วันถัดมาหลินเยว่กับจางฮุยิเดินทางไปยังถนนวัตถุโบราณของจิ่งเต๋อเจิ้นด้วยกัน
ตอนที่รับประทานอาหารเช้า หลินเยว่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับถนนวัตถุโบราณของจิ่งเต๋อเจิ้นจากจางฮุยิเมื่อเขาได้ยินว่าหลินเยว่จะไปที่นั่นเพื่อฝึกสำรวจแผงจางฮุยิจึงรู้สึกสนใจเช่นกัน เพราะเมื่อวานเขายังไม่ได้เดินจนครบถนนทั้งเส้นวันนี้เขาจึงไปอีกครั้งพอดี
ขณะที่เดินทางไปยังถนนวัตถุโบราณ จางฮุยิมักจะพยายามหาเื่มาคุยกับหลินเยว่อยู่ตลอดหลินเยว่มองออกว่าอีกฝ่ายรู้สึกสนใจในตัวเขาเป็อย่างมากแต่ว่าตัวหลินเยว่เองกลับไม่ค่อยรู้สึกสนใจนักแต่ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็สามารถฝึกฝนตนเองได้เช่นกัน เพราะทำให้เขาต้องฝึกรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ได้ตลอดเวลา
จิ่งเต๋อเจิ้นไม่ได้ถือว่าเป็เมืองที่ใหญ่มากนักเพียงไม่นานพวกเขาก็เดินทางถึงถนนวัตถุโบราณ
ถนนวัตถุโบราณจิ่งเต๋อเจิ้นตั้งอยู่ที่ชั้น 1ของตึกใหญ่ในห้างสรรพสินค้าเครื่องเคลือบที่เป็ส่วนที่เชื่อมระหว่างตึก2 ตึกเข้าด้วยกันลักษณะของถนนเหมือนกับอักษรตัว “L” พิมพ์ใหญ่ และแน่นอน ถนนวัตถุโบราณที่นี่จะมีเพียงร้านที่ได้รับอนุญาตในการเปิดร้านเท่านั้นแต่สถานที่ที่หลินเยว่และจางฮุยิ้าจะไปนั้นเป็แผงขายวัตถุโบราณซึ่งหากไม่มีคนที่คุ้นเคยพาไป ก็ยากที่จะไปถึงสถานที่แห่งนั้น
เมื่อมาถึงศูนย์กลางห้างสรรพสินค้าของจิ่งเต๋อเจิ้นจางฮุยิจึงชี้ไปยังห้างสรรพสินค้าฝั่งตรงกลางและทางทิศตะวันตกที่เยื้องไปทางทิศเหนือพร้อมพูดขึ้น“ที่นั่นคือถนนที่ขายของเลียนแบบเกรดเอ หลักๆ จะขายเครื่องลายครามและเครื่องเคลือบเขียนสีเฝินไฉ่ ภายในนั้นจะไม่มีของแท้เลยแต่จะเป็ของปลอมที่ทำขึ้นมาสำหรับคนที่้าโดยเฉพาะ หากคุณมาเดินเองก็ไม่จำเป็ต้องไปเดินที่นั่นเพราะมันไม่น่าสนใจเลย”
หลินเยว่พยักหน้ารับ เขาย่อมรู้ดีว่า “คนที่้าโดยเฉพาะ”หมายความว่าอะไร ยกตัวอย่างเช่นพวก “ชนเครื่องเคลือบหลอกไถ่เงินคนอื่น”หรือพวกที่้าความหรูหรามีระดับแต่ไม่ยินดีที่จะจ่ายแพงๆ เพื่อซื้อของแท้นั่นเอง
“ไปกันเถอะ ตรงนั้นมันไม่เหมาะกับพวกเรา”
จางฮุยิพาหลินเยว่เดินไปยังเส้นทางหนึ่ง พวกเขาต้องเลี้ยวอยู่หลายครั้งแต่เพียงไม่นานก็เดินมาถึงถนนที่ดูทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัดเส้นหนึ่งเมื่อเห็นห้องเก่าๆ ที่ตั้งอยู่สองข้างทางหากเป็คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อยากมาที่นี่อย่างแน่นอนแต่ทว่าที่นี่กลับเป็แหล่งศูนย์รวมของเครื่องเคลือบวัตถุโบราณอย่างแท้จริง
ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของหลินเยว่ก็คือบนสองฝั่งถนนจะมีการตั้งแผงเรียงกันอยู่บนพื้นหรือไม่ก็เป็การตั้งแผงโดยใช้โต๊ะมาเรียงต่อกันตามใจเ้าของแผงบนท้องถนนมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา บ้างก็หยุดอยู่ บ้างก็เดินอยู่ บ้างก็ยืนอยู่ บ้างก็นั่งยองๆอยู่ แต่ทว่าจุดที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือสายตาของทุกคนต่างมองไปยังเครื่องเคลือบที่ตั้งเรียงอยู่ตามแผงต่างๆ
แผงที่ตั้งขายอยู่บนถนนวัตถุโบราณจิ่งเต๋อเจิ้นส่วนใหญ่จะขายเครื่องเคลือบ
นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็ถนนวัตถุโบราณอย่างแท้จริง
หลินเยว่รำพึงอยู่ในใจ เพราะเขารู้สึกไม่คุ้นเคยกับการซื้อของในร้านขายวัตถุโบราณจริงๆเพราะมันดูเป็ทางการจนเกินไปสถานที่แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับการเก็บตกและการฝึกสำรวจแผง มีผู้คนหลากหลาย มีสินค้าหลากชนิดคนที่มีสายตาเฉียบคมย่อมมีโอกาสมองเห็นของแท้อยู่
ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้อาจจะดูทรุดโทรมไปบ้างแต่ทว่ากลับให้ความรู้ว่าที่นี่ได้ผ่านอะไรมามากมาย ดูมีความเป็ประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น
“หากเป็คนทั่วๆ ไปก็จะหาที่นี่ไม่เจอนอกจากจะต้องมีกลยุทธ์พิเศษ เราจะเดินด้วยกันหรือว่าแยกกันเดิน?”
หลินเยว่มองออกว่าจางฮุยิอยากจะเดินกับเขามาก หลินเยว่จึงเกิดความลังเลอยู่ชั่วครู่แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธออกมา “แยกกันเดินดีกว่า จะได้ไม่ต้องเกิดเื่ผิดใจกัน”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน”
สีหน้าแสดงความผิดหวังของจางฮุยิปรากฏขึ้นชั่วครู่แล้วก็จางหายไปทันทีเขาเข้าใจในสิ่งที่หลินเยว่กังวล หากพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน และเกิดถูกใจเครื่องเคลือบชิ้นเดียวกันในเวลาเดียวกันพวกเขาก็อาจจะต้องเล่นบทบาทแย่งชิงกันก็ได้ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้ผิดใจกันได้ง่าย แต่หากไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ละคนก็ใช้ความสามารถของตนเอง ดูว่าใครจะมือไวหรือมีสายตาเฉียบคมมากกว่ากัน
“เอาแบบนี้ดีไหมล่ะ พวกเรามาเจอกันที่นี่ตอน 11.30น. แล้วดูว่าใครทำผลงานได้ดีกว่า”
หลินเยว่เสนอวิธีการที่พบกันครึ่งทางเพราะการกระทำแบบนี้สามารถทำให้ความผิดหวังของจางฮุยิหมดไปก็ได้
และเป็ไปตามคาด เมื่อจางฮุยิได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเขาก็เป็ประกายขึ้นมาทันที เขาจึงพูดขึ้น “ดีแต่ละคนก็ใช้ความสามารถของตนเองแบบนี้ผมก็จะได้เห็นว่าลูกศิษย์คนเก่งของท่านเฮ่อมีศักยภาพขนาดไหน”
“ฮ่าๆในขณะเดียวกันผมก็จะได้เห็นถึงความเก่งกาจของศิษย์พี่เหมือนกัน”
พวกเขาทั้งสองคนต่างแสดงออกถึงความมั่นใจในตนเองพวกเขาสบตาส่งยิ้มให้กัน แล้วจึงเดินแยกไปกันคนละทาง
