บทที่ 186 วิธีของผู้อื่น
“ยาฟื้นชีพจร... เ้ามียาฟื้นชีพจร!? แค่ก…” เสวี่ยหานเฟยยิ่งคิดยิ่งโกรธ หัวใจของเขาเต้นรัว และกระอักเืออกมาอีกหลายคำ
ยาฟื้นชีพจร เป็ยาที่เสวี่ยหานเฟยแพ้ให้กับฉู่อวิ๋นในการชุมนุมพยัคฆ์ั เพียงแค่กลืนเข้าไป ก็สามารถเติมเต็มพลังปราณของนักรบขั้นมหาสมุทรได้ทันที มันมีประโยชน์และคุณค่ามหาศาล
ในตอนนั้น คุณชายชุยเสวี่ยเสนอการแข่งขันยิงธนู โดยหวังว่าจะสร้างความดีความชอบต่อหน้าฉู่ซินเหยาได้ แต่โชคไม่ดีเพราะนอกจากจะทำไม่สำเร็จแล้ว เขายังสูญเสียโอสถวิเศษไปอีกด้วย
เื่นี้สร้างปัญหาให้กับเสวี่ยหานเฟยอยู่นาน แต่ก็ไม่คิดว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้จะทำให้ฉู่อวิ๋นกลับมาใช้รณทระนงได้อีกครั้ง จนมาทำลายการแข่งขันเลือกสามีครั้งนี้ทางอ้อม!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขานำภัยมาสู่ตัวเอง เส้นทางแห่งนิรย ยิ่งเดินยิ่งไกล...
“ยาฟื้นชีพจร ที่แท้เด็กหน้าผีคนนี้มีไพ่เด็ดขนาดนี้อยู่” เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้ฉู่อวิ๋นกลับมาใช้รณทระนงได้ พวกเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“ถึงว่า เขาถึงสามารถเพิ่มพลังปราณได้ในทันที ที่แท้คือมีโอสถล้ำค่าเช่นนี้อยู่ ทายาทของตระกูลผู้ฝึกฝนอันศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจดูเบาได้จริงๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ต่างก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โชคของเสวี่ยหานเฟยตกต่ำถึงขีดสุดจนยากจะพลิกกลับแล้ว น่าเสียดายก็ตรงที่คู่ต่อสู้มีโอสถวิเศษ เขาจึงเสียเปรียบอีกครั้ง
“ยานั้นมีเพียงสามเม็ดในเมืองชุยเสวี่ย ข้ามอบให้หานเฟยไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงไปอยู่ในมือของเด็กหน้าผีคนนั้นได้?”
“เขามีโอกาสได้รับโอสถวิเศษเช่นนี้ด้วย?! นี่เป็เื่บังเอิญหรือ?!” ั์ตาของเสวี่ยจิงหงสั่นไหว เขาบีบที่เท้าแขนของเก้าอี้แน่น ทั้งโกรธและสับสน
เ้าเมืองชุยเสวี่ยคิดไม่ถึงเลยว่ายาฟื้นชีพจรนี้ จริงๆ แล้วเป็ “ของขวัญ” ที่เสวี่ยหานเฟยมอบให้ฉู่อวิ๋นเองกับมือ
“อ๊าก——! ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม!!!” ยามนี้ เสวี่ยหานเฟยยกมือขึ้นมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วคำรามด้วยความเสียใจ กลั้นเืที่กำลังจะกระอักออกมา
ทันใดนั้น เขาจ้องมองและถามฉู่อวิ๋นอย่างโกรธแค้น “สุนัขหน้าผี! เ้ากับคนป่าคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกัน?! ทำไมเขาถึงให้ยานี้กับเ้า? พูดมา!"
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะเบาๆ เคลื่อนกระบี่ไปในแนวนอน และค่อยๆ เข้าใกล้
“ข้ากับเขาเกี่ยวข้องอะไรกัน?” เขาเผยรอยยิ้มสื่อนัยยะภายใต้หน้ากากผีร้าย
“ฮ่าๆ แม้ว่าพี่อวิ๋นและข้าจะพบกันโดยบังเอิญ แต่พวกเราเจอกันครั้งแรกก็คุ้นเคย ซ้ำยังมีนิสัยคล้ายกัน ยาฟื้นชีพจรนี้ ย่อมเป็ของขวัญพบหน้าที่เขามอบให้ข้า”
คำถามที่เสวี่ยหานเฟยถาม ทำให้ฉู่อวิ๋นหัวเราะคิกคัก แต่ภายนอกเขายังคงแสร้งพูดอย่างชอบธรรม นั่นทำให้ใบหน้าของเสวี่ยเปลี่ยนเป็สีม่วง แทบจะอกแตกตายด้วยความโกรธ
อันที่จริง อวิ๋นชูคนป่าในวันนั้น ก็คือฉู่อวิ๋นอย่างไรเล่า นี่ยังต้องถามอีกหรือ?
