เซี่ยเสี่ยวหลานจะทำธุรกิจอื่น
หลี่เฟิ่งเหมยได้แต่คิด เด็กคนนี้ช่างหาเื่เก่งเสียเหลือเกิน
“พอปลาไหลขายไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีกากน้ำมันอยู่ หลานจะทำธุรกิจอะไรต่ออีกเล่าอยู่บ้านทบทวนบทเรียนสบายๆ เถอะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าถึงเป็เื่ที่สำคัญที่สุดต่างหาก”
ธุรกิจกากน้ำมันทำเงินไม่ดีเท่าปลาไหล แต่ชนะธุรกิจปลาไหลเพราะมั่นคงกว่าขนกากน้ำมันหลายร้อยชั่งไปตลาดในชนบทสามารถขายหมดได้อย่างง่ายดายทุกวันกำไรที่ได้คือเงินค่าเหนื่อย ทว่าเกษตรกรผู้หาอาหารกับผืนดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรเช่นหลิวเฟินที่ถึกทนดั่งวัวแก่สิ่งที่ไม่กลัวเลยสักนิดก็คือความเหนื่อยยากนั่นเอง
ต่อให้เหน็ดเหนื่อยกว่านี้ แต่มันก็คุ้มค่ายิ่งนัก ทุกเดือนสามารถทำเงินได้หลายร้อยหยวนรายได้มากกว่าคนงานเสียอีกแม้แต่หลี่เฟิ่งเหมยก็คิดว่าธุรกิจประเภทนี้ดีเยี่ยมเหลือเกิน!
รายได้หลายร้อยหยวนในปี 83 ถือเป็มโนภาพที่ไม่มีวันเป็จริงแค่ไหนน่ะหรือ?
หากยึดตามประสบการณ์และความรู้ของหลี่เฟิ่งเหมย เธอไม่เคยพบเจออาชีพที่ทำรายได้ที่มากกว่านี้แล้วขนาดสามีของเธออย่างหลิวหย่งบอกว่าหาเงินจำนวนมากได้จากข้างนอกแต่เงินส่วนใหญ่ล้วนลงไว้กับ ‘ธุรกิจ’ แล้ว เงินที่นำกลับบ้านต่อเดือนมีเพียงไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น
หากใช้รายได้ส่วนนี้ส่งเสียเซี่ยเสี่ยวหลานเล่าเรียนย่อมไม่มีปัญหาเมื่อใดที่หลิวเฟินยืนหยัดต่อไปไม่ไหว มิใช่ยังมีหลิวหย่งและหลี่เฟิ่งเหมยหรอกหรือ
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดถี่ถ้วนแล้วจึงไม่ปิดบัง
“ป้า ฉันจะจัดการตารางเวลาของตัวเองอย่างสมเหตุสมผลแน่นอนอันที่จริงฉันเองทบทวนบทเรียนเองได้ดีทีเดียว ถ้าต้องเรียนหนังสือกับคนอื่นในห้องเรียนใจฉันคงสงบไม่ลงแน่... เื่ธุรกิจขายกากน้ำมันฉันอยากส่งต่อให้แม่และไม่้าให้แม่หาเงินได้มากมายขนาดนั้น แค่มีอะไรสักอย่างให้ทำก็พอ ส่วนธุรกิจใหม่ที่ฉันอยากทำตอนนี้คือขายเสื้อผ้า”
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าถึงสิ่งที่ตนเองได้ยินได้เห็นจากตลาดสินค้าเกษตรในซางตูให้เธอฟังหนึ่งรอบ
่นี้เธอวิ่งวุ่นไปมาในซางตูย่อมถามไถ่ถึงข้อมูลที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นเป็ธรรมดา ควรนำเข้าเสื้อผ้ารูปแบบใดขายในราคาเท่าไร ตั้งแผงที่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานมีแผนไว้หมดแล้ว เธอเร่งร้อนอยากโดดเด่นเหนือใครในยุค 80 และ้าพิสูจน์ตนเองด้วยเช่นกัน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้สำคัญเป็อันดับหนึ่งเป้าหมายการพิสูจน์ตนข้อนี้เธอลุล่วงไปั้แ่ชาติก่อนแล้วตอนนั้นแม้ฝ่าฟันจนได้หน้าที่การงานตำแหน่งสูงมา แต่ท้ายที่สุดก็ยังเป็การทำงานให้ผู้อื่นอยู่ดีเซี่ยเสี่ยวหลานอยากมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตนเองบ้าง!
