เห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้า ในใจเฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกปลงอนิจจัง แม้ฮองเฮาในอดีตจะไม่เรียนรู้อะไร และค่อนข้างเหลวไหล แต่กลับปฏิบัติต่อบ่าวไพร่ไม่เลว หาไม่แล้วจะได้รับการปกป้องจากบ่าวไพร่ที่จงรักภักดีเช่นนี้ได้อย่างไร
มือของซุนกงกงถูกคนคว้าเอาไว้ เขากำลังจะอ้าปากด่าทอ เมื่อหันกลับไปมองเห็นผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ไม่ใช่ใครอื่น คือฮองเฮานั่นเอง เขาใจนโง่งมไปชั่วขณะ เข่าทั้งคู่งอลงคุกเข่ากับพื้นตัวสั่นเทิ้ม “เหนียง เหนียงเหนียง...”
ผู้ติดตามอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาคือขันทีอีกสองคน เมื่อเห็นว่าเป็ฮองเฮาก็ใจนขาอ่อนยวบ ด้วยความลนลานเมล็ดแตงที่อยู่ในมือจึงหกลงเต็มพื้น
เฟิ่นเฉี่ยนสะบัดมือของซุนกงกงออกไป เมื่อก้มหน้าลงมองบนพื้นที่ยืนอยู่ พบว่าล้วนเต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดแตงเต็มไปหมด นางขมวดคิ้ว “นี่มันเื่อะไรกัน”
ชิงเหอยืดอก ชี้ไปที่ซุนกงกงพลางร้องเรียนว่า “ทูลเหนียงเหนียง พวกเขาเป็คนในตำหนักของฉีเหม่ยเหรินเพคะ คิดจะมาโยกย้ายให้พวกเราไปปรนนิบัติฉีเหม่ยเหริน พวกเราไม่ยินยอม พวกเขาจึงมาแทะเมล็ดแตงในตำหนักของพวกเราทุกวัน พวกเรากวาดไปถึงที่ใด พวกเขาก็จะไปแทะเมล็ดแตงที่นั่น ทั้งยังพูดจาไม่ให้เกียรติ ลบหลู่เหนียงเหนียงด้วยเพคะ”
นางกำนัลคนอื่นๆ จึงร้องเรียนบ้าง
“พวกเขายังตบตีพวกเราเป็ประจำ แล้วทิ้งเปลือกเมล็ดแตงใส่หน้าพวกเราเพคะ”
“พวกเขายังแหวกเสื้อผ้าของหม่อมฉัน แล้วยัดเมล็ดแตงในปกคอเสื้อของหม่อมฉัน ไม่อนุญาตให้หม่อมฉันถอดเสื้อผ้า ฮือๆ...”
“เมื่อสักครู่หากเหนียงเหนียงมาไม่ทันการณ์ พวกเขาก็จะตบหน้าชิงเหอกูกู พวกเขาทำเกินไปจริงๆ เพคะ!”
“พวกเ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน หุบปากให้หมด!” ซุนกงกงหันไปตวาดเสียงเข้มใส่พวกนางกำนัล เหล่านางกำนัลจึงพากันเงียบลงทีละคนๆ ต่างก้มหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แค่คิดก็รู้ว่าในยามปกติพวกเขาต้องได้รับความทุกข์ปานใด จนกระทั่งกลายเป็เงามืดในจิตใจ
หันกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าเ้าเนื้อของซุนกงกงยิ้มจนตาหยี แก้ต่างให้ตนเอง “ทูลเหนียงเหนียง พระองค์อย่าได้ฟังพวกนางพูดจาเลอะเทอะ! ที่บ่าวมาตำหนักเว่ยยางก็เพื่อช่วยฉีเหม่ยเหรินคัดเลือกนางกำนัลที่เหมาะสม อีกทั้งตามกฎระเบียบของวัง หากเ้านายเข้าไปในตำหนักเย็น นางกำนัลในตำหนักนี้จะต้องถูกโยกย้ายเพื่อไปปรนนิบัตินายใหม่ บ่าวแค่ทำตามกฎระเบียบ มาคัดเลือกคนก่อน หวังว่าเหนียงเหนียงจะตรวจสอบให้ชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเจตนาพูดเน้นๆ คำว่า “ตำหนักเย็น” เพื่อเป็การย้ำเตือนฮองเฮาและคนอื่นๆ ตอนนี้ฮองเฮาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นเป็เื่จริง
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง จับได้ถึงความเ้าเล่ห์เพทุบายที่พาดผ่านดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน ทันทีที่มองก็รู้ว่าเป็ข้ารับใช้เก่าแก่ที่อยู่ในวังหลวงมาเป็เวลานาน พูดจาไหลลื่น ปัดสวะให้พ้นตัว
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ นางกำนัลคนอื่นๆ ต่างพากันมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยความตกตะลึง ใช่แล้ว ฮองเฮามิใช่ต้องอยู่ในตำหนักเย็นหรือ ไฉนจึงกลับมาตำหนักเว่ยยางกะทันหันล่ะ
เมื่อตระหนักได้ว่าสุดท้ายแล้วอย่างไรฮองเฮาก็ยังคงต้องกลับไปตำหนักเย็น ในใจของพวกนางจึงได้แต่รู้สึกสิ้นหวัง แค่คิดก็รู้ว่าหลังจากวันนี้ซุนกงกงจะต้องตอบแทนพวกนางเป็เท่าทวีคูณ
ด้านนอกประตู ลั่วหยิ่งขมวดคิ้วแน่น ขณะที่คิดจะก้าวเข้ามาเฟิ่งเฉี่ยนกลับโบกมือห้ามเขาเอาไว้
บ่าวไพร่สารเลวเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ตาย นางจะฉีกพวกเขาเป็ชิ้นๆ กับมือตนเอง!