แม้แต่ซิวหลัวหน้าผีในยามนี้ก็คือฉู่อวิ๋นเองเช่นกัน สามคนหนึ่งร่าง
แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่รู้ คุณชายชุยเสวี่ยยังคงจมอยู่กับความไม่รู้มาจนถึงตอนนี้
“อะไรกัน? เ้าเองก็อยากได้ยาวิเศษนี้หรือ? ขอร้องข้าสิ แล้วข้าจะให้” ฉู่อวิ๋นยิ้มเยาะ แต่แรงกดดันของเขาไม่ได้ลดลงเลย รณทระนงของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยพลังไฟออกมาปกคลุมเสวี่ยหานเฟย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เส้นเืบนหน้าผากของเสวี่ยหานเฟยก็ปูดโปน เขาโกรธมากจนเส้นเืแทบแตก นี่มันน่าแค้นเกินไปแล้ว ไม่เคยคิดว่าเขาจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ด้วยน้ำมือตัวเอง!
เดิมที พลังปราณของฉู่อวิ๋นหมดลงแล้วและเขากำลังจะชนะ แต่สุดท้าย กลับเพลี่ยงพล้ำเพราะยาที่เขาเสียพนันไปก่อนหน้า เขาขุดหลุมบ่อใหญ่ฝังตัวเอง
อันที่จริง ั้แ่แรกเริ่ม เสวี่ยหานเฟยตัดสินใจสร้างชื่อให้ตัวเองอย่างได้ใจเกินไป นั่นจึงเป็ผลลัพธ์ของตอนนี้
“อยากชนะข้า?! เ้าฝัน... เ้าฝันไปเถอะ!!!”
ทันใดนั้น เสวี่ยหานเฟยก็ะโด้วยใบหน้าที่ดุดัน แสงสีฟ้าไหลอาบไปทั่วร่างของเขา พลังปราณน้ำแข็งะเิออกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ั้แ่เขาเริ่มฝึกยุทธ์มา นี่คือการกระตุ้นความแข็งแกร่งของตนอย่างสมบูรณ์ มีเท่าไหร่ใส่เท่านั้น
ลมน้ำแข็งพัดผ่านเสียงดัง "ควับ" ราวกับจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็น้ำแข็ง จัตุรัสของศาลเ้าปกคลุมไปด้วยสีเทาและลมเย็นๆ ที่หมุนวน
ทันใดนั้นก็มีลมหนาวเข้าปกคลุม ทำให้อุณหภูมิที่นี่ลดลงอย่างรวดเร็ว กัดทำลายิัอย่างแรง ทำให้ทุกคนตัวสั่น
ทันใดนั้น ภาพลวงตาของิญญาน้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งประกาย ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยเรืองแสงสีฟ้า เขายกนิ้วขึ้นฟ้า ก่อให้เกิดลมเย็นๆ หมุนวนและรวมตัวกันเป็กระบี่ั์แห่งลมหายใจน้ำแข็ง แหลมคมและเย็นะเื สูงกว่าสิบหมี่
“ควับ!”
กระบี่น้ำแข็งขนาดั์เปล่งกระกายด้วยแสงเย็น ลมหายใจน้ำแข็งอันไม่มีที่สิ้นสุดไหลเวียน ส่องสว่างอย่างเ็า
ทันใดนั้นคุณชายชุยเสวี่ยก็พุ่งตรงไปฟันฉู่อวิ๋น ลมพัดกระโชกแรงราวกับพายุที่ทำลายชายฝั่งด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
แม้ว่าอาการาเ็ของเสวี่ยหานเฟยจะปริแตกกว่าเดิมจนเืสาด แต่เขายอมเอาชีวิตเข้าแลก ไม่ยอมให้ตนเองขายหน้า นี่เป็การโจมตีเพื่อส่งคลื่นพลังไปทุกทิศทุกทางอย่างสุดกำลัง ะเืใจผู้คนจำนวนมาก
“เอาชีวิตมาเล่นหรือ? เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้ามีความสุขเอง!” ฉู่อวิ๋นก็ะโเช่นกัน ใบหน้าของเขาเริ่มเคร่งขรึม ดวงตานิ่งสนิท เปลวไฟสว่างจ้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรณทระนง เช่นเดียวกับเทพาที่กำลังมาจุติยังโลก
เขาบดขยี้เวทีเสียงดัง “ปัง” ถือกระบี่ กลายเป็ภาพเงาสีแดง และรีบวิ่งไปข้างหน้า
“วิภาสบังเหิน!”
