กองทัพจิงบ้าคลั่งไปแล้ว
พวกเขาไล่ฆ่าคนราวกับกำลังถางหญ้าก็ไม่ปาน ใบมีดฟาดฟันไม่ละเว้นจนกว่าหญ้าจะเหี้ยนเตียน
ว่ากันว่าาในแคว้นจิงยุติแล้ว หกปีก่อนฮ่องเต้หงของแคว้นจิงได้ถูกพระปิตุลาของตนลอบปลงพระชนม์ แล้วสถาปนาตนขึ้นเป็ฮ่องเต้องค์ใหม่
ทว่าพระปิตุลาในวันนั้นหรือก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ก็ได้ถูกพระราชนัดดาของตนลอบปลงพระชนม์เช่นกัน
พระราชนัดดารุ่ยนั้นเป็น้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ก่อน
รุ่ยไม่เพียงกลับมาแก้แค้นสำเร็จ หลังจากที่เขาสถาปนาตนเองขึ้นครองราชย์เรียบร้อยแล้วก็รับพระนางเป๋า อดีตฮองเฮาของพี่ชายผู้เป็ฮ่องเต้พระองค์ก่อนกลับมาจากหุบเขานักโทษแล้วจึงอภิเษกกับนาง สถาปนานางเป็ฮองเฮาของตน และเพื่อพิสูจน์ความแน่วแน่ของตน เหล่าพระชายาและสนมในอดีตของเขาก็ล้วนแต่ถูกปะาจนสิ้น
อีกทั้งยังประกาศอย่างชัดเจนให้รู้ทั่วกันทั้งแคว้นว่าเขาคือรุ่ย ผู้เป็ฮ่องเต้แห่งแคว้นจิง ชาตินี้ขอมีเป๋าเป็ภรรยาเพียงคนเดียว และขอสถาปนานางเป็ฮองเฮาแต่เพียงผู้เดียว
เพียงไม่นานพระนามของฮองเฮาเป๋าก็เลื่องลือเสียยิ่งกว่าโฉมงามอย่างฮองเฮาจ้าว
เลื่องลือว่าฮองเฮาเป๋านั้นงดงามราวกับนาง์ งามเสียยิ่งกว่าเทพธิดา มิเช่นนั้นจะเป็สตรีที่เข้าไปอยู่ในหุบนักโทษ แล้วยังจะถูกช่วยออกมาเป็ฮองเฮาได้อย่างไร
อีกทั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นจิงอย่างฮ่องเต้รุ่ยนั้นยังลือกันว่ามีลักษณะของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ หน้าผากสูง จมูกคมเป็สัน โหนกแก้มแดงระเรื่อ หูยาว และติ่งหูอวบหนา
หลังจากเขาขึ้นครองราชย์แล้ว เื่แปลกประหลาดนอกจากเื่ที่เขารับภรรยาของพี่ชายมาเป็ชายาตน ทั้งยังแต่งตั้งนางเป็ฮองเฮาแล้ว เื่อื่นๆ เขาก็นับว่าดีเยี่ยม เพียงเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ก็สามารถสยบความวุ่นวายภายในได้แล้ว ทั้งยังปราบปรามชนเผ่านับร้อยจนสามารถรวมแคว้นจิงให้เป็หนึ่งได้เป็ครั้งแรก
ขุมกำลังและความสามารถของแคว้นจิงจึงนับว่ามีการพัฒนาครั้งใหญ่
ชีวิตของราษฎรก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก
เมื่อเทียบกันแล้ว เื่ที่เื่ที่เขารับภรรยาของพี่ชายมาเป็ชายาก็ใช่จะเป็เื่ที่รับกันไม่ได้ อีกทั้งชนเผ่าในแคว้นหลายชนเผ่าก็มีวัฒนธรรมเช่นนี้ พี่ชายน้องชายมีภรรยาคนเดียวกัน เพียงแต่ตอนนี้ชนชั้นสูงในแคว้นจิงกำลังเลียนแบบแคว้นข้างเคียงอย่างแคว้นเชิน เหล่าผู้ดีที่ร่ำรวยเงินทองเ่าั้เริ่มจะให้ความสำคัญเื่พิธีรีตองและศีลธรรม จึงไม่ได้ทำเื่เช่นนั้นอีกต่อไป
