ซีฉานดูเหมือนจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวว่า “พระองค์้าทราบข่าวจากอาณาจักรทั้งเก้าหรือไม่เพคะ?”
ชิงซีพยักหน้าอย่างจริงจัง
แต่ก่อนจะเข้าประเด็นหลักซีฉานก็ถามอีกครั้งว่า “เหนียงเหนียง้าให้ข้าทูลถามองค์หญิงว่า องค์หญิงทรงเห็นด้วยกับคำทำนายจิ่วจิงฮวาในคัมภีร์ดวงดาวหรือไม่เพคะ?”
ดวงตาของชิงซีกลอกไปมา นางจำคำทำนายของหอคอยทั้งเก้าได้
“ตำหนักในเกิดความเปลี่ยนแปลง วังหลวงตกอยู่ในความระส่ำระสาย หลีกหนีจากความวุ่นวายในโลก เก็บซ่อนปัญหาทั้งหมดไว้ในแขนเสื้อ กลายเป็คณิกาผู้มีชื่อเสียง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็เพียงความว่างเปล่า เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าประตูเก้าชั้นงดงามจนน่าอัศจรรย์”
ชิงซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ศิษย์พี่ ข้ามักรู้สึกว่าสถานที่อย่างหอคณิกาน่าหดหู่เกินไปสำหรับองค์หญิงน้อยแห่งลั่วซาน หากข้าให้นางฝึกกระบี่ ท่านจะคิดเห็นอย่างไร?”
ซีฉานยิ้มบางๆ “เหตุใดจะเป็เช่นนั้นไม่ได้เล่าเพคะ? องค์หญิงได้รับการเลี้ยงดูให้เป็ผู้สืบทอดของตระกูลหลวนั้แ่เด็ก ท่านย่อมเคยได้ยินชื่อตระกูลลั่วซาน ในเวลานั้นเหนียงเหนียงยังคงอยู่ในความดูแลของศาลาน้ำแข็งหิมะ หลังจากการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ ความปรารถนาของเหนียงเหนียงคือปกป้องเชื้อพระวงศ์แห่งลั่วซานอย่างเต็มที่ แต่พลังของทั้งเก้าอาณาจักรนั้นยากที่จะถ่วงดุลกันได้”
ชิงซีพยักหน้า “การต่อสู้ของเหล่าทวยเทพคืออะไร? พลังของทั้งเก้าอาณาจักรยากที่จะถ่วงดุลคืออะไร? เช่นนั้นตอนนี้หมี่เจียเป็คนดูแลพระราชวังบนเขาไท่ซานหรือ?”
ซีฉานพยักหน้า “เพคะ หลังจากที่อาจารย์กลับมาก็พบเจอกับการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ และอาณาจักรทั้งเก้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหล่าจักรพรรดิและผู้าุโจากเก้าอาณาจักรร่วมมือกันสังหารปรมาจารย์าุโ เหตุการณ์ครั้งนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานข่าวให้องค์หญิงทราบเพคะ”
ชิงซีพยายามย่อยข้อมูลที่นางได้รับ สุดท้ายนางก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่นำข่าวมาแจ้งให้ข้าทราบ รบกวนศิษย์พี่ทักทายหมี่เจียแทนข้าด้วย”
ซีฉานพยักหน้าแล้วคลี่ยิ้ม จากนั้นนางก็หายไปต่อหน้าต่อตาชิงซี
ชิงซีดมปลายนิ้วของนางเบาๆ กลิ่นของน้ำแข็งและหิมะหายไป ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ซีฉานจะใช้ “เงา” อันเป็พลังของมหาปุโรหิตเพื่อพูดคุยกับนาง
นางถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มตั้งสติ นางไม่ได้คิดมากกับเื่นี้ นางเพียงปรับอารมณ์และเดินทางเข้าสู่อาณาเขตของสำนักชิงซาน
ที่ตั้งของสำนักชิงซานไม่ใช่สถานที่ลึกลับที่เข้าไม่ถึงตามที่ผู้คนลือกัน มันเป็เพียงค่ายกลกระบี่ลวงตาธรรมดาๆ เท่านั้น
นางทะลวงค่ายกลโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
สำนักชิงซานได้รับการตั้งชื่อตามูเาชิงเฉิง และเนื่องจากูเาชิงเฉิงนั้นง่ายต่อการป้องกันแต่ยากต่อการโจมตี ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำนักชิงซานจึงกลายเป็สำนักอันดับหนึ่งของยุทธภพ เมื่อเทียบกับสำนักฮั่วซานและสำนักขงถงแล้ว สำนักชิงซานนับว่าเป็อันดับหนึ่งโดยไร้ผู้ต่อกร
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเ้าสำนักคนก่อนขี่กระเรียนกลับทิศตะวันตก[1] สำนักชิงซานในตอนนี้จึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เ้าสำนักคนปัจจุบันนามว่าจูเหยามีอายุเพียงสามสิบ เขารับ่ต่อสำนักชิงซานและได้เรียนรู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของสำนักอย่างถ่องแท้แล้ว นั่นเป็เหตุผลให้เขาไม่เคยเข้าร่วมงานชุมนุมใดๆ เลย เขาไม่สนใจแม้กระทั่งธรรมเนียมสำคัญอย่างงานชุมนุมกระบี่ที่สำนักฮั่วซาน
ศิษย์กลุ่มหนึ่งรู้ทันทีว่ามีคนฝ่าค่ายกลเข้ามา พวกเขาจึงมารวมตัวกันในห้องโถงราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
ศิษย์หลายสิบคนล้อมเ้าสำนักไว้ตรงกลาง และเตรียมที่จะลงมือต่อสู้
อย่างไรก็ตาม สตรีผู้แต่งกายด้วยชุดสีเขียวค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้องโถง นางดูราวกับเทพเซียนที่ตกลงมายังโลกมนุษย์ ครู่หนึ่งทุกคนดูเหมือนจะลืมเลือนทุกอย่างโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งชิงซีกล่าวว่า “จูเหยา เหตุใดเ้าไม่ไปร่วมงานชุมนุมกระบี่ของสำนักฮั่วซาน?”
