเหลืออยู่ ทำให้พวกหลิวต้าถึงกับกลืนน้ำลาย
จ้าวซื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ มองสำรวจหลิวต้าครู่หนึ่งแล้วถามว่า “นิสัยของเ้าดูแตกต่างจากตอนที่เ้ายังเด็ก มีเื่อะไรหรือ”
หลิวต้านั่งลง ขณะที่จ้าวซื่อก็จ้องมองและประเมินเขาอยู่ในใจ เขาจึงตอบไปว่า “ตอนที่หลานไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ อาจารย์คนแรกของหลานเป็คนดียิ่ง ภายนอกดูเคร่งขรึมแต่ความจริงมีจิตใจดีงาม เขาสั่งสอนชี้แนะหลานประหนึ่งบุตรชายแท้ๆ นิสัยของหลานจึงเปลี่ยนไปั้แ่นั้นเป็ต้นมา”
คนบ้านหลี่เข้าใจกระจ่างขึ้นโดยพลัน มิน่าเล่านิสัยของหลิวต้าจึงไม่เหมือนสองสามีภรรยาหลิวเป่าแม้แต่น้อย ที่แท้เพราะได้อาจารย์ดี
“ตอนนี้อาจารย์เ้าเล่า?”
“บ้านของเขาอยู่ทางใต้ เขากลับบ้านเดิมไปแล้วขอรับ” แววตาของหลิวต้าปรากฏความอาลัยอาวรณ์ต่ออาจารย์คนแรกของตน
“บุตรชายคนโตเปรียบเสมือนบิดา ข้างหลังเ้ายังมีน้องชายน้องสาวที่ต้องเลี้ยงดู ไม่ง่ายเลยจริงๆ” จ้าวซื่อเห็นหลี่หรูอี้พยักหน้าจึงกล่าวต่อไปว่า “ครอบครัวเราและครอบครัวเ้าไม่มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ยังมีช่องว่างต่อกันด้วยซ้ำ ตามเหตุผลแล้วไม่ควรสนใจพวกเ้า แต่ข้าเห็นว่าพวกเ้าใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย จะขายเต้าหู้ให้เ้าก็แล้วกัน”
หลิวต้าได้ยินประโยคสุดท้ายก็ดีใจจนรีบคุกเข่าลง “ขอบคุณท่านน้า ขอบคุณท่านอา”
หลิวเสี่ยงก็คุกเข่าโขกศีรษะด้วยเช่นกัน
จ้าวซื่อรับการโขกศีรษะขอบคุณของพวกเขา จากนั้นจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เพียงแต่มีเงื่อนไขเดียวก็คือ พวกเ้าต้องใช้ชีวิตให้ดี อย่าได้ก่อเื่สร้างความผิดใดๆ”
วันต่อมาคนทั้งหมู่บ้านจึงได้รู้ว่า ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป บ้านหลี่จะขายเต้าหู้ให้บ้านหลิววันละห้าสิบชั่ง
“บ้านหลี่มีจิตใจดีงามจริงๆ ถึงกับช่วยค้ำจุนบ้านหลิวเชียว”
“บ้านหลี่แต่ละคนใจดีจึงช่วยเหลือบ้านหลิวเพื่อสร้างบุญกุศล ต่อไปบ้านหลี่จะต้องได้รับการตอบแทนที่ดีแน่นอน”
“บ้านหลิวเกิดเื่มากมายเพียงนั้น พวกเขาหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว หากมิใช่ว่าบ้านหลี่ยื่นมือช่วยเหลือ บ้านหลิวคงจบสิ้นแน่”
“พอเห็นว่าบ้านหลิวจะจบสิ้น บ้านหลี่จึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ นับว่า์ไม่ปิดกั้นหนทางใช้ชีวิตของผู้คนจริงๆ”
เื่นี้ถูกคนในหมู่บ้านเล่ากันปากต่อปากจนรู้ไปถึงนอกหมู่บ้าน บ้านหลี่มีชื่อเสียงดีงาม กระทั่งจางซิ่วไฉก็ยังชมเชยเด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ในสำนักศึกษา
ไม่นานก็เข้าสู่เดือนสิบสอง ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดรุนแรง ยามดึกลมแรงเสียจนหลังคาแทบปลิว
กลางดึกของวันหนึ่ง จู่ๆ ลมก็หยุดพัด ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด สงบเสียจนผู้คนใ ผ่านไปพักหนึ่งก็มีหิมะตกหนัก
หิมะในคราวนี้ตกถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม เกล็ดหิมะกองทับถมกันเป็ผืนใหญ่ บริเวณร้อยลี้รอบเมืองเยี่ยนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาสองฉื่อกว่าดูประหนึ่งอาภรณ์สีเงินยวง
หากหิมะตกปีหน้าจะเกิดภัยแล้ง เช่นนี้ย่อมไม่ดี หากหิมะตกหนักจะเกิดภัยหิมะในปีนั้น นี่ก็ไม่ดีเช่นกัน ์ไม่ยอมปล่อยให้ชาวบ้านในภาคเหนือใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจริงๆ
หลี่หรูอี้ยืนอยู่ใต้ชายคาของบ้านตนเอง มองไปยังอู่ต้าและอู่เอ้อร์ที่กำลังถือไม้กวาดยาวครึ่งตัวคนทำความสะอาดหิมะอยู่ที่ลานบ้าน หิมะหนาจนสูงกว่าเจาไฉและจิ้นเป่าเสียอีก พวกอู่ต้ากวาดหิมะไปไว้ที่มุมหนึ่ง เพียงครู่เดียวก็กองเป็ูเาหิมะขนาดย่อม
หิมะของที่นี่มากมายพอๆ กับที่ชายแดนในโลกก่อน
หิมะตกหนักก็จะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ในโลกก่อนเป็เช่นนี้ ในโลกนี้ก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าหิมะในคราวนี้จะทำให้บ้านในเมืองเยี่ยนถล่มมากหรือไม่ และมีผู้คนหนาวตายมากเพียงใด
“หรูอี้ อากาศเย็นเพียงนี้ เหตุใดเ้ามายืนอยู่ด้านนอกเล่า” จ้าวซื่อเดินออกมาจากห้องนอนพอดี เมื่อเห็นบุตรีสุดที่รักก็รีบดึงนางเข้าไปในบ้าน ทั้งยังบอกหลี่ซานด้วยว่า “ดูลูกสาวท่านเถิด สวมเสื้อผ้าบางเช่นนี้แล้วยังไปยืนอยู่ด้านนอกอีก ไม่กลัวตัวแข็งหรือไร”
หลี่ซานทำเพียงหัวเราะออกมา
หลี่หรูอี้ซาบซึ้งในความหวังดีของจ้าวซื่อ เมื่อเห็นจ้าวซื่อเดินออกไปแล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ หิมะตกหนักมาก เกรงว่าบนถนนสายหลักจะมีหิมะถล่ม หากชาวบ้านออกไปขายเต้าหู้จะถูกหิมะถล่มได้ เช่นนั้นสองวันนี้พวกเราก็ขายเพียงถั่วงอกเถิด ส่วนการค้าอื่นไม่ขายแล้วกัน”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปบอกตระกูลหวัง บ้านสวี่ และบ้านหลิว” หลี่ซานแอบด่า์ในใจที่บันดาลให้หิมะตกหนักเช่นนี้ จากนั้นจึงสวมเสื้อผ้าชุดหนาเดินออกไปจากบ้าน
ยามพลบค่ำ เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่ก็กลับมาถึงบ้าน แต่ละคนมีท่าทางไม่ค่อยสบายใจ
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้