“ได้ยินว่าท่านแม่ของเ้าตั้งครรภ์ ข้าจึงเอารังนกมาให้นางบำรุงร่างกายนิดหน่อยด้วย”
รังนกหรือ บำรุงร่างกายและช่วยขับผิวให้เปล่งปลั่ง ของดีเลยนี่
เจินจูยิ้มและกล่าวคำขอบคุณพร้อมกับรับของมา
หลิงเสี่ยนพาหลิงซีเดินเข้ามาจากข้างนอก
รุ่งเช้าวันนี้ฝนตกหนักหนึ่งห่าใหญ่ สถานที่ก่อสร้างทางนั้นเป็กองเลนเหลือคณนา หลิงเสี่ยนสำรวจดูหนึ่งรอบทำได้เพียงยกเลิกงานทั้งหมด
“ผู้าุโหลิง สถานที่ก่อสร้างทางนั้นไม่ต่องเร่งรีบ ฝนเพิ่งตกหนัก พักผ่อนได้สักสองวันพอดีเลยเ้าค่ะ” เจินจูยืนขึ้นกล่าว
“คุ้นชินกับการทำงานที่ใช้แรงแล้ว พอได้ว่างกลับปรับตัวไม่ค่อยได้เลยจริงๆ” หลิงเสี่ยนหัวเราะเยาะใส่ตัวเอง
“ดูกล่าวคำพูดเช่นนี้เข้าสิ ต่อไปท่านก็มีเวลาว่างอีกมากเลยล่ะ” เจินจูยิ้มขึ้น
“แนะนำให้ท่านรู้จักสักหน่อย นี่เป็คุณชายสกุลกู้มาจากเมืองหลวงเ้าค่ะ” เฉินเผิงเฟยมักเข้าออกบ้านสกุลหูอยู่บ่อยๆ พวกของหลิงเสี่ยนเขาล้วนเคยพบอยู่บ้าง
“พี่ชายกู้อู่ นี่เป็ผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครัวข้าเชิญมาวางแผนสร้างบริเวณพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ ผู้าุโหลิงนามว่าหลิงเสี่ยนกับหลิงซีผู้เป็หลานชาย”
สองฝ่ายทักทายกันด้วยความเคารพ ต่างฝ่ายต่างทักทายปราศรัยกันรอบหนึ่ง
กู้ฉีทราบถึงการมีอยู่ของพวกหลิงเสี่ยนสามคน เฉินเผิงเฟยมักจับตาดูการเคลื่อนไหวของสกุลหูอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็ใครเพิ่มเข้ามาใหม่ หรือทำเื่อะไร ล้วนสืบถามมาได้ชัดเจนทั้งสิ้น
แม้ความเป็มาของหลิงเสี่ยนจะไม่ค่อยเป็การดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
กู้ฉีไม่ได้หยุดอยู่บ้านสกุลหูนานเกินไป เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยามจึงนำผักสดพวกแตงและถั่วหนึ่งตะกร้ากับกระต่ายสีเทาสองตัวออกเดินทางกลับไป
“คุณชาย ฐานะของหลิงเสี่ยนผู้นั้นจะไม่สร้างความยุ่งยากหรือขอรับ?” เฉินเผิงเฟยสะบัดแส้ม้าแล้วถาม
อากาศร้อนเหมือนถูกแดดเผา หน้าต่างรถม้าจึงแง้มเปิดครึ่งหนึ่ง
“ไม่เห็นเป็ไร ล้วนเป็คดีตัวอย่างของยุคสมัยฮ่องเต้องค์ก่อน อีกอย่างหลิงเสี่ยนเป็เพียงผู้ได้รับผลกระทบที่ถูกเกี่ยวเข้าไปด้วยเท่านั้น” กู้ฉีส่งคนไปตรวจสอบคดีของหลิงเสี่ยนมาแล้ว
เฉินเผิงเฟยพยักหน้า คุณชายคิดว่าไม่เป็ไร เช่นนั้นก็ไม่เป็ไร
“แต่... คุณชายขอรับ สกุลหูช่างโดดเด่นจากคนอื่นอยู่บ้างจริงๆ ตอนที่พวกเราเพิ่งรู้จักสกุลหู พวกเขายังเป็ครอบครัวชาวไร่ชาวนาที่ยากจนครอบครัวหนึ่งอยู่เลย นี่เพิ่งนานเท่าไรเอง การเปลี่ยนแปลงของครอบครัวนางก็มากมายเช่นนี้แล้ว ไม่ใช่กล่าวในแง่ความมากน้อยของเงิน แต่เป็ด้านสายตาและความรู้ เพิ่งหาเงินได้ไม่นานเท่าไรก็กล้าสร้างโรงเรียนที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายขึ้นแล้ว ช่างทำให้คนเหนือความคาดหมายจริงๆ เลยขอรับ”
