“อ๊า ช่วยข้าด้วย...”
เซี่ยโหวอู่ตอบสนองในที่สุด เขาวิ่งหนีเหมือนหมา โอดครวญเหมือนหมูถูกเชือด
จากแววตาคมดั่งดาบของเ่ิูนั้น เซี่ยโหวอู่ก็สำเหนียกรู้แล้วว่า เขา้าสังหารตัวเอง
อาจเป็ไปได้ว่าหากเป็คนอื่น เซี่ยโหวอู่คงไม่กลัวเป็แน่
เพราะต่อหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้อง คณาจารย์และเบื้องสูงของสำนักมากมายขนาดนี้ หากใจกล้าคิดฆ่าเขาทิ้ง เท่ากับว่ารนหาที่ ต่อให้เป็ไอ้โง่ก็ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กังวลไปต่างๆ นานาเป็แน่ ทว่าเ่ิูที่เป็ดั่งาามารนี้ บ้าคลั่งชนิดไม่มีข้อยกเว้น หากจะมีใครสักคนที่ฆ่ากล้าคนที่นี่ คนๆ นั้นต้องเป็เ่ิูอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยโหวอู่กลัวจนเยี่ยวหดตดหาย ไม่อาจทำอะไรหน้าตาตัวเองที่ชาไปครึ่งหนึ่ง หรือเกลือกกลิ้งเพื่อหลบหนีได้เลย
“เ้ากล้านัก!”
“โอหัง!”
อาจารย์ชั้นสูงสองสามคนโพล่งดัง พวกเขาลงมือขัดขวาง
พลังน่ากลัวกระเพื่อมไหว เพิ่มทวีจนครอบคลุมทั่วศาลาขึ้นฟ้า
ฝ่ามือเปี่ยมพลังมหาศาลดั่งเทพมารมาเยือนตบเข้าที่เ่ิู
เ่ิูใช้หอกรับแรงกระแทกจากการโจมตีคราวนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวถูกแรงจนลอยละลิ่วไป มุมปากมีเืไหลออกมา ทว่าแม้จะอยู่กลางอากาศก็ยังตวาดด้วยเสียงอันดังอย่างไม่เลิกรา หอกยาวในมือพุ่งออกไปดั่งหลาว เสมือนรังสีฮึกเหิมแห่งธนูั์ประจำเมือง ยิงตรงสู่ร่างเซี่ยโหวอู่ที่หนีหัวซุกหัวซุน
“อ๊าก...”
เซี่ยโหวอู่โอดร้อง
หอกยาวแทงแขนซ้ายเขาเป็รูโบ๋ พาเขากระเด็นไปด้วย เสียงกัมปนาทเลืองลั่น ส่งเขาติดแหง่กอยู่กับรูปปั้นหินห่างไกล
“ช่วยด้วย...อ๊าก ข้าจะตายแล้ว...ช่วยข้าด้วย!”
เซี่ยโหวอู่โอดครวญเหมือนเสียงผีสางร้องไห้หรือหมาป่าหอน ความเ็ปลึกไปยันกระดูกส่งผ่านมาจากไหล่ เขารู้สึกเหมือนมัจจุราชกำลังหายใจรดต้นคอ ที่นี่กับในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนั้นต่างกัน หากตายที่นี่เท่ากับว่าตายของจริง ไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพได้อีก
“สามหาว กล้าทำเลวร้ายต่อหน้าพวกเรา!”
“ผิดมหันต์อภัยให้ไม่ได้!”
“กำเริบเสิบสาน!”
กลุ่มชนชั้นสูงซึ่งก็คือคณาจารย์ชาติตระกูลสูงส่งซึ่งแสดงออกว่าไม่เป็มิตรกับเ่ิูั้แ่เริ่ม ในที่สุดก็ได้โอกาส พวกเขาโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ตำหนิกันด้วยความแค้นเคือง โดยเฉพาะอาจารย์าุโคนแรกสุดนั้นที่โกรธจนตัวสั่น
“เห็นแล้วใช่ไหม? ทุกท่านเห็นหรือยัง? ว่าเ้าเด็กนี้มันโฉดชั่วขนาดไหน?” เขาได้ทีชี้เ่ิู สีหน้าโมโหพลางต่อว่า “กล้าลงมือทำร้ายคนในศาลาขึ้นฟ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังไม่มีความสำนึกเสียใจ ศิษย์นอกคอกแบบนี้เห็นควรแก่การเก็บเอาไว้หรือ? ข้าแนะนำว่าควรริบฐานะศิษย์สำนักกวางขาวของเขาออกเสีย ส่งให้ข้าลงโทษให้สาสม!”
