ในยามนี้ มู่อี๋เสวี่ยขดตัวหมอบลงไปกับพื้น
ไม่รู้ว่าเป็เพราะนางใกับกลิ่นอายแห่งความมืดของหญิงชุดดำลึกลับซึ่งอยู่ตรงหน้านาง หรือนางใกลัว ร่างกายของนางจึงสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที
ผิวของนางซีดเผือด แผลบนริมฝีปากของนางซึ่งแห้งแล้ว แตกออกอีกครั้งเพียงชั่วข้ามคืน ก่อนที่มันจะแตกและแห้งซ้ำวนไปมา คางและหน้าอกของนางแดงก่ำด้วยเื ไม่ต่างไปจากผีดูดเืที่เพิ่งกินเืเสร็จได้ไม่นาน มันน่าใเป็อย่างมาก
“เ้า...เ้าเป็ใคร” ริมฝีปากของมู่อี๋เสวี่ยที่ยังคงมีเืไหลออกมานั้นมีอาการสั่นเทาเล็กน้อย นางมองไปที่หญิงชุดดำอย่างระแวดระวังราวกับนกตื่นธนู
“ช่างเป็ใบหน้าที่งดงามเสียนี่กระไร ปล่อยให้มันถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของคนที่ตนหลงใหลได้อย่างไรกัน ช่างน่าเสียดาย...มันเจ็บมากใช่ไหม?” หญิงชุดดำไม่ตอบคำถาม น้ำเสียงของนางสงบและเย่อหยิ่งอยู่ตลอดเวลา
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็ส่ายหัว วางมือแนบกับหัวใจของตน “ไม่ มันคือการถูกเหยียดหยาม ถูกทำให้เสียโฉม ทั้งยังถูกปฏิบัติอย่างไม่แยแสจากคนที่รักแต่ละคน ตรงนี้คงจะเจ็บมากใช่หรือไม่?”
หญิงชุดดำสนิทพูดออกมาด้วยท่าทางเย็นะเืน่าขนลุก ดูเหมือนว่านางจะระมัดระวังในทุกๆ ด้าน
เพราะชุดสีดำสนิทไม่เพียงแต่จะโอบรัดร่างกายของนางจนแน่นเท่านั้น แต่แม้กระทั่งเสียงของนางก็ดูธรรมดา ฟังดูไม่พิเศษเลยสักนิด นอกจากนี้ยังเป็ไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาอายุของนางผ่านเสียงเช่นนี้
มู่อี๋เสวี่ยไม่คาดคิดว่าเมื่อหญิงชุดดำตรงหน้าเปิดปากพูด จะกล่าวถึงความเ็ปของนางออกมาโดยตรง
แต่หญิงชุดดำรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง? มู่อี๋เสวี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย นางเม้มริมฝีปากที่เปื้อนเือย่างน่าสะพรึงกลัว มองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวังและไม่พูดอะไร
หญิงชุดดำดูเหมือนจะไม่เห็นความสงสัยของมู่อี๋เสวี่ย นางส่ายหัวอีกครั้ง ราวกับจะปฏิเสธคำพูดของนางเอง ก่อนจะพูดต่อว่า “มากกว่าความเ็ป แต่ยังรวมถึงความเกลียดชังด้วยใช่ไหม? ความเกลียดชังคงจะอยู่ลึกกว่าความเ็ป สิ่งที่น่าหดหู่ที่สุดในใต้หล้าคือการรวมกันของความเกลียดชัง มีอยู่แต่ไม่อาจระบายออกไปได้ ทั้งยังถูกทอดทิ้ง มันช่างน่าสงสาร น่าสงสารยิ่งนัก”
น่าสงสาร? นางมู่อี๋เสวี่ย...น่าสงสาร?
นางมู่อี๋เสวี่ยถูกทอดทิ้ง ช่างน่าสงสาร!
คำพูดเหล่านี้เป็เหมือนฝันร้าย เกาะแน่นอยู่ในใจของมู่อี๋เสวี่ย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้
“หุบปาก! เ้าหุบปาก! อย่าพูด ไม่เอาแล้ว...” มู่อี๋เสวี่ยยกมือขึ้นปิดหูแน่นทันทีที่ได้ยินคำพูดแทงใจดำ นางคำรามออกมาสุดเสียงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
เสียงคำรามดังลั่นทำลายความเงียบในป่าเปลี่ยว ช่างน่าอนาถและเศร้าอย่างยิ่ง
ในเวลาไม่ถึงอึดใจ มู่อี๋เสวี่ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง จ้องมองหญิงสาวชุดดำตรงหน้าอย่างขมขื่น สงบลงไม่บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ “เ้าเป็ใคร เหตุใดเ้าถึงรู้อะไรมากมาย”
ผู้หญิงชุดดำทำเช่นเดิม นางยังคงไม่ตอบคำถามของมู่อี๋เสวี่ย ไม่กล่าวถึงเื่นั้นแม้แต่น้อย นางทำเพียงตั้งคำถามใหม่อีกครั้ง “เกลียดคนที่ทำให้เ้าเ็ปเช่นนี้หรือไม่?”
