ภายในหอประชุมใหญ่ ณมหาวิทยาลัยหลิวหัว
หน้าประตูเต็มไปด้วยกลุ่มผู้ร่วมงานไม่น้อยที่กำลังรอเข้าไปในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้บริเวณปากทางเข้าหอประชุมมีกลุ่มชายสวมชุดทักซิโด้สีดำกำลังยืนตรวจตราคนเข้างานดูเหมือนจะต้องมีบัตรเข้างานสินะจึงจะเข้าไปได้ อันที่จริงถ้ามีบัตรนักศึกษาใหม่ก็สามารถเข้าได้เหมือนกัน
“นี่เซียวเหยา...อย่าบอกนะว่านายไม่ได้เอาบัตรนักศึกษามาน่ะ...” ตงเฉิงเยว่หันมามองผมพร้อมยิ้ม
ผมล้วงกระเป๋าก่อนจะดึงบัตรออกมา“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันไม่ได้ขี้ลืมขนาดนั้นสักหน่อย นี่ไง เอามาแล้ว”
“โอเคงั้นเข้าไปในงานกันเถอะ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าก่อนลากตงเฉิงเยว่เข้าไปด้านในสองสาวเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับเอลฟ์สาวยามราตรีขณะที่ผมเดินตามหลังไปติดๆ ตอนที่ยื่นบัตรให้ชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่หน้าประตูคนพวกนั้นก็ชะงักก่อนจะพยักหน้าให้ผม “อื้อ เข้าไปได้”
……
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วผมก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะภายในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแก้วไวน์มากมาย ให้ตายเถอะพระเ้า! หรูหราชะมัดใครกันนะที่ออกเงินจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่คงจะเป็พวกเศรษฐีที่ร่ำรวยแน่ๆ เลย
ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าเพดานถูกตกแต่งด้วยโคมไฟนับหมื่นเสมือนดวงดาราที่ประดับอยู่บนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้นใช้คำว่างดงามไม่ได้แล้วสิ ควรจะเรียกว่าเป็งานเลี้ยงหรูหราระดับพรีเมียม
“สาขาวิชาภาษาจีนคลาส 1! ”
ไกลออกไปมีกลุ่มผู้ชายใส่ชุดทักซิโด้ยกมือขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ“เฮ้! หลินหว่านเอ๋อร์กับตงเฉิงเยว่ นักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 ใช่ไหม? โต๊ะของสาขาวิชาภาษาจีน คลาส 1 นั่งตรงนี้! ”
หลินหว่านเอ๋อร์ดูใเล็กน้อยก่อนจะเดินนำผมและตงเฉิงเยว่ไปที่โต๊ะด้านหน้าทันใดนั้นชายหนุ่มที่มีหนวดเคราก็เดินมาข้างหน้า เขายื่นมือออกมาพร้อมยิ้ม“สวัสดีหลินหว่านเอ๋อร์ ฉันเป็ประธานนักเรียนของคณะภาษาจีน ชั้นปีที่ 4 ชื่อแจ๊คนะ”
หลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ยื่นมือไปรับคำทักทายเธอแค่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ”
เพราะถูกปฏิเสธการจับมือทักทายทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนทันที
ผมก้าวไปด้านหน้าก่อนยื่นมือไปจับมือเขาพร้อมกับยิ้ม“สวัสดีครับ ผมหลี่เซียวเหยา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 แล้วก็เป็เพื่อนของหลินหว่านเอ๋อร์ด้วยยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
แจ๊คชะงักไปก่อนยิ้มออกมา“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ...”