“ศิษย์น้องเย่ เ้าทำเกินไปจริงๆ แล้วนะ...”
เี๋เี่ากรายมาใกล้เ่ิูช้าๆ สวมท่าทางจริงใจและใจเย็น นางส่ายหน้า “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็เป็ศิษย์สำนักกวางขาวเหมือนๆ กัน ศิษย์น้องโหวอู่ทำผิดจริงก็ใช่ ทว่าก็มีท่านผู้าุโของสำนักคอยจัดการสั่งสอนอยู่แล้ว เ้ามันก็แค่ศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แค่ข้ามหน้าข้ามตาหรอกนะ แต่ยังลงมือหนักเกินไปด้วยซ้ำ!”
เ่ิูหันหน้าทันที เขามองเี๋เี่า
เี๋เี่าที่จริงแล้วคิดจะเอ่ยอะไรอีก ทว่าพอเห็นแววตาเยือกเย็นที่ทั้งดูถูกและไม่เห็นค่าอยู่ในสายตา ใจก็พลันสั่นสะท้าน สิ่งไหนที่อยากพูดก็เป็อันพูดไม่ออกจนหมด
แววตาเช่นนี้ นางไม่เคยเห็นจากเ่ิูมาก่อน
แววตาดั่งมองศัตรูคู่แค้น
และก็มิใช่แววตาของเพื่อนรักสมัยเด็กด้วย
เี๋เี่านึกว่าบุรุษคนนี้จะนอบน้อมแก่นาง ประจบเอาใจนาง
ทว่าตอนนี้...
ร่างกายที่สั่นเทิ้มมาจากก้นบึ้งทำให้นางทั้งโกรธและอับอาย นางชะงักไปพักหนึ่งก็อ้าปากพูดอีก “ข้าทำก็เพื่อเ้านะ ข้า...”
“หุบปาก” เ่ิูตัดบทนางอย่างเยือกเย็น เขาเอ่ยชัดเจนทุกถ้อยคำ “ไม่เกี่ยวกับเ้า ไปให้พ้น!”
เี๋เี่าเหมือนถูกฟ้าผ่า
นางไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เื่ตัดเยื่อขาดใย ชิงชังและระอาเช่นนี้ออกมาจากปากเด็กผู้ชายที่เคยรับฟังคำนางเสมอหรือ? เด็กชายที่ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด ก็จะยิ้มอ่อนโยนให้นางเสมอ กลับมาไล่นางให้ไปพ้นๆ หน้า?
ยามนี้นั้นเอง ที่เด็กน้อย่เี่ิผู้คืนสติกลับมาเดินเข้ามาแ่เบา นางจับมือเ่ิูเอาไว้
นางเองก็ใกลัวบ้างเช่นกัน ทว่ายังยืนหยัดจะอยู่เคียงข้างเ่ิู
“เซี่ยโหวอู่ลอบกัดข้ากับพี่ชิงหลัวในสนามรบ” เสียงนางใสแจ๋วทว่าหนักแน่นนัก ก้องสะท้อนไปทั่วศาลาขึ้นฟ้า “เขาทำผิดก่อน เขาเป็คนเลว พวกท่านไม่ควรโทษท่านพี่ชิงหยู!”
ซ่งชิงหลัวลังเลพักหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง “เื่นี้ข้ายืนยันได้ เซี่ยโหวอู่รักตัวกลัวตาย หนีจากสนามรบ แล้วยังหักหลังสหายด้วยกัน รอบนี้พวกเราเกือบจะแพ้แล้ว หากมิใช่เพราะพี่ชิงหยู...”
“หุบปาก!”
อาจารย์ชั้นสูงผู้นั้นตวาดกร้าวดั่งฟ้าร้อง พลังสาดซัดะเิออก สองพี่น้องซ่งเมื่อถูกแรงะเิก็เหมือนโซเซไปข้างหลัง เหมือนเรือแจวบนคลื่นโหมบ้าคลั่ง ด้วยถูกห่อหุ้มด้วยพลังน่ากลัวและเกรียงไกรยิ่งนัก เด็กหญิงทั้งสองจึงไม่อาจอ้าปากพูดอะไรได้เลย
เขาโบกมือทีหนึ่งแล้วว่า “ที่นี่ไม่มีเื่ใดเกี่ยวข้องกับเ้าทั้งสอง หลีกไปอีกทางเสีย เื่ของเซี่ยโหวอู่นั้น พวกข้าจัดการได้อยู่แล้ว ตอนนี้เื่ที่ต้องจัดการก็คือ เ้าเ่ิู เดรัจฉานเนรคุณครูบาอาจารย์นี่...”
