ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก ป้ารองกับป้าสามเดินเข้ามา
กู้เจิงกับชุนหงรีบทักทาย
“อาเจิง แม่สามีเ้าร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง?” ป้ารองส่งเสียงถาม
“พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าเมื่อวานน้องสะใภ้สี่มีไข้สูง ข้ากับพี่สะใภ้รองเลยแวะมาดูหน่อย” ป้าสามพูดพลางส่งห่อยาในมือให้ชุนหง “นี่เป็ยาที่พี่สะใภ้รองกับข้าซื้อมา มีทั้งตังกุย* กับรากโสมแดง* จะต้มหรือเอาไปใส่อาหารก็ได้ มันจะช่วยบำรุงกำลัง”
(*ใช้ในส่วนรากมีลักษณะคล้ายโสม มีสรรพคุณโดยรวมคือเป็ยาแก้ไข้ ร่วมกับมีเสมหะ)
(*มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเหนื่อยล้า)
“ขอบคุณท่านป้ารองกับท่านป้าสามเ้าค่ะ ท่านแม่เพิ่งเข้าไปพักในห้อง” กู้เจิงบอกพลางคิดจะไปเรียกแม่สามี ก็เห็นแม่สามีเดินออกมาจากห้องก่อน
ตอนที่ป้ารองกับป้าสามกำลังคุยอยู่นั้น นายหญิงเสิ่นก็ได้ยินจากในห้องแล้ว
“ข้าหายดีแล้ว แค่เป็ไข้เท่านั้น พี่สะใภ้รองพี่สะใภ้สามไม่ต้องเป็ห่วงเ้าค่ะ” นายหญิงเสิ่นยิ้มเชิญพวกนางเข้าไปในห้องครัว
กู้เจิงกับชุนหงรีบไปรินชาร้อนๆ ต้อนรับพวกนาง
“เ้าอยู่ที่นี่ก็มีญาติพี่น้องอย่างเราแค่ไม่กี่คน เ้าไม่สบายหากไม่ใช่พวกเราแล้วใครจะมาเป็ห่วงกัน?” ป้ารองยิ้ม “หลายปีขนาดนี้แล้ว ยังจะเกรงใจอยู่อีก”
“ใช่ พวกเราเป็ญาติพี่น้องกัน เป็ครอบครัวเดียวกัน” หลังจากท่านป้าสามผ่านเื่ราวในชีวิตมา นางก็มองคนตระกูลเสิ่นว่าเป็คนสนิทชิดเชื้อที่สุด
นายหญิงเสิ่นรู้สึกซึ้งใจอย่างยิ่ง สิ่งที่นางทําถูกที่สุดในชีวิต ก็คือตอนที่นางหนีออกมาและเลือกผู้ชายที่เหมาะสม
นายหญิงเสิ่นพูดคุยกับพวกท่านป้าไม่นาน พวกป้ารองกับป้าสามก็ขอตัวกลับ
นายหญิงเสินมาส่งพวกนางที่หน้าประตู ก่อนจะไปป้ารองได้พูดกับนายหญิงเสิ่นว่า “จริงสิ พี่สะใภ้ใหญ่สั่งข้ามาบอกว่า เมื่อเ้าร่างกายดีขึ้นแล้ว ให้เ้าไปจับไก่ดำบ้านนางมากินบำรุง เ้าอย่าลืมล่ะ”
“ได้เ้าค่ะ” นายหญิงเสิ่นรับคำ
เมื่อส่งท่านป้าทั้งสองกลับบ้านไปแล้ว นายหญิงเสิ่นก็กลับเข้าห้องไปพักผ่อน กู้เจิงกับชุนหงจึงได้แยกไปที่ห้องของตัวเอง
ชุนหงดีดลูกคิดพลางเอ่ยถามว่า “คุณหนู เหล่าท่านป้าช่างเป็คนดีจริงๆ ข้าว่าคงไม่มีคนตระกูลอื่นรักใคร่ปรองดองเท่าตระกูลของท่านบุตรเขยแล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้าเห็นด้วย นางพลิกอ่านนิยายในมือก่อนกล่าวว่า “นอกจากเหล่าท่านลุงและท่านป้าจะมีจิตใจดีงามแล้ว การที่พวกเราได้มาพบทุกคนเช่นนี้ ก็กล่าวได้ว่าพวกเรามีวาสนาเช่นกัน”
“คุณหนูพูดถูกเ้าค่ะ”
