Chapter eighteen: Simon’s here
หลังจากผ่านเหตุการณ์ชวนให้ว้าวุ่นใจในตอนเช้าไป โอเมก้าตัวขาวที่กินยาระงับอาการฮีทเข้าไปก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ฤทธิ์ของยาเม็ดสีเข้มทำร่างกายเล็กสะท้านอย่างหนัก เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าสวยเมื่อความร้อนในร่างกายเอาแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้จะยังไม่ถึง่ฮีทก็เถอะแต่พอเริ่มควบคุมฟีโรโมนที่คละคลุ้งออกไปแบบห้ามตัวเองไม่ได้ เขาก็ต้องกินยาระงับอาการเข้าไปอยู่ดี และทุกครั้งที่ต้องกินมันก็ช่างทรมานร่างกายเขาเหลือเกิน นึกแล้วก็ได้แต่คิดน้อยใจกับการที่ตัวเองต้องเกิดมาเป็เพศรองอย่างโอเมก้า หากเขาเป็อัลฟ่า ป่านนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งทรมานทุกเดือนแบบนี้หรอก
พวกอัลฟ่าสบายจะตายไป
ไม่เห็นต้องทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองสักอย่าง
คนตัวเล็กขดตัวซุกเข้าหาผ้าห่มหนานุ่มเพราะลมเย็นจากหน้าต่างพัดผ่านเข้ามากระทบกับผิว ไม่รู้ว่าเป็เวลากี่ชั่วโมงแล้วที่เขาเอาแต่นอนนิ่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่างแบบนี้ สีของใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนและอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็คงร่วงโรยกันหมดตามฤดูกาลทำแพทริเซียใจหวิวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เวลาและฤดูกาลผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว
เร็วพอ ๆ กับความรู้สึกไม่คุ้นเคยที่กำลังก่อตัวขึ้น
แพทริเซียสะบัดใบหน้าหวานไล่ความคิดฟุ้งซ่านน้อย ๆ ก่อนจะดึงผ้านวมนุ่มนิ่มขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเองไว้ เพียงแค่ได้นึกถึงเหตุการณ์หน้าห้องนอนก่อนหน้านี้ก็ทำหัวใจเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อ ๆ ความรู้สึกที่ได้อยู่กับไซม่อนมันช่างแตกต่างจากการที่เขาเคยได้เข้าใกล้อัลฟ่าคนอื่นมาทั้งชีวิต ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาไม่คุ้นชินมันมักจะวนกลับเข้ามากวนใจอยู่ตลอด ทั้งที่เขาเองก็พยายามเตือนและห้ามตัวเองแทบทุกครั้ง
ยังไงในฐานะคุณครูฝึกสอน
เขาก็ไม่สมควรจะมารู้สึกแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
ความคิดมากมายที่ไหลผ่านไปทำให้ลมหายใจของคนที่กำลังนอนขลุกอยู่บนเตียงนิ่มเปลี่ยนจังหวะช้าลง เปลือกตาสีสวยหนักอึ้งและสุดท้ายก็ถูกปิดลงช้า ๆ โอเมก้าตัวขาวจมลงไปในห้วงนิทราอย่างอ่อนแรงเพราะฤทธิ์ยาอย่างไม่รู้สึกตัว
ความมืดมิดที่ถูกปกคลุมไปทั่วบริเวณทำคนที่กำลังเปลือยเท้าเปล่าไม่กล้าเดินไปทางไหน มือทั้งสองข้างของโอเมก้าตัวเล็กยื่นไปข้างหน้าปัดป่ายเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ทั้งที่เขาเองก็อยากจะลืมตาใจแทบขาดแต่ร่างกายกลับไม่เป็ดั่งใจเลยสักนิด สองเท้าเรียวก้าวเดินอย่างช้า ๆ กับพื้นััที่เขาไม่อาจมองเห็นได้ แต่ความชื้น ััจากหญ้า กลิ่นกุหลาบที่เป็เอกลักษณ์ก็ทำให้เขาพอจะเดาออกได้ว่าต้องเป็สวนดอกไม้ที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน
‘คุณมอร์แกน..’