“ปัง ปัง ปัง!”
ปราณกระบี่นั้นราวกับสายรุ้ง ฉู่อวิ๋นเหวี่ยงกระบี่เล่มยาวของเขาอย่างต่อเนื่อง เพียงพริบตา หนามไฟก็ควบแน่นล้อมรอบกระบี่ จากนั้นพวกมันก็เบ่งบานด้วยแสงสีแดงราวกับพิรุณเพลิงที่พร้อมพุ่งข้ามท้องฟ้า
นี่คือทักษะกระบี่ที่เขาเผยออกมายามที่อยู่ในสภาวะรณทระนง พลังของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า!
ทันใดนั้น หนามไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งผ่านอากาศ ปกคลุมท้องฟ้าและพื้นดิน รวดเร็วปานสายฟ้า เฉียบคม และทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ!
“ปัง ปัง ปัง!”
พิรุณเพลิงราวดาวตกที่พุ่งผ่านความว่างเปล่า และพลังปราณน้ำแข็งของกระบี่ั์น้ำแข็งก็พุ่งเข้าปะทะกัน ฉับพลัน ท้องฟ้าก็ปั่นป่วน เสียงดังกึกก้องจนจัตุรัสศาลเ้าสั่นไหว พื้นดินสั่นะเื
“ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!”
กระบี่น้ำแข็งแตกหักพุ่งเข้าหาหนามไฟ ก่อนจะละลายหายไป ถูกทำลายในทันที!
ทันใดนั้น ลมเย็นก็สลายไป วิสัยทัศน์ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นร่างที่น่าสะพรึงกลัวของเสวี่ยหานเฟยที่กำลังถือกระบี่หักอยู่ในมือ
“ไสหัวไป!”
ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเ็า ร่างลุกเป็เพลิงนั้นทะลวงผ่านท้องฟ้า ราวกับัเพลิงที่ทะยานสู่เวหา มีพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ และปรากฏแสงกระบี่สีแดงออกมา
“ชึบ--”
แสงกระบี่วาบวับ เืสาดกระเซ็นไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งสะดุดตามาก
ทุกคนมองดูเสวี่ยหานเฟยในยามนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ใ ประหลาดใจ เศร้าโศกและโกรธแค้น ทั้งใบหน้าก็เสียโฉมไปหมดแล้ว
หน้าอกของเขามีรอยกระบี่บาดลึกเพิ่มขึ้นมาอีกรอย จนเป็รอยกากบาทขนาดใหญ่กว่าอันก่อนหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้เสวี่ยหานเฟยาเ็สาหัสหลังจากโดนปราณกระบี่ เขาพยายามหยัดกายลุกขึ้น แต่ทำได้เพียงคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น ลมหายใจแ่เบา กระอักเืออกมาจำนวนมาก
เขาแพ้ แพ้อย่างหมดรูป
ยามนี้ ทั่วทั้งลานจัตุรัสเงียบงัน
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ใจนลานจัตุรัสของศาลเ้าแทบจะะเิ! เสียงะโดังขึ้นก้องฟ้า
“คุณชายชุยเสวี่ยแพ้แล้ว...”
