เมิ่งซวี่ซวีถูกเมิ่งอู่จ้องมองจนใจเต้นรัวก่อนโกรธจัด แต่ก่อนนางไม่เคยเกรงกลัวเมิ่งอู่ มีแต่หาเื่กลั่นแกล้งเมิ่งอู่ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล้ารังแกตน!
เมิ่งซวี่ซวีเอ่ยเสียงแหลม “เ้ามันสำส่อน ไม่ยึดมั่นในจรรยาสตรี ยังมีหน้ามาถามผู้อื่นว่าแล้วอย่างไรอีกหรือ? อย่าคิดนะว่าพวกเราไม่รู้ว่าเงินที่เ้าใช้ซื้อของและสร้างเรือนมาจากการที่เ้าเอาเรือนร่างเข้าแลกยามเข้าเมืองใช่หรือไม่?” นางคุ้นเคยกับนิสัยของนางเหอกับนางเย่ที่ปากร้าย ไม่เคยพูดถึงคุณธรรม “เมิ่งอู่ ร่างกายเ้าขายได้ราคาเท่าไร? เป็ไปได้หรือไม่ว่าถูกบุรุษลากไปย่ำยีแล้วกระมัง!”
เมิ่งอู่หัวเราะเบาๆ อย่างดูถูก เมิ่งซวี่ซวีบริภาษอย่างโมโห “นางรองเท้าขาดรุ่งริ่ง [1] ดอกไม้เหลืองเน่า [2] ยังกล้าหัวเราะอีกหรือ?!”
เมิ่งอู่สะบัดน้ำออกจากมืออย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วยันหัวเข่าลุกขึ้นยืน ก่อนหันมองเมิ่งซวี่ซวีพลางกล่าว “แล้วเกี่ยวอันใดกับเ้าเล่า?”
เมิ่งซวี่ซวีตอบ “เ้าทำเื่น่าละอายเช่นนี้ ยังไม่ยินยอมให้ผู้อื่นพูดถึงอีกหรือ!”
เมิ่งอู่เลิกคิ้วแล้วกล่าว “เ้าพูดสิ พูดตามใจชอบเลย เช่นนั้นข้าก็พูดได้หรือไม่ว่าเ้าเคยขโมยเงินของครอบครัวท่านลุงหลิว ไข่จากไก่ของท่านป้าจาง ทั้งยังแอบส่งสายตาให้หนุ่มน้อยสกุลซ่ง?”
ใบหน้าของเมิ่งซวี่ซวีพลันเปลี่ยนเป็แดง “เ้า… เ้าพูดจาเหลวไหล!”
เมิ่งอู่ยิ้มกล่าว “เหตุไฉนเล่า? เ้าทำเื่น่าละอายเยี่ยงนี้ ยังไม่ยินยอมให้ผู้อื่นพูดถึงอีกหรือ? วันนั้นริมทุ่ง คิดว่าไม่มีผู้ใดเห็นว่าเ้าแอบจูบกับคนอื่น เหตุใดหนุ่มน้อยสกุลซ่งถึงไม่มาสู่ขอเ้าเล่า?”
พลันนั้นสายตาของผู้คนรอบข้างต่างเพ่งพิศเมิ่งซวี่ซวี เมิ่งซวี่ซวีทนสายตาของผู้อื่นไม่ได้ จึงกระโจนเข้าหาเมิ่งอู่ด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมิ่งอู่หลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว เมิ่งซวี่ซวีกรีดร้องเสียงหลงขณะพลัดตกแม่น้ำไปพร้อมกับอ่าง ก่อนดิ้นรนอยู่ในน้ำอย่างทุลักทุเล
เมิ่งอู่ไม่แม้แต่จะชายตาแลนางสักผาดหนึ่ง กวาดสายตามองเด็กสาวในหมู่บ้านที่อยู่ตรงนั้นก่อนยิ้มกล่าว “แต่ก่อนหวังสี่ซุ่นเคยขวางทางและลวนลามพวกเ้าบางคน ้าให้ข้าเอ่ยนามออกมาหรือไม่?”