“ฮ่าๆๆๆๆ” เ่ิูะเิหัวเราะฉับพลัน
“โอหัง เ้านอกคอก หัวเราะอะไร?” อาจารย์คนเดิมโพล่งเสียงดัง
เ่ิูรูปลักษณ์ดีพร้อม ดวงตาทั้งสองเย็นเยียบ “ข้าก็หัวเราะไอ้หมาแก่ตัวนี้น่ะซิ ถูกผิดไม่แยกแยะ บุญคุณความแค้นไม่ประจักษ์ หมาริพึ่งบารมีคน กลับขาวเป็ดำ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเื่ที่เกิดในสมรภูมินั่น เ้าจะมองบนภาพสะท้อนอักขระไม่เห็นเลย ทำไมเล่า? เพื่อจะปกป้องไอ้สวะเซี่ยโหวอู่นั่น กระทั่งหน้าอันเหี่ยวย่นยังไม่คิดจะรักษาเลยงั้นหรือ น่าสมเพช น่าอาดูรเสียจริง เห็นทีที่เ้ามีชีวิตมาจนแก่ป่านนี้ คงเป็เพราะคลุกคลีอยู่แต่บนหลังหมากระมัง? หมาแก่เห็นว่าตัวเองแก่แล้วเที่ยวดูถูกคนอื่น ดันกลายมาเป็ผู้าุโของสำนักกวางขาวได้ ประหลาดที่สุดในปฐี!”
สุรเสียงกว้างและชัดเจน ดั่งอาวุธเฉียบคม มีพลังะเืใจคนอย่างบอกไม่ถูก
เ่ิูเอ่ยจบก็ไม่คิดจะถอยตั้งหลักใด สองตาเรืองรองเหมือนสายฟ้า มองผู้าุโชั้นสูงอย่างโกรธขึ้ง
คำพูดเขาก้องสะท้อนทั่วศาลาขึ้นฟ้าอยู่นานนม
เมื่อประโยคเหล่านี้แพร่สะพัด คนมากมาย ณ ที่นี้ก็ใจนมึน
ศิษย์หัวเดียวกระเทียมลีบเช่นเขา...ทำไมถึงกล้า...เอ่ยวาจาเช่นนี้กับผู้าุโของสำนัก...บ้าไปแล้ว!
ไป๋อวี้ชิงก้มหน้าอย่างอับอาย
ถึงแม้นางจะไม่ได้มองข้ามความลำเอียงและไร้ยางอายของอาจารย์ท่านนี้ ทว่าเื่แบบนี้นางเองก็ไม่กล้าพูด
“เ้า...เ้า...เ้า...” อาจารย์สูงศักดิ์หน้าตะลึงงัน โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
เขาเองก็ดูเหมือนจะคาดไม่ถึง ว่าศิษย์ที่ไม่ต่างกับหมูรอให้เขาเชือดเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ จะกล้าพูดเื่พรรค์นี้ต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เขาโมโหจนแม้แต่จะเถียงก็พูดไม่ออก พูดว่าเ้าๆๆ อยู่เนิ่นนาน สุดท้ายก็เผยใบหน้าชั่วร้ายเปี่ยมจิตสังหาร “เ้ารนหาที่ตายเอง!”
สุ้มเสียงเงียบลง
ฝ่ามือเหวี่ยงออกไป
พลังั์สีเหลืองส้มกดประทับเข้าหาเ่ิู
นี่เป็การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับอาณาทะเลระทม อำนาจพาให้คนตกตะลึง คนส่วนมากในที่นี้พลันรู้สึกเหมือนตนเป็มดไร้ค่าหลุดเข้าผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา หายใจไม่ออก ยืนยังยืนไม่มั่นคงเอาเสียเลย
เ่ิูเป็เป้านิ่ง ถูกกระแสลมแรงม้วนตลบ
เขาหัวเราะร่า คงกระพันไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าดูแคลนราวกับว่าแม้นต้องตายก็จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ตอนที่ั์ตามองเห็นฝ่ามือใหญ่ั์ปรี่เข้าจะทำร้ายเ่ิู ยามนั้นเองที่ดรุณีน้อย่เี่ิที่ถูกควบคุมอยู่อีกทาง มีสีหน้าเป็ห่วงและร้อนใจอย่างถึงที่สุด อยากจะสลัดการปิดล้อมของอาจารย์คนนั้นให้หมดสิ้นไป แต่กลับทำไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงประหลาดเกิดขึ้นในกายนางอย่างไม่ทันรู้ตน ร่างกายพลันสั่นงันงก ละอองแดงชาดอ่อนจางล้นทะลักออกมาจากร่างเล็กเบาบางจนไม่อาจสังเกตเห็น
หวังเยี่ยนซึ่งไม่เอ่ยอันใดมาแต่แรก เริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง นางเคลื่อนกายแวบเดียวก็มาถึงข้างๆ เด็กหญิง
นางสับมือเข้าท้ายทอยของ่เี่ิเบาๆ...
