ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์มักจะได้รับอิทธิพลจากมุมมองของปัจเจกบุคคล
ตอนรู้สึกดีด้วย อีกฝ่ายคือสาวสวยสดใสผู้เต็มไปด้วยพลังบวก
แต่เมื่อมีอคติ พอเห็นหน้าตาสวยหวานของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกระคายสายตายิ่งนัก
“เธอคงไม่สามารถคว้ารางวัลมาได้จริงๆ หรอกใช่ไหม?”
สหายที่อายุยังน้อยและไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนของทีมถ่ายทำคนหนึ่งพูดขึ้น เขายังคงรู้สึกหงุดหงิดกับการใช้เส้นสายลักษณะนี้
“ชู่! อย่าพูดไปเรื่อย คณะกรรมการแต่ละท่านมีชื่อเสียงในแง่บวกด้วยกันทั้งนั้น รองหัวหน้าหวังทำแบบนี้ไม่ว่าจะเป็ใครต่างก็ไม่พอใจด้วยกันทั้งสิ้น”
ดีไม่ดีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม
คนอย่างอาจารย์สวีกั๋วจาง ผู้ที่ไม่เคยปล่อยให้เื่ผิดพลาดผ่านไปเฉยๆ มีหรือที่เขาจะอนุญาตให้นักศึกษาแบบนี้ได้รางวัล?
สหายที่อายุมากหน่อยในทีมถ่ายทำพูดแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่
เขาไม่แน่ใจว่ารองหัวหน้าหวังผู้นั้นมีเจตนาอย่างไรกันแน่... ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานโกงข้อสอบจริง เื่นี้จะกลายเป็ข่าวฉาวใหญ่โต! แต่หากหวังดีกับคนรุ่นหลานจริงๆ เขาก็ควรใช้เส้นสายในที่ลับตาคนมากกว่านี้สิ ทว่าเขากลับใช้อำนาจการเป็ข้าราชการระดับสูงของฝ่ายอุดมศึกษาเช่นนี้ ดูเหมือนจะกร่างเกินไปหน่อยรึเปล่า
สหายาุโย่อมเคยผ่านประสบการณ์มามาก ดังนั้น ‘การฝากฝัง’ ของหวังก่วงผิงในครั้งนี้ ย่อมทำให้เหล่าคณะกรรมการรู้สึกต่อต้านเป็แน่
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอาจารย์สวี แม้แต่การถูกวิพากย์ต่อหน้าสาธารณชนยังไม่กลัว นับประสาอะไรกับรองหัวหน้าจากฝ่ายอุดมศึกษาคนหนึ่ง ตอนนี้อายุของเขาก็ปาเข้าเลขเจ็ดแล้ว จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ด้วยเหตุนี้เขาไม่จำเป็ต้องสนใจความก้าวหน้าในอาชีพการงานอีกต่อไป ในฐานะที่เขาเป็หนึ่งในผู้บุกเบิกของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง อาจารย์สวีที่อายุ 70 ปีผู้นี้จึงไม่มีอะไรให้ต้องความคาดหวังอีกแล้ว
หลังกลับมาที่มหาวิทยาลัย สวีกั๋วจางก็สั่งให้คนเอาข้อสอบของเด็กที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 20 คนมาให้
ที่นี่คือถิ่นของสวีกั๋วจาง ทีมตรวจข้อสอบล้วนคือรุ่นน้องของเขาทั้งสิ้น ดังนั้นหากเขา้าเห็นข้อสอบก็ไม่ใช่เื่ยากแต่อย่างใด
กรรมการอีกสองคนก็ตามมาช่วยสวีกั๋วจางหาข้อสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยเช่นกัน
“อาจารย์สวี เด็กคนนี้มาจากหัวชิง”
ถ้าอย่างนั้นคงไม่ผิดแน่
สวีกั๋วจางเปิดอ่านข้อสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างละเอียด
