หลัวเลี่ยไม่ได้รีบตรงเข้าสู่เมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงในทันที แต่เขาอยู่ปะปนกับกลุ่มคนที่กำลังจะเดินเข้าเมืองหลวงเพื่อฟังพวกเขาพูดคุยกัน แล้วหลังจากนั้นหลัวเลี่ยก็เข้าใจเื่ราวที่เกิดขึ้น
เื่ราวก็คือ เมื่อสามวันก่อนฮ่องเต้ของแคว้นเหยียนหลงได้มีประกาศอภัยโทษให้แก่นักโทษทั้งหลายในแคว้นเหยียนหลง นอกจากนี้ยังทรงมีประกาศลดภาษีลงอีกด้วย เนื่องจากไข่ัที่อยู่ในวังหลวงนั้นใกล้จะฟักออกมาแล้ว
ไข่ัใบนี้กำเนิดมาจากสมบัติวิเศษที่มีรูปร่างเหมือนัเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และการกำเนิดของมันก็ถือว่าเป็การสั่นะเืใต้หล้าโดยแท้
ตอนแรกผู้คนมากมายต่างเพ้อฝันอยากจะมัน แต่ต่อมาท่านบรรพชนก็ปรากฏกายขึ้น และเอ่ยว่า วันที่ไข่ฟักออกมาเป็ตัวจะเป็วันที่ท่านเปิดรับศิษย์
หลังจากผ่านไปสิบเจ็ดปี ไข่ัใบนี้ที่ถูกหลงลืมไปนาน แล้วจู่ๆ ก็ใกล้จะฟักออกมา
“ที่แท้เื่ราวก็เป็เช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหยียนหลงจะมีการระดมพลมากมาย ไข่ัใบนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับท่านบรรพชนเป็พิเศษแน่ และฮ่องเต้แห่งแคว้นเหยียนหลงคงคิดจะใช้โอกาสนี้โค่นหอการค้าฟ้านเทียน หอเซียวเหยา และขุมอำนาจอื่นๆ เพื่อขึ้นเป็อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อาณาจักรที่สาม”
หลัวเลี่ยพึมพำกับตัวเอง หากแคว้นเหยียนหลงมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จริงๆ เกรงว่านับจากนี้ไปดินแดนเหยียนหวงที่สงบสุขมาตลอดคงได้เกิดาครั้งใหญ่ขึ้นเป็แน่
การเกิดกลียุค คงจะเป็เื่จริง และอาจใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
หลัวเลี่ยไม่ได้ให้ความสนใจกับเื่นี้มากนัก เพราะตอนนี้เขาให้ความสนใจกับเื่ของตัวเองมากกว่า
จากนั้นเขาก็เดินตามฝูงชนเพื่อเข้าไปภายในเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลง
ทันใดนั้นเองก็เกิดความโกลาหลขึ้น เมื่อมีคนหนุ่มสองคนขี่ม้าัมีปีกปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้าตรงทางเข้าประตูเมือง และบินเข้าไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ม้าัมีปีกของพวกเขากระพือปีกอย่างรุนแรง จนทำให้คนที่อยู่ใกล้กับบริเวณประตูเมืองลอยขึ้นจากแรงลมของการกระพือปีกนั้น หากคนที่ลอยขึ้นไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทหารที่อยู่แถวนั้น พวกเขาคงตกลงมาจากที่สูงและตายไปแล้ว
นอกจากคนหนุ่มทั้งสองจะไม่สนใจเื่นี้แล้ว พวกเขายังหัวเราะออกมาเสียงดังอีกด้วย
“ไอ้ขยะ! ไอ้เลว! คิดว่าตัวเองมีฐานะสูงส่งแล้วจะปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนเขาเป็ผักเป็ปลาเช่นนี้ได้หรือ พวกเ้าต้องไม่ได้ตายดีแน่ คอยดูสิ”
“ก็แค่พวกที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ถ้าพวกเขาเก่งจริง พวกเขาก็คงบินข้ามกำแพงเมืองไปแล้ว คงจะไม่บินลอดใต้ประตูเมืองเช่นนี้หรอก พวกเขาก็แค่คนขี้ขลาด”
“ใช่ พวกเขาก็เป็แค่คนขี้ขลาด คนขี้ขลาดที่น่ารังเกียจสองคน”
กลุ่มชาวบ้านต่างะโด่าทอคนหนุ่มทั้งสองที่ขี่ม้าัมีปีกบินจากไปไกลแล้ว
ในขณะที่หลัวเลี่ยเงยหน้าขึ้นมามองบรรยากาศภายในเมืองหลวง
ภายในเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงมีทหารตรวจตราตามพื้นที่ต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครสามารถก่อความวุ่นวายบนท้องฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไข่ัได้ ทั้งนี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาถึงเื่นี้เพื่อให้ไข่ัปลอดภัย เพราะไข่ันี้มีความเกี่ยวข้องกับบรรพชน และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งนี้
อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มสองคนที่เพิ่งผ่านเข้าประตูเมืองไปนั้นกลับถูกคนที่พบเห็นจำตัวตนของพวกเขาได้
และเมื่อหลัวเลี่ยได้ยินชื่อของทั้งสอง เขาก็อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
คนหนุ่มทั้งสองแท้จริงแล้วเป็ยอดฝีมือที่มาจากกลุ่มคุณชายทั้งเจ็ดของหอการค้าฟ้านเทียน
หอการค้าฟ้านเทียนได้ผลิตศิษย์รุ่นเยาว์ที่มากฝีมือจำนวนเจ็ดคนขึ้น พวกเขาถูกเรียกว่าคุณชายทั้งเจ็ดแห่งหอการค้าฟ้านเทียน ซึ่งทั้งเจ็ดคนล้วนเป็ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงมากในบรรดาเยาวชนของทั้งแปดร้อยแคว้น ในบรรดาเจ็ดคนนั้น มีสองคนที่มีอายุไม่ถึงสิบแปดปี และยังเป็เยาวชนอยู่ ส่วนอีกห้าคนเป็คนรุ่นหนุ่มสาว
และสองคนที่เพิ่งผ่านประตูเมืองเข้ามา ก็คือเยาวชนสองคนที่อยู่ในกลุ่มคุณชายทั้งเจ็ดแห่งหอการค้าฟ้านเทียน
พวกเขามีนามว่า ซูเล่ยและจั่วอีฝาน!
หอการค้าฟ้านเทียนแต่เดิมก็ถือว่าเป็ศัตรูของหลัวเลี่ย ดังนั้นหลัวเลี่ยย่อมต้องรู้เื่ของพวกเขามาพอประมาณ โดยเฉพาะเื่ของกลุ่มคุณชายทั้งเจ็ดแห่งหอการค้าฟ้านเทียน เพราะอย่างน้อยเมื่อมีตราราชันข่งเชวี่ย ผู้าุโของหอการค้าฟ้านเทียนย่อมไม่กล้าโจมตีหลัวเลี่ย ดังนั้นจึงมีเพียงคนหนุ่มสาวเหล่านี้เท่านั้นที่จะทำได้ และกลุ่มคุณชายทั้งเจ็ดแห่งหอการค้าฟ้านเทียนนั้นถือได้ว่ามีความสามารถมากที่สุดในบรรดาศิษย์ของหอการค้าฟ้านเทียน โดยคนที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถโจมตีหลัวเลี่ยได้มากที่สุดก็คือซูเล่ยและจั่วอีฝาน
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของคนทั้งสองที่จากไป หลัวเลี่ยก็คิดว่าเขาจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเป้าหมายของทั้งสองคนจะเป็เขาหรือไม่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลัวเลี่ยก็นึกได้ว่า ด้วยความสามารถของเขาที่แสดงออกมาว่าใกล้จะเข้าสู่ระดับหยินหยางแล้ว คนอื่นก็อาจจะเดาได้ว่าเขาอาจมาที่นี่เพื่อตามหาเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม
หลัวเลี่ยตั้งสติอีกครั้งแล้วลอบฟังเสียงที่ดังรอบตัวเขา เพราะมันอาจทำให้เขาสามารถรวบรวมข้อมูลที่เป็ประโยชน์บางอย่างได้
ตัวอย่างเช่น เมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงไม่เพียงได้รับการคุ้มกันโดยกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้น แต่ยังมีกองกำลังัทมิฬที่คอยเฝ้าระวังภัยในฐานะทีมลาดตระเวนภายในเมืองหลวง
อย่างน้อยการได้ยินข่าวสารเหล่านี้ก็ทำให้หลัวเลี่ยได้รับความรู้เื่ใหม่ และทำให้เขาสามารถคิดแผนการค้นหาเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมได้
เขาเดินปะปนเข้าไปในฝูงชนเพื่อเข้าสู่เมืองหลวง
เมืองหลวงแห่งแคว้นเหยียนหลงนี้เจริญรุ่งเรืองมาก และมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
โรงเตี๊ยมใหญ่ๆ ล้วนแน่นขนัดไปหมด เป็เพราะทุกคนต่างถูกเื่การกำเนิดของไข่ัดึงดูด โดยมีคนจำนวนมากที่ต่างมารอชื่นชมเื่สนุกที่อาจเกิดขึ้น
ในที่สุดหลัวเลี่ยก็สามารถค้นพบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ที่แม้จะอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองแต่ก็มีห้องให้เขาเข้าพัก
แม้ห้องจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็สะอาดมาก หลัวเลี่ยล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยเอาหัววางไว้บนมือ เขาเริ่มวิเคราะห์ข่าวมากมายที่เขาได้ยินระหว่างทาง และเริ่มหาวิธีค้นหาตระกูลอู
ตูม!