ร่างกายศิษย์หญิงหยุดชะงักเล็กน้อย ทว่าก็ยังไม่หายสั่น กลับกันมีเส้นแสงสีแดงชาดลุกลามในั์ตาขาวดำของนางจนมองเห็นได้ สภาพการณ์พิสดารถึงที่สุด...
กลับกับเป็ฝ่ามือของหวังเยี่ยนเสียเองที่ถูกแรงสะท้อนกลับเข้า
สีหน้าอาจารย์สตรีมีทั้งตระหนกและเป็ห่วงนัก แต่มือกลับไม่หยุดสับท้ายทอยของเด็กหญิงเลยแม้เพียงวินาที คราวนี้จักมองเห็นฝ่ามือของหวังเยี่ยนมีแสงสีน้ำเงินห่อหุ้มไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็การกระตุ้นพลังอันแข็งแกร่งและเป็ประกาศิต
ดรุณีน้อยถึงได้ร่างกายอ่อนยวบ ละอองสีแดงหายไปพร้อมกับล้มลงในอ้อมอกหวังเยี่ยน
ซ่งชิงหลัวในัก นางจะพูดบางอย่างแต่หวังเยี่ยนก็ส่ายหน้าปรามเบาๆ
อีกด้านหนึ่ง
มองเห็นพลังมหาศาลจากฝ่ามือของอาจารย์ชั้นสูงผู้นั้นกำลังจะเล่นงานเ่ิู กลับเป็ตอนนั้นเองที่เ้าสำนักผู้เงียบเชียบมาตลอดลงมือ หมู่ชนเพียงมองเห็นภาพตรงหน้าพร่ามัว เ้าสำนักก็มาปรากฏกายอยู่ข้างๆ เ่ิู
ชายชรากางฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดันอากาศธาตุออกเพียงเบาๆ
ไม่มีอำนาจหรือสิ่งใดสาดซัดไหว ...
แต่พลังั์ที่พร้อมขย้ำใบหน้าจากฝ่ามือนั้นกลับเหมือนรูปปั้นทรายกลางสายลม สลายสิ้นเมื่ออยู่ห่างจากเ้าสำนักไม่ถึงหนึ่งนิ้วดี!
“เอื้อ...พรวด!”
อาจารย์สูงศักดิ์ผู้นั้นชะงัก ฉับพลันก็กระอักเืออกมาเป็สาย
เขาโซเซถอยหลัง สีหน้าขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ ั์ตาทั้งโกรธขึ้งและเกรงกลัว
เขาไม่นึกเลยว่าเ้าสำนักจะออกตัวปกป้องเ่ิู
และยิ่งคิดไม่หนักเข้าไปอีก ว่าเ้าสำนักไม่เพียงแต่ปกป้องเ่ิู กระทั่งแอบลงโทษเขาลับๆ ก็ยังทำ...คนอื่นมองก็นึกว่าเป็เพราะเ้าสำนักอ่านการโจมตีของเขาออก ทว่ามีแต่เขาเท่านั้นแหละที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าแรงลึกลับที่ส่งผ่านมาจากฝ่ามือเ้าสำนักนั้น ทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขา หากไม่ถึงสามหรือสี่เดือน อาการาเ็จะไม่มีทางรักษาหาย!
“พอได้แล้ว เื่ของวันนี้ ให้จบที่เท่านี้” เ้าสำนักน้ำเสียงเยือกเย็นและแกร่งกร้าว จับจ้องอาจารย์สูงศักดิ์ไม่วางตาพลางเอ่ย “หลิงเว่ยเฟิง เ้าหน้าไม่อาย สำนักกวางขาวของเรายัง้าหน้าอยู่นะ เื่ราวในวันนี้ ใครถูกใครผิด ในใจพวกเ้าทุกคนย่อมรู้ดี อย่าก่อกวนสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเลย...” เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็กวาดตามองคณาจารย์าุโคนอื่นๆ บ้าง ว่าต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “่นี้ในเมืองฝนลมแ่า ข้าหวังว่าพวกเ้าทุกคนจะรักษาหน้าที่ของตัวเอง อย่าได้แตกแถว และอย่าเห็นผลประโยชน์จนลืมเหตุผล เื่ที่ไม่ควรยุ่งก็อย่าไปยุ่ง หากมีใครริคิดกล้าแข็ง ก่อปัญหาอะไรขึ้น สำนักกวางขาวจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้