เ้าสำนักหนุ่มที่มีอายุเพียงสามสิบปีรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ต่อหน้าลูกศิษย์ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง เขากล่าวด้วยความเคารพว่า “จูเหยาไม่ทราบว่าอาจารย์อาเดินทางมา เสียมารยาทต่ออาจารย์อาแล้ว”
ชิงซีขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนที่นั่งหลักและกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า
“ในเมื่อเ้ายังเรียกข้าว่าอาจารย์อา ถ้าอย่างนั้นข้าจะจัดการเื่นี้ด้วยตนเอง”
จูเหยาสั่งให้ศิษย์ของเขาแสดงความเคารพต่อชิงซีในฐานะปรมาจารย์าุโ เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนเยาว์และทรงพลังของศิษย์เ่าั้ ชิงซีก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็เชิงให้พวกเขาออกไป
ในห้องที่เดิมทีเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้มีเพียงจูเหยา ชิงซี และโจวยี่ ฝ่ายหลังยืนนิ่งโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
ชิงซีก้าวลงจากที่นั่งหลักก่อนจะตบไหล่จูเหยาอย่างไร้มารยาทและกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า
“ตอนนี้บอกมาได้แล้วว่าเหตุใดเ้าถึงไม่ไปร่วมงานชุมนุมกระบี่ของสำนักฮั่วซาน? ทุกคนคงคิดว่าสำนักชิงซานล่มสลายไปแล้ว ดูสิ่งที่เ้าทำลงไปสิ”
จูเหยาคุกเข่ายอมรับความผิด “อาจารย์อาโปรดระงับโทสะ พวกเราไม่ได้รับเทียบเชิญจึงไม่ได้ส่งคนไปร่วมงาน อาจารย์อาโปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
ชิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เ้าทำผิดอะไรถึงต้องขอให้ข้ายกโทษให้? จูเหยา เ้าย่อมรู้ดีว่าสำนักชิงซานของเราแข็งแกร่งกว่าสำนักฮั่วซานกับสำนักขงถง เราเป็สำนักกระบี่อันดับหนึ่งของแผ่นดิน แต่ดูสิ ตอนนี้แทบไม่มีใครรู้จักสำนักชิงซานแล้ว ความภาคภูมิใจและความทะเยอทะยานของเ้าหายไปไหน? เ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว หัดทำตัวให้สมวัยเสียบ้าง”
คำสั่งสอนของชิงซีนั้นรุนแรงมาก จูเหยาทำได้เพียงและไม่พูดอะไร โจวยี่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกำลังจะกล่าวบางอย่าง แต่ชิงซีกลับชิงกล่าวขึ้นมาก่อนว่า “ส่วนเ้าโจวยี่ จงทบทวนสิ่งที่เ้าทำลงไปเสีย! เ้าลืมกฎของสำนักชิงซานไปแล้วหรือ? เ้าละเลยกฎของสำนักและแทรกแซงกิจการของราชสำนัก คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงของชิงซีเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะเดียวกันคลื่นพลังอันน่าเกรงขามก็แผ่ออกจากตัวนาง
โจวยี่ไม่กล้าพูดอะไรและคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง จูเหยารู้มานานแล้วว่าอาจารย์อาของเขาแข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามในอดีตเขาคิดว่าอาจารย์อาแข็งแกร่งกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในที่สุดหลังจากได้ััถึงพลังของชิงซี เขาก็รู้ว่าตนเองคิดผิดไปมากแค่ไหน
หลังจากที่ชิงซีพูดจบสายตาของนางก็ดูเ็ามาก นางกล่าวว่า “ข้าออกเดินทางยาวนานกว่าสิบปี ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าสำนักชิงซานจะกลายเป็แบบนี้ไปได้ จูเหยาเ้ารู้ความผิดของตนเองหรือไม่?”
จูเหยากล่าวว่า “ศิษย์มีความผิด”
ชิงซีพูดอย่างเฉียบขาด “บอกข้ามา เ้ามีความผิดอะไร?”
จูเหยากล่าวว่า “ศิษย์ละเลยเกียรติภูมิของบรรพชนจนทำให้สำนักชิงซานต้องตกต่ำ ศิษย์ไม่ควรเพิกเฉยต่อมิตรภาพระหว่างสำนัก และไม่เคยติดต่อหาอาจารย์อาเป็เวลาสิบปี”
ชิงซีถามเบาๆ “ยังมีอะไรอีก?”
จูเหยาพึมพำ “ศิษย์ไม่ทราบแล้ว”
จูเหยาไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างไรก็ตามทันทีที่เหลือบมองศิษย์น้องที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว
------------------------
[1] ขี่กระเรียนกลับทิศตะวันตก หมายถึงความตาย นกกระเรียนเป็สัตว์มงคล การกลับไปทางทิศตะวันตกหมายถึงการมุ่งหน้าสู่์ แปลว่าขี่นกกระเรียนขึ้นสู่สรวง์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้