“สาวใช้นางนั้น ตอนนี้เป็อย่างไรแล้ว” เมื่ออวิ๋นซีล้างหน้าเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ ม้วนปอยผมที่ร่วงลงขึ้นมา ถามเรียบๆ
เตี๋ยอีมองท่าทีนี้ของพระชายาก็รู้ได้ว่า คนโกรธแล้ว ถึงแม้ท่าทางเหมือนจะเรียบเฉย แต่ทุกครั้งที่พระชายากริ้วก็มักจะชอบม้วนผมตรงหน้าที่ปรกลงให้ขึ้นมาเสมอ
นี่เป็เื่ที่นางเพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้
เตี๋ยอีรีบตอบคำ “แม้ตอนนี้จะเป็ฤดูหนาว แต่คนจากห้องเครื่องล้วนเชื่อฟังพระชายา อาหารทุกอย่างที่ส่งไปล้วนใช้เตาอุ่น ดังนั้น เกี๊ยวน้ำสามรสถ้วยหนึ่งที่ร้อนลวกหกราดรดมือของสาวใช้ บ่าวได้ยินมาว่า ยามนี้มือคนขึ้นเป็ตุ่มน้ำแล้วเพคะ”
อวิ๋นซีหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกขวดหนึ่งออกมาจากลิ้นชักของโต๊ะแต่งหน้าแล้วส่งให้เตี๋ยอี “หาสาวใช้ที่หัวไวสักหน่อยส่งสิ่งนี้ไปให้แม่นางน้อยที่โดนลวกจนาเ็คนนั้น”
เตี๋ยอีรีบรับของสิ่งนั้นมาแล้วออกไปทำตามที่สั่งทันที ส่วนอวิ๋นซีได้แต่มองออกไปด้านนอกด้วยสายตาเ็า ผิงถิงจวิ้นจู่ ดียิ่ง คนถึงกับกล้ามาอวดอ้างบารมีที่จวนของนาง เช่นนั้นนางก็จักให้อีกฝ่ายได้รับกรรมคืนสนอง
อวิ๋นซีเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้เซียงเอ๋อร์ “นำป้ายเข้าออกวังหลวงของเปิ่นเฟยไป แล้วรีบไปที่ตำหนักสืออัน มอบจดหมายฉบับนี้ให้ไทเฮา”
ถึงแม้ในใจเซียงเอ๋อร์จะยังสงสัยว่า เหตุใดนายหญิงถึงต้องเขียนจดหมายให้ไทเฮา แต่นางก็ทำเพียงพยักหน้ารับคำสั่ง
อวิ๋นซีไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร แต่หากกล้ามาลงมือกับคนของนาง ในจวนอ๋องของนาง เช่นนั้นใครคนนั้นก็สมควรตาย
นางให้สาวใช้ยกสำรับเช้าขึ้นโต๊ะ และหลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จแล้วอย่างไม่รีบร้อนก็ออกเดินไปยังโถงรับรองด้านหน้า
ณ โถงรับรอง
ยามนี้ชายาองค์ชายสี่อวิ๋นเซ่าหลันนั่งไม่ติดแล้ว นางอยากจะเจออวิ๋นซีเสียเดี๋ยวนี้ด้วยคิดไม่ถึงว่า ที่แท้อวิ๋นซีจะเป็ลูกพี่ลูกน้องกับตน มารดาแท้ๆ ของอีกฝ่ายนับเป็ท่านป้าของนาง ด้วยเื่นี้ ทำให้คนคิดไม่ถึงอย่างยิ่ง ดังนั้น เมื่อได้รู้แล้ว นางก็อดไม่ได้ให้อยากจะเจออวิ๋นซี
ทว่า ก่อนหน้านี้ท่านอาสามกลับเรียกนางไว้ ก่อนที่เื่นี้จะมีการประกาศออกไป นางต้องทำเป็ไม่รู้อันใดทั้งนั้น ซ้ำยังห้ามบอกใครทั้งสิ้น แม้แต่คนข้างหมอนตน
ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำได้แค่อดทนไว้ จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ คนของชายารัชทายาทได้มาพบนาง บอกให้นางไปเยี่ยมคุณชายน้อยทั้งสองที่จวนหนิงอ๋องด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ตัวนางเองก็คิดถึงเ้าสองแฝดแสนน่ารักคู่นั้นแล้ว จึงได้ยอมติดตามมา
“น้องสะใภ้สี่ ดูเหมือนเ้าจะร้อนใจยิ่ง” ชายารัชทายาทยิ้มมองไปทางอวิ๋นเซ่าหลัน อันที่จริงนางไม่รู้สึกดีกับใครก็ตามที่แซ่อวิ๋น แต่จะทำอย่างไรได้ คนเป็ถึงชายาองค์ชายสี่ มิใช่หญิงธรรมดาๆ อีกทั้ง บ้านมารดายังเป็จวนอวิ๋นอานโหวที่ถึงแม้จะไม่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือแล้ว แต่อำนาจของตระกูลอวิ๋นก็ยังไม่อาจดูเบาได้
อวิ๋นเซ่าหลันมองคนที่กำลังลูบหน้าท้องที่เพิ่งโป่งนูนได้ไม่นานอันบ่งชัดว่ากำลังตั้งครรภ์ นางตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าเท่าใดนัก “เดิมทีข้าและพี่สะใภ้รองก็สนิทกันอยู่แล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องรอคอยการมาถึงของพี่สะใภ้รองเป็อย่างยิ่ง ทำไมหรือ ชายารัชทายาททรงอิจฉาหรือเพคะ? ทว่า ที่จริงแล้ว ตัวท่านยังจะมีอันใดให้อิจฉากันเล่า ได้ยินมาว่าตอนนั้นท่านกับชายารัชทายาทองค์ก่อนเป็ถึงสหายผ้าเช็ดหน้า ในตอนนั้นก่อนที่ชายารัชทายาทองค์ก่อนจะสิ้นไป พระนางยังทรงพระครรภ์อยู่ด้วย เซ่าหลันอยากรู้จริงๆ ว่า ยามที่ท่านและองค์รัชทายาทกระทำเื่ในห้องหอกันเคยรู้สึกผิดบ้างหรือไม่ อย่างไรเสีย ท่านก็หลับนอนกับสามีของสหายรักเชียวนะเพคะ ไม่รู้ตอนนี้ที่ท่านทรงพระครรภ์อยู่ ได้นึกถึงชายารัชทายาทองค์ก่อนที่สิ้นไปพร้อมเด็กในครรภ์อย่างน่าสงสารบ้างหรือไม่”
อวิ๋นเซ่าหลันไม่ชอบลู่หลิงฉิงมาั้แ่เด็กด้วยรู้สึกมาตลอดว่า อีกฝ่ายนั้นแสนจะจอมปลอม จนถึงตอนที่คนแต่งให้รัชทายาท นางก็ยิ่งรังเกียจลู่หลิงฉิงผู้นี้ยิ่ง เพราะในฐานะที่เป็เพื่อนรักของเฉียวอวิ๋นซี คนถึงขนาดรีบเร่งเสนอตัวไปเป็อนุภรรยาให้สามีของเพื่อนรัก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
หลายปีมานี้สิ่งที่ลู่หลิงฉิงเกลียดที่สุด คือการพูดถึงเฉียวอวิ๋นซีต่อหน้านาง อวิ๋นเซ่าหลันผู้นี้สมควรตายจริงๆ “น้องสะใภ้พูดอันใดกัน ยามนี้พี่หญิงอวิ๋นซีจากไปแล้ว ในใจข้าเองก็ทุกข์ทรมานเช่นกัน ดังนั้น คำเหล่านี้ที่เ้าพูดออกมาก็ราวกับเป็การขุดเอาหัวใจของข้าออกมาด้วย”
