ภายในห้องรับรองอันหรูหรา บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้จะมีเสียงหัวเราะเบา ๆ จากกวงลี่เหมย แต่พลังที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเธอกลับทำให้บรรยากาสนั้นตึงเครียดขึ้นไปมากกว่าเดิมซะอีก
"เอาละกลับมาเื่เดิมกันดีกว่า งั้นฉันให้นายเลือกไข่สัตว์ร้ายฟรี ๆ หรือว่าสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ได้ที่นายสนใจเป็ไง?" กวงลี่เหมยพูดพร้อมรอยยิ้มเ้าเล่ห์ "เพราะตอนนี้ระดับของนายก็มาถึงแพลทินัมแล้วนี่ แล้วอีกนิดเดียวก็จะขึ้นไประดับมรกตแล้วด้วย นายคง้าสัตว์ร้ายตัวใหม่ใช่ไหมล่ะ? เพราะปัจจุบันก็มีแค่ 4 ตัวเองนิน่า"
เมื่อกวงลี่เหมยพูดจบ เธอก็ฉกเกี๊ยวทอดของกู่เทียนไปกินอย่างหน้าตาเฉย กู่เทียนจ้องมองเธอพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
ไป๋เสวี่ยหลาน คุกเข่าอยู่บนพื้นก็มองไปที่กู่เทียนด้วยความใ เธอไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไหมกู่เทียนถึงมีระดับแพลทินัมภายในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาร์เท่านั้นเองหลังจากปลุกพลัง ในตอนแรกเธอมั่นใจว่ากู่เทียนนั้นมีระดับทองเท่านั้นแต่แค่นั้นก็เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนทั่วไปมาก แต่ว่าผู้เป็เ้านายของเธอที่มีพลังระดับจักรพรรดินั้นบอกว่าชายตรงหน้านี้มีระดับแพลทินัม นั้นมันเกินจันตนาการของเธอไปมาก
"ลุกออกไปได้แล้ว" กู่เทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย "ตัวคุณมันค่อนข้างหนักนะรู้รึเปล่า? แล้วคนเป็แม่แบบคุณมานั่งตักชายคนอื่นแบบนี้ ลูกสาวของคุณมาเห็นมันคงไม่ดีแน่ รวมถึงสามีของคุณที่อยู่ในนรกด้วยนะ ทำอะไรคิดถึงหน้าของสามีและลูกหน่อยครับ"
กวงลี่เหมยหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมขโมยเกี๊ยวจากกู่เทียนมากินเพิ่มหน้าตาเฉย
"อะฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า! นรกงั้นเหรอ?" กวงลี่เหมยหัวเราะอย่างขบขัน "มันคงไม่ได้ไปหรอก ตอนนี้ิญญาของมันยังถูกฉันจับทรมานอยู่เลย เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้ไอ้โง่นั้นตายสบายๆขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ"
กวงลี่เหมยเอนตัวเข้ามาหากู่เทียนมากขึ้น "และก็... หนุ่มน้อย ทำเนียนอีกแล้ว เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะว่าเมื่อกี้เธอเห็นอะไรงั้นเหรอ?"
กู่เทียนยิ้มพร้อมเอนตัวพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย "มีอะไรมาแลกงั้นเหรอ?"
กวงลี่เหมยหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะล้อเล่น แต่กลับแฝงความจริงจังอยู่ลึก ๆ "ชีวิตของเธอไง หนุ่มน้อย"
กู่เทียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป "มีคนมากมายพูดแบบนี้กับผม รู้ไหมว่าตอนนี้พวกเขาเป็ยังไง?"
กวงลี่เหมยยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก "ตายไปหมดแล้วมั้ง?"
กู่เทียนหยิบแฮมเบอร์เกอร์ขึ้นมากัดพลางพูดอย่างไม่รีบร้อน "นั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ และก็เดินควงแขนลูกสาวของตระกูลศักดิ์สิทธิ์อยู่และเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ด้วย"
กวงลี่เหมยหัวเราะออกมาเบา ๆ สายตาของเธอเปลี่ยนเป็จริงจัง ก่อนจะพูดขึ้น
"เอาล่ะ ตลกมามากเกินพอแล้วฉันให้นายขออะไรก็ได้เลย 1 อย่างเป็ไง"
กวงลี่เหมยเอนตัวเข้าไปใกล้กู่เทียนมากขึ้น ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นใกล้กันมาก
"แล้วก็บอกมาซะว่าเมื่อกี้นายเห็นอะไร ทำไหมจังหวะการเต้นหัวใจของนายถึงเปลี่ยนไป?"