ตงเฉิงเยว่แอบยิ้มก่อนลากหลินหว่านเอ๋อร์ไป“นี่หว่านเอ๋อร์ พวกเรานั่งตรงนี้ก็แล้วกันเนอะ เซียวเหยาทักทายรุ่นพี่เสร็จแล้วก็มานั่งกับพวกฉันนะ”
“อื้อ”
……
ผมมองเสื้อสูทราคาแพงของแจ๊คดูเหมือนจะเป็ยี่ห้อ Metersbonwe แฮะ ส่วนกางเกงน่าจะเป็แบรนด์ G2000รองเท้านั่นคงเป็ XEP สินะคาดว่าจะเป็การแต่งตัวผสมผสานระหว่างแบรนด์เนมกับโนเนม แต่ก็ช่างเถอะคนจะสูงหรือต่ำอยู่ที่การกระทำและการวางตัวมากกว่าเสื้อผ้าหน้าผมหลังจากทักทายเขาเสร็จ ผมก็หมุนตัวเดินไปนั่งข้างหลินหว่านเอ๋อร์วันนี้ผมมาในฐานะนักศึกษาใหม่และเพื่อนของหลินหว่านเอ๋อร์ซึ่งเป็สิ่งที่หลินเทียนหนานเตรียมการไว้ั้แ่แรกแล้วรวมถึงการช่วยผมเปลี่ยนโปรไฟล์ส่วนตัวด้วยแน่นอนว่าไม่มีใครเห็นประวัติการทำงานก่อนหน้านี้ของผมไม่ว่าจะเป็ตำแหน่งทหารรับจ้าง กองกำลังพิเศษ ตำรวจพิเศษ ตำรวจเกี่ยวกับคดีอาญา ตำรวจจราจร หรือแม้แต่ตำแหน่งยามเื่พวกนี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถของหลินเทียนหนานอยู่แล้วและมันก็เป็สิ่งที่ผม้าเช่นกัน
เพียงไม่นานสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยนักศึกษาที่มีใบหน้าไร้เดียงสา นักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 ส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง ในขณะที่ประธานนักเรียนคนนั้นใส่เสื้อผ้าเกรดกลางๆดูแล้วเหมือนไม่ใช่งานเลี้ยงต้อนรับเท่าไร แต่เหมือนงานอวดร่ำอวดรวยกันเสียมากกว่า
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาจากด้านหลังสายตาของนักศึกษาชายสาขาวิชาภาษาจีน คลาส 2 ที่ให้ความรู้สึกแบบนักล่าที่ได้กลิ่นอันหอมหวานของเหยื่อซึ่งเหยื่อที่พูดถึงก็คือหลินหว่านเอ๋อร์และตงเฉิงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่แหละให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมคงดูเหมือนกับพวกหล่อเลือกได้ แต่ก็นั่นแหละนะแม้จะอยู่ห่างจากคนพวกนั้น แต่ผมก็ยังได้ยินเื่ที่พวกเขาคุยกันอยู่ดี
“พวกนายดูสาวสวยที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆสองคนนั้นสิ นั่นมันสาวงามสาขาวิชาภาษาจีนชั้นปีที่ 1 ที่เขาพูดถึงกันไม่ใช่เหรอ?เห็นว่าชื่อหลินหว่านเอ๋อร์กับตงเฉิงเยว่ สวยสมกับที่ได้ยินมาจริงๆ”
“หลินหว่านเอ๋อร์เหรอ?!ใช่หลินหว่านเอ๋อร์ที่ร้องเพลง Heart of time นั่นหรือเปล่า?ให้ตายเถอะ ฉันเคยเห็นเธอในโปสเตอร์ เป็เธอจริงๆ ด้วย!หลินหว่านเอ๋อร์ปะ... เป็... เป็เทพธิดาในดวงใจของฉันเลยนะ... ทะ... ทำไมจู่ๆฉันถึงพูดตะกุกตะกักละเนี่ย...”