เสียงเรียกที่ก้องอยู่ในหูทำให้แพทริเซียต้องหันหลังกลับไปตามเสียงทันที กลิ่นหอมฟุ้งของกุหลาบป่าลอยมาแตะที่ปลายจมูกจนเขารู้สึกได้ และเสียงเรียกของผู้หญิงที่ติดแหบแบบนั้น ถึงเขาจะไม่ได้คุ้นเคยหรือได้ยินเสียงแบบนี้จากใครมาก่อน แต่แพทเองก็เชื่อว่าต้องเป็เสียงของผู้หญิงที่ใส่เดรสยาวสีขาวอย่างแน่นอน
เพราะเขารู้ดีว่านี่มันคือความฝัน
ความฝันที่เขาเองก็ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง
‘คุณ คุณครับ’
‘คุณมอร์แกน’
‘คุณอยู่ตรงไหนเหรอครับ?’
ฝ่ามือเล็กที่พยายามปัดป่ายไปรอบตัวแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า ถึงแม้เขาจะเดินตามเสียงที่ได้ยินไปแต่เขาก็ยังไม่พบอะไรสักอย่างอยู่ดี แต่แล้วจู่ ๆ ััเย็นเฉียบที่หลังมือก็ทำให้โอเมก้าตัวขาวขนลุกซู่ไปทั้งตัว ััที่เขาไม่อาจมองเห็นได้แต่กลับไม่ได้ทำให้เขาชะงักหรือใจนชักมือหนีแต่อย่างใด แพทริเซียทำเพียงแค่ยืนนิ่งค้างไว้อยู่อย่างนั้นจนเ้าของเสียงปริศนาเอ่ยขึ้นมา
‘ตามมาสิ’
แพทไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาต้องเดินไปทางไหนแต่สองขาเรียวกลับก้าวไปอย่างอัตโนมัติทันที เสียงลำธารที่ดังแว่วอยู่ข้างหู กลิ่นของดอกไม้ที่โชยมาทำแพทนึกย้อนไปถึงเื่ราวความฝันก่อนหน้าและมันก็ทำให้เขาจินตนาการภาพทุกอย่างออกชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกความฝันล้วนมีความเกี่ยวข้องหรือเื่ที่ทำให้เก็บมาฝัน แพทริเซียคิดอย่างนั้นมาเสมอจนกระทั่งเขาได้ฝันถึงเื่เดิม ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้ และในทุกครั้งเขาเองก็มักจะรู้ตัวว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ภาพความจริง เพราะอย่างนั้นแพทเลยไม่เคยกลัวที่จะต้องเดินตามหญิงแปลกหน้าผู้นั้นไป
แม้ในความเป็จริงแล้ว
มันจะน่ากลัวสำหรับเขามากก็เถอะ
เสียงฝีเท้าที่ย่ำก้าวซ้อนกันทำให้แพทรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนตรงหน้าได้ ความฝันครั้งก่อนที่เขาได้เห็นใบหน้าเพียงแค่เสี้ยวด้านข้างของอีกฝ่ายยิ่งทำให้แพทคิดหนักว่าเขาทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยนัก จมูกโด่งเป็สันพร้อมกับดวงตาพระจันทร์เสี้ยวแบบนี้ไม่ได้หาง่ายเลยสักนิด ขณะที่สองขาเรียวกำลังก้าวตามคนตรงหน้าไปอย่างไม่รู้จุดหมาย
แพทริเซียรู้เพียงแค่ว่า
เขาต้องตามกลิ่นหอมของกุหลาบป่านั้นไป
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในขณะที่สองขาเรียวทอดน่องไปตามทางเดิน แต่มันก็มีสัญชาตญาณบางอย่างที่ทำให้เขาเลือกที่จะเก็บไว้ในใจแทนที่จะถามออกไปแบบนั้น ในขณะที่แพทปล่อยให้ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว จู่ ๆ เขาก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่ามันจะถึงปลายทางที่เขาควรจะหยุดเดิน เสียงเหล็กที่กระทบกันจนเกิดเสียงดังตรงหน้าเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่แพทเดาว่าต้องเป็ประตูเหล็กสีดำที่เขาเคยฝันถึงอย่างแน่นอน
