ทังหงเอินไม่ได้คิดจะแย่งตัวเขาไป
จี้เจียงหยวนพิจารณาสิ่งที่ทังหงเอินพูดอย่างละเอียดแล้ว ที่จริงเขานั้นยังไม่้ากลับอเมริกาเวลานี้ ก็เหมือนกับสมัยเด็กที่เขาไม่อยากไปต่างประเทศ
ทั้งๆ ที่เขากับจี้หย่าใช้ชีวิตอยู่อเมริกามาสิบกว่าปี แต่เื่ที่ควรเคารพการตัดสินใจของลูกเช่นนี้จี้หย่ากลับไม่สามารถทำได้แม้แต่น้อย เป็เพราะปัญหาด้านอารมณ์ของจี้หย่า จึงทำให้จี้เจียงหยวนมีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตนเองต่ำมาก!
การเดินทางไปอเมริกาไม่ใช่สิ่งที่เขาสมัครใจ และตอนกลับมาที่จีนเขาก็ต้องสละโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา ทว่าเพราะสุขภาพของคุณตาจี้ทำให้จี้เจียงหยวนไม่เก็บเื่นี้มาคิดเล็กคิดน้อย แต่ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับชีวิตที่หัวชิงแล้ว เริ่มจากความไม่จริงจัง จนกระทั่งให้ความทุ่มเท เขายอมรับในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยอมรับในตัวอาจารย์และนักศึกษา อีกทั้งยังได้เพื่อนใหม่ๆ ที่ดีกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้ตระกูลจี้ดันมาบอกให้เขารีบกลับอเมริกาอีก?
คำถามของจี้เจียงหยวนทำให้คุณลุงจี้จนคำพูด
คุณลุงจี้แค่้าบอกให้หลานชายรู้เท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจี้เจียงหยวนจะมีความเห็นที่แตกต่างเช่นนี้
“ความหมายของหลานคือ?”
จี้เจียงหยวนเม้มปาก “ผมหมายความว่า คุณแม่กับคุณอาจอร์จกลับอเมริกาก่อนได้ครับ ผมจะอยู่ยื่นเื่สมัครเข้ามหาวิทยาลัยในจีน”
ส่วนยื่นสมัครมหาวิทยาลัยไหนนั้น จี้เจียงหยวนไม่ได้กล่าวถึง
ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เขาก็ไม่ได้บอกเช่นกัน
จอร์จรีบกล่าวทันทีว่า “ฉันช่วยเขียนจดหมายแนะนำเธอให้กับไอวีลีก [1] ได้นะ แนบไปพร้อมผลการเรียนของเธอ รับรองว่าพวกเขายินดีอ้าแขนรับแน่นอน”
“คุณอาจอร์จ ขอบคุณครับ ผมยินดีที่คุณคบกับแม่ของผม แต่ผมอยากกลับอเมริกาช้าหน่อย ผมอยากใช้ความสามารถของตัวเองยื่นสมัครมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ผมทราบว่าคุณอาสามารถดูแลแม่ของผมได้เป็อย่างดี ไม่มีผมเป็อุปสรรค ความสัมพันธ์ของพวกคุณคงดียิ่งขึ้นไปอีก”
ช่างเป็คำพูดที่ใส่ใจผู้อื่นเหลือเกิน
จี้หย่ามักให้ความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวลูกชาย จนหลายๆ ครั้งทำให้เธอละเลยจอร์จ
คำพูดของจี้เจียงหยวนทำให้จอร์จรู้สึกหวั่นไหว หากจี้เจียงหยวนกับจี้หย่าแยกกันอยู่สักระยะ โอกาสที่เขาจะได้แต่งงานกับจี้หย่าคงมีมากขึ้น... ถึงเวลาแล้วที่จี้หย่าควรนำความหวังที่ฝากไว้กับจี้เจียงหยวนมาอยู่ที่เขาแทน
ความจริงจอร์จเห็นด้วยกับเื่นี้แล้ว ทว่าคุณลุงจี้คิดมากกว่านั้น “หลานไม่อยากกลับอเมริกาหรือ? เจียงหยวน เพราะทังหงเอินมาพูดอะไรกับหลานหรือเปล่า?”
ทำไมคำพูดพวกนี้ถึงฟังดูเหมือนข้ออ้าง!
จี้เจียงหยวนไม่อยากกลับอเมริกาอย่างนั้นหรือ ที่ประเทศจีนมีอะไรให้เขาอาลัยอาวรณ์กัน นอกเสียจากพ่อบังเกิดเกล้าที่จู่ๆ ก็โผล่หน้ามาหา
คุณลุงจี้ความดันพุ่งสูง เด็กที่ตระกูลจี้เลี้ยงดูมานานหลายปี พอถูกทังหงเอินโน้มน้าวแค่เล็กน้อยก็เปลี่ยนจุดยืนเสียแล้วหรือ?