ลั่วหยิ่งชะงักงัน มุมปากของเขายกยิ้มด้วยสีหน้าของคนรอชมละครฉากดีๆ
เื่ที่ซุนกงกงกระทำภายในวังนั้นเขาได้ยินมานานแล้ว จนปัญญาที่เ้านายผู้อยู่เื้ัของเขา ฉีเหม่ยเหริน มีฐานะไม่ธรรมดา ในใจฮ่องเต้คิดอย่างไรเขาไม่อาจคาดเดาได้ จึงได้แต่ลืมตาข้างหนึ่งปิดตาลงข้างหนึ่ง
วันนี้มาพบกับฮองเฮา วาสนาของซุนกงกงในชาตินี้นับได้ว่าสิ้นสุดลงแล้ว
เขารอดูจุดจบอันน่าเวทนาของซุนกงกง
“พูดได้ดี!” เฟิ่งเฉี่ยนปรบมือด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “เ้านายถูกส่งเข้าตำหนักเย็นแล้ว พวกเ้าเหล่านี้ยังเฝ้าที่นี่อยู่อย่างโง่งม ไม่ไปหาเ้านายใหม่ พวกเ้าช่างโง่เขลาจริงๆ โง่เขลาที่สุด!”
คนทั้งหมดตะลึงงัน มองนางด้วยความประหลาดใจ ซุนกงกงไม่เข้าใจเช่นกัน
เฟิ่งเฉี่ยนพูดต่อ “ซุนกงกงมีความปรารถนาดีที่จะส่งเสริมพวกเ้า ชี้ทางสว่างให้พวกเ้าเดิน พวกเ้าไม่เพียงไม่รับน้ำใจ ยังตำหนิว่าเขาทำไม่ถูก พวกเ้าช่างไม่รู้ดีชั่วเกินไปแล้ว สุราคารวะไม่ดื่มจะดื่มสุราลงทัณฑ์!”
เหล่านางกำนัลรวมทั้งชิงเหอกูกูต่างอยู่ในอาการตื่นตะลึง เหนียงเหนียงเป็อะไรไป ไฉนจึงพูดจาแทนฝ่ายตรงข้าม
ชิงเหอกูกูเข้าใจว่าฮองเฮายังไม่กระจ่างแจ้งในสถานการณ์ตรงหน้า นางจึงอดที่จะทักท้วงขึ้นมาไม่ได้ว่า “ทูลเหนียงเหนียง พวกบ่าวได้รับความเมตตาจากพระองค์ ไหนเลยจะไปก็ไปได้เลยเพคะ อีกประการหนึ่ง ฉีเหม่ยเหรินผู้นั้นปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างทารุณจนขึ้นชื่อ มักจะคิดหาร้อยแปดพันวิธีการมาสร้างความลำบากให้กับบ่าวไพร่ มีนางกำนัลคนหนึ่งทนรับการดูิ่ดูแคลนจากนางไม่ได้ ะโบ่อน้ำฆ่าตัวตาย ยังมีนางกำนัลอีกคนหนึ่งถูกฉีเหม่ยเหรินทรมานทั้งคืนทั้งวันสุดท้ายสติฟั่นเฟือน ยังมีนางกำนัลอีกสองคนถูกฉีเหม่ยเหรินเฆี่ยนตีด้วยแส้ทุกวัน สุดท้ายได้มาเพียงโรคต่างๆ นางกำนัลคนอื่นๆ ล้วนทนรับอารมณ์ของฉีเหม่ยเหรินไม่ได้ หากไม่อาศัยความสัมพันธ์โยกย้ายไปตำหนักอื่นในวัง ก็ป่วยหนักจนต้องถูกส่งออกไปจากวัง...ซุนกงกงให้พวกเราไปปรนนิบัติฉีเหม่ยเหริน ไม่เท่ากับเป็การให้พวกบ่าวะโลงไปในกองไฟหรือเพคะ!”