‘เข้ามาสิ’
หญิงปริศนาเอ่ยเสียงติดแหบขึ้นมาทำแพทริเซียเม้มปากแน่นด้วยความประหม่า ในความฝันครั้งก่อนเขาไม่ได้ตามหญิงสาวไปเพราะ้าจะช่วยเด็กที่ถูกลอยไปกับน้ำก่อน แต่ในครั้งนี้หากเขาจะเลือกก้าวเข้าไปหลังประตูรั้วก็คงเป็อีกทางเลือกหนึ่งของความฝัน
และเขาก็หวังไว้แค่ให้ทุกอย่างเป็เพียงความฝัน
ขอให้ไม่มีอะไรกระทบกับความเป็จริงด้วยเถอะ
และในขณะที่แพทริเซียกำลังค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยการจินตนาการถึงประตูรั้วเหล็กดัดที่เคยได้ฝันถึง จู่ ๆ เสียงเด็กร้องที่ดังก้องไปทั่วบริเวณก็ทำให้เขาชะงัก ภาพของเด็กทารกที่ถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ เด็กทารกที่ถูกลอยไปเหนือผิวน้ำแบบนั้น มันทำให้เขาก้าวขาแทบไม่ออก ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าเหตุการณ์ในตอนนี้เป็เพียงแค่ความฝันแต่ความสงสารมันก็แล่นเข้ามาเกาะกุมหัวใจของเขาเหลือเกิน
เสียงฝีเท้าที่ย่ำอยู่ตรงหน้ากำลังจะห่างออกไปช้า ๆ พร้อมกับเสียงเด็กร้องที่เบาลงราวกับว่าเ้าของเสียงถูกพัดพาออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
และในตอนนั้น ััที่แ่เบาที่เปลือกตาทั้งคู่ที่กำลังปิดสนิทอยู่ก็ลากผ่านไปช้า ๆ เหมือนกับมีคนกำลังดึงผ้าที่คาดดวงตาของเขาออก ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้มีผ้าปกปิดดวงตาของเขาอยู่ั้แ่แรก แต่เพราะััแ่เบานั้นจึงทำให้แพทริเซียได้ลืมตาขึ้นมาเห็นว่าตัวเองได้ยืนหยุดอยู่ที่ตรงรั้วเหล็กดัดสีดำขนาดใหญ่เข้าแล้ว
อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ก้าวเดียวที่เขาจะก้าวข้ามไปอีกฝั่ง
เสียงร้องของทารกยังคงดังก้องไปทั่วบริเวณแม่น้ำ แต่ในครั้งนี้ แพทริเซียกลับตัดใจไม่สนเสียงร้องนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกอย่างเป็เพียงแค่ความฝัน ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นมันก็ยังเป็เพียงแค่ความฝันอยู่ดี แพทก้าวเท้าช้า ๆ เพื่อก้าวข้ามไปยังอีกฝั่งของรั้วเหล็กดัด และเขาก็ได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วมีอะไรซ่อนอยู่
บ้านหินทรงโบสถ์หลังเล็กที่ถูกเถาวัลย์พันอยู่รอบตัวบ้านและรายล้อมเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงสด ทางเดินเข้าประตูบ้านทรงสูงถูกปูด้วยแผ่นหินสีเข้มและโรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างบรรจงจัดไว้ กลิ่นหอมของกุหลาบป่าที่เขาได้กลิ่นมาั้แ่ครั้งแรกยิ่งหอมชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาก้าวเข้าไปใกล้ตัวบ้าน
