ตอนที่ 1
Part: คิม
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวสักเล็กน้อย สวัสดีครับผมชื่อคิม คิมหันต์ กิจเดชาโช อายุ 19 ปี สูง 175 ซม. น้ำหนัก 63 กก. คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์ ปี 1 แน่นอนครับ ผมหล่อ รวย และที่สำคัญ ผมโสด
ผมมีเพื่อนรัก 5 ตัว ได้แก่ ไอ้ริว ไอ้เรียลกิ พวกผมเรียกมันว่า ไอ้เรียลสั้นๆ ไอ้ซัน ไอ้แดนและไอ้ไทม์
แต่ที่ผมสนิทด้วยมากสุดคงจะเป็ไอ้เรียล ไอ้ริวและไอ้ซันละมั้งครับ เพราะแม่งไลฟ์สไตล์เราสี่คนคล้ายๆกัน ไอ้แดนมันค่อนข้างรักความเป็ส่วนตัวนิดๆ เนี้ยบเกือบทุกเื่โดยเฉพาะห้องพักของมัน ส่วนไอ้ไทม์เหรอ รายนั้นแม่งไม่ค่อยยุ่งค่อยสุงสิงกับใครชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ค่อยพูดหรือเรียกได้ว่าพูดเท่าที่จำเป็จริงๆ รักความเป็ส่วนตัวสุดๆ ไม่แปลกครับที่มันจะเป็แบบนั้นก็เพราะครอบครัวของมันหล่อหลอมให้มันเป็คนนิ่งขรึมและเ็า แต่ถึงยังไงกับพวกผม มันก็รักและหวงสุดๆ ถึงมันจะไม่พูด แต่พอเวลามีเื่มันลงมือคนแรก
ผมเป็คนนิสัยเฟรนลี่เข้ากับคนรอบข้างได้ง่าย ไม่ถือตัว อารมณ์ดี กวนตีน ปากนี่เพื่อนๆผมบอกว่าผมเลี้ยงหมาทั้งฝูงไว้ในปากอะครับ แต่ผมว่าปากผมก็ไม่ได้หมาน่ะครับ ออกจะหวานและนุ่มด้วย และผมเป็คนขี้เล่น อย่างที่บอกครับขี้เล่นแต่ไม่เล่นขี้ เพราะผมชอบผู้หญิงไม่นิยมผู้ชายครับ แต่ผมก็ไม่เคยรังเกียจพวกชายรักชายน่ะครับ เพื่อนผมที่เป็เกย์เป็ไบก็เยอะแยะผมเข้าใจว่ารสนิยมของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน
และที่ผมโคตรไม่เข้าใจเลยก็คือผมออกจะหล่อขนาดนี้และไม่ชอบผู้ชาย แต่ไม่รู้ทำไมคนที่มาจีบผมส่วนใหญ่เป็ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงซะอีก จนต้องใช้ไอ้แดนเป็ไม้กันหมาบ่อยๆ และตอนนี้ไอ้ริวก็ไปได้ดีกับพี่ั ใครจะไปคิดล่ะครับว่าคนอย่างมันที่ฟันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เป็รุกมาตลอด แต่อยู่ ๆ ก็มีผัวซะงั้น แถมพี่ัแม่งโคตรรักโคตรหวงโคตรเปย์อีก ถึงมันจะยังไม่ระบุสถานะ แต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าพี่ัโคตรหลงไอ้ริว
บางครั้งผมก็เคยคิดน่ะว่า กูสมควรมีผัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย พอจะลองดูนอนกับผู้ชายดูแต่ไม่รู้ทำไมมันขนลุกทุกที ผมเลยคิดว่ามันไม่ใช่แนวว่ะ ผมควรเก็บพับความคิดเอาไว้
งานอดิเรกของผมก็ไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่ผมก็กินเหล้ากับพวกแม่ง ส่องหญิงและแข่งรถ
ทายาทตระกูล “ กิจเดชาโช ” มีทั้งหมด 4 คนคือ พี่คินน์ พี่คลีน พี่ครีมและผม