“ผลลัพธ์นี้เป็สิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
ท่าทีของทุกคนล้วนประหลาดใจ ต่างก็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า การต่อสู้ของอัจฉริยะ การแข่งขันเพื่อคนงามนี้ ในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุดศึกระหว่างน้ำแข็งและไฟเสียที
การต่อสู้ครั้งนี้มีแต่ความไม่แน่นอน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันโดยผลัดกันได้เปรียบ แต่ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสินด้วยยาเม็ดนั้นที่หลายคนคาดไม่ถึง ทิ้งรสชาติที่เร่าร้อนไว้ในคออย่างไม่รู้จบ
และตอนนี้ ทั้งตระกูลเสวี่ยหรือคนอื่นๆ รวมถึงฉู่เจิ้นหนาน ต่างก็มีสีหน้าบูดบึ้ง แสบร้อนบนใบหน้าอย่างเ็ป
เสวี่ยหานเฟยผู้มากเล่ห์นี้กลับตกม้าตายเอง ทำให้พวกเขาอึดอัดมาก ทั้งยังเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เขาบอกว่าจะจัดการทุกอย่าง แต่ตอนนี้แม้จะป้องกันตัวเองยังไม่ได้ เฮ้อ”
ฉู่เจียงถอนหายใจ เดิมทีเขามองเสวี่ยหานเฟยในแง่ดีไม่น้อย ซ้ำยังเอนเอียงไปทางตระกูลเสวี่ย แต่ตอนนี้เมื่อผลปรากฏออกมา ความประทับใจของเขาต่อตระกูลหลิงก็ดีขึ้นในทันที
ท้ายที่สุด “ซิวหลัวหน้าผี” หรือก็คือฉู่อวิ๋น ได้กลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์และสามารถเปิดใช้งานรณทระนงได้ เขาคืออัจฉริยะที่หาได้ยาก เส้นทางในอนาคตสดใสไร้ขวากหนาม
“ตอนนี้ผลก็ออกมาแล้ว หากว่ากันตามเงื่อนไขก่อนเริ่มประลอง คู่แต่งงานของตระกูลฉู่จะเปลี่ยนเป็ซิวหลัวหน้าผีจากตระกูลหลิงแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่แค่นั้น ดูเหมือนเสวี่ยหานเฟยจะต้องคุกเข่าก้มหัวและยอมรับผิดต่อหน้าสาธารณะด้วยใช่หรือไม่?”
ทุกคนกลับมามีสติและนึกถึงคำสัญญาของการประลองขึ้นมา ผู้แพ้ต้องก้มหัวและยอมรับผิด ในขณะที่ผู้ชนะจะกลายเป็ลูกเขยของตระกูลฉู่
เื่นี้มีผู้าุโหลายสำนักและผู้นำตระกูลจำนวนมากเป็พยาน รวมถึงคนทั่วไปที่ต่างก็ได้ยินกับหู ไม่อาจพลิกลิ้นได้ และในตอนแรก คนตระกูลเสวี่ยและฉู่เจิ้นหนานเองต่างก็ยอมรับมัน
“คิดไม่ถึงว่าการแต่งงานในครั้งนี้ จะเปลี่ยนเ้าบ่าวด้วยเหตุนี้เอง” มีคนถอนหายใจออกมา
“ตระกูลเสวี่ยต้องเสียเืมากแล้ว[1]จริงๆ” บางคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางถอนหายใจ ต่อสู้กับความอยุติธรรมที่ตระกูลเสวี่ยสร้างไว้
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดฟุ้งซ่าน บนเวที ฉู่อวิ๋นเดินไปหาเสวี่ยหานเฟยที่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น และก้มลงมองเขาอย่างอ่อนโยน
“เ้าแพ้แล้ว จะคุกเข่าลงเพียงข้างเดียวได้อย่างไร? อีกข้างอยู่ไหนล่ะ? เ้ายังต้องก้มหัวยอมรับผิดด้วยนะ” เขาพูดอย่างเคร่งขรึม ปลายกระบี่กดลงไปที่คอของคุณชายชุยเสวี่ย น้ำเสียงของเขาเ็ามาก
เสวี่ยหานเฟยคล้ายเป็คนเลียนแบบสุนัข[2] เสแสร้งจอมปลอม จิตใจน่าผวา ฉู่อวิ๋นอยากให้เขาได้รับผลกรรม
“ข้ายังไม่แพ้... ข้ายังไม่แพ้! อ๊ะ แค่กๆ...” เสวี่ยหานเฟยอยากขัดขืน แต่ได้รับาเ็สาหัส จึงไอเป็เืในขณะที่พูด
เมื่อเห็นดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็กะพริบตา และนึกอะไรบางอย่างออกได้
จากนั้นเขาก็หันกลับมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ จงใจส่งให้ผู้แข็งแกร่งในแถวหน้าและพูดว่า “ทุกท่าน ผลลัพธ์ได้ออกมาแล้ว แต่ข้าเป็คนใจกว้าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องให้ชายคนนี้ก้มหัวยอมรับผิดหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เ้าสำนักและผู้นำตระกูลทุกคนก็ตกตะลึงด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน เด็กหนุ่มคนนี้จะทำอะไร? เดิมทีก็เผด็จการมากพลัง แต่ตอนนี้เขากลับสุภาพเรียบร้อย ซ้ำยังผุดรอยยิ้มเ้าเล่ห์บนริมฝีปากอีกด้วย
เมื่อตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสวี่ยจิงหงจึงตอบสนองอย่างรวดเร็วและะโทันที “หานเฟย ไม่!!!”