ก่อนที่มู่อี๋เสวี่ยจะทันได้ตอบ หญิงชุดดำก็ถามตรงๆ ว่า “เ้าเกลียดมู่จื่อหลิงไหม?”
มู่จื่อหลิง...สามคำนี้ฝังลึกอยู่ในใจของมู่อี๋เสวี่ย
แววตามืดมนของมู่อี๋เสวี่ยฉายแววดุดัน นางก็ไม่รังเกียจที่หญิงชุดดำไม่ตอบคำถามของนางหลายครั้ง นางกัดฟันอย่างแรงจนปากแดงด้วยสีเืกล่าวด้วยแรงอารมณ์โดยไม่ลังเล “เกลียด”
“เ้าเกลียดมู่จื่อหลิงมากเพียงใด?” หญิงชุดดำถามเบาๆ
เกลียดมากเพียงใด? ความเกลียดชังที่ไม่อาจลบเลือนฉายแววในดวงตาที่เ็าของมู่อี๋เสวี่ย แข็งแกร่งเกินกว่าจะสลายหายไป
ความอัปยศ ความเ็ปจากการเสียโฉม ความเกลียดชังที่ถูกพรากความรัก ทุกสิ่งที่มู่จื่อหลิงทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมาน ความแค้นนี้ไม่ต่างจากความแค้นจากการสังหารบุพการี [1]...ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ [2]
มู่อี๋เสวี่ยไม่พูดอะไรอีก นางกัดฟันแน่น มือทั้งสองกำหมัดแน่นจนเส้นเืที่หลังมือเรียวปูดโปน
ดวงตาของหญิงชุดดำโค้งขึ้นเล็กน้อย นางหยิบผ้าเช็ดหน้าเนื้อนุ่มสีขาวราวกับหิมะออกมาจากช่องที่แขนในชุดคลุมสีดำ ค่อยๆ ย่อกายต่อหน้ามู่อี๋เสวี่ย
เมื่อเห็นหญิงชุดดำขยับเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นมู่อี๋เสวี่ยก็ฟื้นคืนสติกลับมาจากความรู้สึกโกรธเกลียด
มู่อี๋เสวี่ยหรี่ตามองไปที่หญิงชุดดำ แต่น่าเสียดายที่แม้ว่านางจะมองหญิงชุดดำในระยะประชิด ก็ยังมองไม่เห็นท่าทางของนาง ด้วยทุกอย่างถูกหลบซ่อนภายในความมืด
หญิงผู้นี้ลึกลับแปลกประหลาด เนื่องจากนั่งเป็เวลานาน นางจึงไม่สามารถหยัดกายลุกขึ้นยืนได้ในทันที ดังนั้นมู่อี๋เสวี่ยจึงทำได้เพียงขยับน้อยๆ อย่างระมัดระวังไปที่ลำต้นของต้นไม้เท่านั้น
ก้าวสั้นๆ นี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหญิงชุดดำที่อยู่ใกล้กับนางเลย มู่อี๋เสวี่ยรู้สึกว่าหญิงชุดดำดูเหมือนจะไม่มีความอาฆาตมาดร้ายต่อนาง ดังนั้นนางจึงไม่ขยับอีกต่อไป
หญิงชุดดำยื่นมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของมู่อี๋เสวี่ย รวมถึงเืสีแดงสดที่คางของนาง ก่อนจะโยนผ้าเช็ดหน้าสกปรกทิ้งไป ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เร่งรีบ
นางลดระดับสายตาลง มองมู่อี๋เสวี่ยซึ่งนั่งอยู่บนพื้น พูดอย่างใจเย็น “ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพื่อรักษาความเ็ปและบรรเทาความเกลียดชังของเ้า”
คำพูดเหล่านี้เปรียบดั่งแสงตะเกียงส่องสว่างสู่หัวใจที่โดดเดี่ยวไร้หนทางของมู่อี๋เสวี่ย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่อี๋เสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงของนางค่อนข้างร้อนรน “เ้า...เ้าช่วยรักษาแผลที่ปากของข้าได้หรือ? จะทำให้ข้ากลับมาเป็เหมือนเดิมได้ไหม?”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของมู่อี๋เสวี่ย หญิงชุดดำก็หัวเราะเยาะ นางพูดเหน็บแนม “ดูเหมือนว่า...เ้ายังเกลียดมู่จื่อหลิงไม่มากพอ! ท้ายที่สุดแล้ว รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวก็สำคัญที่สุด”
มู่อี๋เสวี่ยเม้มริมฝีปาก ดวงตาที่มองต่ำมืดลง นางก้มหน้าลงราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก่อนถามตรงๆ “เ้าจะช่วยข้าอย่างไร?”