ไม่ว่าจริงหรือเท็จก็ไม่มีผู้ใดอยากถูกขานนาม ดังนั้นเด็กสาวที่เพิ่งมามุงดูเพื่อความสนุกสนานและฟังเื่ซุบซิบนินทาต่างพากันอุ้มอ่างของตนเอง แล้วแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งซวี่ซวียังคงดิ้นรนพยายามปีนขึ้นฝั่ง แต่เมื่อนางเงยหน้ามองอย่างตื่นตระหนก กลับพบว่าไม่มีใครอยู่รอบข้าง เหลือเพียงเมิ่งอู่ที่ยืนอยู่ริมฝั่งมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าน้ำในแม่น้ำช่างเย็นะเืเหลือประมาณ ตัวนางเย็นเฉียบหนาวเสียดกระดูก
แม่น้ำสายนี้ไม่ลึกแต่ก็ไม่ตื้น หากพลัดตกน้ำย่อมมีโอกาสจมน้ำตายโดยไม่ทันระวัง
เมิ่งซวี่ซวีที่ตัวสั่นเทาและลอยอยู่ห่างจากเมิ่งอู่ประมาณหนึ่งถึงสองจั้ง พยายามปีนขึ้นฝั่งสุดชีวิต แต่ยังไม่ทันรอให้นางขึ้นจากน้ำ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ารอบข้างมืดลง นางเงยหน้าก็เห็นเมิ่งอู่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
พริบตาต่อมาเมิ่งอู่ก็นั่งยอง สีหน้าเรียบเฉยมาก ขณะใช้มือข้างหนึ่งกดศีรษะของนางให้จมลงไปในน้ำ
น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยว มีฟองอากาศผุดขึ้นมาใต้น้ำ แสงตะวันที่สาดส่องเหนือผิวน้ำยังคงทอประกายระยิบระยับ
สายลมพัดผ่านทุ่งนา พืชผลโอนเอนไปมา
ภาพทั้งหมดเป็ชนบทที่เงียบสงบ
เมิ่งอู่หรี่ตา ั์ตาของนางเ็า มองเบื้องหน้าไกลๆ ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น แต่มือของนางมีเรี่ยวแรงมหาศาล ต่อให้เมิ่งซวี่ซวีพยายามดิ้นรนสุดกำลัง ก็มิอาจสลัดหลุดขึ้นเหนือน้ำได้
เมิ่งอู่คลี่ยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก “ใช่ๆ ไม่ๆ ถูกๆ ผิดๆ ไม่ใช่แค่ใช้ปากที่พูดตัดสิน นั่นเพราะปากไม่ใช่ไม้เรียว เวลาพูดจาดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นจึงไม่เจ็บไม่คัน ไม่ต้องรับผิดชอบ ยังสนุกมากอยู่หรือไม่? เช่นนั้นเ้าเลือกเหยื่อผิดคนแล้ว”
บังเอิญมีชาวบ้านจูงวัวเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เมื่อเห็นเมิ่งอู่จึงทักทาย “เมิ่งอู่ ซักผ้าอยู่หรือ?”
เมิ่งอู่เหลียวกลับไปมอง แย้มยิ้มอย่างเมฆบางลมเบา ตอบว่า “เ้าค่ะ ท่านลุงหลิวทำงานเสร็จแล้วจะกลับเรือนหรือเ้าคะ?”
ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่า ในแม่น้ำมีคนกำลังพยายามดิ้นรนจนค่อยๆ หมดแรง แต่กลับร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้
เมิ่งซวี่ซวีไม่เคยคาดคิดว่า ความตายจะอยู่ใกล้นางแค่เอื้อม ความหวาดกลัวและสิ้นหวังนั้นมาพร้อมกับน้ำที่ไหลทะลักเข้าตา หู จมูก ปากของนาง ราวกับจะเติมเต็มร่างกายของนาง ร่างกายนางจมดิ่งลึกลงๆ และค่อยๆ ควบคุมตนเองไม่ได้
กระทั่งนางเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย เมิ่งอู่จึงดึงเมิ่งซวี่ซวีขึ้นมาจากน้ำอย่างง่ายดายสบายๆ ไม่ต่างอันใดกับการหิ้วไก่ตกน้ำแกง แล้วโยนนางไปบนโขดหินริมตลิ่งส่งๆ
วงหน้าของเมิ่งซวี่ซวีซีดแล้วซีดอีก แสงแดดเจิดจ้าทำให้นางลืมตาไม่ขึ้น ในปากเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อได้รับอากาศบริสุทธิ์ นางจึงไออย่างรุนแรง ทำให้มีน้ำไหลออกมาจากมุมปากไม่หยุด
เมิ่งอู่นั่งยองข้างกายนาง เพราะย้อนแสงจึงทำให้เห็นเงาหน้าของเมิ่งอู่ตื้นลึกมืดครึ้มอึมครึมแตกต่างกัน แต่สายตาคู่ที่จ้องมองเมิ่งซวี่ซวีทำให้นางตัวสั่นเทา
