เจียงเสี่ยวฉิงอยากจะหนี แต่เชือกบนตัวเธอรัดแน่นเกินไป เธอพยายามดิ้น แต่นอกจากจะไม่หลุดแล้ว ยังไปชนกับเก้าอี้ในบาร์ และดึงดูดความสนใจของชิงจิ้นกับผู้ชายอีกคน
“เธอตื่นแล้วเหรอ เสี่ยวฉิงน้อยของฉัน?”
ชิงจิ้นถือแก้วเหล้าเดินมาทางเจียงเสี่ยวฉิง จากนั้นนั่งยองๆ ข้างๆ เธอ มองเธอราวกับกำลังพิจารณาของเล่นอยู่ “ฮึๆ…เป็ผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ แต่เสียดาย ที่เ้าโง่ฉินหลาง ดันไม่รู้ว่ามีของดีอยู่ในมือแล้วต้องรีบหาความสุข ถึงได้ปล่อยให้เธอยังเป็สาวพรหมจรรย์อยู่ ไม่น่าล่ะฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอตัวหอมเป็พิเศษ…”
“เดรัจฉาน! โรคจิต!” เจียงเสี่ยวฉิงด่าเสียงดัง
“ฮึๆ…ฉันเป็เดรัจฉานั้แ่แรกแล้ว! เพียงแต่ เดรัจฉานนี่? ในเมื่อเธอว่าฉันเป็โรคจิต งั้นเดี๋ยวเรามาเล่นกันแบบโรคจิตหน่อย ยังไงซะเธอก็โดนมัดไว้อยู่แล้ว งั้นมาเล่นแนว ‘มัดห้อยโหน’ ดีไหมล่ะ…เป็อะไร ไม่เข้าใจเหรอ? ยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ ด้วย”
ชิงจิ้น อย่าเพิ่งรีบขู่สางน้อย เรามาคิดวิธีจัดการฉินหลางกันก่อนดีกว่า” ผู้ชายอีกคนวางแก้วเหล้าลง เหลียวหลังมองแล้วพูดต่อ “นายจะทีหาไอ้ฉินหลางเอง หรือจะให้ฉันโทร?”
“อย่าเพิ่งรีบโทร พี่บอกว่าเข้าเด็กนั่นเก่งไม่เบาเลยไม่ใช่เหรอ พี่เตรียมตัวแล้วรึยัง?” ชิงจิ้นกล่าว เ้าหมอนี่ก็มีตอนที่รอบคอบเหมือนกัน อาจเป็เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยโดนฉินหลางถีบตัวลอย
“วางใจเถอะ เตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว ขอแค่เ้าหมอนั่นมา มันก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่! ถึงยังไงมันก็เป็คนที่ฆ่าพ่อฉัน นายคิดว่าฉันจะยอมปล่อยมันไปเหรอ?” อันหยางกล่าว บนตัวเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“อะไรนะ…พวกนาย้าทำร้ายฉินหลางเหรอ?” เจียงเสี่ยวฉิงถามอย่างอดไม่ได้
“ใช่ ความแค้นที่ฆ่าพ่อ ฉินหลางมันฆ่าพ่อฉัน ฉันก็จะจัดการกับผู้หญิงของมัน คนส่วนมากไม่สนชีวิตพ่อตัวเอง แต่กลับสนใจชีวิตผู้หญิง โดยเฉพาะ ถ้าผู้หญิงของมันถูกคนอื่นย่ำยี จะต้องทำให้มันรู้สึกเ็ปยิ่งกว่าตายแน่…ฮึๆ…”
“แน่นอนว่า ต่อให้ไม่มีฉินหลาง เธอก็หนีไม่พ้นเนื้อมือของฉันหรอก!” ชิงจิ้นแทรกขึ้นคำหนึ่ง “ผู้หญิงที่ฉัน.ชิงจิ้นชอบ ไม่มีใครหนีรอดแม้แต่คนเดียว!”