ข้อสอบตัวเลือกไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้ ถูกหรือผิดแยกให้เห็นได้อย่างชัดเจน ในส่วนของการเขียนเรียงความก็ทำได้ไม่เลว คะแนนการตรวจข้อสอบไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย ต่อให้สวีกั๋วจางเข้มงวดแค่ไหน แต่หากใช้มาตรฐานการให้คะแนนเรียงความที่เข้มงวดยิ่งกว่านี้ อย่างมากก็หักคะแนนไปได้แค่ 1 คะแนนเท่านั้น
หายไป 1 คะแนน เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้อันดับ 20 พอดี อย่างไรก็ผ่านเข้ารอบการแข่งขันทักษะการพูดดั่งเดิม
สวีกั๋วจางไม่มีทางทำเื่อย่างการจงใจจับผิดเล็กๆ น้อยๆ และหักคะแนนนักศึกษาตามใจฉัน เพียงเพื่อเขี่ยเซี่ยเสี่ยวหลานให้หลุดจาก 20 อันดับแรก
แต่ถ้าจะไม่สนใจเลย คำพูดของรองหัวหน้าหวังก็เป็เหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ในคอน่ะสิ
“ไม่มีอะไร ผมแค่ขอดูไปอย่างนั้นเอง”
ทีมตรวจข้อสอบรู้สึกโล่งอก นึกว่าข้อสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีอะไรผิดพลาดเสียอีก
การแข่งรอบชิงมีกรรมการทั้งหมด 5 คน ทั้งสามคนรวมสวีกั๋วจางด้วยคือสมาชิกของ ‘คณะกรรมการฝ่ายเรียบเรียงและตรวจสอบแบบเรียนวิชาภาษาต่างประเทศระดับอุดมศึกษา’ โดยมีสวีกั๋วจางเป็หัวหน้าคณะกรรมการชุดนี้
คณะกรรมการกชุดนี้จะอยู่ภายใต้สังกัดฝ่ายอุดมศึกษา และถือว่าเป็หน่วยงานที่ปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง แบบเรียนภาษาอังกฤษของสถาบันอุดมศึกษาล้วนเป็ฝีมือการร่างของคณะกรรมการชุดนี้ ดังนั้นผู้ที่สามารถมาเป็กรรมการพร้อมกับสวีกั๋วจางได้ล้วนเป็บุคคลระดับเดียวกัน
กรรมการอีกสองคนที่เหลือ หนึ่งคือจางอ้ายฉวินจากฝ่ายอุดมศึกษา
ส่วนอีกคนคือแคทเธอรีน เธอเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษจากสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน และเพราะรายการ《FOLLOW ME》ทำให้แคทเธอรีนกลายเป็ที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้ชมชาวจีนอย่างล้นหลาม เชิญชาวอังกฤษมาเป็กรรมการด้วยเช่นนี้ การแข่งขันภาษาอังกฤษครั้งแรกจะยิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
คะแนนสอบของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีปัญหา แต่สวีกั๋วจางยังคงรู้สึกเคลือบแคลงใจ
มีความเป็ไปได้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะใช้เส้นสายของรองหัวน้าหวังเพื่อให้เห็นข้อสอบก่อน ในเมื่อรองหัวหน้าหวังฝากฝังเธอต่อหน้าทุกคนอย่างไม่อับอาย สวีกั๋วจางก็มีเหตุผลให้สงสัยว่า รองหัวหน้าหวังกล้าทำเื่ที่มากกว่านี้อย่างแน่นอน
อยากได้อันดับในการแข่งขันภาษาอังกฤษอย่างนั้นหรือ?
เป้าหมายที่แท้จริงคงเป็การได้เป็นักศึกษาแลกเปลี่ยน หรือไม่ก็คง้าแม้กระทั่ง ‘ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ’
สวีกั๋วจางเ็ากับหัวหน้าแผนกจานอย่างกะทันหัน เพราะเขารู้สึกว่าเธอคงถูกรองหัวหน้าหวังฝากฝังมาก่อนแล้วนั่นเอง และเพราะทั้งสองคนเป็เพื่อนร่วมงานกัน จึงทำให้สวีกั๋วจางไม่อยากเข้าใกล้เธอด้วยอีกคน!
