"เชิญนั่งๆ วันนี้เป็งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเสี่ยวชี ดังนั้นพวกเ้าก็ทำตัวตามสบายเถอะ" หานเฉินต้งแย้มยิ้มเต็มใบหน้า ดูราวกับว่ากำลังอารมณ์ดีอยู่จริงๆ
ทุกคนไม่พูดอะไรมาก หลังจากเอ่ยขอบคุณหานเฉินต้งด้วยเสียงอันดังแล้วก็พากันนั่งลงประจำที่ของตน
การกลับมาตระกูลหานครั้งนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็คนที่หานโม่คุ้นเคย
หานโม่กวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นหานซิน หานเทียนและหานิเหล่าพี่น้องทั้งสามที่เคยเจอในงานประมูลเมื่อครั้งก่อน มีหญิงสาวสูงศักดิ์ผู้หนึ่งนั่งอยู่เื้ัพวกเขาทั้งสาม แม้ว่าหญิงผู้นั้นจะมีรูปโฉมที่นับได้ว่างดงาม แต่ความหงุดหงิดที่เผยออกมาจากภายในจิตใจ รวมทั้งกิริยาไม่สุภาพเรียบร้อยเช่นนั้นก็ทำให้ใบหน้าของนางสูญเสียความงามไปห้าถึงหกส่วน อีกทั้งยังดูร้ายกาจอย่างยิ่ง
หญิงผู้นี้คือมารดาผู้ให้กำเนิดหานซินและสามพี่น้อง นางคือนายหญิงตระกูลหาน อู๋ซื่อ
ได้ยินมาว่าอู๋ซื่อยังมีบุตรสาวอีกหนึ่งคนคือคุณหนูใหญ่หานเสวี่ยแห่งตระกูลหาน แต่นางร่ำเรียนหนังสืออยู่ที่สถานศึกษาจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านนัก
หานโม่มองไปรอบๆ ผู้ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารในเวลานี้ นางล้วนจดจำได้หมดแล้ว นางจำที่เสี่ยวเยว่พูดได้ว่ายังมีคุณชายอีกสองคนในตระกูลหาน แต่พวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวในวันนี้
หลังจากที่ทุกคนนั่งลง หานเฉินต้งที่เป็ผู้นำตระกูลก็เริ่มกล่าวเป็คนแรก "เสี่ยวชีออกไปลำบากอยู่ข้างนอกมาหลายเดือน มีาเ็หรือเหนื่อยยากบ้างหรือไม่? เ้าพอใจกับการอยู่ที่เรือนเหอเซียงหรือไม่? หากมีอะไรที่ไม่พอใจก็บอกกับท่านแม่ของเ้าได้ ข้าจะให้ท่านแม่ของเ้าจัดการซื้อหามาให้”
เมื่อเสียงของหานเฉินต้งเงียบลง หานโม่ยังไม่ทันได้ตอบสิ่งใดกลับไป อู๋ซื่อก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาอย่างเ็า ดวงตาคมกริบอย่างร้ายกาจของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของหานโม่อย่างหยาบคาย แววตาคู่นั้นแหลมคมประดุจใบมีด และน้ำเสียงก็เฉียบคมและร้ายกาจเป็พิเศษ "ใช่แล้วล่ะ หากคุณหนูเจ็ดมีสิ่งใดที่ไม่พอใจก็มาบอกข้าได้ แต่นอกจากผ้าไหมและผ้าแพรชั้นดีก่อนหน้านี้ เรือนพักอาศัยที่ดีที่สุดและอาหารชั้นเลิศแล้ว เ้ายังมีอะไรที่ไม่พอใจอีกหรือ?"