เซี่ยเสี่ยวหลานอธิบายอย่างกระจ่างและมีตรรกะหลี่เฟิ่งเหมยฟังแล้วถึงกับเหม่อลอย
สิ่งเหล่านี้จะมีสาวชนบทสักกี่คนที่รู้กัน? ชนเสาครั้งนั้น ช่างนำมาซึ่งความสุขในภายภาคหน้าโดยแท้เซี่ยเสี่ยวหลานได้รู้แจ้งแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานมีจุดยืนของตนเองเป็อย่างยิ่งหลี่เฟิ่งเหมยกังวลว่าตัวเองจะเป็ห่วงหลานสาวมากเกินไปจนเกิดผลลัพธ์ตรงกันข้าม สุดท้ายจึงทำได้เพียงตั้งกฎร่วมกัน
“ถ้าคะแนนสอบที่โรงเรียนถดถอย ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น!”
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมตกลงด้วยความยินดีแน่นอน
หลี่เฟิ่งเหมยไม่้าเอาเปรียบเื่ร่วมหุ้นลงทุน "50 หยวนจะซื้อเสื้อผ้าได้สักกี่ชุดกัน? เงินแค่นี้หลานเก็บไว้เถอะ อีกอย่างถ้าลงทุนด้วยกัน ลุงของหลานยังทำกำไรจากการค้านี้ได้อีกเป็ผู้ใหญ่มีประสบการณ์มากกว่า จะปล่อยให้หลานขาดทุนได้อย่างไร?"
แต่ค้าขายเสื้อผ้าเก็งกำไรเสื้อผ้าสำเร็จรูปในตัวเมืองราคาแพงแค่ไหน? หลี่เฟิ่งเหมยคิดว่าแม้แต่เสื้อผ้าสักสองชุดก็ซื้อไม่ได้ จะมาลงทุนอะไรกันเล่า
วงการค้าขายเสื้อผ้ามีกำไรฉับพลันมหาศาล อย่าว่าแต่ยุค 80 เลย ผ่านไปอีกสามสิบปี เสื้อผ้าราคาโรงงาน ราคาขายส่งไปจนถึงจุดสิ้นสุดที่ราคาขายปลีกล้วนห่างกันหลายเท่าตัวเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่คิดจะพูดกล่อมหลี่เฟิ่งเหมยเธอ้าเพียงถ้าหาเงินได้เมื่อไรไม่ว่าอย่างไรจะต้องนำกำไรส่วนนี้แบ่งแก่ครอบครัวของลุงให้ได้
สิ่งที่เธอ้าคือการสนับสนุนของหลี่เฟิ่งเหมยในบ้านมีกันแค่สี่คน เทาเทาเด็กเกินไปจึงไม่มีสิทธิ์ออกเสียงเธอและหลี่เฟิ่งเหมยรวมหลิวเฟินหากเทียบแล้วย่อมมีเสียงเป็ 2:1 เมื่อหลิวเฟินออกปากจริงจังแม้แต่หลี่เฟิ่งเหมยยังเอาชนะไม่ได้พูดได้ไม่กี่ประโยคก็ตะลึงงันเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังตริตรองจะไปหยางเฉิงสักรอบ
หลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยกังวลอย่างเป็ที่สุด “ซางตูก็มีตลาดค้าส่งของตัวเอง เรารับสินค้าที่ซางตูมาขายในอันชิ่งไม่ได้หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะปฏิเสธ “แบบที่ขายอยู่ในซางตูไม่แปลกใหม่เลยสักนิดเดียวแผงร้านอื่นก็รับของจากตลาดค้าส่งซางตู ของที่เหมือนกันจะไร้การแข่งขันในเมื่อจะขายแล้วก็ต้องขายของที่มีเอกลักษณ์หาเ้าอื่นเปรียบไม่ได้ไม่ใช่ยอมให้ลูกค้าเลือกสินค้า แต่ฉันจะเป็คนเลือกลูกค้าเอง”
อย่างแผงเสื้อผ้าที่เธอเห็นในตลาดสินค้าเกษตรนั้นราคาขายก็ไม่เรียกว่าย่อมเยา แต่รูปแบบกลับดึงดูดลูกค้าสตรีไม่ได้สินค้าค้างอยู่ในมือจะไปได้กำไรอะไร? เงินต้นทุนของเธอยังไม่หนาไปหยางเฉิงรับสินค้าครั้งเดียวก็นำมาได้ไม่กี่ชุด ถ้ารูปแบบเสื้อผ้าแปลกใหม่สวยงามทุกชุดที่ขายได้ย่อมเป็เงิน! สินค้าต้องคุณภาพดีเพียงพอเธอถึงจะมีคุณสมบัติเลือกเฟ้นลูกค้า หากมีคนรู้สึกว่าแพงเกินไป? ก็ไม่เป็ไร คุณไม่ซื้อ ย่อมมีคนอื่นรอซื้อต่ออยู่ดี
ปัจจุบันนี้ในมือของผู้คนล้วนพร่องเงินทอง และขาดแคลนสินค้าต่างๆนานาเช่นกัน
เสื้อผ้าที่ดูดีถึงจะล้วงเงินออกจากกระเป๋าของลูกค้าได้!
หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินไม่เข้าใจ พวกเธอรู้แค่เพียงหญิงสาวที่สวยสะพรั่งคนหนึ่งออกจากบ้านไปรับด้วยตนเองย่อมไม่ค่อยเหมาะสมตอนนี้เธอเข้าใจข้อเสียของครอบครัวที่มีสมาชิกน้อยนิดแล้ว บ้านหลิวเป็ครอบครัวที่ย้ายมาจากต่างถิ่นไม่มีญาติมิตรที่ช่วยเหลือได้หลิวเฟินต้องส่งปลาไหลเข้าเมืองและขนกากน้ำมันกลับมาขายหลี่เฟิ่งเหมยดูแลงานในไร่นาและในบ้านควบคู่กัน อีกทั้งต้องดูแลเทาเทาด้วย
ในบ้านแยกคนออกไปหยางเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้จริงๆ
ไหว้วานใครไปหยางเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลานดีเล่า?
หลี่เฟิ่งเหมยลำบากใจยิ่งนัก สามพี่น้องตระกูลหลิวหลิวหย่งมีน้องสาวทั้งหมดสองคนเป็เื่จริงที่เมื่อก่อนหลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกว่าน้องสาวคนเล็กของสามีอย่างหลิวเฟินซื่อบื้อพูดน้อยไม่น่าคบหาน้องสาวอีกคนของหลิวหย่งผู้ออกเรือนไปอยู่เขตหลินกลับไม่ไปมาหาสู่กับบ้านแม่เท่าไรแทบจะตัดการติดต่อกันแล้วด้วยซ้ำ
หลี่เฟิ่งเหมยแต่งงานเข้ามาเจ็ดแปดปียังไม่เคยเห็นว่าอาหญิงรองของเทาเทา หลิวฟาง หน้าตาเป็อย่างไร
ญาติมิตรเช่นนี้ จะหวังพึ่งได้หรือ?
สำหรับบ้านแม่ของเธอเองยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลยอีกอย่างก็ไม่มีเหตุผลสำหรับการวานญาติของเธอไปช่วยงานเซี่ยเสี่ยวหลานตัวหลี่เฟิ่งเหมยเองไม่เชื่อมั่นในคนบ้านแม่ของเธออีกแล้วอย่าได้มองว่าเซี่ยเสี่ยวหลานทำเงินเยอะแล้วจะริษยาจนแย่งชิงลู่ทางหาเงินของเซี่ยเสี่ยวหลานไปดื้อๆอย่างนี้เชียว!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดว่าเดินทางด้วยตัวเองจะมีปัญหา
ใช่ เธอหน้าตาสะสวย สถานีรถไฟและบนรถไฟย่อมเป็เขตแดนซับซ้อนซึ่งมีคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกันเสมอมาแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ ‘สาวบ้านนอก’ ผู้ไม่เคยออกไปไกลบ้านมาก่อน หากสามารถยึดมั่นจิตใจระแวดระวังให้เพียงพอไม่ต้องสนใจริเริ่มสนทนากับคนแปลกหน้า อย่าเดินตอนดึกดื่นค่ำมืดคนเดียวห้ามรับประทานเครื่องดื่มหรืออาหารที่คนแปลกหน้าส่งมาให้คนเลวไม่มีทางฉุดเธอไปในสถานการณ์ที่ผู้คนกำลังจับจ้องได้อยู่เป็แน่!