ใน่หลายวันที่ผ่านมา นางพบหมอมากมาย แต่สุดท้ายก็หมดหนทาง
นางยอมแพ้กับการฟื้นฟูรูปร่างหน้าตาแล้ว ในยามนี้จะสามารถฟื้นคืนหน้าตาได้หรือไม่นั้น จึงไม่ใช่เื่สำคัญสำหรับนาง นางได้รับความเ็ปและข้ามผ่านมันมาแล้ว
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะมีความสำคัญต่อนาง แต่หากนางสามารถทำให้ชีวิตของมู่จื่อหลิงเลวร้ายยิ่งกว่าตายได้ นางก็สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยรูปลักษณ์ราวกับผีเช่นนี้ได้
“อันที่จริง ก็แค่ิัชั้นหนึ่งเท่านั้น หากใส่ใจมากหน่อยจะเกิดสิ่งเลวร้ายได้อย่างไร? แต่…” หญิงชุดดำกล่าวช้าๆ นางยกมือที่สวมถุงมือสีดำขึ้นััริมฝีปากที่าเ็ของมู่อี๋เสวี่ย “แต่หากเ้าทนมองรูปลักษณ์นี้ไม่ได้จริงๆ งานใหญ่อื่นใดคงไม่ง่ายที่จะทำแล้ว”
ขณะที่พูด นางก็โน้มตัวลงมา ส่งขวดยาสีดำลายครามขวดใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่งให้มู่อี๋เสวี่ย “มียาสองเม็ดในขวดยาขนาดเล็ก หลังทานยาเม็ดสีขาวลงไป เมื่อเวลาผ่านไป เนื้อริมฝีปากของเ้าจะงอกใหม่ อีกทั้งดวงหน้าจะงดงามยิ่งกว่าเดิม ส่วนเม็ดสีดำ รอจนเ้ามีใบหน้าที่งดงามแล้วค่อยทานลงไป ยาเม็ดนี้จะช่วยให้เ้าพบผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเชื่อถือได้ ซึ่งจะไม่มีวันทอดทิ้งเ้า”
ยามหญิงชุดดำกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของนางแฝงความลึกลับที่ยากจะหยั่งถึง
เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงชุดดำพูด มู่อี๋เสวี่ยก็ไม่อยากจะเชื่อ
ฟื้นฟูริมฝีปาก? สวยกว่าเดิม? พบผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเชื่อถือได้? มู่อี๋เสวี่ยจ้องขวดยาสีดำลายครามที่หญิงชุดดำยื่นให้โดยไม่กะพริบตา ในใจของนางยังคงรู้สึกไม่เชื่อ
หญิงชุดดำกล่าวต่อราวกับว่าไม่ได้สังเกตท่าทางของมู่อี๋เสวี่ย “ส่วนขวดใหญ่...ยามใดที่เ้ามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับมู่จื่อหลิง ให้ใช้ยาที่อยู่ในนั้นกับนางในยามที่ไม่มีผู้ใดสังเกต...”
จู่ๆ หญิงชุดดำก็ลังเลที่จะพูด ค่อยๆ ยืนขึ้น มองดูใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ ราวกับความคิดของนางกำลังล่องลอยไป
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็กล่าวว่า “หากฤทธิ์ยาได้ผล ในวันหน้า มู่จื่อหลิงจะไม่มีวันสงบสุข จนกว่านางจะสูญสิ้นไปจากใต้หล้า เมื่อถึงเวลานั้น ความรุ่งโรจน์ ความมั่งคั่ง ผู้ชาย สำหรับเ้ามันอยู่ใกล้แค่เอื้อม”
มู่อี๋เสวี่ยนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นเป็เวลานานโดยไม่รับขวดยาสีดำลายครามมา นางยังคงจ้องมองที่ขวดยา ไม่อาจคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน นางมองไปที่หญิงชุดดำด้วยสีหน้าสงสัย “เหตุใดข้าต้องเชื่อใจเ้าด้วย”
มู่อี๋เสวี่ยสงสัยอย่างมาก
ทุกคำที่ผู้หญิงลึกลับผู้นี้พูด มันเหมือนกับการโยนก้อนน้ำตาลเข้าปากนาง แต่นางไม่อาจรู้ได้ว่าสุดท้ายแล้วก้อนน้ำตาลนี้จะขมหรือไม่ ดังนั้นนางจึงต้องระวัง
หากนางเพียงถูกขอให้วางยามู่จื่อหลิงเท่านั้น นางอาจไม่ลังเลเลยที่จะเชื่อหญิงชุดดำผู้นี้ แต่สิ่งล่อใจที่ได้รับจากหญิงลึกลับผู้นี้นั้นมากเกินไป
จู่ๆ ก็มอบสิ่งล่อใจให้มากมาย ทำให้นางรู้สึกไม่อาจเชื่อ
หญิงชุดดำมองมู่อี๋เสวี่ยอีกครั้ง ไม่สนใจท่าทีตั้งคำถามของนาง “เชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับเ้า ข้าให้โอกาสเ้าแล้ว ไม่ว่าเ้าจะรักษามันไว้หรือไม่ล้วนเป็เื่ของเ้า แต่บางครั้ง โอกาสก็มีเพียงครั้งเดียว”
หลังจากพูดจบ โยนขวดยาที่มู่อี๋เสวี่ยไม่ยอมรับอยู่นานไว้ในอ้อมแขนของนาง “ยามนี้เ้าไม่มีใครให้พึ่งพา ไม่มีกำลัง ไร้อำนาจ เ้าจะใช้อะไรต่อสู้กับมู่จื่อหลิง จะใช้อะไรแก้แค้น นอกจากนี้ ด้วยใบหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้ เ้าจะเข้าหาชายที่ต้องใจได้อย่างไร?”
