เสียงฝนกลางดึกโปรยปรายกระทบหลังคาสังกะสีเก่าๆ ของบ้านเช่าชั้นเดียว ดั่งเสียงเพลงโศกเศร้าที่บรรเลงเย้ยหยันโชคชะตาของใครบางคน น้ำฝนหยดแหมะลงมาตามรอยรั่วบนเพดาน ก่อเกิดเป็วงน้ำเล็กๆ บนพื้นปูนเย็นเฉียบ กลิ่นอับชื้นของฝนผสมกับกลิ่นยาและน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆ ที่ติดตัวเธอกลับมาจากโรงพยาบาล ทำให้บรรยากาศในห้องนอนแคบๆ ยิ่งดูหดหู่
มิรานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเก่า มือบางกุมโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าไว้แน่น ดวงตากลมโตบวมช้ำจากการร้องไห้มาหลายชั่วโมง ภาพของบิดาบนเตียงผู้ป่วยยังคงติดตา เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็จังหวะสม่ำเสมอในห้องไอซียู ช่างสวนทางกับหัวใจของเธอที่เต้นระรัวราวกับจะแหลกสลาย
“ลูกไม่ต้องกังวลนะ พ่อไม่อยากให้หนูต้องลำบาก” เสียงแหบพร่าของพ่อยังดังก้องในหู
“ไม่ลำบากได้ยังไงคะพ่อ...” เธอพึมพำกับตัวเอง น้ำตาหยดใหม่ไหลอาบแก้ม “หนูจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน”
ใบแจ้งหนี้ค่ารักษาพยาบาลและค่าผ่าตัดก้อนโตที่พยาบาลเพิ่งยื่นให้เมื่อเย็น วางยับยู่ยี่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง ตัวเลขเจ็ดหลักนั้นหนักอึ้งราวกับูเาทั้งลูกที่กำลังจะถล่มทับร่างเล็กๆ ของเธอให้จมดิน เธอพยายามหาทางทุกอย่างแล้ว ทั้งกู้ยืมจากญาติห่างๆ ที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากรู้จัก หรือแม้กระทั่งไปติดต่อธนาคาร แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ความมืดและความสิ้นหวังบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก ในวินาทีที่รู้สึกว่าทางทุกสายมันตันไปหมด รายชื่อหนึ่งในโทรศัพท์ก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด ‘น้ำฝน’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่กลับห่างหายกันไปนานหลายปีหลังจากที่เธอเรียนจบและออกมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
นิ้วเรียวสั่นเทาขณะกดโทรออก สัญญาณรอสายดังขึ้นสองสามครั้งก่อนจะมีเสียงสดใสดังขึ้นมาสวนทางกับความรู้สึกของเธออย่างสิ้นเชิง
“ฮัลโหล...มิรา! พระเ้า! นี่แกจริงๆ เหรอ นึกว่าตายห่าไปแล้ว หายหัวไปไหนมาตั้งหลายปี!”
มิราพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก “ฝน... ฉัน... ฉันมีเื่อยากให้ช่วย”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเพื่อนทำให้ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ “เฮ้... แกเป็อะไรรึเปล่า เสียงสั่นๆ นะ”
“พ่อ... พ่อป่วยหนักมาก ท่านต้องผ่าตัดด่วน แต่ฉันไม่มีเงินเลยฝน... ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” เธอปล่อยโฮออกมาในที่สุด ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมาตลอดวันพังทลายลง
น้ำฝนเงียบไปนานจนมิราใจเสีย นานจนเธอคิดว่าเพื่อนอาจจะวางสายไปแล้ว แต่แล้วเสียงที่จริงจังกว่าเดิมก็ดังขึ้น “แก้าเงินเท่าไหร่”
“สองล้าน...”