กู้ฉีไม่ได้กล่าวอะไร ช่างทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายจริงๆ นั่นแหละ แต่เื่ที่สกุลหูทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายได้มีมากกว่าเื่พวกนี้อีก
เขาลูบหน้าอกตัวเอง เมื่อก่อนขณะที่ไออย่างรุนแรง ที่ปอดล้วนรู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ เวลาหายใจก็เ็ปร้อนวูบวาบ
ส่วนตอนนี้หรือ?
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก แล้วผ่อนลมออกมาช้าๆ
สงบมั่นคงไม่มีอาการทรมานเลยสักนิด
โดยเฉพาะระยะนี้ เวลานอนตอนกลางคืนหนึ่งวันหลับได้สนิทมากกว่าอีกหนึ่งวัน บางครั้งตื่นขึ้นมาก็เป็เพราะการใตื่นที่เป็ความเคยชินของเขา ไม่ใช่เพราะไอหรือไม่สบาย
เขากำหมัดแน่น รับรู้ได้ถึงพละกำลังส่วนของมือ
สิ่งเหนือความคาดหมายเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่สกุลหูทำให้คนรู้สึกแปลกใจที่สุด
...บนโต๊ะอาหารของสกุลหู
หลัวจิ่งชำเลืองมองเจินจูที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยแวบหนึ่งด้วยความเ็า
เจินจูรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องบนตัวนาง จึงเงยขึ้นมองไปด้านตรงข้าม
หลัวจิ่งจ้องนางด้วยใบหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่กี่ที แล้วจึงเริ่มทานอาหารช้าๆ
นางทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือ? ทำไมเ้าหนุ่มนี่ใบหน้าเหมือนคนท้องผูกเช่นนี้ เจินจูขมวดคิ้วนึกย้อนกลับไป
“ท่านพ่อ วันนี้อาจารย์ฟางสอนวิธีออกหมัดหนึ่งชุดให้พวกข้า ข้ามองหนึ่งรอบก็จำได้แล้วขอรับ” ผิงอันใบหน้าท่าทางเหมือน้าร้องขอคำชมเชย
“ผิงอันฉลาดจริง” บิดาสกุลหูรีบเติมเต็มความปรารถนาของบุตรชาย
“ฮิๆ” ผิงอันหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นอีก “อาจารย์ฟางกล่าวว่าข้ากับท่านพี่ชายใหญ่ล้วนมีพร์ในการฝึกวรยุทธ์ ให้พวกข้าขยันฝึก ต่อไปความสำเร็จบนเส้นทางการต่อสู้ก็ไม่แย่ไปกว่าเขาแล้วขอรับ”
เจินจูได้ฟังก็อดเผลอยิ้มขึ้นมาไม่ได้ อาจารย์ฟางผู้นี้ไม่ล้มเลิกความคิดเลยจริงๆ เกิดความคิดจะชวนผิงอันกับผิงซุ่นไปเป็ศิษย์ขึ้นมาอีกแล้ว
“ผิงอัน คำสั่งสอนของอาจารย์ฟางฟังได้ฝึกฝนได้ แต่ว่า... หากเขาอยากรับพวกเ้าสองคนเป็ลูกศิษย์ ห้ามตกปากรับคำตามอำเภอใจเด็ดขาด เข้าใจไหม? เื่ภายในของสำนักในยุทธภพล้ำลึกยิ่ง พวกเราเป็เพียงชาวบ้านตัวเล็กๆ อย่าคลุกเข้าไปเลย จุดประสงค์ของการฝึกวรยุทธ์การต่อสู้ ส่วนหลักเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงปกป้องผู้อื่นได้ ไม่ใช่เพื่อไปตีรันฟันแทงฆ่าคนตอบแทนบุญคุณความแค้นในยุทธจักร ฟังเข้าใจหรือไม่?”
ผิงอันฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
“อื้ม เอาคำพูดของข้าไปบอกผิงซุ่นด้วย ให้เขาอย่าให้คนกล่อมไปตามอำเภอใจได้” ฟางเสิงผู้นี้ขาดลูกศิษย์อีกเท่าไรกันแน่เนี่ย เจินจูยิ้มแล้วส่ายหน้า
“เ้าเด็กคนนี้นี่ ท่านอาจารย์ฟางชมพวกเขาหรอก ทำไมพอถึงปากเ้าแล้วกลับเปลี่ยนความหมายไปเสียได้” หลี่ซื่อมองบุตรสาวด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง
“ท่านแม่ ท่านน่ะไม่รู้อะไร ตอนที่อาจารย์ฟางเพิ่งมาถึงบ้านเรา บอกว่ายู่เซิงโครงกระดูกร่างกายยอดเยี่ยมไม่ธรรมดา เป็บุคคลที่มีความสามารถในการร่ำเรียนวรยุทธ์ อยากรับเขาไว้เป็ศิษย์ ก็ไม่ใช่เพราะเช่นนี้หรอกหรือ พอยู่เซิงไม่ยินยอมเขาก็เกิดความคิดที่จะรับผิงอันกับผิงซุ่นขึ้นมาอีก ข้าต้องเตือนสติพวกเขาหน่อย ยุทธภพมีความเสี่ยง จอมยุทธ์ก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเป็กันได้” บิดาและมารดาของตนเองไม่เข้าใจความเสี่ยงของโลกยุทธภพ นางไม่ดูแลสักหน่อยจะได้อย่างไร
หลี่ซื่อตะลึงงัน “มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ? อาจารย์ฟางไม่ใช่มีอาชิงเป็ลูกศิษย์แล้วหรือ ทำไมยังอยากรับศิษย์อีกล่ะ?”
“ฮ่าๆ คนในโลกยุทธภพของเขา หนึ่งสำนักมีกันหลายร้อยมากกว่าพันคน อาจารย์ที่ไหนบ้างที่มีลูกศิษย์ติดตัวแค่ไม่กี่คนล่ะเ้าคะ” แม้อาชิงดูแล้วจะฉลาด แต่การเล่าเรียนวรยุทธ์ต้องให้ความสำคัญกับพร์ หากพร์ดีแล้วพอฝึกฝนขึ้นมาก็ได้ผลตอบแทนที่ดีมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงเยอะ ฟางเสิงไม่เกิดความคิดที่จะรับศิษย์ขึ้นมาสิถึงจะแปลก
ผิงอันฟังจนดวงตาเบิกกว้าง “ท่านพี่ ท่านรู้เยอะจริงๆ”
หลิงเสี่ยนและหลานสองคนนั่งทานอาหารกันอย่างเงียบเชียบ เจินจูเคยถามหลิงเสี่ยนว่าจะให้หลิงซีติดตามอาจารย์ฟางร่ำเรียนวรยุทธ์เสียหน่อยหรือไม่ หลิงเสี่ยนปฏิเสธ พวกเขาสามคนมาอาศัยอยู่บ้านสกุลหู นี่ก็รบกวนคนเขามากมายแล้ว ไม่อยากเพิ่มความลำบากให้คนเขาอีก
ผ่านเวลาอาหารเที่ยงไป ผิงอันพักอยู่ใต้ชายคาบ้านของตนเองครู่หนึ่ง ตรงนั้นวางเก้าอี้เอนกายที่เจินจูให้หลู่โหย่วมู่ประกอบขึ้นเป็พิเศษหนึ่งตัว
ผู้คนมักมาเอนกายลงบนเก้าอี้ปรับเอนตัวนี้ ขณะที่เอนตัวนอน เก้าอี้ยังสามารถโยกขึ้นลงได้ด้วย แปลกใหม่และสะดวกสบายนัก
เก้าอี้สำหรับนอนตัวนี้เป็เจินจูวาดแบบร่างคร่าวๆ หลังจากนั้นให้หลู่โหย่วมู่ลองทำดู คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำออกมาได้จริงๆ