ดวงตากลมกวาดมองไปรอบ ๆ และพบว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนกลับถูกปล่อยรกร้างเข้าไปเต็มที ซึ่งต่างจากเหล่าดอกกุหลาบที่ดูเหมือนได้รับการดูแลอย่างดีมาโดยตลอด รั้วเหล็กดัดสีดำที่ล้อมตัวบ้านจนแทบมองไม่เห็นภายนอกทำให้แพทประหม่าเล็กน้อย
เหมือนกับว่า เขาจะหาทางหนีออกจากที่นี่ไม่ได้เลย
และแล้วเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นมาก็ทำให้แพทริเซียสะดุ้งสุดตัว เขาหันไปมองและพบว่าประตูทรงสูงนั้นถูกแง้มออกแล้ว โอเมก้าตัวขาวก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นผลักประตูออกอย่างแ่เบา นี่เป็ครั้งแรกที่แพทกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ถึงมันจะเป็เพียงแค่ความฝันแต่ความกลัวและเกรงใจมันก็ยังมีมากอยู่ดีนั่นแหละ
หัวใจดวงเล็กเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อประตูตรงหน้าถูกเปิดออกกว้างขึ้นตามแรงผลักของตัวเองและเขาก็พบว่าภายในบ้านนั้นไม่ได้ดูโทรมหรือรกร้างเหมือนข้างนอกเลยสักนิด กลิ่นหอมฟุ้งของกุหลาบป่าลอยมากระทบจมูกทันทีที่ประตูถูกเปิดออกจนสุด แสงเทียนตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้านทำให้แพทรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แพทกวาดสายตาไปรอบ ๆ และเขาก็พบว่าหญิงสาวในเดรสสีขาวกำลังจัดแจกันอยู่ที่มุมห้อง เสียงฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดีทำให้รอยยิ้มสวยของแพทปรากฏขึ้น ทั้งที่แพทไม่เคยแม้แต่จะรู้จักคนตรงหน้าด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกกลัวผู้หญิงตรงหน้าเลย ปลายนิ้วเรียวที่กำลังจัดแจงกุหลาบลงแจกันใบใหญ่ทำให้แพทยืนมองเธออยู่ชั่วครู่
แต่ในขณะที่ความรู้สึกสบายใจกำลังจะเข้ามาแทนที่ความกลัวที่ถูกสะสมมาั้แ่แรก ขาเรียวที่ตั้งใจจะก้าวเข้าไปหาหญิงสาวในชุดสีขาวก็ต้องชะงักเพราะแรงกระชากรุนแรงที่ไหล่ก็ทำิญญาของแพทแทบหลุดออกจากร่าง
แพทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเ้าของแรงกระชากนั้นคือใคร เขารู้เพียงแค่อีกฝ่ายใช้แรงทั้งหมดเพื่อกระชากเขาไม่ให้ก้าวเข้าไปใกล้หญิงปริศนา เสียงร้องห้ามของหญิงสาวดังขึ้นจากทางด้านหลังและมันก็ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ เปลือกตาสวยของแพทถูกปิดแน่นด้วยความกลัว เขาปล่อยให้ตัวเองถูกลากและกระชากพร้อมกับเสียงก่นด่าที่น่ากลัว
‘ช่วยด้วย ช่วยด้-’
‘อย่ามาแส่เื่ของคนอื่นอีกถ้าไม่อยากตาย!!’
‘ปล่อย ปล่อยเราเถอะ’
‘อย่ากลับมาที่นี่อีกมอร์แกน!!’