“บ้าเอ๊ย!” น้ำฝนสบถ “แล้วแกจะไปหามาจากไหนในเวลาแค่นี้”
“ฉันไม่รู้... ฉันถึงโทรหาแกไงฝน”
“มิรา... ฟังฉันนะ” น้ำฝนถอนหายใจยาว “มันมี... ทางหนึ่งที่ได้เงินเร็วมาก เร็วพอที่จะช่วยพ่อแกได้ทันที แต่... แต่ฉันไม่แน่ใจว่าแกจะกล้ารึเปล่า”
“ทางไหน บอกฉันมาเถอะฝน ตอนนี้ให้ทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น” มิราพูดอย่างสิ้นหวัง
“มันเป็งาน... ที่ต้องใช้ร่างกายแลก” น้ำฝนพูดเสียงเบา “แค่คืนเดียวมิรา คืนเดียวเท่านั้น เขาจ่ายหนักมาก คนพวกนี้รวยล้นฟ้า เงินสองล้านสำหรับเขาเหมือนเศษเงิน”
มิราตัวชาวาบไปทั้งตัว ราวกับถูกผลักตกจากหน้าผาสูง “ขาย... ขายตัวเหรอฝน”
“ฉันไม่อยากใช้คำนั้นเลยว่ะ” น้ำฝนตอบอย่างอึดอัด “แต่มันก็คือความจริง แกไม่มีเวลาแล้วนะมิรา พ่อแกต้องผ่าตัดนะเว้ย”
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง มิราหลับตาลง ภาพใบหน้าของพ่อลอยซ้อนทับกับความอัปยศอดสูที่กำลังจะเกิดขึ้น ศักดิ์ศรีที่เธอยึดมั่นมาทั้งชีวิตจะมีค่าอะไร หากต้องสูญเสียพ่อไป เธอไม่เคยมีใคร ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน ความบริสุทธิ์ที่หวงแหนมาตลอด กำลังจะถูกตีค่าเป็เงินเพื่อต่อชีวิตให้บิดา
“...ฉันต้องทำยังไง” ในที่สุดเธอก็เอ่ยถามออกไป เสียงเบาหวิวราวกับกระซิบ
น้ำฝนถอนหายใจอย่างโล่งอก “โอเค... เดี๋ยวฉันจัดการให้ คืนพรุ่งนี้เตรียมตัวให้พร้อม จะมีคนไปรับ”
...คืนต่อมา...
มิรามองตัวเองในกระจกบานเต็มตัว เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีดำสนิทที่น้ำฝนเอามาให้ ชุดมันรัดรูปจนเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เนื้อผ้าเย็นๆ แนบไปกับผิวราวกับเป็ิัชั้นที่สอง ชายกระโปรงที่สั้นจนน่าใจหายทำให้เธอต้องคอยขยับดึงมันลงอยู่ตลอดเวลา
“สวยมากมิรา” น้ำฝนเอ่ยชมพลางช่วยจัดแต่งทรงผมให้เพื่อน “จำไว้นะ คืนนี้แกคือผู้หญิงที่แพงที่สุด ทำให้เขารู้สึกว่าเงินสองล้านมันคุ้มค่า”
“ฉันกลัว... ฝน” มิราจับมือน้ำฝนไว้แน่น “ถ้าเขาเป็คนแก่ๆ อ้วนๆ หรือทำรุนแรงกับฉันล่ะ”
“เขาไม่บอกรายละเอียดอะไรเลยว่ะมิรา” น้ำฝนลูบหลังเพื่อนเบาๆ “นายหน้าบอกแค่ว่า ลูกค้าคนนี้เป็ VIP กระเป๋าหนักมาก และมีรสนิยมสูง เขาแค่รีเควสว่า ‘ขอผู้หญิงที่ยังสะอาดและดูไม่เสแสร้ง’”
คำว่า ‘สะอาด’ เหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจของมิรา เธอแค่นยิ้มให้ตัวเองในกระจก “ฉันคงสะอาดพอสำหรับเขาสินะ”
ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ของน้ำฝนก็ดังขึ้น เธอคุยสองสามคำก่อนจะหันมาบอกมิรา “รถมารับแล้ว อยู่หน้าปากซอย”
หัวใจของมิราหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขาของเธอหนักอึ้งจนแทบก้าวไม่ออก น้ำฝนกอดเธอแน่น “เข้มแข็งไว้นะเพื่อน คิดถึงหน้าพ่อแกไว้ คืนเดียวเท่านั้น แล้วทุกอย่างจะจบ”
รถยนต์ซีดานสีดำสนิทจอดรออยู่ใต้แสงไฟสลัวๆ ของเสาไฟฟ้าริมถนน ชายในชุดสูทสีดำลงมาเปิดประตูให้เธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ บรรยากาศภายในรถเงียบกริบ มีเพียงเสียงแอร์เย็นฉ่ำและเสียงฝนที่ยังคงตกพรำๆ อยู่ข้างนอก มิรานั่งตัวเกร็งอยู่เบาะหลัง มองแสงไฟของ เมืองที่วิ่งผ่านกระจกไปอย่างเลื่อนลอย รถกำลังพาเธอไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก เพื่อพบกับคนที่ไม่รู้จัก ที่จะเข้ามาพรากสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเธอไป
รถเลี้ยวเข้าจอดที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ ชายคนเดิมพาเธอขึ้นลิฟต์ส่วนตัวที่ตรงไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม ‘Penthouse Suite’ หัวใจของเธอยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมหนานุ่ม ชายชุดดำพาเธอมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตูแล้วผายมือให้เธอเข้าไป
“เชิญครับ” เขาพูดเป็ครั้งแรกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะปิดประตูลง ทิ้งให้มิรายืนอยู่ลำพังในความมืดและความเงียบ
ภายในห้องสวีทกว้างขวางจนน่าใ มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหัวเตียงและแสงจากวิวเมืองยามค่ำคืนที่ส่องผ่านผนังกระจกบานใหญ่เข้ามา มิราค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปอย่างหวาดระแวง สายตาของเธอไปสะดุดกับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้เธออยู่ริมระเบียง เขาสวมเพียงกางเกงสแล็คสีดำตัวเดียว เผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสวยงาม แม้จะเห็นเพียงด้านหลัง แต่ทำไม... รูปร่างนั้นถึงได้คุ้นตาอย่างน่าประหลาด
“คุณ...” เธอเปล่งเสียงเรียกออกมาเบาๆ
ร่างสูงนั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอช้าๆ แสงไฟจากด้านนอกสาดส่องให้เห็นใบหน้าคมคายที่เธอไม่มีวันลืม จมูกโด่งเป็สัน ริมฝีปากหยักได้รูป และดวงตาคมกริบคู่นั้น... ดวงตาที่เคยจ้องมองเธอด้วยความรัก แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าและเ็า
“ธีร์...”
ชื่อของเขาหลุดออกมาจากริมฝีปากของเธออย่างแ่เบา โลกทั้งใบของเธอหยุดหมุนไปชั่วขณะ ขาของเธออ่อนแรงจนแทบจะทรุดลงไปกับพื้น ชายคนที่เธอรักสุดหัวใจ ชายคนที่ทิ้งเธอไปอย่างเืเย็นเมื่อห้าปีก่อนโดยไม่มีแม้แต่คำลา... ทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้
“ไม่ได้เจอกันนานนะ... มิรา” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เคยทำให้เธอใจสั่น ตอนนี้มันกลับกรีดลึกลงไปในหัวใจ
“คุณ...” เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไม... ทำไมต้องเป็คุณ”
ธีร์เดินเข้ามาหาเธอช้าๆ แต่ละย่างก้าวของเขาหนักแน่นและมั่นคงราวกับนักล่าที่กำลังเข้าใกล้เหยื่อ เขายกยิ้มมุมปากอย่างหยามหยัน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคืนนี้... ฉันเป็คนซื้อมันมา”
เพียะ!
ฝ่ามือบางฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างเต็มแรง ความใ ความเสียใจ และความโกรธแค้นประดังประเดเข้ามาจนเธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ “คุณมันเลวที่สุด! คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
ธีร์ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง เขายกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะคว้าข้อมือของเธอไว้แน่น ดวงตาของเขาวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างน่ากลัว “ตบฉันอีกสิ ตบให้สมกับที่เธออยากจะทำมาตลอดห้าปีเลยเป็ไง”
“ปล่อยฉันนะ!” มิราพยายามบิดข้อมือออก แต่แรงของเขามหาศาลเกินไป “ฉันจะกลับ! ฉันไม่ขายแล้ว! ฉันไม่เอาแล้วเงินของคุณ!”