ฮ่องเต้รุ่ยหลังจากสยบความวุ่นวายในแคว้นได้แล้วก็เริ่มลงมือกับเื่อื่น เช่นการส่งกองทหารมาโจมตีทุ่งหญ้ารกร้าง
หรือหากไม่พูดว่าโจมตี จริงๆ ก็คือการส่งทหารมาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
ทั้งครั้งนี้ยังไม่เหมือนกับการส่งคนมาปล้นสะดมในอดีต เพราะครั้งนี้พวกเขาดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่เด็กๆ
เด็กเล็กและเด็กโตไม่ว่าชายหรือหญิง เด็กั้แ่สามหรือสี่ขวบจนถึงสิบแปดโดยประมาณ หากถูกพบเข้าก็ล้วนแต่ถูกฆ่าอย่างไม่ละเว้น
ทุ่งหญ้ารกร้างที่ต้นหญ้ายังไม่ทันจะเขียว ก็อาบย้อมไปด้วยสีแดงจากเืเสียแล้ว
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ
แสงตะวันสาดลงมา
มีต้นหญ้าต้นหนึ่งที่เติบโตได้งามกว่าต้นใด ยามเหมันต์มันพยายามดูดซับอาหารอย่างขันแข็ง ทั้งยังผ่านทั้งลมฝนและหิมะอย่างเงียบงันมาตลอดเหมันต์ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่มันจะงอกเงย ทั้งยังงอกสูงกว่าต้นหญ้าต้นอื่นๆ อีกคืบหนึ่ง
มันงอกใบเขียวเรียวยาวของมันออกมาเร็วกว่าใคร ทำให้แม้กระทั่งมองมาจากไกลๆ ก็ยังมองเห็นใบของมันได้
ต้นหญ้าที่สูงกว่าต้นอื่น ยามต้องแสงแดดจึงดูเฉิดฉายกว่าใคร
เช่นเดียวกันกับตอนนี้ ยามที่ดวงตะวันกำลังจะลาลับ มันก็รู้สึกราวกับว่าดวงตะวันทั้งดวงนั้นกำลังตั้งใจส่องแสงให้กับมัน ทั้งยังจ้องหน้ามันอย่างสนิทสนม
เมื่อมันเห็นเช่นนั้นก็อยากให้ตัวเองเติบโตยิ่งกว่านี้
“เหอะ...”
มีเสียงดังขึ้น
ร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งล้มลงข้างมัน เืสดๆ ไหลทะลักออกมา ราดรดลงบนใบของมันที่ชูสูงกว่าต้นหญ้าต้นใดบนทุ่งหญ้า
ต่อมาก็มีเท้าใหญ่ข้างหนึ่งเหยียบลงมาบนต้นของมัน
ต้นหญ้าเพิ่งจะมีโอกาสแตกใบอ่อนสีเขียวออกมา กลับถูกเท้าใหญ่โตนั้นเหยียบย่ำจนเสียหายเสียแล้ว
ยังดีที่เคราะห์ร้ายนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เท้าที่เหยียบย่ำลงมาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เ้าต้นหญ้าต้นนี้เด็ดเดี่ยวต่อสู้จนงอกงาม แม้จะยากลำบาก แต่มันก็ยังคงเติบโต ยามมันมองแสงตะวัน ในใจก็ยังตื่นเต้นเหมือนดังเคย ทว่าต่อมาก็มีฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนเหยียบย่ำผ่านลำต้นมันไป
ลำต้นของมันค่อยๆ แหลกเหลว หลุดกระจาย แตกหักไปทุกทิศทาง