คุณลุงจี้ทั้งรู้สึกทุกข์ใจและผิดหวัง ป้าสะใภ้จี้กลัวว่าสองลุงหลานจะทะเลาะกัน จึงรีบส่งสายตาไปหาจี้เจียงหยวนทันที
“ไปดูแม่หลานสิ เมื่อครู่เธออาการไม่ดีเท่าไร เห็นหลานกลับมาแล้วคงจะดีขึ้น”
จี้หย่านอนพักอยู่ในห้อง
อุณหภูมิในห้องอบอุ่นกำลังดี จี้หย่าห่มผ้าห่มผืนบาง เส้นผมยังเปียกชื้นอยู่บ้าง นั่นก็เป็เพราะเหงื่อที่ซึมออกมาก่อนหน้านี้ทั้งนั้น
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงดูผอมบางยิ่งนัก ยาที่ฉีดยังไม่หมดฤทธิ์ทำให้เวลาเธอดูไร้เรี่ยวแรง จี้เจียงหยวนยอมเห็นจี้หย่าอาละวาดเพราะอาการฮีสทีเรีย ดีกว่าเห็นเธอไร้พลังชีวิตเช่นนี้ สภาพของจี้หย่าในตอนนี้มันทำให้เขาใจอ่อนยวบ
เขาคิดถึงคุณตาจี้
ตอนคุณตาใกล้จากไปก็ผอมมากเช่นกัน เวลานอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มนูนขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ก่อนสิ้นลม คนที่คุณตาจี้เป็ห่วงที่สุดก็คือจี้หย่า เขาจับมือจี้เจียงหยวนและฝากฝังเขาว่าต้องดูแลจี้หย่าให้ดี... ต่อให้คุณตาจี้ไม่กำชับ จี้เจียงหยวนก็ไม่มีวันทำตัวไม่ดีกับจี้หย่า เพราะเธอคือแม่แท้ๆ ของเขา!
จี้หย่าที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำอะไรบางอย่าง จี้เจียงหยวนคุกเข่าลงเพื่อฟังสิ่งที่เธอพูด
“...คิดจะแย่งเจียงหยวนอย่างนั้นหรือ ต่ำช้าไร้ยางอาย... หึหึ ส่งคนไปตีสนิทเจียงหยวน ทังหงเอิน แกมันเ้าแผนการ! ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวกแก...”
จี้เจียงหยวนอยากเดินออกจากห้องนี้เหลือเกิน
เขารู้ว่านี่คืออาการป่วย แต่ช่วยมีเหตุผลสักครั้ง ขอแค่ครั้งเดียวก็ไม่ได้เลยหรือ?
ความบาดหมางระหว่างตระกูลจี้กับพ่อของเขา จะดึงเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาเกี่ยวข้องทำไมกัน!
จี้เจียงหยวนเดินออกจากห้อง และเรียกลุงของตนไว้
“ที่อเมริกา ผมเห็นคู่สามีภรรยาหย่าร้างกันแล้วก็ยังเป็เพื่อนกันได้ อย่างไรก็ตามผมไม่ขอให้แม่เป็เพื่อนกับเขา แต่ปัญหาของครอบครัวเรา แม่ของผมจะช่วยเลิกพาลโกรธคนอื่นได้หรือเปล่าครับ เธอไปข่มขู่นักศึกษาหญิงคนหนึ่งถึงหัวชิง คิดว่าเขาจงใจตีสนิทผม ผมกับนักศึกษาหญิงคนนั้นเราไม่ได้เป็อะไรกัน มหาวิทยาลัยก็กว้างออกขนาดนั้น สัปดาห์หนึ่งแทบไม่เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ! อีกอย่างเธอก็มีแฟนแล้ว ผมยังเคยเจอแฟนของเธอด้วย เขาเป็ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่เงินดอลลาร์ที่ผู้หญิงทุกคนต้องชื่นชอบ... คุณลุงครับ เื่นี้ส่งผลกระทบกับชีวิตของผมเหลือเกิน หากแม่ใช้ชื่อเสียงของตระกูลเราไปรังแกนักศึกษาหญิงผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง คุณตาที่อยู่ในปรโลกจะรู้สึกอย่างไรครับ”
จะขายหน้าหรือเปล่า?
ใช้ชื่อของตระกูลจี้ไปรังแกผู้อื่น ตระกูลจี้ตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วหรือ!
สีหน้าของคุณลุงจี้ดูแทบไม่ได้
เื่ที่จี้เจียงหยวนพูดดูน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แต่หากบอกว่าจี้หย่าเป็คนทำ คุณลุงจี้เองก็เชื่อว่าสามารถเป็ไปได้
ป้าสะใภ้จี้ฟังแล้วรู้สึกมึนงงไปหมด “ยังมีเื่อะไรอีก เจียงหยวน หลานเล่าให้ป้าฟังอย่างละเอียดที”
ก่อนหน้านี้ที่จี้หย่าทะเลาะกับทังหงเอิน เธอพูดถึงนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง แค่เพราะคนนอกเพียงคนเดียวก็ทำเอาจี้หย่าโวยวายจนเื่บานปลาย สุดท้ายก็ทำให้ทังหงเอินโกรธจัดจนถึงขั้นประกาศศึกกับตระกูลจี้
ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ!
