อู๋อู๋ตรงไปยังหมวดวิชาคณิตศาสตร์เป็ที่แรก เคาะประตูที่คุ้นเคยก่อนจะเดินเข้าไป แต่กลับพบว่าที่นั่งของหลี่อวี้จือว่างเปล่า สื่อการสอนทุกอย่างถูกเก็บออกไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงโต๊ะทำงานโล่งๆ
ขณะที่กำลังตกตะลึง เธอก็ได้รับแจ้งว่าหลี่อวี้จือทำผิดวินัยร้ายแรงจึงถูกพิจารณาให้พักงาน
ในที่สุดอู๋อู๋ก็นึกขึ้นได้ หลังจากกลับบ้านไปเมื่อวันจันทร์ ซุนเหรินซึ่งมีตำแหน่งเป็ที่ปรึกษาประจำระดับชั้นโทรศัพท์มาหา และเหมือนว่าจะเคยเล่าให้เธอฟังแล้ว
และดูเหมือนจะมีบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น แล้วมันคืออะไร
เป็เพราะตอนนั้นเธอถูกเื่การคัดเลือกแบบโหวตโจมตีเข้าอย่างจังจึงรู้สึกสับสน จำได้เพียงว่าซุนเหรินโทรศัพท์มา แต่จำไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายพูดเื่อะไรบ้าง
“ถ้างั้น ตอนนี้ใครคือครูที่ปรึกษาของซูอินคะ”
เมื่อเข้าใจแล้ว เธอจึงไปที่หมวดวิชาภาษาจีนซึ่งอยู่ข้างๆ
ในห้องสำนักงานของหมวดวิชาภาษาจีน หลินซิ่วกำลังสนทนากับซูอินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครูรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเื่ใหญ่กับเธอ แต่เธอเป็เด็กอดทน เมื่อปรับตัวมาสักระยะหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเดินออกมาจากปัญหานั้นได้แล้ว เทียบกับมาตรฐานปกติของเธอ หากทำเต็มที่ ข้อสอบจำลองครั้งนี้ แน่นอนว่าเธอต้องทำคะแนนได้ดีกว่านี้”
ซูอินพยักหน้า
แน่นอนว่าเธออยากทำออกมาให้ดี แต่ใครใช้ให้การสอบในครั้งนี้เธอเห็นภาพซ้อนของโจทย์สำคัญในการสอบขึ้นมัธยมปลายล่ะ
หากเทียบกับโจทย์ข้อสอบขึ้นมัธยมปลาย การทำข้อสอบจำลองครั้งนี้ไม่ถือว่าสำคัญมากนัก
เธอรู้สึกขอบคุณการตัดสินใจของตัวเอง เพราะหลังจากที่เกิดความทรงจำนั้น เธอก็แทบจะนึกไม่ออกว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง กระดาษทดเลขที่มีเนื้อหา ช่วยเธอในการจดบันทึกโจทย์ทั้งหมด
แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกความจริง เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะนึกข้อแก้ตัวออก
“คุณครูคะ ที่จริงแล้ววันนั้นที่บ้านของหนูเกิดเื่ค่ะ”
ยังไม่ทันที่ซูอินจะเล่าเื่ที่เกิดขึ้น ประตูห้องสำนักงานก็เปิดออกพร้อมกับอู๋อู๋ที่เดินเข้ามา
“ซูอิน!”
คุณครูหลินลุกจากที่นั่ง น้ำเสียงของเธอแสดงความลังเล “คุณ…เป็ผู้ปกครองของซูอินหรือคะ”
คาบเรียนสุดท้าย คุณครูที่ไม่มีสอนได้เลิกงานไปก่อนแล้ว ในห้องสำนักงานของหมวดภาษาจีนจึงเหลือหลินซิ่วคนเดียว เนื่องจากมุมนั้นซูอินยืนบังหลินซิ่วอยู่ เมื่อหลินซิ่วลุกขึ้นทำให้อู๋อู๋เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย
อู๋อู๋ใช้ทักษะการเปลี่ยนใบหน้าอีกครั้ง สีหน้าของเธอสงบลง น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้น “ฉันชื่ออู๋อู๋ค่ะ เป็หมอที่โรงพยาบาลประชาชนประจำเมือง คุณคือ…คุณครูหลิน ครูที่ปรึกษาคนใหม่ของเด็กๆ ใช่ไหมคะ”
หลังจากแนะนำตัว อู๋อู๋เป็ฝ่ายยื่นมือไปทักทายหลินซิ่ว หากไม่นับคำพูดสองคำที่เธอเอ่ยด้วยความโมโหตอนที่เดินเข้ามาเมื่อครู่ เธอก็ดูเป็ผู้ปกครองที่ดีและมีเหตุผลมาก
“เกิดเื่กับคุณครูหลี่ ฉันจึงมาทำหน้าที่ครูที่ปรึกษาห้องหนึ่งชั่วคราวค่ะ คุณหมออู๋ มาที่นี่วันนี้มีธุระอะไรหรือคะ”
“เพราะเด็กคนนี้ค่ะ!”