“สายตานายนี่แย่ชะมัด!ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าหลินหว่านเอ๋อร์ชัดๆ! ”
“จะว่าไปไอ้หมอนั่นที่นั่งข้างๆ เป็ใครวะ? ดูเหมือนจะสนิทกับหลินหว่านเอ๋อร์มากเลยนะนั่น”
“ไม่เห็นต้องไปสนใจใส่เสื้อผ้าเห่ยขนาดนั้น ดูก็รู้ว่ามาเพื่อกินเดี๋ยวหลังจากพิธีเปิดเริ่มพวกเราก็แค่ไปชนแก้วกับเ้าหมอนั่นสักหน่อย แล้วก็ลากมันออกไปแค่นี้ก็ทางสะดวกแล้วละ”
……
ผมหันไปมองคนที่พูดก่อนพบว่าเป็ชายหนุ่มย้อมผมสีแดงอายุราว 25 ปี ก็ไม่ห่างกับผมมากเท่าไรแต่หน้าตาดูหยิ่งยโสชะมัดเ้านั่นใส่ชุดสีแดงเข้มที่ดูแล้วน่าจะเป็เสื้อผ้าแบรนด์ดังแม้แต่นาฬิกาข้อมือก็ยังส่องแสงสีทองวิบวับ อืม คงจะเป็ยี่ห้อ VacheronConstantin รุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ปี 2016 สินะสินค้าเกรดบนที่มีราคาถึง 2 ล้านหยวนอันที่จริงผมก็เคยเห็นผ่านๆ แค่ในนิตยสารเท่านั้นแหละไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับของพวกนี้นักหรอก
“เ้าผมแดงนั่นใครเหรอ?” ผมหันไปหาตงเฉิงเยว่ “ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้าชะมัด เยว่เอ๋อร์อย่าเพิ่งรีบหันไปนะ เดี๋ยวเ้านั่นสงสัย”
ตงเฉิงเยว่หมุนแก้วในมือก่อนจะแอบหันไปแล้วกระซิบ“หลิวอิง เป็ลูกชายของประธานกรรมการหางโจวเฟิงหลิงกรุ๊ป เห็นว่าเป็นักศึกษาปี 3 แต่ไม่รู้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่ชื่อเสียงของหมอนั่นไม่ค่อยดีเท่าไรอยู่ห่างๆ ไว้ก็ดีเหมือนกัน”
ผมพยักหน้า “อื้อเข้าใจแล้ว”
ในเวลาเดียวกันหลินหว่านเอ๋อร์ก็เม้มปากหันมามองผม “นายจะสนใจเ้าหมอนั่นไปทำไม? ”
ผม “เปล่าก็แค่คิดว่าอีกสักพักเ้าพวกนั้นก็คงจะมาขอเต้นรำหรือไม่ก็ขอชนแก้วแน่ๆก็เลยอยากเตรียมตัวไว้ก่อน”
หลินหว่านเอ๋อร์ “...”
……
ตอนนั้นเองก็มีคนเดินมานั่งข้างผมซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็เ้าแว่นถางกู่นี่เอง
“ฮ่าๆๆๆที่แท้นายก็อยู่ที่นี่เอง...” ถางกู่โอบไหล่ผม แต่สายตาจ้องไปที่สองสาว ฮึ่ย!ไอ้แว่น!
ผมผลักมือเ้าแว่นออกพร้อมพูด“เ้าแว่น ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย? ”
“ให้ตายเถอะฉันก็นักศึกษาชั้นปี 1 แถมยังอยู่สาขาภาษาจีนเหมือนกันนะเว้ยไม่งั้นฉันจะเป็รูมเมตอยู่ห้องเดียวกับนายได้ไงฟะ? ”
ผม “…”
ถางกู่มองไปที่หลินหว่านเอ๋อร์ทันใดนั้นเสียงของเขาก็สั่นด้วยความประหม่าพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำคล้ายจะเป็ลม“หลินหว่านเอ๋อร์... เอ่อ... สวัสดี... ผะ... ผมถางกู่เป็รูมเมตของหลี่เซียวเหยา... ยะ... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มก่อนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาชวนหลงใหล“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน...”