ตระกูลกิจเดชาโช ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบิน เป็ที่รู้จักกันในชื่อ “ เดชาแอร์ไลน์ ”
แต่ที่ผมเลือกเรียนวิศวกรรม สาขาอิเล็กทรอนิกส์ ก็เพราะความชอบล้วน ๆ เลยครับไม่มีเหตุผลอื่นอันใด
ผมเป็ทายาทคนสุดท้องของตระกูล “ กิจเดชาโช ” แถมยังเป็ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของป๊าด้วย อย่างเช่นเื่เรียนก็เหมือนกันป๊าไม่เคยขัดไม่ว่าผมจะขออะไรป๊าตามใจตลอด
พรุ่งนี้ก็เป็วันที่ผมต้องไปรับน้องนอกสถานที่แล้วล่ะครับ วันนี้ผมเลยต้องมาหาป๊าสุดที่รักของผมก่อน
ปกติผมไม่ค่อยกลับบ้านเท่าไหร่เพราะสวนใหญ่ผมนอนคอนโดมากกว่า เหตุผลง่าย ๆ คือรำคาญพวกพี่ ๆ ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับพี่ ๆ หรอกครับ แต่ผมรำคาญที่พวกพี่มันคอยห่วงคอยหวงผมไม่ต่างจากป๊าหรอกครับ ไม่แปลกเลยที่ผมจะเป็คนเอาแต่ใจ
บ้านกิจเดชาโช
พอผมจอดรถเสร็จ ก็มีทั้งพี่เลี้ยงและแม่ช้อย แม่นมของผมเอง ออกมารอต้อนรับอย่างดีใจที่เห็นผมกลับบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณหนู สบายดีไหมคะ?”
“สวัสดีครับแม่ช้อย สวัสดีครับทุกคน ผมสบายดี สบายสุดๆ เลยละครับทั้งแต่ที่ได้ออกไปนอนคอนโด”
“คุณหนูล่ะก็ไม่คิดถึงแม่ช้อยบ้างเลยหรือไงค่ะ คิดแล้วน่าน้อยใจจริงๆ เลย”
“น้องคิมคิดถึงแม่ช้อยสิครับ มากอดครับมากอด หืมมมมมมม ชื่นใจจังเลย ฟอด! ฟอด!”
ผมพูดและกอดอย่างออดอ้อนแม่ช้อยเหมือนที่เคยทำบ่อย ๆ แถมหอมแก้มไปอีก 2 ฟอด
“คุณหนูก็เป็ซะแบบนี้อะ แล้วแม่ช้อยจะน้อยใจได้ยังไงละค่ะ” แม่ช้อยพูดกับผมอย่างเอ็นดู
“แม่ช้อยน่ารักที่สุดเลย”
“แล้วม๊าไม่น่ารักหรอ? เห็นชมแต่แม่ช้อยชักจะน้อยใจแล้วสิ ”
นั่นไงคุณหญิงทับทิมมาแล้วม๊าผมเอง เหมือนจะงอนมาแต่ไกลเลย
“น่ารักสิครับ ม๊าผมน่ารักที่สุดแล้วครับ สวยที่สุดด้วย” ผมวิ่งไปกอดม๊าแล้วพูดอย่างออดอ้อนทันทีพร้อมขยิบตาไปให้แม่ช้อยหนึ่งที
“ตลอดเลยนะเราอะ อ้อนตลอด” ม๊าดุผมแบบยิ้ม ๆ พร้อมผละออกจากอ้อมกอด
“ผมน่ารักจะตาย ม๊าว่าป่ะ” ผมถามพร้อมยิ้มทะเล้นใส่ม๊าไป
“จะน่ารักมากกว่านี้อีกถ้าน้องคิมกลับบ้านบ่อยๆ”
“อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับป๊าน่ะครับ ถ้าอยากให้น้องคิมกลับบ้านก็ให้ป๊าเลิกส่งคนมาตามดูน้องคิมได้แล้ว น้องคิมอึดอัด”
“ค่ะๆ คุณลูก เดี๋ยวเราไปคุยเื่นี้กัน ม๊าก็อยากให้น้องคิมกลับบ้านมาหาม๊าบ่อยๆ ป๋ารออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วล่ะ”
“แต่ม๊าต้องช่วยน้องคิมน่ะครับ จุ๊บ!” ผมขอความช่วยเหลือจากผู้เป็แม่พร้อมจุ๊บที่แก้มขาวอมชมพูเบาๆ
“ค่ะ ม๊าจะช่วยน้องคิมเองลูก”