อันที่จริงที่หลินเยว่เสนอให้เดินแยกกันเพราะเขายังคำนึงถึงอีกหนึ่งเื่เพราะการที่เขาออกมาในครั้งนี้ เขา้าทดสอบว่าพลังพิเศษตาทิพย์ของเขาจะสามารถใช้ความหนืดของหินพอร์ซเลนในการพิสูจน์ว่าเครื่องเคลือบชิ้นนั้นเป็ของแท้หรือของปลอมได้หรือไม่หากมีคนคอยอยู่ข้างๆ เขา อีกทั้งคนคนนั้นยังรู้สึกสนใจในตัวเขาเป็อย่างมากเขาจึงคิดว่ามันคงไม่สะดวกอย่างแน่นอน
เพราะเขา้าทดสอบว่าพลังพิเศษสามารถใช้ได้จริงหรือไม่นั้นเขาจึงไม่ต้องสนใจว่าเครื่องเคลือบนั้นเป็ของแท้หรือของปลอมเขาจึงเดินไปยังหน้าแผงที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ที่อยู่ในที่ลับตาแผงหนึ่งแล้วหยิบเครื่องเคลือบขนาดใหญ่ขึ้นมาหนึ่งชิ้น
มันคือแจกันเคลือบชิ้นหนึ่งคอแจกันค่อนข้างกว้างและยาว ส่วนก้นแจกันค่อนข้างเล็ก มีความคล้ายกับแจกันในปัจจุบันแต่ทว่าไม่ได้ดูสวยเหมือนกับแจกันในสมัยนี้
เมื่อจับขึ้นมาอยู่ในมือและเห็นสีเคลือบของแจกันเคลือบใบนี้แล้วหลินเยว่จึงอดไม่ได้ที่จะเกร็งไปทั้งร่าง
เครื่องเคลือบเตาเผาหลงเฉวียนในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้!!!
ถึงแม้ว่าเตาเผาหลงเฉวียนจะเทียบกับ“ห้าสุดยอดเตาเผาที่มีชื่อเสียง” ของจีนไม่ได้ แต่ทว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตมาจากเตาเผานี้กลับได้รับความนิยมจากเหล่านักสะสมมาโดยตลอดราคาของมันมีแต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่นิดเดียวอีกทั้งเครื่องเคลือบแต่ละชิ้นก็มีราคาหลายล้านขึ้นไป ถึงแม้จะเป็งานประมูลงานใหญ่ก็ยากที่จะได้เจอเครื่องเคลือบจากเตาเผาหลงเฉวียนในสมัยซ่งใต้
เครื่องเคลือบจากเตาเผาหลงเฉวียนในสมัยซ่งใต้ที่มีชื่อเสียงที่สุดมีอยู่2 ชนิด คือ เครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยกับเครื่องเคลือบสีเขียวอ่อน
และแจกันเคลือบเบื้องหน้าของเขานี้ดูเหมือนว่าจะเป็สีเขียวบ๊วย
แต่แล้ว... หลินเยว่จึงรีบควบคุมสติของตนเองอย่างรวดเร็วทำไมเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยชิ้นหนึ่งถึงไม่ถูกคนอื่นพบไปก่อน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่คือเมืองแห่งเครื่องเคลือบที่มีเซียนเครื่องเคลือบเต็มไปหมด
หรือว่ามันจะมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่?
และเวลานี้เองที่หลินเยว่สังเกตเห็นถึงสายตาของเ้าของแผงซึ่งเป็สายตาของเถ้าแก่ที่จ้องจะเอาแต่ผลประโยชน์อย่างแท้จริง สายตาของเขาสะท้อนถึงความละโมบออกมาราวกับว่าเขา้าให้หลินเยว่ซื้อเครื่องเคลือบชิ้นนี้
ผิดปกติ!
มันอาจจะเป็ของปลอม!
แต่ทว่า หลินเยว่จึงเกิดความข้องใจขึ้นมาทันทีไม่ว่าจะดูตรงไหนมันก็เหมือนเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยจริงๆแล้วจะเป็ของปลอมได้อย่างไร?