ตอนที่นายท่านเสิ่นกับเสิ่นเยี่ยนกลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว เพราะไปบ้านที่จัดงานศพ ทั้งคู่จึงต้องล้างมือด้วยน้ำอ้ายเย่* ในลานบ้าน หลังจากเสิ่นเยี่ยนไปเยี่ยมมารดาที่ห้องแล้วถึงเขาค่อยกลับเข้าห้องตัวเอง
(*เป็สมุนไพรใบไม้แห้ง มีสรรพคุณช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และมีการใช้ใส่ในถุงหอมั้แ่สมัยก่อน เพื่อช่วยฆ่าเชื้อในอากาศ)
“เสี่ยวเจาเป็ยังไงบ้างเ้าคะ?” แม้กู้เจิงจะไม่ได้ไป แต่ในใจยังเป็ห่วงเด็กคนนั้นอยู่หลายส่วน
“ไม่ค่อยดีนัก” เสิ่นเยี่ยนมีสีหน้าหนักใจ “น้องชายที่เพิ่งเกิดได้ตายไป แล้วยังมารดามาตายลงอีกคน วันหน้าเด็กคนนี้คง...” จบสิ้นแล้ว สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดคำนั้นออกมา
กู้เจิงสงสารจับใจ
“เข้านอนเถอะ”
“ท่านพี่ พวกเราช่วยเสี่ยวเจาหาพ่อแม่ดีๆ เหมือนกับที่ช่วยเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ได้ไหมเ้าคะ?”กู้เจิงอดรนทนไม่ไหว
“เสี่ยวเจากับเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ไม่เหมือนกัน เสี่ยวเหมาเอ๋อร์นั้นสูญเสียบิดามารดาไปและญาติพี่น้องก็ไม่้า แต่เสี่ยวเจานั้นยังมีครอบครัว” เสิ่นเยี่ยนกล่าว
กู้เจิงถอนหายใจ นางถอดเสื้อผ้าออกแล้วเข้านอน
“จริงสิ องค์หญิงสิบเอ็ดเชิญพวกเราไปฉลองเทศกาลโคมไฟที่อุทยานหลวงนอกเมือง” เสิ่นเยี่ยนกล่าวขึ้นขณะล้มตัวลงนอนข้างกู้เจิง
“ยังมีคนจำพวกไหนมาในงานอีกเ้าคะ?”
“มีเหล่าพระชายาที่สนิทสนมกัน และสตรีทางฝั่งขุนนางบางคนก็น่าจะมากัน”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงรับคำ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหล่าท่านลุงมาชวนนายท่านเสิ่นออกไปตกปลาในทะเลสาบบนูเา เพื่อนำมาทำเป็อาหารให้เสิ่นกุ้ยที่กำลังจะแต่งงาน
นายหญิงเสิ่นไม่เคยไปบ้านใหม่ของบุตรชาย วันนี้นางจึงจะออกไปดูกับลูกสะใภ้ จะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันเส้นทาง
ตลอดทางนายหญิงเสิ่นดูตื่นเต้นมาก นางมองออกไปนอกรถม้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ท่านแม่ ข้ามถนนสายนี้ไปก็เป็จวนกู้ของข้าเ้าค่ะ” กู้เจิงชี้ไปที่อีกฝั่งของถนน
“คราวก่อนพวกเราไปกินข้าวที่บ้านเ้า เป็ถนนข้างหน้าเส้นนั้น” นายหญิงเสิ่นจำได้แล้ว
“ใช่เ้าค่ะ พอเลี้ยวไปถนนเส้นนั้นจะเป็จวนตวนอ๋อง” กู้เจิงชี้ไปทางขวาตรงหน้า “รถม้าของพวกเราต้องไปทางซ้าย ที่นั่นจะเป็เรือนหลังของจวนตวนอ๋อง หากเดินเข้าไปอีกก็จะเป็บ้านใหม่ของพวกเราเ้าค่ะ”
“คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ใกล้กับจวนตวนอ๋องมาก นี่เป็บ้านที่ท่านอ๋องจัดไว้ให้หรือ?” นายหญิงเสิ่นถาม
“ท่านพี่บอกว่าทางราชสำนักแบ่งไว้ให้ แต่ข้าคิดว่า ตวนอ๋องต้องไปสั่งไว้แน่เ้าค่ะ” ต่อให้คนอื่นไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนเป็คนของตวนอ๋อง แต่ก็ต้องพอรู้ว่าตวนอ๋องกับเสิ่นเยี่ยนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงเป็เื่ปกติมากที่จะจัดให้อยู่ใกล้ๆ กัน
นายหญิงเสิ่นพยักหน้ายิ้มๆ ตวนอ๋องเคยช่วยชีวิตนางไว้ อีกทั้งเด็กคนนั้นก็สุภาพมาก นางชอบเขาเป็อย่างยิ่ง “บนถนนเส้นนี้ล้วนมีแต่บ้านหลังใหญ่ เงียบสงบนัก”
“ท่านป้าเสิ่น” ชุนหงที่ขับรถอยู่ด้านหน้าหันมาพูดด้วยว่า “ได้ยินว่าบริเวณโดยรอบล้วนเป็จวนของขุนนางใหญ่ในราชสำนัก เวลาชาวบ้านเดินผ่านไปมาก็ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ท่านบุตรเขยก็เป็หนึ่งในขุนนางใหญ่เ่าั้แล้วนะเ้าคะ”
“งั้นหรือ?” นายหญิงเสิ่นหัวเราะกับคำพูดของชุนหง ก่อนจะค่อยๆ หุบยิ้มลง นางมองเห็นสิ่งที่คุ้นเคยตรงหน้า ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็ซีดเผือด
“ท่านแม่ เป็อะไรไปเ้าคะ?” กู้เจิงถาม รอบข้างนอกจากบ้านและต้นไม้แล้ว ไม่มีอะไรอื่นอีก "ไม่สบายหรือเ้าคะ"
“คุณหนู ท่านป้าเสิ่น ถึงแล้วเ้าค่ะ” ชุนหงหยุดรถม้าแล้วเลิกม่านขึ้น
กู้เจิงพยุงแม่สามีลงจากรถม้า นางยืนโคลงเคลงเหมือนจะเป็ลม กู้เจิงจึงรีบประคองนางไว้แน่น “ท่านแม่?”
นายหญิงเสิ่นมองบ้านตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
สีหน้าของแม่สามีขาวซีดเหลือเกิน กู้เจิงไม่เข้าใจว่าทำไมพอแม่สามีถึงเห็นบ้านหลังนี้ถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้ นางนึกกังวลใจ “ท่านแม่ ถ้ารู้สึกไม่สบาย พวกเราไปหาหมอกันเถอะเ้าค่ะ”
“ข้าไม่เป็ไร นี่คือบ้านที่เ้ากับอาเยี่ยนจะมาอยู่หรือ?” นายหญิงเสิ่นฝืนใจให้สงบ
“เ้าค่ะ”
สาวใช้ในบ้านได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงเดินมาเปิดประตูเรือนออก พอพวกนางเห็นกู้เจิงก็รีบย่อกายคารวะ
กู้เจิงเห็นแม่สามีก้าวเข้าไปในบ้านทีละก้าว สายตานั้นบอกนางว่า แม่สามีคุ้นเคยกับทุกอย่างในบ้านเป็อย่างดี
นายหญิงเสิ่นยืนอยู่ใต้ต้นองุ่นเก่าแก่ในลานบ้าน
“คุณหนู ของพวกนี้...” ชุนหงพาสาวใช้ไปหยิบของจากรถม้า นางคิดจะมาถามคุณหนูว่าจะจัดวางอย่างไร ก็เห็นคุณหนูส่งเสียงให้เงียบๆ “อย่าส่งเสียงดังรบกวนท่านแม่”
ชุนหงมองไปทางท่านป้าเสิ่นอย่างงุนงง “คุณหนู ท่านป้าเสิ่นเป็อะไรไปเ้าคะ?”
กู้เจิง “...” ชุนหงของนางหัวช้าเสียจริง
“คุณหนู จะให้บ่าวเอาของในรถม้าไปจัดวางยังไงเ้าคะ?”