เนิ่นนานนักกว่าฝีเท้าเ่าั้จะผ่านไป
เ้าต้นหญ้าบัดนี้เหลือเพียงเหง้า มันมองลำต้นของตนที่ตกอยู่ไม่ไกล ในขณะเดียวกันข้างลำต้นของมันก็มีร่างมนุษย์มากมายนอนอยู่บนพื้นดิน
ดวงตะวันใกล้จะลับหายไปบนพื้นดิน เ้าต้นหญ้าก็ได้แต่มองแสงตะวันค่อยๆ เลือนรางจางหาย
เศร้าโศกเหลือเกิน
ทั้งร่างก็มีแต่ความรวดร้าว
มันอยากจะดื่มน้ำ ทว่าบัดนี้กลับได้ดื่มเพียงเืข้นคลั่กที่พานให้รากของมันพลอยชุ่มไปด้วย
มันคิดว่าตนคงใกล้จะตายแล้ว ทว่ามันก็ยังอยากจะมองแสงตะวันที่ปลายขอบฟ้าเหลือเกิน
บางทีหากดูแล้วก็คงจะได้หลับสนิท รอจนปีหน้ามันยังเติบโตทะลุผืนดินขึ้นมาเพื่อมีชีวิตใหม่อีกครั้งได้
ต่อมามันจึงได้เห็นเปลวเพลิงที่กำลังลุกโหม
ราวกับดวงอาทิตย์นั้นได้ยินสิ่งต้นหญ้าต้นน้อยอย่างมันวอนขอ บัดนี้มันจึงได้เห็นแสง...แสงที่แสนงดงาม
มันยังไม่ทันจะได้ยิ้มออกมา ก็รู้สึกว่าแสงสว่างนั้นได้สูบกลืนมันเข้าไปแล้ว
ในความมืดมิด ประโยคสุดท้ายที่มันรำพึงออกมาก่อนตาย “มิใช่แสงตะวัน แต่คือเปลวไฟ”
“เผาเสร็จแล้วก็รีบไป ศพเหล่านี้หากไม่เผาทิ้ง จะดึงดูดหมาป่าให้เขามาได้” ชายแคว้นจิงคนหนึ่งออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าน่าเสียดายนักที่เ้าต้นหญ้ามิอาจได้ยินอีกแล้ว
เปลวเพลิงไหวระริก ตรงใจกลางแทนบูชายังมีเปลวเพลิงสีอ่อนสว่างไสวอยู่เช่นกัน
สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นเชินปรากฏแววกลัดกลุ้ม ดวงเนตรมองเปลวไฟคราหนึ่ง ก่อนจะจับจ้องไปที่ราชครูน้อย
ราชครูน้อยจ้งเยียนสีหน้ายังขาวซีดกว่าตนด้วยซ้ำ
ฮ่องเต้นึกเสียใจในภายหลัง ในตอนนั้นเขาไม่ควรรีบขับไล่ราชครูออกจากวังหลวงไป
ราชครูมีจิตใจที่ภักดีต่อแคว้นเชินและราชวงศ์อย่างไร้ข้อกังขา
ทว่าในตอนนั้นเื่ที่ทำให้เขาพิโรธจริงๆ ไม่ใช่เื่นั้น เื่ที่ราชครูกับอดีตฮองเฮาร่วมกันใช้มนตร์ดำไม่อาจทำให้ฮ่องเต้เช่นเขามีโทสะได้ถึงเพียงนั้น
เื่ที่เขาพิโรธจริงๆ นั่นคือเขาค้นพบว่าราชครูแท้จริงแล้วลอบมีใจให้กับอดีตฮองเฮาของตน
แม้ฮองเฮาของเขาจะเป็หญิงต่ำช้าเพียงใด เขาก็ไม่อนุญาตที่จะให้คนอื่นมาร่วมใช้
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใด ไฉนความรู้สึกต่อฮองเฮาในใจเขาจึงไม่เหมือนเดิม
แม้ความจริงจะต้องส่งนางให้ไปอยู่ตำหนักเย็น แต่เขาก็ยังให้นางอยู่ในตำหนักซีเหอ
หลานซีนั้นไม่เหมือนกับคนอื่นๆ