และนี่ก็เป็เพียงการสันนิษฐานอย่างคร่าวๆ ของเขาเพราะหากคิดจะตัดสินว่าเป็ของแท้หรือของปลอม เขาจำเป็ต้องสำรวจให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ณ เวลานี้หลินเยว่ได้ลืมไปหมดแล้วว่าวัตถุประสงค์ที่เขามาในวันนี้คืออะไรเขาได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการเก็บตกหาของแท้ เขาจึงเริ่มสังเกตจากรูปทรงภายนอกของแจกันเคลือบใบนี้ส่วนโค้งของแจกันดูทื่อและแข็งกระด้าง จึงทำให้คนที่มองรู้สึกว่ามันขาดเสน่ห์บางอย่างส่วนโค้งตรงคอแจกันที่ไล่ลงมาด้านล่างก็ดูแข็งกระด้างมากส่วนก้นของแจกันดูเรียบสม่ำเสมอมากจนเกินไป ทำให้ภาพรวมของแจกันดูไม่สมดุลลักษณะรูปทรงและขนาดของมันก็ไม่ได้มาตรฐานไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนกับของเลียนแบบที่ผลิตขึ้นมาในภายหลัง
แต่ทว่าเมื่อดูสีเคลือบแล้วกลับทำให้หลินเยว่เกิดความข้องใจยิ่งกว่าเดิม
สำหรับเครื่องเคลือบเลียนแบบสีเขียวบ๊วยแล้วโดยปกติสีเคลือบจะไม่ใช้สารเคมี แต่จะใช้เป็สูตรดั้งเดิมโดยใช้ขี้เถ้าที่ได้มาจากพืชใส่ลงไปในดินขาวถึงแม้ว่าสีเคลือบจะมีความเหมือนเป็อย่างมาก แต่ทว่ากลับขาดความหนาทึบจากภายในทำให้แสงสะท้อนบนผิวไม่สม่ำเสมอ
นี่คือสิ่งที่ท่านเฮ่อฉางเหอบอกกับหลินเยว่และข้อมูลที่หลินเยว่ค้นหาก็บอกเช่นนี้เหมือนกันแต่ทว่าแจกันเคลือบที่อยู่เบื้องหน้าของเขาใบนี้กลับให้ความรู้สึกว่ามีความหนาทึบอีกทั้งไม่มีแสงบนผิว สีเคลือบมีความโปร่งใสสีของมันราวกับสีของบ๊วยเขียวยามหลังฝนตก ทำให้คนรู้สึกชื่นชอบ เมื่อประกอบกับสีขาวของตัวเครื่องเคลือบภายในจึงทำให้คนคิดถึงเนื้อบ๊วยเขียว และทำให้คนที่มองเกิดความรู้สึกอยากจะกัดชิมสักคำ
รูปทรงเครื่องเคลือบแย่มาก แต่สีเคลือบกลับดีงามในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็น่าจะเป็การผลิตขึ้นเพื่อเน้นสีเคลือบเป็หลักเพราะคงไม่มีใครเข้าใจความคิดของคนในสมัยก่อน หรือบางทีเครื่องเคลือบชิ้นนี้อาจจะเป็การผลิตขึ้นมาโดยไม่ได้ใส่ใจมากนักก็ได้
จากสถานการณ์ในตอนนี้เครื่องเคลือบชิ้นนี้มีความเป็ไปได้ที่จะเป็ของแท้ประมาณ 60%
การพิสูจน์เครื่องเคลือบจากเตาเผาหลงเฉวียนยังสามารถใช้วิธีการอื่นๆอีก นั่นก็คือ การสังเกตลวดลาย และการสังเกตวิธีการวางรองเครื่องเคลือบในการเผา
เนื่องจากแจกันเคลือบใบนี้ไม่มีลวดลายหลินเยว่จึงต้องพิสูจน์โดยการสังเกตวิธีการวางรองเครื่องเคลือบในการเผาแทน
เทคนิคการวางรองเครื่องเคลือบในการเผาของเตาเผาหลงเฉวียนใน่การพัฒนาแต่ละยุคล้วนมีความแตกต่างกันอุปกรณ์ที่ใช้รองเผาสามารถสรุปออกมาได้เป็สองแบบคือแผ่นรองวงแหวนกับแผ่นรองทรงขนมเปี๊ยะแต่ยุคสมัยที่แตกต่างกันก็จะวางตำแหน่งแผ่นรองไม่เหมือนกัน จึงทำให้เห็นร่องรอยจากการเผาที่ปรากฏตรงก้นเครื่องเคลือบได้แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเตาเผาหลงเฉวียนในสมัยซ่งใต้ที่มีการผลิต “ก้นเหล็ก” หรือ “ก้นปรอท”ที่มักจะไม่เป็ไปตามมาตรฐานอยู่เสมอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้