“นาย…” ตอนแรกเจียงเสี่ยวฉิงอยากจะด่าอีกฝ่ายสักสองสามคำ แต่เธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ เธอรู้สึกว่าตัวเองคงจะหนีไม่รอดแล้ว แต่ในใจกลับยังเป็ห่วงฉินหลางมากกว่า
“ฉันโทรหาเ้าเด็กฉินหลางนั่นเองดีกว่า” อันหยางยิ้มเ้าเล่ห์ “เมื่อเสร็จกิจแล้ว ก็ส่งพวกมันทั้งคู่ลงนรก ถือว่าเป็การช่วยให้พวกมันได้อยู่ด้วยกันในนรก”
พูดจบ อันหยางก็เอามือถือขึ้นมา แล้วโทรออกไปหาฉินหลาง
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้!”
โทรศัพท์ของอันหยางมีเสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนทว่ากลับไร้ความปราณีดังขึ้น บ่งบอกว่าโทรศัพท์ของฉินหลางปิดเครื่องแล้ว!
นั่นทำให้อันหยางก็ชิงจิ้นอึ้งไปตามๆ กัน!
สองคนนี้เตรียมความพร้อมมาเป็อย่างดี ลักพาตัวเจียงเสี่ยวฉิง วางกำดักเอาไว้ ตั้งใจให้ฉินหลางหมดทางสู้ จากนั้นเหยียบหยาม และทรมานฉินหลาง สองคนนี้ถึงขั้นคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเหยียบหยามฉินหลางยังไง
คิดไว้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อันหยางกับชิงจิ้นกลับคิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะปิดเครื่อง!
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้!”
อันหยางไม่ยอมตายใจ กดโทรไปอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังเป็เหมือนเดิม
“เชี่ย!” อันหยางเขวี้ยงมือมือลงบนพื้น โทรศัพท์ที่น่าสงสารดังปังเพียงครั้งเดียว ก็แตกกระจุยกระจาย
“พี่หยาง ทำยังไงดี?” ตอนนี้ชิงจิ้นเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่าจะทำเื่อย่างว่ากับเจียงเสี่ยวฉิงต่อหน้าฉินหลาง ใช้วิธีนี้หยาม และทรมานฉินหลาง กลับคิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะปิดเครื่อง สำหรับอันหยางกับชิงจิ้นแล้ว ราวกับจัดเตรียมละครฉากใหญ่ไว้อย่างยากลำบาก แต่กลับไม่มีคนดู ความรู้สึกแบบนี้มันแย่มากจริงๆ
“แม่มเอ๊ย! เ้าฉินหลางนี่มันช่าง—”
“พี่หยาง หรือไม่ให้ผมเล่นก่อนไหม?” ชิงจิ้นเริ่มอดใจไม่ไหวแล้ว “ผมพกยา ‘ชุนเหมียวสีหยี่’ มาด้วย จะให้พกมาฟรีๆ ได้ยังไง? อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนฉินหลางด้วย มีคนสวยอยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จักคว้าเอาไว้”
“เล่นหัวนายสิ!” อันหยางพูดด้วยความโมโห “ถ้ามันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ถูกนายเล่นไปแล้ว ไม่แน่มันอาจแก้แค้นพวกเราเลยก็ได้ นายลองคิดดู ถ้าผู้หญิงของนายถูกคนอื่นอึบไปแล้ว นายยังจะะโลงไปในกับดัก ยอมเข้าไปติดกับเพื่อเธออีกไหม?”
อันหยางแอบด่าในใจว่าชิงจิ้นนี่มันโง่จริง แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา
“งั้นตอนนี้จะทำยังไง?” ชิงจิ้นพูดด้วยความหงุดหงิด “เห็นผู้หญิงคนนี้แล้วบิดาอยากจะตาย แล้วจะให้ส่งกลับไปรึไง? เื่แบบนี้ ผมไม่ทำหรอกนะ!”
“แม่มเอ๊ย! ดูท่าคงต้องให้คนไปบอกเ้าเด็กนั่นแล้ว!” อันหยางหงุดหงิดมาก จากนั้นพุ่งไปทางเคาน์เตอร์บาร์แล้วะโ “หลิวไข่! ไปทำธุระให้ฉันเื่นึง! หลิวไข่—หลิวไข่…(ฮี) แม่มึงหูหนวกไปแล้วรึไง?”
อันหยางเรียกอีกสองรอบ แต่สมุนที่ชื่อหลิวไข่ก็ยัง “ไม่ตอย” อยู่ดี
“ไม่ต้องเรียกแล้ว! แกเรียกจนคอแตก มันก็ไม่ได้ยินหรอก!” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่ง ดังขึ้นในความมืด
สำหรับอันหยางกับชิงจิ้นแล้ว ทั้งคู่อาจไม่คุ้นกับเสียงนี้ แต่สำหรับเจียงเสี่ยวฉิงนั้น เธอกลับคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก เพราะว่ามันเป็เสียงของฉินหลาง—เขามาแล้ว!