สิ่งที่หญิงชุดดำพูดนั้นตรงไปตรงมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็ความจริง ปราการป้องกันในใจของมู่อี๋เสวี่ยพังทลายลงในทันที หากนาง้าแก้แค้น นางทำได้เพียงถนอมขนมที่จู่ๆ ก็ตกลงมาจากฟ้า [3] ในครั้งนี้เอาไว้
แต่...ไส้ของขนมชิ้นนี้เป็สิ่งที่ดีหรือไม่?
“อย่าอ้อมค้อม เราไม่เคยพบกันมาก่อน เหตุใดเ้าถึงช่วยข้าเช่นนี้” มู่อี๋เสวี่ยถือขวดยาสองขวดไว้ในอ้อมแขน ในมืออีกข้างค้ำร่างกับต้นไม้ ยืนขึ้นอย่างโงนเงน ถามอย่างมั่นใจ “เ้าไม่ได้เพียงแค่อยากช่วยข้า เ้าทำเช่นนี้เพราะมีเป้าหมายใช่หรือไม่?”
“ย่อมมีเป้าหมาย” หญิงชุดดำยอมรับโดยไม่ปิดบัง
มู่อี๋เสวี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย รอให้นางพูดต่อ
“บางทีเป้าหมายของเราอาจเหมือนกัน เนื่องจากเป้าหมายไม่ต่างกัน ข้าอยากให้มู่จื่อหลิงหายไปจากใต้หล้านี้ตลอดกาล สำหรับการช่วยเ้าฟื้นฟูรูปร่างหน้าตา เ้าไม่คิดว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้นหรอกหรือ? แน่นอน เ้าสามารถเข้าใจได้ว่านี่เป็ผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างพวกเรา” หญิงชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีความผิดปกติใดๆ
“เ้า...เหตุใด” มู่อี๋เสวี่ยยังคงถามต่อไป
แต่คราวนี้หญิงชุดดำไม่ตอบนางอีก ทำเพียงหันหลังกลับเดินจากไป
หลังจากเดินไปได้สองก้าว ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เสียงเ็าจึงดังเข้ามาในหูของมู่อี๋เสวี่ยอีกครั้ง “วางใจได้ หลังจากทานยาเม็ดสีขาวแล้ว จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การฟื้นฟูเป็เพียงเื่ของเวลาเท่านั้น ส่วนยาเม็ดสีดำนั้น...มันจะทำให้เ้ามีเสน่ห์มากขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เ้าสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ตามปกติ แต่จะใช้ชีวิตแบบไหน...ข้าเชื่อว่าคุณหนูรองมู่เป็คนฉลาดรู้จักเลือก”
มู่อี๋เสวี่ยยังมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่หญิงชุดดำไม่เปิดโอกาสให้นางพูด ไม่นานก็หายเข้าไปในป่าทึบ...
มองตามทิศทางที่หญิงชุดดำหายไป มู่อี๋เสวี่ยยังคงไม่อยากเชื่อ หลังจากนั้นไม่นาน นางเปิดขวดยาในมือออก ก่อนจะจ้องเขม็ง
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ความแค้นจากการสังหารบุพการี (杀父弑母之仇) เป็วลี มีความหมายว่า ความแค้นฝังลึก หรือความแค้นที่ไม่มีวันให้อภัยได้
[2] ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน (不共戴天) เป็สำนวน มีความหมายว่า ความเกลียดชังลึกซึ้งมาก
[3] ขนมที่จู่ๆ ก็ตกลงมาจากฟ้า (天上突然掉下来的馅饼) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง หรือได้รับสิ่งที่้ามาโดยไม่คาดคิด