เมื่อหลู่โหย่วมู่นำมาส่งให้ ท่าทางเขาดีใจเป็อย่างมาก ถามเจินจูเป็พิเศษ ว่ามีผู้อื่นเห็นเก้าอี้นอนตัวนี้ที่บ้านของเขา อยากให้เขาช่วยประกอบให้ด้วยสักหนึ่งตัว แต่แบบร่างเป็สกุลหูเสนอมา เขาต้องถามสกุลหูก่อน
เจินจูพยักหน้าอย่างสบายๆ นางเพียงวาดเค้าโครงคร่าวๆ การสร้างขึ้นทั้งหมด อาศัยหลู่โหย่วมู่คลำทางหาออกมาเอง
หลู่โหย่วมู่ขอบคุณสกุลหูอย่างสุดซึ้งเป็อย่างมาก ความแปลกใหม่สะดวกสบายของเก้าอี้นอน ต้องนำรายได้จำนวนหนึ่งมาให้เขาได้ไม่น้อยแน่ๆ แม้ภายหลังจะมีสินค้าที่ทำเลียนแบบ แต่อย่างน้อยเข้าก็สามารถแย่งเอาโอกาสแรกมาได้ก่อน
ค่าตอบแทนของเก้าอี้นอนเขายืนกรานไม่รับไว้โดยไม่ลังเล เจินจูจนปัญญาจึงเก็บถั่วพุ่ม แตงกวา น้ำเต้า มะเขือยาว วอซุ่น และอื่นๆ กำใหญ่จากในแปลงผัก ใส่ให้ไปบนเกวียนของเขาครึ่งเกวียน
หลู่โหย่วมู่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจิตใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง และเร่งเกวียนกลับไปด้วยความอบอุ่นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
เก้าอี้นอนที่บ้านสกุลหูได้รับความชื่นชอบเป็อย่างมาก ทุกคนล้วนอยากเอนกายไปนอนอยู่บนนั้น
ผิงอันงีบหลับไปบนเก้าอี้นอนทีหนึ่ง ก็หยัดกายลุกขึ้นไปเข้าเรียน
เขาเพิ่งดึงประตูลานให้เปิดออก ที่ไม่ไกลออกไปมีหนึ่งคนวิ่งเข้ามา
“ผิงอัน... ผิงอัน... ไม่ดีแล้ว ท่านอาหงซานทะเลาะกับคนขึ้นแล้ว ท่านให้ท่านพ่อของท่านไปดูหน่อยเถอะ”
ผู้ที่วิ่งไปพลางะโไปพลางเป็ถู่วั่ง เห็นว่าเขาเอาตะกร้าไผ่สานที่ใส่แผ่นกระดานหินอยู่ กอดปกป้องไว้แนบอกวิ่งตรงมาข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
“ทำไมท่านอาหงซานทะเลาะกับคนขึ้นได้? ไม่ใช่ว่าเขาอยู่บ้านเก่าเฝ้ากระต่ายหรือ?” ผิงอันกล่าวด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้ได้ ตอนข้ามาเข้าเรียน เห็นชาวบ้านมากมายไปมุงดูความวุ่นวาย ข้าไปดูมาแวบหนึ่ง ถึงพบว่าท่านอาหงซานต่อสู้อยู่กับจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อ” ถู่วั่งตอบอย่างหายใจหอบเหนื่อย
“เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านพ่อ” ผิงอันรีบวิ่งไป
รอให้หูฉางกุ้ยกับเจินจูไปถึงสถานที่ชกต่อย การทะเลาะวิวาทก็จบลงแล้ว
สองฝ่ายที่ชกต่อยกันล้วนอยู่ในบ้าน ต่างน้อมรับการตำหนิของหัวหน้าหมู่บ้าน
จ้าวสี่เหวินและภรรยากับบิดามารดาของจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อล้วนอยู่ด้านในด้วย
ชาวบ้านที่อยู่ล้อมดูแต่ละคนกระซิบกระซาบ พอเจินจูฟังอย่างละเอียดก็ฟังสาเหตุคร่าวๆ ออกมาได้