‘ช่วยด้วย’
สิ้นเสียงตะคอกที่น่ากลัว ร่างของแพทก็ถูกเหวี่ยงกระชากอย่างแรงและกระแทกลงไปกับพื้นผิวน้ำ เขาไร้ซึ่งแรงจะต่อต้านและปัดป่ายหาความช่วยเหลือ ทั้งสองแขนและขาของเขาหนักอึ้ง ในตอนนี้เขากำลังจมดิ่งลงไปใต้น้ำที่หนาวเหน็บ
มันเป็ความฝัน
แต่กลับเป็ความฝันที่หลุดพ้นไม่ได้
และในตอนนี้เขากำลังจะขาดอากาศหายใจจริง ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“เฮือก..” คนตัวเล็กผวาหลุดจากความฝันจนเด้งตัวขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว เสียงหอบหายใจหนักของแพทริเซียดังจนตัวเขาเองต้องเลื่อนมือขึ้นมาทาบทับหน้าอกตัวเองไว้
แพทริเซียเพิ่งเข้าใจประโยคที่บอกว่าหัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาก็ตอนนี้ หน้าอกบางภายใต้เสื้อยืดกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนัก อาการปวดหนึบที่น่องขาจากการเกร็งทำแพทขยับไปไหนไม่ได้ อาการชามือและเท้าก็เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันอีกด้วย โอเมก้าตัวขาวได้เพียงแค่นั่งหลับตาปี๋ทนกับความเ็ปที่แล่นเข้าทำร้ายขาเรียวทั้งสองข้าง แพทริเซียเลื่อนมือที่กำลังสั่นเทาไปบีบนวดเบา ๆ ตามน่องขาเรียวแต่มันก็ไม่มีแรงเลยสักนิด
ก๊อก ก๊อก..
เสียงพูดคุยเบา ๆ หน้าห้องที่เขาแทบไม่ได้ยินดังขึ้นพร้อมกับเสียงไขประตูเล็กน้อย จริง ๆ แล้วแพทไม่เคยชอบการที่ใครบุกเข้ามาในห้องแบบที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขาสักนิด แต่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็ใครที่พยายามไขประตูเข้ามาและไม่ว่าจะเหตุผลอะไร เขาเองคงอยากขอบคุณจากใจจริง ๆ เพราะถ้าไม่ได้เสียงเคาะประตู เขาคงจมอยู่กับความฝันหนักกว่านี้แน่ ๆ
เมื่อประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก เขาก็พบว่าเป็เบลล์ สาวใช้คนสนิทที่กำลังสอดส่องเข้ามามองเขาด้วยแววตาเป็ห่วงเป็ใย แพททริเซียที่กำลังจะเอ่ยทักด้วยความสนิทสนมก็ต้องชะงักเมื่อมีอีกคนเดินตามหลังเบลล์มาด้วย
ไซม่อน
มาได้ยังไงกัน?
แพทขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองไว้เพราะยังกังวลเกี่ยวกับกลิ่นฟีโรโมนอยู่ อัลฟ่าตัวโตหยุดมองแพทด้วยสายตาที่เขาเองก็คาดเดาไม่ได้ ไซม่อนไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่จ้องมองมานิ่ง ๆ เท่านั้น
“คุณควินท์เรลมีอะไรหรื-”
“คุณโอเคหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกังวล
“เรา.. เราโอเค”
“แต่คุณะโหาคนช่วย”
“เราฝัน”
ตาย
ตายแน่ ๆ
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะละเมอออกไปแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนอนละเมอเลยสักครั้งแต่พอละเมอก็ดันมาละเมอในบ้านคนอื่นซะได้ แล้วยิ่งคิดว่าเสียงละเมอมันดังจนทำให้คนข้างนอกได้ยิน ความรู้สึกผิดก็ทำให้หัวใจดวงน้อยหนักอึ้งนขึ้นมาทันที
แววตาที่แสดงออกถึงความเป็ห่วงของไซม่อนมันชัดซะจนแพทไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาอีกฝ่าย เขาไม่อยากจะนึกคำพูดที่อีกฝ่ายจะดุหรือว่าเลยสักนิด แต่ถ้าหากจะดุเพราะเขาละเมอจนทำให้เป็ห่วงแบบนั้น เขาก็คงต้องยอมรับความผิดอยู่ดี ถึงเขาจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะนะ
“ฝันร้ายเหรอ?”