ดูท่าทางอากาศใกล้จะเริ่มเย็นลงแล้วถ้าไม่รีบใช้เวลานี้ขายเสื้อผ้าฤดูหนาว ก็เท่ากับพลาดโอกาสทางธุรกิจดีๆ นี่เอง
เซี่ยเสี่ยวหลานตรวจเงินเก็บที่เก็บไว้กับตัวอย่างละเอียดตัดส่วนเล็กน้อยซึ่งลงไว้ในธุรกิจปลาไหลออกไป เธอมีเงินสดรวม 600 หยวน นี่มิใช่ธนบัตรหกใบบางจ๋อยเหมือนในอนาคต เพราะธนบัตรมูลค่าที่มากที่สุดในยุคนี้คือธนบัตรสิบหยวนเงิน 600 หยวนจึงมีความหนาพอสมควรอยู่นอกบ้านต้องดูแลของมีค่าที่อยู่ตัวไว้ให้ดี หลิวเฟินจึงคิดจะเย็บกระเป๋าติดด้านนอกกางเกงชั้นในแนบเนื้อของเซี่ยเสี่ยวหลานให้ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอึ้งกิมกี่เพราะวิธีเก็บรักษาเงินเช่นนี้อยู่นานโขเมื่อชาติก่อนเธอติดต่องานก็ต้องนั่งรถไฟออกไปต่างถิ่นคนเดียวอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่เคยนำเงินสดก้อนใหญ่ติดตัวออกไปด้วย มักเป็การต่อรองธุรกิจให้ลงตัวก่อนแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยโอนเงินโดยตรง
เก็บเงิน 600 หยวนไว้ในกระเป๋ากางเกงใน?
เซี่ยเสี่ยวหลานรับไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยขอให้หลิวเฟินเย็บกระเป๋าสองลูกติดซับข้างในเสื้อแทน
“เงินน่ะแยกกันเก็บดีกว่า”
คงไม่ดวงซวยถึงขั้นเงินทั้งสองที่โดนขโมยไปหรอกนะ?
หลี่เฟิ่งเหมยไม่รับเงินของเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกทั้งนำเงินอีก 300 หยวนยัดใส่มือเธอ “ให้หลานยืมไม่นับว่าลงทุนร่วมอะไรหรอก”
หลิวหย่งไม่ได้ทิ้งเงินไว้ที่บ้านมากเท่าไร หลี่เฟิ่งเหมยจะต้องเหลือเงินไว้ในมือบ้างพอคิดแล้วเงินที่หมุนได้ก็คือเงิน 300 หยวนนี้เอง ออกไประหกระเหินคนเดียวข้างนอกเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งเป็หญิงสาวสะสวย หากเป็ชายหนุ่มไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักก็ยังสามารถซุกหัวนอนอยู่ใต้เสาสะพานสักคืนได้แต่เปลี่ยนเป็เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมทำเช่นนั้นไม่ได้แน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ปฏิเสธน้ำใจ มีเงินเพิ่มมาอีกสามร้อยก็ถือว่าป้าสะใภ้ได้เข้าร่วมหุ้นด้วยอีกคน
จะเดินทางไกลบ้าน ย่อมขาด ‘จดหมายแนะนำ’ ไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไปที่ทำการหมู่บ้านทำเื่ขอจดหมายแนะนำบุรุษไปรษณีย์กำลังส่งจดหมายพอดี
“มีโทรเลขของคุณเซี่ยเสี่ยวหลานครับ”
คนส่งโทรเลขนำซองจดหมายหนึ่งซองยื่นให้เซี่ยเสี่ยวหลานสายตาสงสัยใคร่รู้มองติดตามเธอไปอย่างใกล้ชิด
โทรเลขที่ประชาชนทั่วไปใช้มีราคาเจ็ดเฟินต่อหนึ่งตัวอักษร้าส่งโทรเลขย่อมเป็ธุระสำคัญแน่นอน เกลาแล้วเกลาอีกจนได้ข้อความหนึ่งประโยคคนส่งโทรเลขแค่ส่งบันทึกสั้นสักฉบับก็ถือว่าทำงานเสร็จสิ้นแล้ว... นี่เป็ครั้งแรกในการส่งโทรเลขที่ต้องใช้ซองจดหมายบรรจุไว้!
นั่นต้องมีตัวอักษรเท่าไรกัน?
แล้วนั่นต้องเป็เงินเท่าไรกัน?
ไม่เคยพบเจอการฟุ่มเฟือยเงินทองเช่นนี้มาก่อนบุรุษไปรษณีย์แนะนำว่าเขียนจดหมายเอาไม่ดีกว่าหรือ!