จ้าวเอ้อหม่าจื้อเป็พ่อม่ายภรรยาตาย เขาเป็คนี้เีและยากจน ไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้มาโดยตลอด เห็นจ้าวหงยู่หย่าร้างอยู่บ้าน จึงเกิดความคิดอยากจะแต่งงานใหม่กับนางขึ้น
สองวันมานี้ เขาจึงเคลื่อนไหวอยู่ละแวกบ้านของจ้าวหงยู่อยู่ตลอด พอจ้าวหงยู่ปรากฏตัวออกมาก็วิ่งไปข้างหน้าทำการประจบและก่อกวนใจขึ้น
จ้าวหงยู่ใแทบตาย นางเพิ่งะโออกมาจากการจองจำของเหลียงหู่ ยังคงหวาดกลัวต่อผู้ชายอยู่อย่างมาก การก่อกวนของจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อทำให้นางไม่กล้าออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว
หลังจ้าวหงซานได้ยินข่าวที่ติงซื่อเล่าก็โกรธจนเส้นเืปูด เขาให้ติงซื่อช่วยเฝ้ากระต่ายอยู่ที่บ้านเก่าด้านนั้น ส่วนตนเองวิ่งมาถึงบ้านจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อในลมหายใจเดียว เห็นคนแล้วไม่กล่าวอะไรมากความก็ปรี่เข้าไปต่อยเลยทันที
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อมั่วสุมอยู่บ่อนการพนันอยู่หลายคืนวัน เื่ชกต่อยตีกันย่อมทำมาไม่น้อย เขาเห็นจ้าวหงซานจึงไม่หวาดกลัว กลับมุ่งตรงไปต่อยตีกันกับเขา
ระยะนี้จ้าวหงซานกินอยู่อาศัยที่บ้านเก่าของครอบครัวหู เจินจูและหูฉางกุ้ยมักนำเนื้อพะโล้และปลาแห้งของพวกเขามาเพิ่มให้อยู่บ่อยๆ ร่างกายแข็งแรงกำยำกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ด้วยพละกำลังมหาศาล หมัดที่กระแทกจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อแต่ละหมัดจึงรุนแรงนัก
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนเองด้อยกว่า แม้พละกำลังไม่มากเท่าจ้าวหงซาน แต่ฝีเท้าว่องไวชำนาญหลบหลีก จำนวนครั้งที่เขาต่อยโดนจ้าวหงซานจึงมากกว่าเล็กน้อย
บิดามารดาของจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อที่อยู่ด้านข้างรีบร้อนจนวุ่นวาย กลับรั้งพวกเขาไว้ไม่อยู่
จนกระทั่งชาวบ้านไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้าน
จ้าวเหวินเฉียงหัวหน้าหมู่บ้านก็เข้ามาตำหนิเล็กน้อย สองคนถึงแยกย้ายกันไปอย่างไม่เต็มใจ
สองฝ่ายต่างจมูกช้ำในหน้าบวม าเ็กันไปไม่เบา
ตอนที่จ้าวสี่เหวินและภรรยาเข้ามา หัวหน้าหมู่บ้านก็ะโให้คนเข้าไปภายในบ้าน และสอบถามสถานการณ์ให้แน่ชัดด้วยกัน
ผ่านไปหนึ่งเค่อ สองฝ่ายต่างก็เดินออกมาจากในบ้าน
จ้าวหงซานเดินนำออกมาก่อน และหันกลับไปถลึงตาอย่างโเี้ใส่จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อแวบหนึ่ง “เอ้อร์หม่าจื้อ เ้าฟังให้ดี หากเ้ายังกล้าตามตอแยน้องสาวข้าไม่เลิกอีก ข้าจะสละชีวิตนี้ ลากเ้าลงหลุมศพไปด้วยกัน”