แล้วเราสองคนแม่ลูกก็เดินไปห้องนั่งเล่นทันที ป๊าก็นั่งรอพวกเราอยู่แล้ว
“ไงเ้าตัวแสบ” คำแรกที่ป๊าทักทายลูกชายสุดรักอย่างผม เห้ออออออ ผมแสบตรงไหนไม่เข้าใจ
“สวัสดีครับป๊า ก็สบายดีครับ”
“แล้วกลับบ้านมาวันนี้อยากได้อะไรหืมมมมม บอกป๊าสิ”
“ก็ไม่ได้อยากได้อะไรสักหน่อย แค่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้ไปรับน้องนอกสถานที่ พี่ๆ เค้าจัดกิจกรรมกันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี”
“เื่นี้ป๊ารู้แล้ว ไอ้กันกับไปกาจรายงานป๊าแล้ว”
“ป๊าน้องคิมขอได้ป่ะ ป๊าเลิกส่งคนตามน้องคิมได้แล้ว”
ผมเปิดประเด็นนี้ขึ้นทันทีที่ป๊าพูดชื่อลูกน้องของตัวเองออกมา
“แต่ป๊าเป็ห่วงน้องคิม น้องคิมก็รู้นิว่ามีคนจ้องแต่จะทำร้ายเรา”
“แต่น้องคิมโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ แล้วน่ะป๊า ที่ต้องมีคนมาคอยตามดูแลอยู่ตลอด น้องคิมดูแลตัวเองได้”
“ป๊ารู้ว่าน้องคิมโตแล้ว แต่ป๊าก็ยังเป็ห่วงอยู่ดี”
“แต่ป๊าน้องคิมอึดอัด ไม่รู้ล่ะถ้าป๊าไม่สั่งยกเลิกติดตาม ไม่งั้นน้องคิมจะไม่กลับบ้านอีกเลยคอยดู” ผมพูดอย่างเอาแต่ใจ
“น้องคิม!!” ป๊าพูดใส่ผมเสียงแข็ง
“คุณค่ะใจเย็นๆ สิ น้องคิมเค้าแค่้าอิสระบ้างก็เท่านั้นเอง ฉันรู้ว่าคุณรักและห่วงลูกมาก ฉันก็รักและห่วงลูกไม่แพ้คุณเลย แต่ฉันเองก็คิดว่าน้องคิมโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วน่ะค่ะ อีกอย่างน้องคิมก็อยู่กับเพื่อนๆ ตลอด แถมเพื่อนลูกทั้ง 5 คนแต่ละคนฝีมือไม่ธรรมดาทั้งนั้น แล้วเพื่อนลูกก็ยังเป็ลูกของเพื่อนคุณกับฉันทั้งนั้น ฉันว่าคุณควรปล่อยๆ ลูกบ้างนะ”
ม๊าพูดช่วยผมแล้วยังอธิบายเหตุผลให้ป๊าฟัง ผมอยากบอกม๊าว่า ม๊าผมเก่งที่สุดเลยครับ
“ก็ได้ๆ ป๊าสั่งยกเลิกก็ได้ แต่น้องคิมน้องกลับบ้านบ่อยๆ น่ะ ไม่งั้นป๊าสั่งตามเหมือนเดิม” ป๊าพูดอย่างยอมแพ้
“ขอบคุณครับป๊า แต่ถ้าเกิดน้องคิมกลับบ้านบ่อยๆ แต่ป๊ายังส่งคนแอบตาม น้องคิมจะโกรธป๊าแล้วจะไม่กลับบ้านจริงๆ น้องคิมไม่พูดเล่นป๊าก็รู้”
“น้องคิมต้องสัญญาน่ะ ว่าน้องคิมจะกลับบ้านบ่อยๆ” ป๊า
“ครับ น้องคิมจะกลับบ้านเดือนละสองครั้ง แต่ป๊าต้องสั่งยกเลิกคนติดตามั้แ่วันนี้ โอเคไหมครับ”
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวป๊าสั่งยกเลิกให้เลย”
แล้วป๊าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์กดออกไปยังลูกน้องของตัวเองทันที เพียงไม่นานลูกน้องก็รับสายป๊ากดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้ผมกับม๊าได้ยินไปด้วย
“ครับคุณท่าน”
“ไอ้กันไอ้กาจแกสองคนเลิกติดตามคิม แล้วกลับมาช่วยงานฉันั้แ่วันนี้เลย”