“คิดว่าจะเดินเข้ามาแล้วก็เดินออกไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ มิรา” เขาบีบข้อมือเธอแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บ “เธอมารับเงินจากฉัน แล้วเธอก็ต้องทำงานของเธอให้เสร็จ”
“งานบ้าอะไร! งานที่ให้คุณมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันน่ะเหรอ! แค่ที่คุณทิ้งฉันไปมันยังไม่พออีกใช่ไหม!” น้ำตาแห่งความอัดอั้นทะลักออกมาไม่ขาดสาย
“ฉันไม่ได้เหยียบย่ำเธอ” เขาพูดเสียงเย็น “ฉันแค่จ่าย... เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ฉัน้า”
“แล้วสิ่งที่คุณ้ามันคืออะไร! คือการได้เห็นฉันพังทลายลงตรงหน้าคุณงั้นเหรอ!” เธอะโใส่หน้าเขา
แววตาของธีร์วูบไหวไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดใบหน้าเธอ “ฉันแค่อยากรู้... ว่าห้าปีที่ผ่านมา ร่างกายของเธอ... มันยังจำฉันได้อยู่รึเปล่า”
คำพูดของเขาเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ มิราตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ “คุณมันสารเลว! คุณไม่มีสิทธิ์มาถามฉันแบบนั้น! คุณเป็คนเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตฉันเอง!”
“ใช่ ฉันเป็คนไปเอง” เขายอมรับ แต่แล้วน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็กระซิบแหบพร่าข้างหูเธอ “แต่ตอนนี้... ฉันกลับมาเพื่อทวงของของฉันคืน”
ไม่พูดเปล่า ธีร์ใช้แขนอีกข้างที่ว่างอยู่รวบเอวคอดของเธอเข้าไปประชิดกับลำตัวแกร่งของเขาจนแนบสนิท กลิ่นกายของผู้ชายที่เธอคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ปลุกเร้าความทรงจำในอดีตที่เธอพยายามฝังกลบมาตลอดให้หวนคืนมา
“ปล่อยฉันนะธีร์! ได้โปรด... อย่าทำแบบนี้” เสียงของเธอเริ่มอ้อนวอน
“ทำไมล่ะ” เขากระซิบถาม ริมฝีปากร้อนของเขาเฉียดผ่านใบหูของเธอ ทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว “กลัวเหรอ... กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ใช่ไหม”
“ฉันเกลียดคุณ!”
“ก็ดี” เขาหัวเราะในลำคอ “งั้นก็เกลียดฉันบนเตียงนี่สิ มาดูกันว่าระหว่างความเกลียดของเธอกับความ้าของฉัน อะไรมันจะชนะ”
วินาทีต่อมา ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาก็บดเบียดลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงและป่าเถื่อน มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวานเหมือนในอดีต แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความ้าเอาชนะ ความโหยหา และความโกรธแค้นที่สั่งสมมานาน มิราพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เรี่ยวแรง ทั้งหมดของเธอกลับมลายหายไปสิ้นเมื่อลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาควานหาความหอมหวานในโพรงปากของเธออย่างจาบจ้วง
สมองของเธอสั่งให้ผลักไสเขาออกไป แต่ร่างกายกลับทรยศ มันตอบสนองต่อััของเขาอย่างน่าละอาย ความร้อนรุ่มแล่นพล่านไปทั่วทุกอณู ความปรารถนาที่ถูกกดเก็บไว้ลึกสุดใจกำลังจะปะทุออกมา
ธีร์ถอนจูบออกช้าๆ เพื่อให้เธอได้หอบหายใจ เขามองใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากที่บวมเจ่อของเธอด้วยแววตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา “เห็นไหม... ร่างกายของเธอไม่เคยโกหก”
เขายกร่างของเธอขึ้นอุ้มในท่าเ้าสาว ก่อนจะเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดคิงไซส์แล้ววางเธอลงอย่างแ่เบา มิรามองเขาด้วยสายตาที่สั่นระริก ทั้งหวาดกลัวและสับสน
“ฉันมาที่นี่เพราะ้าเงินไปช่วยพ่อ ไม่ได้มาเพื่อเป็ของเล่นให้คุณสนุก!” เธอยังคงพยายามต่อรอง
