การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซูเมี่ยวเออร์นั้นเป็ที่ไม่คาดคิดของทั้งสองคน
ม่านด้านหลังปิดลง หรงซิวก็เอื้อมมือไปกอดนาง คางเกยเข้าที่ไหล่ของนางแล้วพูดด้วยเสียงอ่อน “โกรธหรือ?”
“เปล่านี่เพคะ” อวิ๋นอี้ผลักเขาออกไปมิได้ก็พ่นลมออกมาพูดต่อว่า “ขาก็อยู่บนตัวของนาง หากจะตามมาก็มิมีผู้ใดห้ามได้หรอก”
หรงซิวซาบซึ้งใจเป็อย่างมากในขณะนั้นคิดจะประจบประแจงเสียหน่อย แต่กลับถูกอวิ๋นอี้หัวเราะใส่ “นอนก่อนเถิดเพคะ เหนื่อยแล้ว”
นางรู้ดีว่าซูเมี่ยวเออร์ข่มให้นางเกรงมิได้ ดังนั้นนางจึงไม่สนใจกระไร เพียงแต่ว่าการปรากฏตัวของซูเมี่ยวเออร์ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจก็เท่านั้น
ในเมื่อนางยังตามมาแสดงละครเื่บังเอิญสตรีที่ฉลาดอย่างหว่านฉือก็ไม่น่าจะคิดมิได้
การคาดเดาของอวิ๋นอี้เป็จริงในวันรุ่งขึ้น
พวกเขาพาซูเมี่ยวเออร์ไปด้วยในตอนกลางวันไปตามทางหลวงถนนทั้งกว้างและราบเรียบความเร็วในการเดินทางรวดเร็วมาก
เมื่อมาถึงตอนเที่ยงก็ถึงศาลาพักม้าที่สอง
ความเร็วของพวกทหารช้าลงจากตอนแรกมาก หรงซิวเห็นว่าทุกคนลำบาก จึงให้ทุกคนลงจากรถแล้วพักผ่อนกันที่ศาลาพักม้าสองชั่วยาม เวลาใดที่แดดอ่อนลงจึงค่อยเริ่มเดินทางกันใหม่
เมื่อพวกเขาหยุดพักซูเมี่ยวเออร์ก็หยุดพักด้วย
ในตอนที่หรงซิวพยุงอวิ๋นอี้ลงจากรถนางก็เดินมาถึงด้านหน้า พูดอย่างทำหน้าทำตาว่า “พระชายาช่างล้ำค่าจริงเสียนะเพคะ!”
อวิ๋นอี้ไม่อยากจะไปสนใจนางจึงแสร้งทำเป็มิได้ยินลงจากรถแล้วก็เกาะแขนหรงซิวเข้าไปในห้อง
ซูเมี่ยวเออร์ถูกคนไม่แยแส ปากนางก็แทบจะยกขึ้นฟ้า นางกัดฟันอย่างดุร้ายแล้วเดินกระทืบเท้าตามเข้าไปทันที
ที่ศาลาพักม้ามีคนที่คนคอยรับผิดชอบเป็บุรุษร่างผอมที่ไว้หนวดม้วน
ท่าทีของเขาดูเฉื่อยช้าเหล่ตามองพวกเขาแล้วขอตรวจเพื่อยืนยันตัวตน
หรงซิวหยิบเหรียญตราประจำตนออกมา หลังจากที่อีกฝ่ายรู้สถานะของเขาแล้ว ก็มีท่าทีเคารพเขาขึ้นทันใด “ที่แท้ก็เป็องค์ชายเจ็ดนี่เองพ่ะย่ะค่ะ!ข้าได้ยินชื่อเสียงมานานว่าท่านช่างหล่อเหลาและทรงมีพระเมตตาได้พบกับตาวันนี้แค่เห็นก็รู้ว่าท่านไม่ธรรมดา!”
มิได้มองออกั้แ่แรกหรือว่าไม่ธรรมดา?
อวิ๋นอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งในใจคิดว่าข้าราชการผู้นี้ประจบได้ไม่เนียนเลยจริงๆ
“เปิดห้องหน่อย ฝากดูแลพี่น้องด้านนอกด้วย” หรงซิวพูดอย่างสุภาพ “ม้าตัวนั้นของข้าให้อาหารชั้นเลิศนะ”
“ประสงค์ของฝ่าาข้าน้อยจะสนองให้พ่ะย่ะค่ะ!” บุรุษที่ไว้หนวดม้วนผู้นั้นหยีตายิ้มแล้วพูดประจบ “รับประกันได้เลยพ่ะย่ะค่ะว่าจะทำให้ดีที่สุด!ฝ่าาวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
หรงซิวฉีกยิ้มให้อย่างเป็มารยาทแล้วหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ
บุรุษผู้นั้นตาเป็ประกายขึ้นทันใด ราวกับเหงื่อออกมือเอามือเช็ดเสื้อผ้านั่นนี่ไปเรื่อย พูดปฏิเสธด้วยใบหน้าจอมปลอม “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะนี่เป็หน้าที่ของข้า มิจำเป็ต้องเกรงใจกันเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวมิได้คะยั้นคะยอแล้วมองออกไปด้านนอกอีกแล้วหันกลับมาถาม “ที่นี่ยังมีผู้อื่นอีกด้วยหรือ?”