วันนี้ตอนหานโม่กลับมา นางก็เอาแต่ร้องขอจะเอาอันนี้จะเอาอันนั้นทันที ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลหานจนเหมือนกับสายลมพัดผ่านตั้งนานแล้ว พอได้ยินอู๋ซื่อพูดอะไรเช่นนี้อีกครั้ง คนอื่นๆ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก หานโม่ที่ถูกอู๋ซื่อจับจ้องด้วยสายตาอันคมกริบ พูดกลับด้วยน้ำเสียงเ็าไร้อารมณ์ "หากข้าไม่ส่งของคืนกลับไปให้ท่านในภายหลัง นั่นก็แสดงว่าข้าพอใจยิ่ง"
“เ้า!” อู๋ซื่อโกรธจัดจนอยากจะตบโต๊ะ แต่หานซินที่อยู่ข้างๆ กลับหยุดนางไว้ได้ทันท่วงที
แม้ว่าหานซินจะไม่ฉลาดมากนัก แต่นางมักจะเห็นมารดากับอนุอีกสองคนเล่นกลอุบายใส่กันบ่อยนัก นางรู้ว่าในตอนนี้มารดาไม่ควรเอ่ยสิ่งใดอีก ดังนั้นนางจึงเอ่ยต่อว่า "น้องเจ็ด เ้าช่างหยาบคายเสียจริง! ผู้ที่มาร่วมโต๊ะวันนี้ล้วนเป็ผู้าุโ พี่สาวและพี่ชายของเ้า ั้แ่แรกแล้วที่เ้าไม่ยอมคารวะท่านพ่อ มาครั้งนี้เ้ายังพูดจากับท่านแม่แบบนี้อีก"
ไม่มีประโยชน์ที่จะก่อความวุ่นวายใดๆ ในเวลานี้และสมองของหานซินก็มีความคิดว่องไว นางรู้วิธีใช้ความกตัญญูเพื่อมาข่มเหงผู้อื่นดี
หานโม่ชำเลืองมองหานซินช้าๆ และความเหยียดหยามดูถูกในสายตาก็ถูกส่งไปยังหานซินอย่างเปิดเผย
ทุกคนต่างนิ่งทำเพียงฟังนางพูดเงียบๆ "โอ้? ทั้งหมดนี้คือผู้าุโงั้นหรือ? ต้องขอโทษด้วย ก่อนหน้านี้ข้าคงอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กๆ นั้นนานเกินไป ในครอบครัวมีกี่คนก็ไม่เคยทราบ แถมยังไม่มีใครยอมพูดคุยกับข้าอีก ส่วนท่านแม่นั้น… ท่านแม่ของข้าได้ตายจากไปนานมากแล้ว”
“หานโม่ เ้า!” หานซินโกรธจัดจนพูดไม่ออก
นางไม่คิดว่าหานโม่ไม่เพียงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางลักษณะนิสัยเท่านั้น แต่ริมฝีปากเองก็ช่างร้ายกาจอะไรเช่นนี้!
หานโม่ชำเลืองมองหานซิน และราวกับว่าอยู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า "ในเมื่อพูดถึงเื่ผู้าุโแล้ว งั้นข้าเองก็อยากถามท่านเช่นกันว่า ในคราแรกนั้นพี่ห้าเป็ผู้จัดการงานแต่งงานให้ข้าหรือ?"
"เป็ข้าแล้วจะทำไมหรือ? ได้แต่งงานกับคุณชายสี่ตระกูลลู่นับว่าเป็เื่ที่ดีมากสำหรับคนไร้ค่าเช่นเ้า นี่ถือเป็การแต่งงานที่สูงเกินเอื้อมของเ้าแล้ว”
ก่อนหน้านี้หานซินฉลาดอยู่ได้เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง ทว่าหลังจากที่ถูกหานโม่ดูถูกไม่กี่คำโฉมหน้าเดิมก็เผยออกมาจนหมด อีกทั้งนิสัยเอาแต่ใจของนางก็เริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หานโม่พยักหน้า "เช่นนั้นแล้วทำไมพี่ห้าถึงไม่แต่งงานไปเองเลยเสียเล่า? ในเมื่อเทียบกับข้าแล้วพี่ห้าก็ดูจะแก่กว่าอยู่เล็กน้อย"
“แก่? เ้ากล้าดียังไงมาพูดว่าข้าแก่กัน?” ดวงตาของหานซินเบิกกว้าง นางชี้นิ้วไปยังหานโม่ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด
หานโม่พยักหน้า "ข้าพูดผิดงั้นหรือ? ท่านไม่ได้อายุมากกว่าข้าหรือ?"
หานซิน "..."