“เธอลืมไปอย่างหนึ่งนะมิรา” เขาขึ้นมาคร่อมทับร่างเธอไว้ กักขังเธอไว้ใต้อาณัติของเขาอย่างสมบูรณ์ “ในข้อตกลงที่เพื่อนเธอทำไว้ ระบุชัดเจนว่า... ‘ต้องทำให้ผู้ซื้อพึงพอใจทุกประการ’”
พูดจบ เขาก็ไม่รอช้า โน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องของเธอ สูดดมความหอมกรุ่นที่เขาโหยหามาตลอดห้าปี มือหนาเริ่มลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธออย่างเชื่องช้า แต่ทว่าหนักหน่วง ปลุกเร้าทุกััให้ตื่นตัว
“อื้อ... อย่า... ธีร์” มิราครางประท้วงเสียงสั่น แต่กลับกลายเป็เสียงที่เซ็กซี่ในหูของเขา
มือของเขาเลื่อนไปปลดซิปด้านหลังของชุดเดรส ก่อนจะค่อยๆ รูดมันลงจนสุด เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนละเอียด ผิวเย็นๆ ของเธอปะทะกับอากาศในห้อง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ธีร์จงใจประทับรอยจูบสีแดงจางๆ ลงบนหัวไหล่ของเธอ เป็การตีตราจองความเป็เ้าของ
เขาพลิกร่างเธอให้นอนหงายอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ดึงชุดเดรสราคาแพงออกจากร่างของเธออย่างไม่ไยดี จนตอนนี้เธอนอนอยู่ตรงหน้าเขาในชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่น้ำฝนเลือกให้ มันช่างดูยั่วยวนและตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างที่สุด
สายตาของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างเปิดเผย ั้แ่ทรวงอกอวบอิ่มที่ล้นทะลักออกมาจากบราตัวจิ๋ว หน้าท้องแบนราบ ไปจนถึงสามเหลี่ยมสวาทที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงในลูกไม้ชิ้นน้อย
“สวย... เธอยังสวยเหมือนเดิมมิรา” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า
ความอับอายทำให้มิราต้องเบือนหน้าหนี แต่ธีร์กลับใช้มือเชยคางเธอให้หันกลับมาสบตากับเขา “มองฉันสิ... มองฉันในขณะที่ฉันกำลังจะทำให้เธอกลายเป็ของฉันอีกครั้ง”
นิ้วเรียวยาวของเขาค่อยๆ ปลดตะขอบราด้านหน้าออกอย่างชำนาญ ทรวงอกอวบอิ่มที่ปราศจากสิ่งปกปิดก็เด้งออกมาอวดสายตาทันที ยอดถันสีชมพูระเรื่อชูชันขึ้นท้าทายอากาศเย็นในห้อง ธีร์ไม่อาจต้านทานความ้าของตัวเองได้อีกต่อไป เขาโน้มตัวลงไปมันด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวทันที
“อ๊ะ!” มิราสะดุ้งสุดตัว แอ่นอกขึ้นรับััวาบหวามนั้นอย่างลืมตัว ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นปราดจากยอดอกไปทั่วทั้งร่าง ลิ้นร้อนของเขาตวัดรัวเร็วสลับกับดูดดึงอย่างหิวกระหาย ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นทรวงอกอีกข้างอย่างมันมือ เสียงครางหวานเล็ดลอดออกจากริมฝีปากของเธอไม่ขาดสาย
สมองของเธอขาวโพลนไปหมด ความเกลียดชัง ความโกรธแค้น ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่คุกคุ่น เธอรู้ว่ากำลังจะพ่ายแพ้... พ่ายแพ้ให้กับผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดคนนี้
ธีร์ย้ายริมฝีปากลงมาต่ำเรื่อยๆ จูบไล้ไปทั่วหน้าท้องแบนราบของเธอ ทุกััของเขาทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงในตัวจิ๋ว ก่อนจะใช้ฟันขบดึงมันลงมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นกลีบกุหลาบงามที่ยังคงปิดสนิทแต่ก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำหวานที่พร้อมจะให้เขาได้ลิ้มลอง
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอนิ่ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ “เธอพร้อมสำหรับฉันรึยัง... ที่รัก”
คำว่า ‘ที่รัก’ ที่ไม่ได้ยินมานาน ทำให้กำแพงในใจของมิราพังทลายลงจนหมดสิ้น น้ำตาแห่งความสับสนไหลออกมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกันแน่... ดีใจที่ได้เขากลับมา หรือเสียใจที่ต้องกลับมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