อู๋อู๋มองไปที่ซูอิน จากมุมที่หลินซิ่วมองไม่เห็น เธอไม่ปกปิดสายตาชั่วร้ายไว้เลย
เื่อุ้มลูกมาผิดคน เื่กำหนดผู้ที่ได้รับโควตา เื่จับผิดจนหน้าแตกกลางที่สาธารณะ แม้แต่เื่ที่เมื่อคืนหยางอวี้หลานได้ช่วยงานสำคัญจนมีสิทธิ์ได้รับโควตา หลายต่อหลายครั้งที่เธอถูกเหยียบย่ำ ทั้งหมดเป็เพราะซูอิน หลายปีที่ผ่านมาอู๋อู๋มีงานที่ดี สามีเอาใจใส่ มีชีวิตราบรื่น ดังนั้นภูมิต้านทานต่อความพ่ายแพ้ของเธอจึงค่อนข้างต่ำมาก
ความโกรธที่สะสมอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เธอโกรธซูอินมาก
“พวกเรากำลังคุยกันเื่ข้อสอบจำลองอยู่พอดี คราวนี้ซูอินทำได้ไม่ค่อยดี เธอบอกว่าสาเหตุเพราะที่บ้านเกิดเื่ ไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดกันใช่ไหมคะ วันนี้อยู่พร้อมหน้าพอดี พวกเรามาเปิดใจคุยเื่นี้กันเถอะค่ะ”
ครูหลินเป็ครูที่ดี เมื่อชาติก่อนอู๋อู๋กับหลี่อวี้จือสมรู้ร่วมคิดกัน ให้เธอยืนตรงทางเดิน ทำความสะอาดห้องน้ำ และวิพากษ์วิจารณ์หน้าเสาธงต่อหน้าผู้คนจนเป็เื่ปกติ
ซูอินแสดงสีหน้าประทับใจแล้วเบี่ยงตัว ทำให้หลินซิ่วได้เห็นแววตาชั่วร้ายของอู๋อู๋
“คุณครูหลิน ฉันรู้ว่าคุณหวังดี แต่ดูสิคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ในครั้งนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้”
หลินซิ่วเมื่อเห็นแววตาประสงค์ร้ายของอู๋อู๋ก็ชะงักทันที
หลายปีก่อนหล่อนให้กำเนิดบุตรสาว ถึงแม้จะยุ่งกับงานจนต้องส่งลูกไปอยู่ในความดูแลของแม่สามี จึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและบุตร อย่างไรก็ตามบุตรสาวก็ยังเป็สิ่งสำคัญของหล่อนเสมอมา แม้จะได้รับการยืนยันว่าซูอินไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลหลิง แต่หล่อนก็เลี้ยงดูมาถึงสิบหกปี ไม่ว่าอย่างไรก็ควรมีความรู้สึกต่อกันบ้าง แล้วความขุ่นเคืองที่ฝังลึกเช่นนี้มาจากไหน
เมื่อให้เวลาครูของเธอได้กลั่นกรองครู่หนึ่ง ซูอินจึงพูด “คุณครูหลินคะ เมื่อครู่ที่หนูบอกว่าที่บ้านเกิดเื่ อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมาก เช้าวันที่ทำข้อสอบจำลอง หนูถูกคุณหมออู๋ชี้หน้าด่าแล้วไล่ออกจากบ้าน คืนนั้นหนูก็เลยไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้อง สวีเหวินเหวิน วันรุ่งขึ้นคุณหมออู๋ร้อนใจจนมาโรงเรียนแต่เช้า เที่ยวประโคมข่าวว่าคืนนั้นหนูไม่กลับบ้าน ทำให้เพื่อนนักเรียนหลายคนเข้าใจผิดว่าหนูไปทำเื่น่าอาย ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังลากให้หนูไปยืนตากฝนอยู่ตั้งนานจนตัวเปียก วันนั้นหนูก็เลยไม่ค่อยสบาย กลางคืนมีไข้ขึ้นสูง สุดท้ายก็เป็สวีเหวินเหวินที่พาหนูไปส่งโรงพยาบาล หากไม่เชื่อก็ไปเรียกสวีเหวินเหวินมายืนยันได้เลยค่ะ”