“เ้าจัดการเองเลย”
“ได้เ้าค่ะ”
พอนายหญิงเสิ่นรู้ตัวว่าเสียมารยาทต่อหน้าลูกสะใภ้ นางจึงนั่งลงบนเก้าอี้ใต้ซุ้มเถาองุ่นแล้วยิ้มบางๆ ก่อนเอ่ยว่า “เ้าคงสงสัยมากแน่ๆ ว่าทำไมปฏิกิริยาของข้าถึงเป็แบบนี้”
กู้เจิงพยักหน้าหลังจากรินชาให้แม่สามี “แม้ข้าจะสงสัย แต่ถ้าท่านแม่ไม่พูดข้าก็จะไม่ถามเ้าค่ะ” ทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง นางไม่เพียงแต่มีความลับอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีความลับของตวนอ๋องด้วย
“เมื่อก่อนข้ามีน้องชายและน้องสาว อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกันสามคนใน่เวลาหนึ่ง” นายหญิงเสิ่นถอนหายใจ เป็เื่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมาแล้ว
“แล้วพวกเขาล่ะเ้าคะ?”
“ตอนนี้ตัดขาดกันไปแล้ว” ชีวิตนี้ นางไร้ซึ่งความคับแค้นใจและเกลียงชังต่อพวกเขา การไม่พบหน้ากันจนแก่ตายเป็เพียงความปรารถนาเดียว
น้ำเสียงเ็าของนายหญิงเสิ่นทำเอากู้เจิงใจคอไม่ดี แต่แม่สามีเป็คนใจดีจะต้องเป็เพราะพวกเขาทำเื่ที่ผิดต่อแม่สามีแน่ นางไม่แปลกใจเลยที่ท่านป้าใหญ่บอกว่าไม่เคยได้ยินนางพูดถึงครอบครัว เนื่องจากตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้วจึงไม่จำเป็ต้องเอ่ยถึงอีก
“ท่านแม่มีท่านพ่อ มีท่านพี่ และมีข้าก็พอแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดยิ้มๆ
นายหญิงเสิ่นจับมือลูกสะใภ้พลางพยักหน้า “ใช่ ข้ามีพวกเ้าก็พอแล้ว เื่วันนี้อย่าได้บอกสามีข้ากับอาเยี่ยนนะ ข้าไม่อยากเอ่ยถึงเื่ในอดีตอีก”
“ได้เ้าค่ะ”
แม่สามีและลูกสะใภ้มองหน้าและยิ้มให้กัน
เห็นสีหน้าของแม่สามีกลับมาเป็ปกติแล้ว กู้เจิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่พอนางอุ้มของเข้าไปในห้องเล็กปีกข้างและได้เห็นคูน้ำตรงทางเดิน นางพลันนึกถึงคำพูดขององค์ชายสิบสองกับเซี่ยกงเจวี๋ยในวันนั้นขึ้น องค์ชายสิบสองได้บอกว่าที่จวนเซี่ยก็มีคูน้ำเล็กๆ ที่คล้ายกับที่นี่เหมือนกัน นี่มันเป็เื่บังเอิญงั้นหรือ?
แต่ในจวนสกุลกู้ก็ไม่มีคูน้ำไหลผ่าน และจวนตวนอ๋องก็ไม่มี
กู้เจิงนึกถึงในคืนนั้นที่นางไปพบแม่ทัพเซี่ย ยืนมองบ้านหลังนี้อยู่ทางฝั่งของจวนตวนอ๋อง
นางสูดหายใจลึก หรือว่าน้องชายของแม่สามีจะเป็แม่ทัพเซี่ยผู้นั้น? ถ้าเป็อย่างนั้นจริง เขาก็เป็ท่านน้าของเสิ่นเยี่ยนน่ะสิ
นายหญิงเสิ่นเดินออกมาจากซุ้มเถาองุ่น นางเห็นลูกสะใภ้ทำหน้าประหลาด ทำเอานางอดยิ้มไม่ได้ จึงถามว่า “อาเจิง เป็อะไรหรือ?”
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ” กู้เจิงนึกถึงเื่ที่แม่สามีบอกเล่าไปเมื่อครู่ ความตื่นเต้นที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาก็ดับลงไปในทันที “ท่านแม่ แถวนี้มีร้านเกี๊ยวอยู่ร้านหนึ่ง เขาทำเกี๊ยวอร่อยมากเ้าค่ะ ตอนเที่ยงพวกเราไปซื้อกลับบ้านไปกินกับท่านพ่อกันนะเ้าคะ”
แน่นอนว่านายหญิงเสิ่นไม่คัดค้าน