“พูดจาเหลวไหล!” ซุนกงกงตวาดเสียงเข้ม “เ้าพูดจาลบหลู่ฉีเหม่ยเหริน ิ่เบื้องสูง มีโทษปะา! เชื่อหรือไม่ว่าเพียงคำพูดประโยคเดียวของฉีเหม่ยเหริน ก็ทำให้เ้าไปนั่งอยู่ในคุกของมู่เทียนฝู่ได้แล้ว”
ชิงเหอกัดริมฝีปากแน่น ถลึงตามองเขาด้วยความโกรธแค้นอย่างไม่ยอมลดราวาศอก
เฟิ่งเฉี่ยนก้มหน้าลงเล่นนิ้วมือตนเอง นางหัวเราะเบาๆ “มู่เทียนฝู่หรือ อย่างไรกัน ฉีเหม่ยเหรินของพวกเ้าเป็คนเปิดมู่เทียนฝู่เช่นนั้นหรือ เหตุใดนางอยากให้ใครเข้าไปก็เข้าไปได้”
ซุนกงกงอกผายไหล่ผึ่ง พูดอย่างลำพองใจ “บิดาของฉีเหม่ยเหรินเป็ถึงใต้เท้าเสนาบดีกรมอาญา ดูแลคดีใหญ่เล็กทั้งหมดของมู่เทียนฝู่ ขุนนางใหญ่น้อยในราชสำนักรวมไปถึงพระสนมชายาในตำหนักในที่กระทำความผิด ล้วนต้องส่งไปที่มู่เทียนฝู่ทั้งสิ้น ต่อให้เป็เหนียงเหนียงกระทำความผิด วันหน้าก็ต้องไปไต่สวนที่มู่เทียนฝู่เช่นกัน”
“อ้อ ร้ายกาจถึงเพียงนี้!” เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะหึๆ ก้าวเข้าไปหยุดเบื้องหน้าแล้วก้มหน้าลงไปพูดกับเขา “ทว่า เื่เหล่านี้เกี่ยวอะไรกับเ้าหรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซุนกงกงแข็งค้าง จากนั้นเห็นสีหน้าของฮองเฮาเคร่งขรึม เยียบเย็นจนน่าหวาดกลัว ในใจของเขาพลันรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
“เ้าเป็แค่บ่าวรับใช้เล็กๆ คนหนึ่ง กล้ามาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในตำหนักของเปิ่นกง ซ้ำยังใช้วาจาข่มขู่ ใครกันแน่ที่ทำให้เ้าขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้”
ซุนกงกงถูกสายตาคมปลาบของนางทำให้ลนลาน
ชิงเหอกูกูและคนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจ...เอ๊ะ? ตกลงเหนียงเหนียงช่วยใครกันแน่
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าเยียบเย็น ยืดกายขึ้นพูดเสียงเย็น “ไม่ต้องกล่าวถึงว่าบิดาของฉีเหม่ยเหรินเป็เพียงเสนาบดีกรมอาญาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ต่อให้นางเป็ธิดาของฮ่องเต้ หากเปิ่นกงเห็นนางขัดลูกหูลูกตาก็ตบเหมือนคนอื่นๆ!”
ใช่แล้ว องค์หญิงหลานซินนั้นเป็ถึงพระธิดาของฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานเยียน นางก็ยังตบองค์หญิงหลานซินเหมือนคนอื่นๆ มิใช่หรือ
หาไม่แล้ว นางคงไม่ต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในตำหนักเย็น
“ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเ้าที่เป็เพียงบ่าวรับใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง...” เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเสียงเย็น “เ้าเชื่อหรือไม่ว่า หากเปิ่นกงคิดจะฆ่าเ้าให้ตาย เป็เื่ง่ายดายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง”
ซุนกงกงนั่งแปะลงกับพื้น สีหน้าซีดขาว ตอนนี้เขาเพิ่งจะได้สติว่าตนเองไปแตะก้นเสือเข้าให้แล้ว แต่เขายังคงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย “เหนียง เหนียงเหนียง อย่าลืมว่าท่านยังอยู่ในระหว่างการถูกลงโทษ ตอนนี้ท่านควรจะอยู่ในตำหนักเย็นจึงจะถูก ท่านออกมาจากตำหนักเย็นโดยพลการ หรือไม่กลัวว่าฝ่าาจะทรงกริ้ว”
ยามนี้ลั่วหยิ่งที่ยืนอยู่นอกประตูตลอดเวลาก้าวเข้ามาพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ฝ่าาทรงมีพระราชโองการ นับั้แ่วันนี้ ให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงย้ายกลับมาตำหนักเว่ยยาง คืนอำนาจในการดูแลควบคุมตำหนักในทั้งหมด! ซุนเต๋อลี่ เ้าไม่ให้เกียรติเหนียงเหนียง รู้หรือไม่ว่าทำความผิดสถานใด”