ตอนนี้ถางกู่ดูเหมือนคนที่เจียนจะขาดใจตายเมื่ออีกฝ่ายตอบรับกลับเขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดหน้าจอรัวๆ พร้อมกระซิบกับผมว่า “เ้าหลี่นายนี่โชคดีชะมัดเลย”
ผม “โชคดีบ้าอะไรของนาย? ”
“ยังจะมาทำฟอร์มอีก!” พูดจบถางกู่ก็ยื่นมือถือมาตรงหน้า “นายดูในกลุ่มของมหาวิทยาลัย่ 2 วันมานี้สิ! ธรรมเนียมของที่นี่คือเมื่อมีนักศึกษาใหม่เข้ามาเขาจะมีการจัดลำดับสาวงามสิบอันดับแรกด้วยนะเว้ย! ”
“เอ๋? มีจัดอันดับด้วย...”
“ก็ใช่น่ะสิ...”ถางกู่รีบเช็ดน้ำลาย “ตอนนี้ผลโหวตออกมาแล้วด้วยนะหลินหว่านเอ๋อร์ถูกจัดให้เป็สาวงามอันดับ 1 ส่วนตงเฉิงเยว่ถูกจัดอยู่อันดับ2 ก่อนหน้านี้ซือถูเสว่นักศึกษาชั้นปี 2 ที่เคยถูกจัดให้อยู่อันดับ 1 ก็ร่วงลงไปอยู่อันดับ 3ซะงั้น ส่วนหวางหรานกับหลิวลู่ที่อยู่อันดับ 4 อันดับ 5 ก็ร่วงลงไปเหมือนกัน”
ผมกระตุกมุมปาก“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย...”
หลินหว่านเอ๋อร์กวาดตามองมาก่อนพูดขึ้น“นั่นน่ะสิ น่าเบื่อชะมัด”
นี่เป็ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เธอเห็นด้วยกับผม
ถางกู่หัวเราะหึๆก่อนกวาดตามองไปรอบๆ ตอนที่สายตาของเขาสบกับหลิวอิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “นี่เ้าหลี่ หลินหว่านเอ๋อร์กับตงเฉิงเยว่เป็เพื่อนนายจริงๆ เหรอ? ”
ผมพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิทำไมเหรอ? ”
“งั้นนายก็ดูแลพวกเธอดีๆหน่อยแล้วกัน...”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“นายรู้จักเ้าหลิวอิงไหม?” ถางกู่กระซิบให้ได้ยินกันแค่เขากับผม “เ้านั่นเป็ลูกชายของเฟิงหลิงกรุ๊ปเป็นักศึกษาชั้นปี 3 เข้ามาที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว ฉายาของมันคือ นักฆ่าสังหารดอกไม้มหา’ลัย สาวงาม 10 อันดับต้นๆ ของที่นี่นอกจากซือถูเสว่ หวางหราน และหลิวลู่ คนอื่นๆล้วนถูกเ้านั่นลากขึ้นเตียงหมด”
ผมตะลึงจนอ้าปากค้าง
ทันใดนั้นหลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดขึ้น“พวกผู้ชายเ้าชู้แบบนี้น่ารังเกียจที่สุด”
ผมหันไปมองเธอด้วยความตะลึงทักษะการฟังของหลินหว่านเอ๋อร์นี่ดีชะมัดเลยแฮะเธอหันมายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มกระชากใจก่อนพูดต่อ “นายสบายใจเถอะยังไงฉันก็ไม่ชนแก้วหรือออกไปเต้นรำกับคนแบบนั้นหรอก”
ผมพยักหน้า “อื้อ”
……
ผ่านไปไม่นานผู้ดำเนินรายการก็เดินขึ้นเวทีเพื่อเปิดงานซึ่งเป็่เวลาที่ผมสามารถไปหาของอร่อยๆ กิน แม้ผมจะไม่รู้จักชื่ออาหารพวกนั้นแต่มันก็อร่อยสุดๆ ไปเลยส่วนเ้าแว่นนั่นไม่ต่างจากผมที่เหมือนกับพวกตายอดตายอยากมาเป็ปีๆเดินตักนู่นตักนี่ไม่หยุดมือ เมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะก็พบกับเพื่อนนักศึกษาสาขาภาษาจีนคลาส 1 ทั้งหมด 20 คนหลังจากแนะนำตัวเองแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก บรรดาหนุ่มๆที่โต๊ะต่างพากันกรูเข้าไปทักทาย 2 สาวข้างๆ ผมขณะที่ผมกับเ้าแว่นได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป
หลังจากกินไปได้ครึ่งทางด้านหลังผมก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามา ซึ่งล้วนแต่เป็นักศึกษาใหม่จากสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และมาพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ไวน์ที่พวกเขาดื่มไปก่อนหน้านี้โดยวัตถุประสงค์ที่มานี่ก็เพื่อจะชนแก้วกับสาวงามสาขาวิชาภาษาจีนชายหนุ่มผู้มีร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งโปรยยิ้มพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “หนุ่มๆจากสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์มาถึงนี่กันหมดแล้วหลินหว่านเอ๋อร์คนสวยคงจะไม่ปฏิเสธพวกเราหรอกใช่ไหมครับ? ”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ...”
หลินหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะหันมามองผมด้วยใบหน้าที่เริ่มกลายเป็สีแดงมันทำให้ผมเริ่มลำบากใจ
มีคนเข้ามาขอชนแก้วหลินหว่านเอ๋อร์อย่างต่อเนื่องซึ่งเธอเองก็ไม่ปฏิเสธเลยขณะที่นั่งอยู่ก็หันมามองหน้าผมด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาจนผมไม่กล้าสบตาด้วยเป็เพราะมันดูคล้ายว่าเธอกำลังโกรธคงจะโมโหที่ว่าทำไมพ่อตัวเองถึงได้ส่งให้ผมมาจับตามองเธอที่นี่ ทำไมถึงไม่ให้เธอได้ใช้ชีวิตอิสระแบบคนอื่นๆซึ่งเื่แบบนี้ผมเองก็รู้ดี แต่ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เหมือนกัน
“นี่คุณหนูคุณดื่มเยอะเกินไปแล้วนะ ผมว่าเรากลับกันเถอะ”
ผมยื่นมือไปจับข้อมือของหลินหว่านเอ๋อร์โอ้โฮ! นุ่มดีจังวุ้ย
“อย่ามาถูกตัวฉัน!”
หลินหว่านเอ๋อร์สะบัดข้อมือออกราวกับถูกไฟดูดพร้อมทำท่าราวกับว่าได้รับาเ็ทันใดนั้นตงเฉิงเยว่ก็ถามด้วยความสงสัย “นี่หว่านเอ๋อร์ เธอเป็อะไรหรือเปล่า? ”
หลินหว่านเอ๋อร์มองมาที่ผม“โทษที ฉัน...”
ผมไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นทำได้เพียงมองเธอเงียบๆ
……
ในเวลานั้นเองก็มีคนจากโต๊ะอื่นเดินมาด้านหลังของผมก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคุ้นหู“หลินหว่านเอ๋อร์ครับ ผมชื่อหลิวอิงนะ ถ้าจะขอชนแก้ว คุณจะรังเกียจหรือเปล่าครับ? ”
ผมลุกขึ้นด้วยสายตาดุดันก่อนหันไปหาอีกฝ่าย“คุณหนูหว่านเอ๋อร์ดื่มไปเยอะแล้ว เดี๋ยวฉันจะดื่มแทนเอง”
“แกเป็ใครวะ?”
หลิวอิงขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับท่าทางก้าวร้าวทว่าทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ที่แท้ก็แกนี่เอง ไอ้เซียวเหยาจื้อจ้าย! ”