ตอนที่ลงจากรถมาก็เห็นว่าข้างนอกมีรถจอดอยู่หลายคันไม่เพียงแค่นั้นยังมีบุรุษร่างกายกำยำกำลังทานอาหารอยู่ข้างๆ ด้วย
บุรุษหนวดม้วนตอบอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อเช้านี้มีสาวงามผู้หนึ่งดูเหมือนว่านางจะมาจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่เจียงหนาน”
หรงซิวรับคำดูไม่ใส่ใจมากนัก เขาจับแขนอวิ๋นอี้ไว้ กำลังจะขึ้นไป้า
บุรุษหนวดม้วนเปิดห้องแล้วก็รีบเดินตามเข้ามาพูดว่า “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะมาเถิดข้าจะนำท่านไปดูห้อง!”
บุรุษผู้นั้นผอมมากเขาแทรกตัวเข้ามาทางช่องว่างขึ้นไปด้านหน้าแล้วเดินดุ่มๆ ขึ้นบันไดไป ตึกไม้ทั้งตึกราวกับว่าไม่เคยซ่อมแซมมาเลย มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นตลอดทาง
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วเดินอย่างระมัดระวังขึ้นเรื่อยๆ
บุรุษหนวดม้วนมองเห็นท่าทีของนางก็อดมิได้ที่จะขำ “ฮูหยินพ่ะย่ะค่ะ วางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะที่นี่มิมีปัญหาแน่นอน มิเชื่อล่ะก็ข้าจะะโให้ดูดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“......ไม่ ไม่ต้องหรอก” อวิ๋นอี้ปฏิเสธอย่างไม่สบายใจ ตอนที่นางกำลังจะพูดกระไรอยู่นั้นเสียงของบุรุษหนุ่มก็ดังขึ้นว่าไอหยา แล้วนางก็หันไปมองด้านหน้าอย่างระแวงทันที
บุรุษหนวดม้วนลูบหัวแล้วเงยหน้ามอง้าก็เห็นสตรีสาวแสนสวย ความไม่พอใจที่เขามีก็ลงน้อยลงเขากัดฟันฉีกยิ้มพูด “คุณหนูขอรับ!เดินช้าๆ หน่อยขอรับ!มิเห็นหรือว่าพวกเรายังมีแขกคนอื่น? หากบันไดพังลงมา ข้าน้อยน่ะมิเป็กระไร หากพวกท่านาเ็ขึ้นมาจะไม่เอาชีวิตข้าน้อยเลยหรือขอรับ?”
สตรีผู้นั้นถูกเขาพูดจนว่ากระไรมิออก “พอได้แล้ว พอได้แล้ว! ฮูหยินของข้าบอกว่าอยากทานขนมที่นี่ เ้ามีสิ่งใดอร่อยบ้างเอาขึ้นไปให้ที่ห้องด้วย!”
บุรุษหนวดม้วนได้ยินเช่นนั้นก็คุยโวขึ้นอีกครั้ง “ศาลาพักม้าของเรา ขนมอร่อยทุกอย่างล่ะขอรับ! อีกเดี๋ยวจะเอาขึ้นไปให้ฮูหยินนะขอรับ!ข้ายังมีแขกอยู่!”
สตรีสาวผู้นั้นราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็นคนเสียเช่นนั้น สายตาหันมาก็เบิกตากว้างอ้าปาก “องค์องค์ชายกับ...พระชายา?”
หรงซิวมองเหลียนเหอสีหน้าไร้อารมณ์ แต่อวิ๋นอี้กลับยิ้มอย่างสดใสเป็พิเศษ นางเริ่มพูดถามก่อน “เ้าอยู่ที่นี่หรือว่าน้องหว่านฉือก็อยู่ด้วย?”