พานซื่อที่อยู่ด้านข้างเขาใจนรีบดึงเขาไป
“เพ้ย น้องสาวเ้าเป็แค่ฟู่เหรินหย่าร้างคนหนึ่ง เหล่าจื่อพึงพอใจนาง นับเป็วาสนาของนางแล้ว พวกเ้ายังกล้ารังเกียจข้าจ้าวเอ้อร์หม่าจื้อผู้นี้หรือ คอยดูเถอะ ดูว่าต่อไปผู้ใดจะกล้าเป็อริกับเหล่าจื่อแล้วขอจ้าวหงยู่แต่งงาน” จ้าวเอ่อร์หม่าจื้อกล่าวด้วยความแน่วแน่ทิ้งไว้อย่างไม่ยอมแพ้เลยสักนิดเดียว
“เอ้อร์หม่าจื้อ!” จ้าวเหวินเฉียงตวาดเสียงเ็าหนึ่งที ถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธเกรี้ยว “คำที่ข้าเพิ่งพูดเมื่อกี้เ้าฟังไม่เข้าหูเลยใช่หรือไม่? ไม่ว่าจ้าวหงยู่จะแต่งงานอีกหรือไม่ ล้วนตัดสินใจโดยนางกับคนในครอบครัว เ้าท่าทางเช่นนี้คิดจะก่อเื่อะไรขึ้นอีก? …ฮะ! อยากเลียนแบบเหลียงหู่ที่มาบังคับคนแต่งงานหรือไง?”
จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อผู้นี้แต่ก่อนตอนที่เดินเตร่ในหมู่บ้าน ยังพอเคารพยำเกรงเขาที่เป็หัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้อยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เขาออกไปหากินด้วยตัวเองอยู่ข้างนอกมาพักหนึ่ง กลับแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
“หัวหน้าหมู่บ้าน คำพูดไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้ ข้าเพียงพูดคุยกับน้องสาวหงยู่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง จ้าวหงซานก็มาหาถึงหน้าบ้านเช่นนี้ ความโกรธนี้ข้าไม่อาจระงับต่อไปได้” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อผ่านประสบการณ์ใหญ่ๆ ที่บ่อนพนันมาไม่น้อย ท่าทางการพูดก็เรียนรู้อย่างคนอันธพาลมาด้วย
“เพ้ย ชื่อของหงยู่เป็ชื่อที่เ้าเรียกตามอำเภอใจได้หรือ? สุนัขขี้เรื้อน หากเ้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะฟาดจนเ้าต้องหาฟันไปทั่วทั้งพื้น! [1]” จ้าวหงซานหอบหายใจถี่ด้วยความโมโห อยากดิ้นรนพุ่งออกไป
จ้าวสี่เหวินและภรรยาของเขาออกแรงดึงแขนของบุตรชายไว้แน่น ไม่กล้าผ่อนแรงลงเลย
“กลัวเ้าที่ไหนล่ะ มาสิ! ดูสิว่าฟันของผู้ใดจะร่วงเต็มพื้น” จ้าวเอ้อร์หม่าจื้อร้องเอ็ดตะโรคิดจะพุ่งเข้าไป แต่ถูกบิดามารดาของเขาขวางไว้
เหตุการณ์ตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง
เชิงอรรถ
[1] หาฟันไปทั่วทั้งพื้น เป็คำอุปมาหมายถึง ถูกต่อยตีอย่างรุนแรง จมูกช้ำใบหน้าบวม ถูกต่อยจนฟันหลุดร่วง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้