“การแข่งขันดีๆ กลับถูกคนทำเสียบรรยากาศหมด” หนึ่งในคณะกรรมการกล่าวขึ้นเสียงเบา
เื่นี้ถ้าไม่ทำการตรวจสอบให้ดีแล้วจะเป็ธรรมกับนักศึกษาคนอื่นได้อย่างไร รองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาคิดว่าตนมีอำนาจล้นฟ้าอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่แค่ห้ามปล่อยคนโกงได้รางวัล ทว่าเป็ถึงนักศึกษาหัวชิงคิดโกงข้อสอบอย่างไรก็ได้หรือ?
หากสืบหาหลักฐานได้เมื่อไรจะต้องทำการลงโทษขั้นรุนแรง
ถ้าโกงการสอบแข่งขันภาษาอังกฤษได้ นั่นก็หมายความว่าการสอบอื่นๆ ก็สามารถโกงได้เช่นกันใช่หรือไม่เล่า
“เด็กรุ่นปี 1984 แสดงว่าเป็นักศึกษาปีหนึ่งสินะ”
จากเด็กที่ผ่านเข้ารอบมา 200 คน มีเด็กปีหนึ่งจำนวนไม่เกิน 3 คน!
และเด็กปีหนึ่งที่ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายก็มีแค่เซี่ยเสี่ยวหลานเพียงคนเดียวเท่านั้น กรรมการทั้งสามคนรวมถึงสวีกั๋วจางต่างก็จมอยู่กับความคิดของตนเองอย่างเงียบงัน
สวีกั๋วจางอายุมากแล้ว มีคุณวุฒิสูงสุด ดังนั้นเขาย่อยเป็คนที่ไร้กังวลมากที่สุด
“ลองถามทางหัวชิง บอกพวกเขาให้ส่งประวัติของเซี่ยเสี่ยวหลานมาดูหน่อยสิ”
ถ้าความยอดเยี่ยมของเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งอยู่บนพื้นฐานอย่าง ‘การโกง’ สวีกั๋วจางไม่มีทางยอมปล่อยผ่านอย่างแน่นอน
—------------------------------------------------------
ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ตื่นเต้นกับการสอบทักษะการพูดแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรตอนนี้หลายๆ คนก็เรียนภาษาอังกฤษแบบอ่านออกเขียนได้แต่พูดไม่ได้ ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพียงเพื่อนำไปใช้ในการทำงานั้แ่สมัยเป็พนักงานขาย โดยเธอเริ่มั้แ่เรียนเพื่อให้ตัวเองสามารถอ่านคำอธิบายการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ จนกระทั่งสามารถติดต่อประสานงานกับคู่ค้าจากต่างประเทศได้ด้วยตัวเอง เธอทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเป็อย่างมาก นอกจากนี้เธอเรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้งาน ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าทักษะการพูดของตนอยู่ในระดับพอใช้ได้
อาจารย์หลินดีใจมาก ส่วนศาสตราจารย์เฮ่อก็ให้กำลังใจเซี่ยเสี่ยวหลานกับจงไฉ่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทีมถ่ายทำจากสถานีโทรทัศน์แบกกล้องเข้ามาใกล้
“ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหัวชิงทั้งสองคนที่ผ่านเข้ารอบทักษะการพูดด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าทั้งสองพอจะช่วยแนะนำตัวกับผู้ชมได้หรือเปล่าครับ”
ไฟสีแดงที่กล้องส่องสว่าง เป็สัญญาณบอกใบ้ว่าตอนนี้เริ่มเข้าสู่การถ่ายทำแล้ว
จงไฉ่ประหม่าเล็กน้อย หลักๆ แล้วเป็เพราะทีมถ่ายทำเข้ามาหาอย่างกะทันหัน แบกกล้องตรงมาทางนี้อย่างมีเป้าหมายชัดเจน
ประหม่าก็ส่วนประหม่า สำหรับการบันทึกภาพการแข่งขันรอบชิง อย่างไรพวกเขาก็ต้องเตรียมตัวมาบ้าง ดังนั้นการแนะนำตัวจึงไม่ใช่เื่ยากแต่อย่างใด ใช้ภาษาจีนแนะนำตัวไปแล้ว จะให้พูดฉบับภาษาอังกฤษด้วยก็ยังได้เลย!
พอถึงคิวของเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอพูดสั้นๆ ง่ายๆ แค่สองประโยคเท่านั้น
หลังเธอพูดจบนักข่าวของทีมถ่ายทำเหมือนยังรู้สึกไม่พอใจ จึงถามต่ออีกประโยคว่า
“นักศึกษาเซี่ย ไม่ทราบว่าจุดประสงค์ในการเข้าแข่งขันของคุณคืออะไรครับ”
ยังต้องถามอีกหรือ ตอนแรกเธอลงแข่งเพื่อเกียรติยศของตัวเองและสถาบัน ตอนหลังพอรู้ว่ามีโอกาสได้เป็นักศึกษาแลกเปลี่ยนก็ยิ่งอยากได้รางวัล แต่เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ตอบแบบนั้น เธอมองกล้องด้วยสีหน้าจริงจัง
“...ขอบคุณค่ะ ฉันคิดว่าการแข่งขันสำคัญที่การเข้าร่วม ระหว่างการแข่งขันพวกเราจะได้รับสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าผลการแข่งค่ะ”
นี่ไม่ใช่การพูดเหลวไหล การแข่งขันครั้งนี้คือสิ่งที่บีบให้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งตลอด่เวลาที่ผ่านมา เป็เหตุให้ระดับภาษาอังกฤษของเธอดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ถ้าเมื่อก่อนเรียกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสื่อสารได้อย่างไร้อุปสรรค ปัจจุบันหากจับเธอไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็หลักก็ไม่มีปัญหา
ไม่รู้ทำไม เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าสีหน้าของนักข่าวตอนถามถึงได้ดูแปลกประหลาด
เหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เธอพูดผิดหรือเปล่า?
นี่เป็คำตอบตามมาตรฐาน หรือว่าบนหน้าเธอมีอะไรติดอยู่?
ประกาศผลการสอบข้อเขียนตอนบ่ายโมงตรง จากนั้นเวลาบ่ายสองโมงจะเริ่มบันทึกภาพการแข่งขันทักษะการพูด
สถานีโทรทัศน์ทำการติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายทำเอาไว้แล้วล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เป็การเสียเวลา โดยพวกเขาให้นักศึกษาที่ไม่ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายมาเป็ผู้ชม และเหล่าอาจารย์ก็สามารถเข้าไปชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้เช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินตามคนอื่นๆ ไปแต่งหน้าที่ด้านหลังเวที เสื้อผ้าไม่จำเป็ต้องเปลี่ยน ทว่าออกโทรทัศน์หน้าตาต้องดูสดใส ดังนั้นคงหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าไม่ได้น่ะสิ
จี้เจียงหยวนเองก็เป็หนึ่งในผู้ชมที่นั่งอยู่ในงาน หลังเขาเข้าห้องน้ำกลับมายังไม่ทันหาที่นั่งของตัวเองเจอ เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ ฝากฝังอะไรสักอย่าง เซี่ยเสี่ยวหลานกับหัวชิง คำเหล่านี้ดึงสมาธิของจี้เจียงหยวนได้ภายในชั่วพริบตา เมื่อเขาหันกลับไปมองก็พบว่า สองคนที่กระซิบกระซาบกันอยู่นั้นคือคนจากทีมถ่ายทำ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!