ในขณะที่หลัวเลี่ยกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจและเริ่มเคลิ้มหลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงะเิดังขึ้น ทำให้แผ่นดินและห้องเกิดการสั่นะเือย่างรุนแรง
เหตุการณ์นี้ทำให้หลัวเลี่ยตื่นขึ้น และรีบออกจากห้องทันที
ตูม!
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
พื้นดินสั่นะเื ห้องพักในโรงเตี๊ยมก็สั่นะเื ต้นไม้สองถึงสามต้นที่อยู่ในบริเวณนี้ก็หักโค่นลง แม้แต่พื้นก็แตกแยก
คนมากมายที่อยู่รอบๆ ตัวสั่น ผู้คนหนีออกจากห้องทีละคนด้วยความใ และผู้มีวรยุทธ์ก็ะโขึ้นไปบนที่สูงเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์
หลัวเลี่ยเองก็ะโขึ้นไป้าของร้านอาหารสูงหกชั้นที่อยู่ติดกับโรงเตี๊ยมเช่นกัน
ผู้คนหลายสิบคนรวมตัวกันที่้าสุดของร้านอาหาร ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางของการะเิ
หลัวเลี่ยใช้ความสามารถพิเศษ คือสายตาที่เฉียบคมและการได้ยินที่ไม่ธรรมดาของเขาเพ่งมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้า สิ่งที่เขาเห็นคือบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากเขาหกถึงเจ็ดลี้กำลังพังทลายลงอย่างช้าๆ โดยมีไอพลังที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปรอบๆ นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียงตัวบ้านเท่านั้นที่ถูกทำลาย ต้นไม้โดยรอบบางส่วนก็ตกอยู่ในสภาพที่พังยับเยินเช่นกัน
มีเพียงยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ระดับวังชะตาขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงเช่นนี้ได้
ในขณะที่หลัวเลี่ยกำลังลังเลว่าจะเข้าไปดูดีหรือไม่ เขาก็ได้ยินเสียงอุทานของคนที่ปีนขึ้นไปบน้าของร้านอาหารด้วย
“เกิดอะไรขึ้น ที่นั่นมันคือจวนตระกูลอูมิใช่หรือ”
“ตระกูลอูเป็หนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเหยียนหลงแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกทำลายอย่างโเี้”
“ช่างเป็วิธีการที่โหดร้ายจริงๆ คนในตระกูลที่มีจำนวนหกถึงเจ็ดพันคนล้วนถูกสังหารทั้งหมด คนที่ลงมือช่างโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมโดยแท้”
ตระกูลอู!
หลัวเลี่ยมึนงงเล็กน้อย
เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเขาก็คือตระกูลอู แต่ตอนนี้ตระกูลอูกลับถูกทำลายจนสิ้นซากแล้ว
หลัวเลี่ยไม่รอช้า เขารีบตรงไปยังจวนตระกูลอูทันที
ตระกูลอูที่อยู่ในฐานะหนึ่งในห้าตระกูลหลักที่ทรงพลังของแคว้นเหยียนหลง เมื่อถูกทำลายแล้ว แน่นอนว่าย่อมเป็สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ในเวลาเดียวกัน ผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่งของแคว้นเหยียนหลงก็ค่อยๆ ลงมือเช่นกัน แต่ไม่ใช่ลงมือตรวจสอบเื่ของจวนตระกูลอู แต่เป็การลงมือปกป้องไข่ั เพื่อป้องกันไม่ให้ความผันผวนของพลังที่รุนแรงนี้ส่งผลกระทบต่อไข่ัต่างหาก
หลัวเลี่ยะโขึ้นลงไปบนหลังคาเรื่อยๆ และภายในไม่กี่อึดใจ เขาก็มาถึงหน้าจวนตระกูลอู
เมื่อมองดูจวนตระกูลอูที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา ซึ่งล้วนถูกทำลายจนราบเป็หน้ากลองเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากคาดเดาถึงเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้