คำพูดของหานซินทั้งหมดถูกสกัดกั้นจนไม่สามารถพูดต่อได้
เมื่อหานเสวี่ยไม่อยู่ หานซินจึงมักจะถือว่าตัวนางเองเป็บุตรสาวที่มีสถานะสูงที่สุดของตระกูลหานอยู่เสมอ และตอนนี้เมื่อพบว่าตนเองได้พ่ายแพ้ให้แก่หานโม่แล้ว หานซินก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางเหล่าพี่ชายพี่สาวของตัวนางเอง
หานเทียนในฐานะลูกชายคนโตของตระกูล หากไม่มีเหตุใดผิดเพี้ยนไป ในอนาคตเขาจะเป็ทายาทอันคู่ควรของตระกูลหาน แม้ว่าเขาจะไม่ชอบหานโม่แต่ต่อหน้าหานเฉินต้งแล้ว เขาไม่อาจลงไปทะเลาะกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงหลุบตาลงทำราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาที่ขอความช่วยเหลือของหานซิน
หานิไม่ชอบหานโม่มานานแล้ว เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตัวเองถูกหานโม่รังแกก็ไม่พอใจทันที
"หานโม่ เ้าอย่ามาพูดจาหยาบคายแต่ฟังดูดีอยู่เลย เช่นนั้นข้าขอถามเ้า เซียนหลิงเฉ่าในโรงประมูลพวกนั้น เป็ตัวเ้าเองที่นำออกมาจากป่าไร้ิญญาจริงๆ หรือ? แล้วผู้ที่อยู่กับเ้าวันนั้นคือผู้ใดกัน?”
ทันทีที่หานิพูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาหลายคู่ก็จับจ้องไปที่หานโม่ทันที
หานโม่ไม่ได้สบตากับใครเลย นางทำเพียงแต่มองไปที่หานิ พร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง "เื่นี้เกี่ยวกับเ้าด้วยงั้นหรือ?"
หานิตบโต๊ะทีหนึ่งแล้วยืนขึ้น "หานโม่ เ้าอย่าได้ใจนักนะ ดูด้วยว่าที่นี่คือที่ไหน!"
หานโม่ยักไหล่ "ไม่ใช่ตระกูลหานหรอกหรือ? หรือว่าเ้าไม่เชื่อคำพูดของข้าที่เป็คนในตระกูลหานกัน?"
"..." หานิสำลัก หากพูดกันตามตรงในบรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ กลัวว่าคงไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่มองหานโม่เป็คนตระกูลหาน
“เ้าอย่ามาเปลี่ยนเื่ บอกข้ามาตามตรงว่าคนพวกนั้นเป็ผู้ใด? เื่เซียนหลิงเฉ่าเป็มาอย่างไรกันแน่?!” คำพูดอ้อมค้อมของหานิไม่อาจทำร้ายหานโม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นข่มเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของตนเองคืนมา
ทว่าคราวนี้หานโม่กลับส่งเสียงยั่วเย้า "ข้าเติบโตในตระกูลหานมามากกว่าสิบปี ไม่เคยเห็นพวกเ้ามาสนใจข้าเลย มาตอนนี้ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งได้เซียนหลิงเฉ่ามา พวกเ้าก็อดใจไม่ไหวที่จะมาสอบสวนข้าเสียแล้วหรือ? ถ้าพวกเ้า้ารู้ก็ย่อมได้ แต่ก่อนอื่นข้าต้องจัดการปัญหาของข้าทีละเื่เสียก่อน แล้วข้าถึงจะบอกพวกเ้าว่าเซียนหลิงเฉ่าพวกนี้ข้าเอามาจากไหน "
แม้ว่าหานโม่จะไม่ชอบพูดคุยกับผู้อื่นมากนัก แต่การจะทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในตระกูลหานเวลานี้หานโม่จะยังไม่ทำ ตอนนี้นางยังต้องอาศัยความกลัวที่คนตระกูลหานมีต่อตี้เฉินและความโลภของพวกเขาที่มีต่อผลึกิญญาอยู่
ตราบใดที่พวกเขายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของตี้เฉิน ก็จะไม่กล้าลงมือกับนางได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามในวันนั้นที่โรงประมูล พี่น้องของหานเทียนต่างก็ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตี้เฉินแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหากพวกเขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของตี้เฉิน คงจะยิ่งหวาดกลัวจนไม่กล้าอวดดีอีกแน่
เพียงแต่หานโม่รู้สึกว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักตัวตนของตี้เฉิน เพราะเมื่อดูจากปฏิกิริยาของตระกูลหานแล้ว ข่าวลือเพียงนิดเดียวพวกเขาก็ไม่คิดตรวจสอบมันเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งถือว่าได้เปรียบยิ่งนักและนางยังไม่ต้องลงมือเองอีกด้วย หานโม่ไม่ได้้าที่จะตอบคำถามพวกเขา
"เ้ามีเื่อะไรที่ต้องจัดการงั้นหรือ? หานโม่ เ้าอย่าพยายามเปลี่ยนเื่!" หานิพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