เจียงเสี่ยวฉิงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที และรู้สึกปลอดภัยไม่น้อย สำหรับเธอแล้ว ฉินหลางเปรียบเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด
ครั้งก่อน ฉินหลางเคย ‘ช่วย’ เจียงเสี่ยวฉิงที่ร้านชวนชวนน้ำปั่นมาแล้วครั้งนึง แต่ครั้งนี้กลับอยู่ในบาร์
“ฉินหลาง—ไอ้เด็กเดรัจฉาน ในเมื่อแกมาแล้ว ก็ไสหัวออกมา!” อันหยางยิ้มชั่วร้าย
ชิงจิ้นรีบตะคอก “พวกเรา ออกมาพร้อมกัน! จัดการเ้าเด็กนี่ซะ!”
แต่ว่า สิ่งที่รอคอยชิงจิ้นกลับมีเพียงความเงียบ!
ตอนแรกเขาให้สมุนจำนวนมากแอบซุ่มอยู่ทั่วบริเวณ แต่กลับไม่มีใครขานรับแม้แต่คนเดียว!
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป! และแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว!
“ไม่ต้องเรียกแล้ว! ฉันบอกไปั้แ่แรกแล้ว พวกแกเรียกจนคอแตก พวกมันก็ไม่ได้ยินแล้ว” ฉินหลางพูดอย่างเย็นเยือก แต่ยังคงไม่ได้เดินออกมาจากความมืด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับเขาเป็คนคุมเกม ทำให้อันหยางกับชิงจิ้นรู้สึกไม่ปลอดภัยโดยไม่ทราบสาเหตุ นี่เป็กับดักที่พวกเขาตั้งใจเตรียมไว้เพื่อฉินหลางแท้ๆ แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตกเข้ามาในกับดักซะเอง
“แม่ม แน่จริงแกออกมาสิ!” เมื่อไม่มีวิธีอื่น ชิงจิ้นจึงใช้วิธีการยั่วโมโหที่ไม่ฉลาดที่สุด
“ข้างในห้องเก็บไวน์…ด้านในโกดัง…อ้อ ยังมีชั้นบน…ข้างนอกบาร์…พวกแกเตรียมคนไว้ไม่น้อยเลย” ฉินหลางค่อยๆ พูดช้าช้า “เสียดาย คนพวกนี้ตื่นตัวช้าเกินไป หลับกันไปหมดแล้ว”
“เชี่ย! พวกมันกล้านอนหลับเหรอ!” ชิงจิ้นด่าอย่างอดไม่ได้
“พวกมันโดนมอมหมดสติต่างหาก!” อันหยางสบถเย็นเยือก คิดในใจ เ้าชิงจิ้นนี่มันโง่จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันยังมีประโยชน์อยู่ อันหยางยังแทบอดไม่อยู่ อยากจะจัดการมันก่อนเลย และตอนนี้ อันหยางกลับกลัวฉินหลางมากขึ้นไม่น้อย เ้าเด็กนี่สามารถทำให้คนที่เขาเตรียมเอาไว้ หมดสติไปได้อย่างเงียบเชียบ โดยไม่มีใครรู้ ฝีมือและวิธีการล้ำเลิศมาก
“ไม่เลว” ฉินหลางพูดอย่างนิ่งเรียบ “พวกแกใช้ยาสลบกับเพื่อนฉัน คงจะคิดไม่ถึงว่าฉันจะใช้ยาสลบกับลูกสมุนของพวกแกเหมือนกันใช่ไหม ตอนนี้ ตอนนี้พวกแกสองคนไม่มีคนช่วยอีกแล้ว!”
“แม่ม! อย่าลืมสิ ผู้หญิงของแกยังอยู่ในมือพวกฉัน เชื่อไหมเดี๋ยวบิดาจะแทงมันให้ตาย!” ชิงจิ้นใช้ความเหี้ยมโหด หยิบมีดทหารที่แหลมคมออกมา ทำท่าจะแทงเจียงเสี่ยวฉิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้