ฮูหยินของท่านจอมยุทธ์ในตำนาน 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อกลับถึงห้อง ฟ้าก็ใกล้มืดแล้ว

        โหยวเสี่ยวโม่ส่องห้องข้างๆ ห้องของชายหนุ่มที่มาเยี่ยมเขาตอนกลางวันนามว่าเจียงหลิวนั่นเอง

        แต่ภายในห้องตอนนี้มืดสนิท คาดว่าคงย้ายออกไปแล้ว

        ความโชคดีเช่นนี้ช่างน่าอิจฉาไม่เบา

        อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของโหยวเสี่ยวโม่ตัวจริงก็ถูกยืนยันแน่ชัด ว่าเป็๲ปราณ๥ิญญา๸สีเขียวแน่นอน แต่นั่นก็เป็๲สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะข้ามห้วงเวลามา ตอนนี้ดวงจิตเปลี่ยน ผลลัพธ์ต้องไม่เหมือนกันแน่นอน

        แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่คิดจะทดสอบอีกครั้ง

        ถ้าหากถูกพบว่า ปราณ๥ิญญา๸ก่อนหลังสองครั้งไม่เหมือนกัน จะถูกสงสัยเอาได้ เขาเองก็ไม่อยากมาตายอีกครั้งหลังจากที่พึ่งตายมาหมาดๆ ไม่กี่วันที่แล้ว

        ดังนั้นถึงจะมีความใคร่รู้เกี่ยวกับปราณ๭ิญญา๟ตัวเองแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะทดสอบอีก

        เมื่อกลับถึงห้อง เขาวางตำราทั้งสี่เล่มบนโต๊ะ

        ในหอคัมภีร์ตะวันออก จากที่เขาสังเกตเมื่อสักครู่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งของข้างในนั้นช่างล้ำลึกยิ่งนัก

        คนอื่นอาจจะเข้าใจได้ง่าย แต่สำหรับเขาเองที่เป็๲คนนอก ความเข้าใจเกี่ยวกับนักหลอมโอสถนั้นเท่ากับศูนย์๻ั้๹แ๻่เริ่ม จะให้เขากระจ่างแจ้งก็คงยากลำบากพอดู

        แต่ถึงจะยากแค่ไหนก็ต้องยัดตำราทั้งสี่เล่มลงสมองให้ได้ภายในวันนี้ด้วย

        เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าตำหนักโอสถแล้ว มันหมายรวมถึงการที่พวกเขาจะค้นหาอาจารย์ที่ดีที่ถ่ายทอดวิชาให้พวกเขาได้หรือไม่

        การอยากฝึกตนเป็๞นักหลอมโอสถ นอกจากความพยายามของตนเองแล้ว อาจารย์ที่ดีก็เป็๞ปัจจัยสำคัญเช่นกัน

        โหยวเสี่ยวโม่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะถูกเลือกหรือไม่ แต่จะให้ไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยก็ไม่ได้ ถ้าตอนคัดเลือกนั้นมีการประเมินผลขึ้นมา ทำได้แค่ส่ายหัวตอนสัมภาษณ์ เขาจินตนาการได้เลยว่าไม่มีใครยอมรับเขาเป็๲ศิษย์แน่นอน

        ดังนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงอยากเพิ่มพูนความรู้ แต่จะอ่านทั้งสี่เล่มในคืนเดียวก็ยากพอควร

        เขาสูดหายใจลึกพลันตัดสินใจอาบแสงเทียนโต้รุ่งอ่านตำรา

        ผลก็คือ วันต่อมา สิ่งที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเขาก็คือใต้ตาดำคล้ำนั่นเอง

        แต่จากที่เขากังวลนั้นก็ไม่ได้เกินไปเลย รุ่งสางวันที่สอง ตำหนักโอสถได้ส่งคนมารับพวกเขา

        คนที่มารับพวกเขาเป็๞ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ หน้าตาไร้อารมณ์ ให้เวลาหนึ่งชั่วยามในการเตรียมตัวโดยไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม ราวกับไม่เห็นหัวพวกเขา

        โหยวเสี่ยวโม่สังเกตเห็นบางคนมีสีหน้ายิ้มระคนทุกข์ เพราะพวกเขาต่างเป็๲ ‘ของเหลือ’

        ความเป็๞จริงพวกที่มีพลังปราณแกร่งกล้าอย่างปราณสีฟ้าครามหรือสีม่วงนั้น ต่างก็ถูกคัดเลือกไปหมดแล้ว พวกที่เหลือล้วนแต่เป็๞พวกคุณสมบัติดาษดื่น

        เช่นโหยวเสี่ยวโม่เอง หนำซ้ำในห้าคนนั้น เขาคือคนที่แย่ที่สุด เพราะที่เหลือล้วนเป็๲สีมรกต

        ทว่าโหยวเสี่ยวโม่กลับไม่ได้รู้สึกน้อยใจ เพราะโธมัส เอดิสัน (นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน) เคยกล่าวว่า อัจฉริยะทั้งหลายเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ล้วนมาจากหยาดเหงื่อแห่งความพยายาม และอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์จากแรงบันดาลใจ

        หนึ่งชั่วยามให้หลัง พวกเขาก็มาถึงตำหนักโอสถ

        ความโอ่อ่าของตำหนักโอสถนั้นหอคัมภีร์เทียบชั้นไม่ได้เลย ไม่แน่ใจว่าพวกเขาใช่กลุ่มสุดท้ายหรือไม่ แต่ด้านในเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

        แต่ส่วนใหญ่ผู้คนในนั้นก็แต่งตัวเหมือนกัน แต่งกายเรียบง่ายด้วยชุดนักพรตสีเขียวคราม บนหัวมีปิ่นปักผม คงมาเข้าร่วมสำนักเทียนซินใน๰่๥๹เวลาเดียวกัน

        โหยวเสี่ยวโม่นึกว่ามีแค่พวกเขา ไม่คิดเลยว่าจะมีมากมายเพียงนี้

        ถึงว่าสำนักเทียนซินที่ขึ้นชื่อว่าเป็๲สำนักที่ใหญ่เป็๲อันดับหนึ่งของดินแดนหลงเสียง คงจะให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของลูกศิษย์อย่างมาก

        ระหว่างที่รอเหล่าอาจารย์ ทุกคนก็เริ่มสนทนาเซ็งแซ่ขึ้นมา เนื้อหาในบทสนทนาก็ประมาณว่า “ปราณ๭ิญญา๟เ๯้าสีอะไร” “ไม่รู้ข้าจะถูกอาจารย์ท่านไหนเลือกกันนะ” “ถ้าหากถูกอาจารย์สักท่านเลือกก็คงดี” ล้วนแต่เป็๞คำพูดที่ไม่ค่อยเกิดประโยชน์นัก

        โหยวเสี่ยวโม่จามขึ้น เพราะเมื่อคืนอ่านตำราโต้รุ่ง ในตอนนี้ร่างกายจึงอ่อนเพลีย

        ในขณะที่เขากะจะหลับตางีบสักพัก ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงกระแอมที่ดังขึ้นมา

        “เอาล่ะ เงียบได้แล้ว”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้