“อ่า...” เหลียนเหอได้เจออวิ๋นอี้ก็สับสนเล็กน้อย นานกว่าจะได้สติแล้วก็ก้มหัวลง หลังจากที่ทำความเคารพแล้วก็พูด “ใช่เพคะพระชายา”
“เช่นนั้นก็บังเอิญเสียจริง” น้ำเสียงของนางมิได้มีท่าทีแปลกใจเลยแม้แต่น้อย นางจิ้มไปที่หรงซิว “ฝ่าาคิดเหมือนกันหรือไม่เพคะ? ครอบครัวเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่เสียเช่นนั้นช่างเป็เื่น่ายินดีเสียจริง”
น่ายินดีกระไรกัน!
หรงซิวหน้าดำคร่ำเคร่ง มุมปากกดลง ดูออกว่าเขาไม่ชอบใจนัก เขาไม่พูดกระไร อวิ๋นอี้ยังคงพูดนำต่อไปทำให้ผู้คนหลีกทางแล้วเดินเข้าไปด้านหน้าพูดกับเหลียนเหอว่า “เช่นนั้นเ้าก็พาพวกเราไปหน่อยเถิด!”
“อ๋า?”
“ไปเจอน้องหว่านฉือไง!” อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “นำทางไปเถิด!”
เื่มาถึงเช่นนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องดำเนินต่อ เหลียนเหอพยักหน้าเล็กน้อยหันตัวกลับไปอย่างไม่พูดกระไรแล้วนำทางอยู่ด้านหน้า
เมื่อคนมาถึงที่ประตูก็เคาะประตูเบาๆ ก็ได้ยินเสียงของหว่านฉือดังออกมา “เข้ามาได้”
เหลียนเหอกระแอมเล็กน้อยผลักประตูไปแล้วก้มตัวเคารพ “พระชายารองเพคะ เมื่อครู่ข้าลงไปด้านล่างมาก็ได้พบกับฝ่าา ทั้งยังมีพระชายาเอก...”
การได้เจอหรงซิวเป็เื่ที่นางคิดไว้อยู่แล้วแต่การได้เจออวิ๋นอี้เป็เื่ที่น่าใจริงๆ
หว่านฉือพยายามควบคุมความคิดไว้ให้ได้ เมื่อออกมาเห็นหน้าอวิ๋นอี้จริงๆ ความโกรธในหัวก็ทะยานขึ้นเรื่อยๆ นางแอบกัดฟันยืนขึ้นแล้วยิ้มให้ทั้งสองคน “ฝ่าา? พระชายา? บังเอิญกระไรเช่นนี้นะเพคะ?”
“บังเอิญจริงๆ นั่นแหละเนอะ!” อวิ๋นอี้ปรบมืออย่างไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาทุกคนใกันถ้วนหน้า นางทำตัวราวกับมิมีกระไรเกิดขึ้น เดินเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วจับมือหว่านฉือมา “ได้เจอเ้าที่นี่ช่างดีเสียจริง!”
“......”
หว่านฉือยังไม่เข้าใจว่ามันดีตรงไหนกันทำได้เพียงยิ้มอย่างให้ความร่วมมือไป “พระชายามิได้อยู่ที่จวนอวิ๋นหรือเพคะ? เหตุใดถึงออกมาที่นี่ได้?”
“จะเพราะกระไรเสียอีกเล่า?” แววตาคู่งดงามของนางมองไปที่หรงซิวน้ำเสียงออดอ้อนนั้นเต็มไปด้วยการบ่น “ฝ่าาบอกว่ามีเื่ที่จะต้องจากเมืองหลวงมา จะพาข้าออกมาด้วยให้ได้ เขาอ้อนวอนว่าหากมิมีข้าจะอยู่ไม่ไหว ฤดูร้อนเช่นนี้เ้าคิดสิว่าข้าอยู่ในจวนปรนนิบัติท่านพ่อดีเสียจะตายไป ทว่าเขาก็ดึงดันจะพาข้ามาลำบากที่นี่ น้องพูดสิว่าเขาแย่มากเลยใช่หรือไม่!”
สีหน้าของหว่านฉือเปลี่ยนไปกัดฟันกรอด ความโกรธเกลียดในใจปะทุขึ้น
อวิ๋นอี้รู้ว่าตรงไหนคือจุดแทงใจดำของนาง แต่ก็ยังจะพูดคำนั้นย้ำๆ ซ้ำๆ มีหรงซิวคอยรักเอ็นดูคงคิดว่าตัวเองเป็สุดที่รักเลยน่ะสิ
สีหน้าของนางแข็งทื่อเพียงพูดอืมอย่างอึดอัด อวิ๋นอี้ยังไม่ยอมลดละพูดอย่างมีเลศนัยต่อว่า “จริงสิ เ้ามาที่นี่ทำไมกันหรือ? ได้พบกับพวกเราเช่นนี้มิรู้ว่าเป็ความบังเอิญจริงหรือปลอมกันนะ?”