ธีร์ไม่รอคำตอบ เขาก้มลงไปมอบจุมพิตที่เร่าร้อนที่สุดให้กับใจกลางกายของเธอ ลิ้นร้อนที่ช่ำชองของเขาตวัดเลียชิมความหวานล้ำอย่างตะกละตะกลาม ทำลายสติสัมปชัญญะของเธอจนหมดสิ้น
“อ๊า... ธีร์... พอแล้ว... ฉัน... ฉันไม่ไหวแล้ว” เธอร้องครวญคราง บิดเร่าไปมาด้วยความเสียวซ่านที่ไม่เคยพานพบมาก่อน ร่างกายของเธอกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง ก่อนจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาจนหมดสิ้น
ในขณะที่เธอยังคงหอบหายใจและนอนหมดแรงอยู่นั้น ธีร์ก็จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ความเป็ชายที่แข็งขืนและใหญ่โตอย่างน่ากลัวปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ทำให้มิราเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
เขายิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจับขาเรียวทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างกลาง จ่อส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขามาที่ปากทางรักของเธอที่ยังคงเปียกชื้น
“ไม่ต้องกลัวนะ... ฉันจะอ่อนโยน” เขากระซิบปลอบโยน ก่อนจะกดแก่นกายของเขาเข้ามาในตัวเธออย่างช้าๆ
“โอ๊ย! เจ็บ!” มิราร้องออกมาด้วยความเ็ป แม้ว่าเขาจะเคยเป็คนแรกของเธอ แต่การที่ไม่ได้ร่วมรักกันมานานถึงห้าปี ทำให้ช่องทางรักของเธอบีบรัดเขาแน่นจนแทบขยับไม่ได้
ธีร์หยุดนิ่งเพื่อให้เธอได้ปรับตัว เขาก้มลงจูบซับน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “ทนหน่อยนะคนดี... เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เขาเริ่มขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล ความเ็ปในตอนแรกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็ความรู้สึกเสียดเสียวและวาบหวาม มิราเริ่มคล้องแขนโอบรอบคอเขาไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของเขาเพื่อระบายความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน
จังหวะของธีร์เริ่มเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง ผสมกับเสียงครางของคนทั้งสอง เขากระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างหนักหน่วงและดุดัน ราวกับจะตอกย้ำให้เธอรู้ว่า... เธอเป็ของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“มิรา... เรียกชื่อฉัน” เขาสั่งเสียงพร่าอยู่ข้างหูเธอ
“ธีร์... อ๊ะ... ธีร์...”
“ดีมาก... จำไว้ว่าใครคือเ้าของเธอ”
บทรักอันเร่าร้อนดำเนินไปอย่างยาวนาน พวกเขาส่งมอบความสุขให้กันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งฟ้าข้างนอกเริ่มสาง ธีร์ปลดปล่อยสายธารแห่งชีวิตเข้าไปในตัวเธอจนหมดสิ้น ก่อนจะฟุบลงนอนข้างๆ และดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่น
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนสองคน มิรานอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจถาโถมเข้ามา เปลือกตาของเธอหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น
ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป เธอได้ยินเสียงทุ้มของเขากระซิบอยู่ข้างหูว่า...
“ต่อจากนี้ไป... เธอเป็ของฉันคนเดียว”
ในคืนที่เธอขายร่างกายเพื่อต่อชีวิตให้คนที่รัก เธอกลับต้องมอบหัวใจให้ซาตานในคราบคนรักเก่า... การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ได้จบลงแค่คืนเดียว แต่มันคือจุดเริ่มต้นของสัญญาที่ผูกมัดเธอไว้ด้วยความแค้นและความปรารถนาที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ติดตามอ่านตอนต่อไป