“รับทราบครับคุณท่าน” ปลายตอบกลับมาป๊าก็กดวางสายทันที
เมื่อได้ยินแบบนั้นผมกับม๊าเราสองคนต่างยิ้มให้กัน แต่ผมไม่ลืมย้ำป๊าอีกครั้ง
“ห้ามสั่งแอบตามลับหลังน้องคิมนะป๊า”
“น้องคิม ป๊าเป็คนพูดคำไหนคำนั้น”
“ขอบคุณครับป๊า น้องคิมรักป๊าที่สุดเลยครับ รักม๊าด้วย” ผมรีบพูดจาออดอ้อนทั้งป๊าและม๊าทันที ม๊าก็ลูบหัวผมเบาๆ เหมือนอย่างที่ชอบทำเป็ประจำ
“แล้วพรุ่งนี้เดินทางกี่โมงลูก” ม๊าถาม
“ก็เช้าอะม๊า”
“งั้นก็แสดงว่าคืนนี้ไม่ได้นอนที่บ้านอีกละสิ?” ม๊าพูดอย่างงอนๆ
“ก็คอนโดน้องคิมอยู่ใกล้มหาลัยมากกว่าบ้านอ่ะม๊า แต่ยังไงน้องคิมจะกลับมานอนที่บ้านบ่อยๆ น่ะม๊า อย่างอนน้องคิมเลยนะๆ น่ะ ม๊าน่ะ”
“ดูลูกคุณช่างออดอ้อนซะจริง” ม๊าหันไปพูดกับป๊า
“ลูกคุณเหมือนกันไหมล่ะ?” ป๊าก็เถียงกลับมาทันที แต่เป็การพูดเถียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นผมก็อยู่ทานข้าวที่บ้าน พี่คินน์ พี่คลีน พี่ครีมก็อยู่กันพร้อมหน้า พวกเราทานอาหารกันอย่างสนุกสนานและพูดคุยกันในเื่ทั่วๆ ไป อาหารมื้อนี้มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอทานข้าวเสร็จผมก็ขอตัวกลับคอนโดทันที
เมื่อถึงคอนโดผมก็อาบน้ำนอนเลยครับ กระเป๋าไม่ต้องจัดเพราะก่อนกลับไปที่บ้านผมจัดไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
ตื่นเช้ามาผมก็อาบน้ำแต่งตัวไปขึ้นรถที่มหาวิทยาลัยทันที แต่พอไปถึงและกำลังจะขึ้นรถ พี่ัก็สั่งทันทีว่ารถเราห้ามเสียงดัง เหตุผลน่ะหรอครับ เมียหลับ แค่นั้นเอง เดือนร้อนพวกผมหมดเลยไอ้ริวนะไอ้ริว ผมก็เลยแซวพี่ัมันไปว่า เบาๆ บ้างก็ได้น่ะพี่ ฮ่าๆๆๆ ทำอะไรไม่ได้อย่างน้อยๆก็ขอให้ได้แหกปากแซวก็ยังดี ไอ้เรียลมันก็แซวตามผมไปเหมือนกัน แต่ดูเหมือนพี่ัก็ไม่ได้สนใจเสียงพวกผมเลยสักนิด เงียบๆ ตามฉบับของแก
พอถึงจุดพักรถไอ้ริวตื่นพวกผมก็รุมต่อว่ามันกันทันที แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้เื่อะไรกับเขาเลยสักนิด แล้วพวกเราก็ชวนกันไปซื้อขนมกัน
พอขึ้นมานั่งบนรถ ผมก็ต้องรำคาญลูกตากับภาพสวีทหวานของไอ้ริวกับพี่ั พวกเพื่อนๆ พี่ัก็แซวกันยับอะครับ แซวจนไอ้ริวอายม้วนไปเลย ฮ่าๆๆๆ ผมเห็นพี่ันั่งอมยิ้มด้วยอะครับ
พอมาถึงรีสอร์ท พี่ๆ ก็อธิบายเื่การเข้าพักและกิจกรรมนิดหน่อยจากนั้นก็แยกย้ายกันไปตามห้องพัก แต่อยู่ดีๆ พี่ัมันก็โบ้ยมาใส่ผมกับไอ้เรียลเฉยว่า พวกเราอยากนอนกันสองคน เพราะพี่ั้าสวีทหวานกับไอ้ริวสองคน พวกผมก็เลยต้องเออออห่อหมกตามพี่มันไป ไม่งั้นเดี๋ยวซวย
คืนนั้นผมก็นอนกับไอ้เรียลสองคนแต่ที่แปลกใจก็คือได้ห้องพักแบบพลูวิลล่าอะครับ ห้องโคตรแจ่มถ้ามีสาวมาด้วยก็คงจะดี