“ตอนนั้นที่ท่านแต่งเข้าจวนรัชทายาทก็เพื่อล้างความอัปมงคลไม่ใช่หรือ แต่ท่านที่เพิ่งแต่งเข้าไป เฉียวอวิ๋นซีก็สิ้นแล้ว ด้วยเื่นี้ควรพูดว่า พิธีล้างความอัปมงคลอะไรนั่นควรจะต้องระมัดระวังให้มากหน่อย มิเช่นนั้นอาจเป็การแต่งดาวซวยเข้าบ้าน นี่คงเป็เื่ที่ไม่ดีแน่”
อวิ๋นเซ่าหลันเกลียดท่าทางแสร้งทำเป็น่าสงสารของลู่หลิงฉิงเป็ที่สุด นางกลอกตา ไม่รู้ว่า เหตุใดสตรีที่เฉลียวฉลาดเช่นเฉียวอวิ๋นซีถึงได้เชื่อใจสตรีนางนี้ เพราะมองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่า คนคนนี้จอมปลอมอย่างที่สุด
“เ้า! ” ลู่หลิงฉิงถูกทำให้โกรธจัดจนเผลอลุกยืน นางชี้นิ้วไปยังอวิ๋นเซ่าหลัน “อวิ๋นเซ่าหลัน ไม่ว่าจะอย่างไรเปิ่นกงก็คือชายารัชทายาท ยามเ้าจะพูดจะจาก็ควรเกรงใจเปิ่นกงสักหน่อย”
อวิ๋นเซ่าหลันเบ้ปากอย่างไม่กลัวตาย “ยังจะแทนตัวว่าเปิ่นกงอีกหรือ อย่าลืมสิว่า คำแทนตัวว่าเปิ่นกงนี้ ท่านได้มาเพราะทำผู้อื่นตายนะ หากข้าเป็ท่านละก็ คงจะเก็บหางของตนไว้ให้ดี ไม่ทำตัวโอหังเยี่ยงนี้”
ตอนที่อวิ๋นซีเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้ของอวิ๋นเซ่าหลันพอดี นางทำเป็ไม่ได้ยิน เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ? เกิดเื่อันใดขึ้น? ”
อวิ๋นเซ่าหลันกล่าวเรียบๆ “พี่สะใภ้รอง ไม่มีอันใดให้ต้องใส่ใจมากหรอกเพคะ พวกข้าก็แค่กำลังถกเถียงเื่การล้างความอัปมงคลอยู่ ใช่หรือไม่เพคะ พี่สะใภ้รัชทายาท”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของอวิ๋นเซ่าหลันก็เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “เ้านี่นะ แต่งงานมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักโตเสียที หากเื่ล้างความอัปมงคลอันใดนั่นเชื่อถือได้ละก็ บนโลกใบนี้คงไม่มีคนตายมากเพียงนั้น” พูดจบ นางก็หันมองลู่หลิงฉิง ยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ “ชายารัชทายาทกลัวหนาวเป็ที่สุดมิใช่หรือเพคะ อีกทั้ง ตอนนี้ยังทรงพระครรภ์อยู่ด้วย เหตุใดจึงได้ออกมาจากจวนในยามนี้เล่า”
ลู่หลิงฉิงได้แต่พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลับไปนั่งลงที่เดิม ในใจยังคงคิดแค้นอวิ๋นเซ่าหลัน “องค์รัชทายาทตรัสว่า หลังจากที่ขึ้นปีใหม่แล้ว ครอบครัวเ้าต่างก็ไปพักผ่อนที่บ่อน้ำร้อนกัน ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากลับมาแล้ว เปิ่นกงจึงอยากให้พวกเราทุกคนมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และถือโอกาสนี้มาเยี่ยมคุณชายน้อยทั้งสองด้วยเลย” เมื่อพูดจบ นางก็ยิ้มพลางลูบหน้าท้องตน “ว่ากันว่า ก่อนลูกจะเกิดควรต้องััเด็กแรกเกิดเยอะๆ ในวันหน้าลูกจะได้คลอดง่าย”