“ครับ”
ไซม่อนพยักหน้ารับน้อย ๆ และไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากพยักพเยิดหน้าส่งสัญญาณให้เบลล์ที่ยืนเงียบั้แ่เข้ามาในห้องออกจากห้องไป สาวใช้คนสนิททำเพียงแค่กะพริบตาปริบ ๆ ส่งมาหาแพทจนแพทต้องพยักหน้าตอบรับเป็เชิงว่าตัวเขาไม่ได้เป็อะไรส่งไปให้ เบลล์จึงก้มหัวให้เขาทั้งคู่น้อย ๆ และยอมออกไปแต่โดยดี
อัลฟ่าหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหยุดยืนที่ข้างเตียงกว้าง ดวงตากลมของแพทหลุบมองต่ำทันทีที่ยังคงถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ ฝ่ามือเล็กค่อย ๆ บีบนวดตามน่องขาทั้งสองข้างพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความเ็ปอย่างเห็นได้ชัด
“เป็ตะคริวเหรอ?”
“ครับ”
“นวดแบบนั้นไม่หายหรอก ขออนุญาตนะ”
สิ้นประโยคที่ไซม่อนเอ่ยอย่างแ่เบา อีกฝ่ายก็ถือวิสาสะนั่งลงที่ปลายขอบเตียง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบเข้ากับดวงตากลมของโอเมก้าตัวขาวอย่างขออนุญาต และแพทริเซียก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ฝ่ามือใหญ่เปิดผ้านวมผืนใหญ่ออกเผยให้เห็นขาในกางเกงนอนตัวยาวของแพท เขาค่อย ๆ ช้อนขาเรียวข้างนึงขึ้นมาและใช้นิ้วโป้งกดคลึงเบา ๆ จนแพทต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น ความอุ่นร้อนของมือไซม่อนทำหัวใจดวงน้อยหวิวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาค่อย ๆ บีบนวดคลึงอย่างชำนาญไล่ลงไปถึงข้อเท้าขาวที่โผล่พ้นกางเกงตัวยาวออกมา
“คุณควินท์เรล ตรงนั้นไม่ต้-”
แพทริเซียพูดยังไม่ทันขาดคำ ฝ่ามือใหญ่ของอัลฟ่าตรงหน้าก็จับเข้าไปที่เท้าของเขาเข้าเต็ม ๆ ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นทันทีที่ได้รับััแบบนั้นจากไซม่อน และในตอนที่เขาจ้องมองใบหน้าของแพทค้างไว้ทั้งที่มืออุ่นนั้นยังคงบีบนวดคลึงไปทั่วเท้าของเขาอย่างไม่นึกรังเกียจก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำ
“แบบนี้ดีขึ้นไหม?”
“ด.. ดีครับ แต่มันสกปรก”
“มันก็แค่ส่วนหนึ่งในร่างกาย”
“แต่คณค- อ๊ะ!”