เมิ่งซวี่ซวีไม่เคยรู้สึกสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้มาก่อน นางตัวสั่นสะท้านพลางขยับถอยหลัง แม้แต่ร้องไห้ยังไม่กล้าร้องเสียงดังเกินไป
เมิ่งอู่บีบแก้มของอีกฝ่ายแล้วกล่าวเสียงแ่เบา “ข้าไม่รังเกียจที่จะเตือนความจำเ้าทุกครั้ง หากคิดว่าชีวิตยืนยาวเกินไปก็มาได้เลย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรข้าจะไม่รู้หนักเบา ทำให้เ้าไม่มีโอกาสครั้งต่อไปอีก”
กล่าวอย่างนั้นแล้ว เมิ่งอู่ก็ปล่อยมือจากนาง เมิ่งซวี่ซวีรีบร้อนลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งหนีไปด้วยความครั่นคร้าม เมิ่งอู่มองตามแผ่นหลังของคนที่วิ่งโซซัดโซเซนั้น ก่อนหันกลับมาซักผ้าที่เหลือที่ยังซักไม่เสร็จต่อคล้ายไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ตกเย็นในหมู่บ้านมีเสียงกรีดร้องทำลายความเงียบสงบ
เมิ่งซวี่ซวีวิ่งกลับเรือนพร้อมร่างกายที่เปียกโชกไปทั้งตัว แล้วโผเข้าหาอ้อมแขนของนางเย่ นางเย่ยังไม่ทันดุด่าว่าไฉนตัวนางถึงเปียกปอน เมิ่งซวี่ซวีก็ร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังด้วยความหวาดผวา ช่างน่าอนาถและน่าสังเวช
เมิ่งอู่ซักผ้าเสร็จก็กลับเรือน เพิ่งตากเสื้อผ้าบนราวไม้ไผ่ในลานเรือน ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาถึง
ผู้ที่นำหน้าคือเมิ่งต้ากับภรรยา ส่วนชาวบ้านที่มาด้วยส่วนใหญ่มาชมความสนุกสนาน
แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ได้รับเชิญเช่นกัน
เมื่อเมิ่งต้ากับภรรยาเห็นเมิ่งอู่ก็บันดาลโทสะจนหน้าบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว
นางเย่ชี้นิ้วใส่เมิ่งอู่พลางกล่าวอย่างเคียดแค้น “นางตัวร้ายนี่แหละที่ผลักซวี่ซวีของบ้านข้าตกน้ำ ยังกดหัวนางไว้ในน้ำ หมายจะให้นางจมน้ำตาย! ยามนี้ซวี่ซวียังนอนซมอยู่บนเตียง ขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยตัดสินด้วยเ้าค่ะ!”
คราวนี้มีคนมากกว่าครั้งก่อน นางเย่ถึงกับลากหัวหน้าหมู่บ้านมาด้วย ไม่ใช่เื่ที่แก้ไขได้โดยง่ายแล้ว
เมื่อนางเซี่ยได้ยินดังนั้นก็โมโห ตวาดว่า “เ้าพูดจาไร้สาระ อาอู่ของข้าประพฤติตัวเหมาะสมมาโดยตลอด จะไปฆ่าเมิ่งซวี่ซวีได้อย่างไร!”
นางเย่มองนางเซี่ยพลางยิ้มเย็น “เ้าเลี้ยงลูกแบบใดคงยังไม่รู้ตัวกระมัง!”
เมิ่งอู่ดึงนางเซี่ยไปด้านหลัง ก่อนได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “เมิ่งอู่ ยามนี้มีคนกล่าวหาเ้าว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่น เื่นี้เป็ความจริงหรือไม่?”
เมิ่งอู่เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนย้อนถาม “ขอถามท่านหัวหน้าหมู่บ้านว่ามีหลักฐานอันใดบ้างเ้าคะ?”
นางเย่เอ่ย “หลักฐานก็คือซวี่ซวีที่วิ่งกลับเรือนเนื้อตัวเปียกปอน นางเป็คนเล่าเองกับปาก!”
เมิ่งอู่ยิ้มกล่าว “อ้อ นางทำให้ตนเองเปียกปอน พอกลับเรือนไปก็บอกว่าข้าจะฆ่านาง ท่านหัวหน้าหมู่บ้านกับชาวบ้านทุกคนก็เชื่อหรือ? เช่นนั้นวันพรุ่งข้าจะทำให้ตนเองเปียกปอน แล้วบอกว่านางคิดร้ายข้า ทุกคนก็จะให้ความเป็ธรรมกับข้าเช่นกันหรือ?”
“เ้า!” นางเย่ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “เ้าทำเื่เลวร้าย คาดไม่ถึงว่ายังจะเถียงข้างๆ คูๆ อีก!”
เมิ่งอู่ปัดคิ้วเบาๆ “มีผู้ใดเห็นบ้าง?”
……….
[1] หมายถึง ผู้หญิงที่ชอบมั่วผู้ชาย
[2] หมายถึง ชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่มีเพศสัมพันธ์จนโทรม