จะโง่เง่าเกินไปหน่อยไหม!
สีหน้าของป้าสะใภ้จี้ทะมึนตึงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็หันไปะเิอารมณ์ใส่คุณลุงจี้ว่า
“น้องเล็กของคุณบ้าไปแล้วจริงๆ!”
เป็บ้าก็ไปรักษา กินยาก็เพื่อควบคุม และนี่ต้องลากคนทั้งบ้านตายไปด้วยกันถึงพอใจหรืออย่างไร?
ไม่ไปมาหาสู่กับทังหงเอินก็ยังพอทน แต่สมองมีปัญหาหรือเปล่าถึงไปข่มขู่นักศึกษาหญิงของหัวชิง หากจี้หย่าไม่เช่นนั้นทังหงเอินจะมาประกาศกร้าวถึงบ้านตระกูลจี้หรือ?
ไม่ว่าทังหงเอินจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนอื่น แต่พวกเขาสองคนก็หย่ากันแล้ว จี้หย่าไม่มีสิทธิ์ยุ่มย่ามเื่ส่วนตัวของทังหงเอินอีก ไม่อย่างนั้นก็กลับไปคืนดีกับทังหงเอินสิ ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข หรือไม่ก็รีบออกจากประเทศจีนไปเสีย โลกนี้มีตรรกะเช่นนี้เสียที่ไหน จี้หย่ามีแฟนได้ แต่ทังหงเอินห้ามหาคู่ครอง... ถ้าจี้หย่าไม่เป็บ้า เธอก็คงไม่บีบคั้นทังหงเอินถึงขั้นนี้
ตอนนี้เป็อย่างไรล่ะ ทังหงเอินแตกหักกับตระกูลจี้แล้ว คนตระกูลจี้ควรทำอย่างไรต่อไป?
————————————————-
วิทยาลัยทหารบก มณฑลจี้เป่ย
นักศึกษาที่เพิ่งมาใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับโลกภายนอกเป็ระยะเวลาหนึ่งเดือน
โจวเฉิงได้รับจดหมายจากเซี่ยเสี่ยวหลาน หากพูดถึงคนอื่นโจวเฉิงอาจจะจำไม่ได้ แต่ถ้าเป็จี้เจียงหยวน โจวเฉิงจำได้เป็อย่างดี ทั้งหัวชิงคงมีแค่จี้เจียงหยวนเท่านั้นที่รู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานเป็คนแบบไหน โจวเฉิงรู้ดียิ่งกว่าใคร ก็เหมือนที่เขาเคยพูดกับคังเหว่ยว่า คนที่หล่อกว่าเขามีไม่มาก และพวกหน้าหล่อก็ไม่แน่ว่าจะยอมเชื่อฟังคำพูดของแฟนสาว โจวเฉิงเทียบอย่างไรก็รู้สึกว่าตนมีข้อได้เปรียบมากกว่า
หากเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เล่าเองแล้วโจวเฉิงมารู้ทีหลังคงอดคิดมากไม่ได้
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเล่าออกมาเองเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่มีเื่อะไรทั้งนั้น!
แต่คนที่มารังแกแฟนของเขา เขาจะให้อภัยไม่ได้ คนพวกนั้นทำไมถึงคิดว่าตัวเองถูกตลอดเวลา บางครั้งโจวเฉิงก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า พวกที่เกิดในครอบครัวดีหน่อยทำไมถึงชอบรังแกคนอื่นอยู่เสมอ แถมยังกล้าพูดว่าทั้งตระกูลเป็คนมีการศึกษาด้วย... วัฒนธรรมครอบครัวเช่นนี้ ยังสู้ตระกูลโจวที่มีแต่คนการศึกษาไม่สูงอยู่เต็มไปหมดไม่ได้ด้วยซ้ำ
โจวเฉิงกำลังครุ่นคิดว่าเขาควรตอบจดหมายเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไร
ทว่าทางวิทยาลัยกลับสั่งให้พวกเขาไปรวมตัวกัน
“คำสั่งใหม่ล่าสุดเพิ่งถูกแจ้งมาทางวิทยาลัย พวกคุณทุกคนมีภารกิจใหม่ รีบกลับไปเก็บสัมภาระ อีกครึ่งชั่วโมงออกเดินทาง!”
เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ทำไมถึงมีภารกิจแล้วเล่ โจวเฉิงนึกว่าเป็แค่การซ้อมรบเท่านั้น ทว่าพอสั่งให้พวกเขาไปเบิกอาวุธที่คลังและให้ะุมาด้วย โจวเฉิงก็รับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
นี่ไม่ใช่การซ้อมรบ!
“ขออนุญาตครับ ผมจำเป็ต้องโทรศัพท์”
เชิงอรรถ
[1] ชื่อกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน 8 แห่งของสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงด้านคุณภาพการศึกษาที่ดีเยี่ยม และได้รับการยกย่องจากทั่วโลก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้