อวิ๋นเซ่าหลันยิ้มขำทันที ขณะที่ชายาองค์ชายห้าหลินหลานอี๋กลับเม้มปาก “หม่อมฉันได้ยินมาว่า ตอนที่ยังท้องอยู่ ให้อุ้มลูกของผู้อื่นมากๆ ถ้าอุ้มเด็กผู้ชาย วันหน้าก็จะให้กำเนิดบุตรชาย แต่หากอุ้มเด็กผู้หญิงมาก วันหน้าจักต้องให้กำเนิดบุตรสาว”
อวิ๋นซีมองหลินหลานอี๋ด้วยความสงสัย “มีอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ ตอนที่เปิ่นเฟยท้องอยู่ก็อุ้มหวานหว่านตลอด ทว่า ในตอนหลังเด็กคนนั้นต้องออกเดินทางไปอยู่ที่เขาอู่ไถเสียนี่ นับแต่นั้นข้าจึงได้อยู่แต่กับพี่น้องสองสาวผู้เป็ศิษย์ข้าทั้งวัน หากเป็เช่นคำกล่าวที่ว่านี้จริงๆ เปิ่นเฟยก็ควรให้กำเนิดลูกแฝดหญิงถึงจะถูก แล้วเหตุใดคนที่ควรจะเป็หญิงกลับกลายมาเป็เด็กชายตัวเหม็นไปได้” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ในใจของอวิ๋นซีก็ปรากฎความเสียดาย ที่จริงแล้วจะให้ดีที่สุดก็ควรเป็ครรภ์ัหงส์ [1]
ฉับพลันนั้นสีหน้าของหลินหลานอี๋ก็ไม่ค่อยดีนัก นางแอบคิดในใจ ชายาหนิงอ๋องผู้นี้ไม่ไว้หน้านางเกินไปแล้ว คนถึงกับพูดจาเช่นนี้
ชั่วขณะนั้นทั้งห้องก็เงียบเชียบ ทว่า อวิ๋นซีกลับทำตัวราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น สนใจเพียงดื่มชาของตนต่อไป และเป็นานลู่หลิงฉิงถึงได้ยิ้มพูดขึ้นมา “อันที่จริงการจะให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาวก็ล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยเื่นี้ แค่อุ้มเด็กขึ้นมาจะช่วยแก้ปัญหาใดได้กัน หากเป็เช่นนี้จริง คาดว่าทุกคนคงได้คลอดลูกชายกันหมดเป็แน่”
จู่ๆ อวิ๋นเซ่าหลันก็พูดขึ้นว่า “ชายารัชทายาทอยากให้กำเนิดลูกชายก็อย่าได้เหมารวมผู้อื่นเข้าไปด้วย ข้า อวิ๋นเซ่าหลันกลับหวังอยากให้ตนให้กำเนิดลูกสาวสักคน ลูกสาวนั้นดียิ่ง น่ารัก รู้จักเอาใจ”
อวิ๋นซีได้ยินแล้วก็พยักหน้ารับ “จริงอย่างเ้าว่า ลูกสาวนั้นน่ารัก รู้จักเอาใจ ด้วยเื่นี้ ข้ารู้อย่างแน่ชัด อย่างไรเสีย ทุกคนที่อยู่ที่นี่ นอกจากน้องสะใภ้สี่แล้วก็ล้วนมีลูกสาวทั้งสิ้น”
อวิ๋นเซ่าหลันหัวเราะฮิฮิ “พูดจริงๆ นะ ข้าเองก็หวังอยากจะมีลูกสาวให้ท่านสี่ของข้าสักคน ชายารัชทายาทเองก็คงอยากจะมีน้องสาวให้จวิ้นจู่น้อยของท่านสินะเพคะ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ครรภ์ัหงส์(凤胎)แฝดชายหญิง