อย่างไรก็ตาม คำเตือนนี้สายเกินไป
“ข้าจะแพ้ได้อย่างไร?! ไปลงนรกซะ!”
เสวี่ยหานเฟยที่เห็นฉู่อวิ๋นหันหลังให้ก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย แสงเย็นในมือของเขากะพริบ มันคือหนามน้ำแข็ง ทันใดนั้นเขาก็ตอบโต้กลับ เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อแทงที่หลังฉู่อวิ๋น!
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหมือนกับความพ่ายแพ้ที่นำมาซึ่งหายนะของตงฟางสยงทุกประการ
“สุนัขเปลี่ยนนิสัยกินมูลไม่ได้ เ้าและตงฟางสยง เดิมทีก็เป็คนประเภทเดียวกัน” ความคิดของฉู่อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาหรี่ลง เดิมเขาตั้งใจหันหลัง คิดวางกับดักจับเสวี่ยหานเฟย เขา้าใช้วิธีของผู้อื่นมาตอบสนองตัวผู้อื่นเอง[3]
“ควับ!”
พริบตาเดียว ฉู่อวิ๋นก็ฟื้นสติและโจมตีเสวี่ยหานเฟยด้วยฝ่ามือ แม้ไม่ใช้กระบี่ มันก็ทรงพลังมากจนผู้ชมทั้งหมดหลุดอุทาน
ด้วยเสียงดัง “ปัง” เสวี่ยหานเฟยเป็เหมือนว่าวที่หลุดลอย ถูกกระแทกจนกระเด็นไปยังที่นั่งผู้ชม เขากระอักเื แลดูน่าอับอาย ไหนเลยจะมีความสูงส่งอย่างคุณชายผู้สูงศักดิ์อีก?
“หานเฟย!!” ตระกูลเสวี่ยและคนอื่นๆ ใ รีบลงไปตรวจสอบอาการของเสวี่ยหานเฟยทันที พบว่าอาการาเ็ของเขายิ่งแย่ลง เสวี่ยจิงหงรีบเรียกให้หมอยาที่มาด้วยกันช่วยรักษาเขา
ในที่สุด การต่อสู้นี้ก็สิ้นสุดลง แม้ว่าตระกูลเสวี่ยและคนอื่นๆ จะ้าโจมตีฉู่อวิ๋น แต่ทุกคนก็เห็นว่าเป็เสวี่ยหานเฟยที่คิดจะลอบโจมตีก่อน ฉู่อวิ๋นเพียงป้องกันตนเอง
และด้วยประสบการณ์ในอดีตในเื่ของตงฟางสยง แม้ว่าสมาชิกของตระกูลเสวี่ยจะโกรธ แต่พวกเขาก็ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธเอาไว้ เพราะพวกเขาเป็ฝ่ายผิดจริงๆ
“ผู้นำฉู่ ตอนนี้ข้าคงแต่งงานกับแม่นางฉู่ได้แล้วกระมัง?”
ในขณะนี้ ฉู่อวิ๋นยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ตรงกลางเวทีและพูดเสียงดัง เสียงของเขาดังก้องไปทั่วผู้ชม ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
----------
[1] เสียเปรียบ
[2] ตัวตนคืุ์ แต่พฤติกรรมกลับถูกอธิบายว่าเหมือนสุนัข ส่วนมากจะใช้เพื่อการเยาะเย้ย
[3] มาจากบทที่สิบสามของ ((หลักคำสอนแห่งความโหดร้าย)) ของจูซีแห่งราชวงศ์ซ่ง “ดังนั้นสุภาพชน จึงใช้วิธีของผู้อื่น มาตอบสนองตัวผู้อื่นเอง”