“ครูเชื่อเธอ”
หลินซิ่วสอนภาษาจีนให้ซูอินมาสามปี รู้ว่าเด็กคนนี้ว่านอนสอนง่าย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะแสดงท่าทีต่อต้านหลี่อวี้จือ อีกทั้งยังสร้างเื่จนทำให้ครูใหญ่หลี่ต้องพ้นตำแหน่ง แต่นั่นก็เป็ความผิดของหลี่อวี้จือ
คนที่รังเกียจหลี่อวี้จือมากที่สุดคงเป็ใครไปไม่ได้นอกจากหลินซิ่ว โชคดีที่ซูอินช่วยยกูเาสองลูกที่ทับหัวเธอออกไป ดังนั้นสำหรับเื่นี้เธอจึงเลือกยืนข้างซูอิน
“คุณหมออู๋ อธิบายได้ไหมคะว่าเป็เพราะอะไร”
เดิมทีอู๋อู๋มาที่นี่เพราะซูอินทำให้เธอขายหน้า แต่เธอเป็คนฉลาด เมื่อรู้ว่าไม่สามารถยืนหยัดเื่นี้ต่อไปจึงรีบเปลี่ยนประเด็น
“คุณครูหลินคะ อย่าโดนท่าทีน่าสงสารของเธอหลอกนะคะ แท้ที่จริงเด็กคนนี้นิสัยแย่ รู้ไหมว่าตอนอยู่บ้านเธอเป็ยังไง ปะทะคารมกับฉันทุกเช้า ฉันเป็ผู้ใหญ่ ยอมประนีประนอมไม่โกรธเธอที่เป็แค่เด็ก แต่เธอทำให้หลิงเมิ่งลูกสาวฉันไม่สบายใจ เดิมทีฉันเตรียมจะให้เมิ่งเมิ่งได้เข้าเรียนที่นี่ แต่ชีวิตเธอต้องพังลง”
หลินซิ่วเองก็รู้เื่นี้
“คุณหมออู๋กำลังพูดถึงเื่กระโปรงใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ เมิ่งเมิ่งแค่้าทำตามกฎของโรงเรียน จึงยืมชุดนักเรียนของซูอินมาใส่ แต่เธอทั้งที่รู้ว่ากระโปรงตัวนั้นมีปัญหา กลับยังให้ยืมจนเมิ่งเมิ่งต้องขายหน้า”
“แต่กระโปรงตัวนั้นลูกสาวคุณเป็คนตัด ซูอินจะรู้ได้ยังไงคะว่ามันมีปัญหา”
อู๋อู๋ที่ถูกถามชะงักไป จากนั้นก็พูดอีกประเด็นหนึ่ง “ต่อให้เมิ่งเมิ่งจะเป็คนตัด ซูอินก็ไม่ควรป่าวประกาศเื่นี้ให้ทุกคนรู้ อีกไม่นานพวกเธอต้องเลื่อนชั้น เด็กนักเรียนพวกนั้นก็จะเป็เพื่อนร่วมชั้นของเมิ่งเมิ่ง เมื่อเกิดความทรงจำที่ไม่ดีเช่นนี้ พวกเขาจะมองเมิ่งเมิ่งแบบไหนกัน”
หลินซิ่วเกือบสับสนไปคำพูดของอู๋อู๋ ยังดีที่เธอเป็คนมีทัศนคติสามประการ[1] เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงสติกลับมาได้ทัน
“กระโปรงนั่นซูอินไม่ได้เป็คนตัดไม่ใช่หรือคะ คุณหมออู๋ พวกเราต่างก็มีลูกสาวเหมือนกัน ฉันเข้าใจที่คุณเห็นใจลูกสาวของตัวเอง แต่เื่ที่เด็กๆ ทำผิด พวกเราซึ่งเป็ผู้ปกครองไม่ควรปิดบังการกระทำที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ แต่ควรตำหนิและลงโทษ บอกพวกเขาว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ คุณว่าไหมคะ”
อู๋อู๋ตะลึง
-------------------------------------------------------------------------
[1] ทัศนคติสามประการ หมายถึง ทัศนคติที่ประกอบด้วย ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิต ทัศนคติต่อคุณค่า จึงมีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า 三观不合 เมื่อมีทัศนคติทั้งสามประการที่ไม่ตรงกันก็ไม่ควรคบหากัน