“เจ็บเหรอ? เราขอโทษ แต่มันต้องทำแบบนี้จริง ๆ”
แพทริเซียร้องเสียงหลงพร้อมกับหลับตาปี๋ทันทีที่ไซม่อนจับปลายเท้าของเขาดันขึ้นและพยายามยืดให้ทั้งขาเหยียดตรง โอเมก้าตัวขาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่ความเจ็บหนึบในน่องขานั้นหายไปแต่ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่ามันหายไปแล้ว และหายไปพร้อม ๆ กับสติของเขาเมื่อเห็นว่าขาของเขากำลังพาดอยู่กับบ่ากว้างของไซม่อนนั่นแหละ
ท่าทางล่อแหลมที่ถ้าคนข้างนอกมาเห็นคงจะต้องใกับภาพตรงหน้าในตอนนี้แน่ ๆ แต่ใบหน้าเรียบนิ่งของไซม่อนนั่นก็ทำให้แพทรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ได้คิดและมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน ดวงตากลมโตพยายามจ้องมองอัลฟ่าหนุ่มสลับกับขาตัวเองที่กำลังพาดอยู่เพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายได้รับรู้
จะให้พูดออกมาเลยมันก็รู้สึกเขินอายยังไงชอบกลละนะ
และก็ยังเป็โชคดีของเขาที่ไซม่อนรับรู้ได้ถึงสัญญาณนั้นโดยที่เขาไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติม อัลฟ่าหนุ่มค่อย ๆ ยกขาของเขาลงอย่างเบามือก่อนจะถอยลงไปยืนที่ข้างเตียงเหมือนเดิมอีกครั้ง เสียงกระแอมเบา ๆ แก้เขินดังขึ้นมาเมื่อไซม่อนเองก็เพิ่งรู้สึกตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“เอ่อ คุณควินท์เรล”
แพททริเซียเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงแ่เมื่อเห็นว่าเขากำลังเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ความเขินอายที่มีมาั้แ่เหตุการณ์่เช้าจนถึงตอนนี้ทำให้ทั้งคู่ยิ่งรู้สึกเหมือนกับจะมองหน้ากันไม่ติดยังไงอย่างนั้น แต่อย่างน้อยคนที่ควรจะเอ่ยขอบคุณทุกอย่างก่อนก็ควรจะเป็แพทริเซียจริง ๆ
ขอบคุณทั้งในเื่ที่เขาได้ยิน
และเื่ที่เขานวดให้แบบไม่รังเกียจสักนิด
“ว่าไงคุณมอร์แกน”
“ขอบคุณมากนะ”
“ขอบคุณอะไร?”
“ก็ที่นวดให้แล้วก็.. ที่อยากเข้ามาช่วยเรา” มือเล็กยกขึ้นมาถูกับปลายจมูกของตัวเองเบา ๆ ปกปิดอาการเขินอายที่ซ่อนไว้แทบไม่มิด ทั้งที่ในใจอยากจะขอบคุณให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่พอได้มองหน้าอีกฝ่ายก็ดันพูดไม่ออกซะอย่างนั้น
มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
“ก็คุณร้องซะเสียงดังเลย จะไม่เข้ามาช่วยก็คงใจร้ายไปหน่อย”
“มันดังไปถึงห้องคุณเลยเหรอ?”
“เปล่า เราเดินมาที่หน้าห้องคุณ”
“หน้าห้อง?”
“เราจะมาชวนคุณไปเดินเล่นด้วยกันแล้วก็ได้ยินเสียงพอดี”
รอยยิ้มสวยถูกเม้มไว้แน่นเพื่อเก็บซ่อนอาการดีใจที่มีขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดจบประโยค เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่ไซม่อนเป็ฝ่ายที่อยากชวนเขาไปทำกิจกรรมร่วมกันก่อน จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรนักแต่สำหรับแพทแล้ว การที่ไซม่อนมาชวนนั้นมันยิ่งตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ของเขาและไซม่อนนั้นดีมากขึ้นแล้วจริง ๆ
เราไม่ได้เป็คนแปลกหน้ากันอีกต่อไปแล้วสินะ
“เดินเล่นเหรอ?”
“วันนี้อากาศดีแล้ว.. แซมมี่ก็อยากเดินเล่นพอดี เราเลยมาชวนคุณไปอย่างนั้นแหละ”
“เหรอครับ” แพทอมยิ้มให้กับคำตอบของอีกฝ่าย
“ใช่ ทำไมล่ะ?”
“เปล่าครับ แล้วคุณควินท์เรลอยากไปเลยไหม?”