กู่เทียนยิ้มก่อนจะหยิบหินก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและเปิดใช้งานมันทันที พลังแปลกประหลาดจากหินนั้นก่อให้เกิดอาณาเขตลึกลับขึ้นรอบตัวเขากับกวงลี่เหมย แยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก แม้แต่ไป๋เสวี่ยหลานที่อยู่ใกล้ๆเพียงแค่เอื้อมมือก็ไม่สามารถได้ยินการสนทนาของพวกเขาได้
ไป๋เสวี่ยหลานพยายามเงี่ยหูฟัง แต่กลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบ ความอยากรู้ของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย ว่าทั้งสองกำลังพูดอะไรกันแน่
แต่แล้วในชั่วพริบตา สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
ศีรษะของกู่เทียนะเิออกทันที เืสาดกระจายไปทั่วห้องรับรอง เสียงะเิของเืดังก้องจนทำให้ไป๋เสวี่ยหลานสะดุ้งตัวสั่นด้วยความใ ในขณะเดียวกัน กวงลี่เหมยเองก็พ่นเืออกมาอย่างหนัก ร่างของเธอล้มลงกระทบกับพื้น
ไป๋เสวี่ยหลานตกตะลึง เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ เืที่สาดกระจายอยู่รอบ ๆ ค่อย ๆ ไหลกลับมารวมตัวกัน เศษชิ้นเนื้อต่าง ๆ กลับมาติดเข้ากับร่างเดิมของกู่เทียน และเพียงไม่นาน หัวของเขาก็กลับมาเป็ปกติราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
กวงลี่เหมยลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยเืที่พ่นออกมาเมื่อครู่ เธอปัดมันออกลวก ๆ ก่อนจะยิ้ม ให้กู่เทียน ทั้งสองสบตากันก่อนจะยื่นมือออกไปจับกันแน่น ราวกับยืนยันข้อตกลงบางอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น
ไป๋เสวี่ยหลานที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ถึงกับตกอยู่ในอาการมึนงง"อะไรกัน? ไอ้สองคนนี้มันเป็บ้าอะไรกันแน่?"
เมื่อกี้พวกเขาเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย แต่ตอนนี้กลับมาจับมือกันราวกับเป็มิตรแท้ไปแล้ว ไป๋เสวี่ยหลานไม่สามารถเข้าใจการกระทำของทั้งสองคนนี้ได้เลย แต่ในฐานะเมดที่ดี เธอรู้หน้าที่ของตัวเองเป็อย่างดี ไป๋เสวี่ยหลานรีบจัดการทำความสะอาดคราบเืและเศษชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน บรรยากาศแห่งความตึงเครียดได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้กู่เทียนและกวงลี่เหมยนั่งดื่มกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่ากู่เทียนจะดื่มเพียงแค่น้ำส้มก็ตาม
เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็ระยะ ๆ ความเคร่งเครียดที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกแทนที่ด้วยความสนุกสนานและมิตรภาพที่ยากจะคาดเดา หลังจากนั้นไม่นาน งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการ
เสียงของ หวงชิ่งฟู่ หัวหน้าสาขาหลักของหอการค้านกยูงเจ็ดสีดังขึ้นอย่างทรงอำนาจ "เมื่อแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมาพร้อมกันครบแล้ว ผมขอประกาศเริ่มงานประมูลของหอการค้านกยูงเจ็ดสีในทันที!"
หวงชิ่งฟู่ หยุดเล็กน้อย ก่อนจะประกาศอย่างภาคภูมิใจ "เราจะมาเริ่มกันที่ของชิ้นแรก ลูกของสัตว์ร้ายระดับจักรพรรดิ!"
กู่เทียนมองลงไปยังเวทีด้านล่างอย่างเบื่อหน่าย การประมูลดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกนำขึ้นมาให้แขกในห้องประมูลได้แข่งขันกัน แต่ไม่มีสิ่งใดดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย
ลูกสัตว์ร้าย ไข่สัตว์ร้าย วัตถุดิบหายาก วัตถุดิบมายา สมบัติการป้องกันตัวหรือการรักษา ยาเร่งวิวัฒนาการ และอื่น ๆ อีกมากมายล้วนถูกประมูลออกไปทีละชิ้น แต่กู่เทียนไม่ได้ประมูลอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
กู่เทียนนั่งมองดูของที่ถูกเสนอขายด้วยความเบื่อหน่าย มันไม่ได้มีสิ่งใดที่จำเป็สำหรับเขาเลย เวลาผ่านไปจนกระทั่งงานประมูลจบลง กู่เทียนไม่ได้ประมูลของแม้แต่ชิ้นเดียว เขาพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองกวงลี่เหมยที่ยังคงนั่งดื่มอยู่ "จบแล้วงั้นเหรอ ช่างเป็งานประมูลที่ห่วยแตกสมฐานะผู้จัดงานจริงๆ?"
กวงลี่เหมยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น "ฮิฮิ ปากเสียอีกแล้ว อย่างนี้คงต้องเอาเืออกจากปากสักหน่อยเพื่อจะดีขึ้น"