ตื่นเช้ามาพี่ๆ ก็แจ้งกิจกรรมของวันนี้อีกรอบก็ไม่มีอะไรมากครับ กิจกรรมเก็บขยะตามชายทะเลแต่ก็มีเงินรางวัลตั้ง 30,000฿ ผมเลยตั้งใจแข่งหน่อยแต่พวกแม่งไม่เอาด้วยเลยอดรางวัลไป
ตกเย็นก็เล่นกิจกรรมเป็ฐานๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่แต่แกล้งร้องโวยวายให้ไอ้ริวมันได้ยินเพราะมันโคตรกลัวหนอน และดูเหมือนพี่ัมันจะไม่รู้ครับว่าไอ้ริวมันกลัวหนอนมาก พี่ัแกล้งจนมันร้องไห้ แถมพี่ัมันก็โดนไอ้ริวโกรธอีกด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าง้อกันไปกี่ท่าเห็นเดินจับมือกันมาที่ห้องประชุมสำหรับกิจกรรมมอบเกียร์
พวกเราปีหนึ่งทั้งหมดนั่งเป็แถวกันอย่างเรียบร้อยแต่ก็มีเสียงพูดคุยกันดังเป็ระยะ ๆ เพราะั้แ่เปิดเทอมมาทุกคนยังไม่เคยได้เจอรุ่นพี่ปี 4 เลย จนพี่ัต้องสั่งให้เงียบ ทุกคนก็เงียบกริบเลยครับ และพี่ัก็พูดว่า
“ทำความเคารพพี่ปีสี่!!!”
พอพี่ัพูดจบพวกพี่ปีสี่ก็เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกผมพร้อมกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับ พี่ชื่อดิส เป็ประธานปี 4” พี่เขาพูดและทำหน้านิ่งๆ
แต่ที่ผมอึ้งที่สุดคือพี่ดิสมันมาด้วยว่ะครับ ในรุ่นพี่ปีสี่ทั้งหมดพี่ดิสคือคนที่ตามหาตัวได้ยากที่สุดเลยครับ จากนั้นพี่ดิสก็ร่ายยาวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยและการคบเพื่อนคบพี่น้อง
พี่ดิสพูดจบก็เดินลงจากเวที ส่วนรุ่นพี่ปี 3 ทุกคนได้หายไปจากห้องประชุม และอยู่ดี ๆ ไฟของห้องประชุมก็ดับลงพร้อมกับเสียงดนตรีดังขึ้นและก็เป็พี่ดิสนั่นแหละครับที่ร้องเพลง เสียงโคตรหล่อเลยครับ
ไม่กลัว ไม่กลัว ไม่กลัวกับพายุ
ลุยไป ลุยไปถ้ามีเธอข้างกาย..............
................ต่อให้โซซัดโซเซ
ก็ไม่เคยคิดเกเร
ต่อให้ถูกซัดจนเซ
ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมือเธอเลยสักวัน ( : โซซัดโซเซ / ธชย ประทุมวรรณ )
“เชิญน้อง ๆ ทุกคน ออกไปรับเกียร์ ที่ริมชายหาดจะมีพี่ ๆ ของพวกเรารออยู่”
พี่ดิสพูดจบ ปีหนึ่งทั้งหมดก็ค่อยๆยอยออกไป แต่กลุ่มของพวกผมไม่รีบครับ เลยเดินออกไปเป็กลุ่มสุดท้าย พี่ดิสก็หันมายิ้มให้กับกลุ่มพวกผมทั้งกลุ่ม มองไอ้ไทม์อย่างทักทายสงสัยคงรู้จักกันมั้งและมองไอ้ริวอย่างล้อเลียน ผมว่าพี่ดิสคงรู้เื่พี่ักับไอ้ริว ไม่งั้นก็คงไม่มองไอ้ริวแบบนั้นแน่ ๆ ก่อนสายตาจะมาหยุดอยู่ที่ผมแล้วยิ้มออกมา ยิ้มแต่ละทีนี่โคตรหล่ออะครับ ผมก็ยิ้มกลับไปอย่างเป็มิตร
...........................................................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้