“ไว้ไปพรุ่งนี้ก็ได้”
“พรุ่งนี้เรามีสอนคุณควินท์เรล เราไม่มีเวลาไปหรอกครับ”
“ก็ออกไปสอนกันข้างนอกเหมือนตอนนั้น ได้ไหม?”
“แต่ว่-”
“นะ”
เพียงแค่คำพูดคำเดียวแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นก็ทำแพทริเซียเกือบจะใจอ่อนลงทันที แต่ถึงแม้เขาจะใจอ่อนยังไง สุดท้ายการสอนก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว คุณครูฝึกสอนจำเป็เบือนหน้าหนีทันทีที่ได้รับสายตาลูกหมาจากอีกฝ่าย หากเขามองอีกเพียงแค่ครู่เดียว เขาจะต้องยอมให้อีกฝ่ายเอาแต่เล่นสนุกโดยที่ไม่มีการห้ามแน่นอน
และถ้าหากเป็แบบนั้น
คนของบ้านควินท์เรลอาจจะคาดโทษเขาไว้ก็ได้
“ไม่ได้หรอกคุณควินท์เรล เราต้องเรียนนะ”
“ก็สอนข้างนอกเหมือนตอนนั้นไง เราทำได้นะ”
“แล้วทำไมเราไม่ไปเดินเล่นกันวันนี้เลยล่ะ?”
“ก็..”
“ก็?” แพทเอียงศีรษะถามอีกคนด้วยความสงสัย
“ก็วันนี้คุณมอร์แกนฝันร้าย”
“มันเื่แค่นี้เอง”
“แต่เสียงคุณดูกลัวมาก เราอยากให้คุณพักผ่อนก่อน”
เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ ขยับมานั่งยืนใกล้แพทริเซียมากขึ้น ฝ่ามือใหญ่ค้ำยันลงบนเตียงกว้างก่อนจะจ้องมองโอเมก้าตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเป็ห่วง
“ถ้ารู้สึกไม่ดีหรือไม่ปลอดภัย.. คุณต้องมีที่พึ่งนะรู้ไหม?”
“..”
“เวลาเราฝันร้ายหรือรู้สึกไม่ดี เราก็มีแซมมี่อยู่ข้าง ๆ ตลอด”
“แต่เรา..”
“เรารู้ว่าคุณคงโดดเดี่ยวมากที่ไม่มีใคร แล้วเราก็คงแบ่งแซมมี่ให้ไม่ได้”
“..”
“ถ้าเกิดวันไหนคุณรู้สึกไม่ปลอดภัยก็บอกเราได้นะ”
“คุณควินท์เรล”
“คุณไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแ่เบาก่อนจะส่งยิ้มมาให้
“ขอบคุณครับ”
“งั้นพักผ่อนเยอะ ๆ นะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
“ครับคุณควินท์เรล”
แพทริเซียตอบกลับประโยคแสนอบอุ่นจากอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเพ้อ ๆ หากในมีคนบอกว่าเป็เพียงแค่ความฝัน เขาเองก็คงเชื่อ ความรู้สึกที่เหมือนจะลอยได้แบบนี้มันเป็อะไรที่แพทไม่เคยได้รับมาก่อนเลยทั้งชีวิต แต่ครั้งนี้ อัลฟ่าที่กำลังจะเปิดประตูออกจากห้องนอนไปทำมันได้
“แพทริเซีย”
“ครับคุณควินท์เรล?”
“ไซม่อน”
“ครับ?”
“เรียกว่าไซม่อนสิ”
ยังไม่ทันที่โอเมก้าตัวขาวจะประมวลผลได้ รอยยิ้มและประโยคสุดท้ายที่อีกคนฝากทิ้งไว้ก็ทำให้คนบนเตียงนั่งนิ่งไปชั่วครู่นึง หูของแพทอื้ออึงไปทั้งสองข้างแต่กลับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นถี่รัวจนตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาและไซม่อนกันแน่?
- Simon’s theory -