ตอนนั้นเขาได้ยินพระธิดาของตนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ จึงได้ค้นพบปัญหานี้ขึ้นมา เป็เหตุให้เขาเกรี้ยวกราดนัก ครู่ต่อมาจึงให้คนไปตามตัวราชครูมาถามให้ชัดเจน ไม่ก็ฆ่าทิ้งไปเสีย
แต่ตอนนี้ราชครูราวกับก้อนกรวดที่ตกลงกลางมหาสมุทร ไร้ซึ่งข่าวคราว
ฮ่องเต้รู้สึกเสียใจนัก คนตระกูลจ้งอายุไม่ยืนยาว หากยึดตามประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ไม่แน่ว่าราชครูอาจจะสิ้นชีพไปแล้ว ทว่าเขายังไม่ได้เจอราชครูเป็ครั้งสุดท้ายเลย
ในตอนนั้นที่เขาได้ขึ้นเป็ฮ่องเต้ จ้งฟางก็ได้กลายมาเป็ราชครู เขาและราชครูนับว่าเติบโตมาด้วยกันในวังหลวงแห่งนี้
เมื่อก่อนเขายังเคยพูดอย่างขำขันว่า หากราชครูสิ้นแล้ว เขาจะเป็คนส่งดวงิญญาเอง
ยามนี้เื่นั้นคงไม่อาจเป็จริงแล้ว
ฮ่องเต้คิดถึงเื่นี้ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เพียงรู้สึกว่าจิตใจของตนนั้นรู้สึกไม่สงบนักที่ทำตามคำสัญญาให้เป็จริงไม่ได้ ลึกๆ เองก็เสียดาย
เมื่อมองดูท่าทางของราชครูน้อย เ้าเด็กคนนี้รูปงามนัก ทว่าท่าทางอ่อนปวกเปียกนั้นช่างขัดตานัก เขาอุตส่าห์เดินทางมาถามแต่เ้าเด็กนี่กลับทำท่าเช่นนี้ หรืออยากจะให้เขาสอนการทำนายให้หรือไร
“อย่างไรเล่า”
ราชครูน้อยเมื่อเห็นว่าพระพักตร์ของฝ่าายิ่งขรึมลง คิ้วก็เลิกสูงราวกับกำลังจะพิโรธก็ยิ่งรู้สึกประหม่า ในใจพลันคิดถึงท่านอาจารย์ขึ้นมา ด้วยหากว่ามีท่านอาจารย์อยู่ ต่อให้เห็นว่าฝ่าาพิโรธ ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยจะทำท่าทีเกรงกลัวอันใด ทว่าเมื่อเป็เขา เขากลับกังวลนัก เมื่อคิดถึงท่าทีที่ไม่ใส่ใจของท่านอาจารย์ก็อดไม่ไหวที่จะกำหมัดแน่นขึ้นมา
เขามองฝ่าา แล้วจึงเห็นว่าข้างกายฝ่าามีองค์หญิงน้อยยืนอยู่ สายตาสดใสของนางช่างงดงามนัก ทั้งยังทำให้จิตใจเขาพลันอ่อนยวบลง
“รายงานฝ่าา ค่ายชายแดนนั้นไม่มีปัญหาอันใด เพียงแค่ใแต่ไร้อันตราย ทั้งเื่นี้ยังเป็แค่ข่าวลือเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูน้อยเอ่ยขึ้น
องค์หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันปีติจนะโขึ้นมา “เช่นนี้ก็ดีนัก หม่อมฉันบอกแล้วว่าไม่มีอันใด ก่อนหน้านั้นยังกล่าวกันว่าทุ่งหญ้ารกร้างนั้นพัฒนาขึ้นมาก ทะเบียนภูมิลำเนานับวันก็ยิ่งจะมากขึ้น กระทั่งพวกนักโทษขุนนางทรราชก็ยังได้กินเนื้อติดมัน พวกนายทหารเ่าั้ก็เอาแต่พูดเกินจริงเพื่อหลอกเอาเบี้ยเลี้ยงเท่านั้น ยังจะมาทำร้ายเสด็จพ่อของหม่อมฉันให้กลุ้มใจจนเสวยไม่ลงอีก คนพวกนี้ช่างน่าตายนัก”
