ที่ให้จางซื่อมาทำงานรับจ้าง เพราะมีสาเหตุ...
ไม่กี่วันก่อนเหลียงซื่ออยู่บ้านเก่าไม่ระวังจึงลื่นล้ม ร่างกายท่อนล่างพบว่ามีเืออก ทำเอาทั้งบ้านใอย่างมาก
พักนี้ในบ้านยุ่งอยู่กับงาน เหลียงซื่อจัดการงานบ้านอยู่คนเดียว ฟู่เหรินที่ร่างกายตั้งครรภ์อยู่ในพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ก็ต้องทำงานเหมือนกัน เป็เื่ที่ธรรมดาอยู่แล้ว เหลียงซื่ออยู่บ้านทำอาหารและเลี้ยงไก่ ล้วนเป็งานธรรมดาไม่ได้เปลืองแรงอะไร
แต่ระยะนี้สกุลหูเชือดหมูทุกวัน อาหารประเภทเนื้อเต็มโต๊ะ มีอาหารจำพวกเครื่องในหมู กระดูกหมู หางหมู... มากมายอย่างเสียไม่ได้ ดังนั้นอาหารบนโต๊ะส่วนใหญ่ของสกุลหูทุกมื้อล้วนมีแต่อาหารประเภทเนื้อ และน้ำแกงกระดูกยิ่งต้องขึ้นโต๊ะมีพร้อมทุกวัน สกุลหูผ่าน่เวลาลำบากยากแค้นมาหลายปี ปัจจุบันฐานะทางบ้านสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้แล้ว ทั้งเหลียงซื่อยังตั้งครรภ์ นางจึงทานมากดื่มมากอย่างไร้ขอบเขต ฉลองปีใหม่มาจนถึงตอนนี้ อ้วนขึ้นอย่างกะทันหันสิบกว่าชั่ง ครรภ์เจ็ดเดือนกว่าจึงใหญ่ขึ้นเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
หวังซื่อเห็นนางทานมากเช่นนั้น ก็เคยบอกไปหลายครั้งแล้ว ทานเยอะเกินไปก็จะอ้วนมากเกินไป ถ้าเด็กตัวใหญ่ตอนคลอดจะลำบาก
เหลียงซื่อยิ้มแล้วรับปากทันที แต่ในใจกลับไม่ได้เอามาใส่ใจ นางล้วนคลอดลูกออกมาอย่างราบรื่นแล้วสามคน จะมีอะไรคลอดออกมาไม่ง่ายอีก เมื่อเป็เช่นนี้ทำไมจะไม่ทานมากขึ้นสักหน่อยล่ะ แม่สามีขี้งกเกินไปแล้วจริงๆ ดังนั้น ในที่ลับจึงถือโอกาสตอนที่ทุกคนล้วนยุ่งกันอยู่และไม่อยู่บ้าน นางยิ่งทานให้เต็มที่มากขึ้น ทานจนกระเพาะกางท้องนูนเต็มอิ่ม นางถึงหยุดทาน
เมื่อเป็เช่นนี้ เหลียงซื่อจึงอ้วนจนกลม เป็ธรรมดาที่จะเคลื่อนไหวไม่สะดวก ครั้งนี้ ขณะทานอาหารกลางวันเสร็จ กระเพาะเต็มอิ่มจนเพียงพอแล้ว นางจึงเก็บกวาดถ้วยกับตะเกียบยกกลับไปห้องครัว เตรียมล้างถ้วยชามอย่างเชื่องช้า แต่ขณะที่ก้าวออกจากธรณีประตู จุดรับน้ำหนักไม่มั่นคงล้มคว่ำลงไปอยู่กับพื้น ทันใดนั้นร่างกายส่วนล่างก็เกิดความเ็ปพักหนึ่ง
จ้าวเสี่ยวเหล่ยที่อยู่ข้างบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของนาง จึงรีบไปเรียกผู้ใหญ่มาช่วย แล้ววิ่งไปท้ายหมู่บ้านแจ้งให้สกุลหูทราบ หวังซื่อให้หูฉางกุ้ยไปยังทางเข้าหมู่บ้านเพื่อตามท่านหมอชราหลิน แล้วจึงรีบพุ่งกลับบ้านเก่ากับทุกคนอย่างเร่งรีบ
เมื่อท่านหมอชราหลินทำการตรวจ อดโกรธเคืองไม่ได้ กี่ปีแล้วที่เขาไม่เคยพบเห็นหญิงมีครรภ์ที่อ้วนเกินไปเช่นนี้ ขณะนี้ชำเลืองมองเหลียงซื่อที่มีรูปร่างอ้วนและท้องกลายเป็ทรงกลมใหญ่
เนื่องด้วยท่านหมอชราหลินเป็แขกประจำของสกุลหู รู้จักมักคุ้นกับสกุลหูดี ต่อหน้าเหลียงซื่อ เขาเลยตำหนิขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ เดิมทีอายุมากให้กำเนิดบุตรลำบากอยู่แล้ว ยังไม่ควบคุมการทานการดื่มเช่นนี้อีก หากยังอ้วนต่อไปเช่นนี้ อย่าว่าแต่ทารกในครรภ์จะรักษาไว้ไม่ได้เลย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังยากจะรักษาชีวิตไว้
เหลียงซื่อใจนสีหน้าขาวซีด บนใบหน้าแสดงความสำนึกผิดออกมา นางจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีผลตามมาร้ายแรงเช่นนี้ เมื่อก่อนความเป็อยู่ยากลำบากเช่นนั้น เด็กยังคลอดออกมาอย่างราบรื่น ทุกวันนี้ฐานะดีขึ้นแล้ว ทานอิ่มท้องแล้วอ้วนขึ้น กลายเป็ว่าให้กำเนิดบุตรยาก
หากรู้ก่อนหน้าว่าจะเป็เช่นนี้ จะไม่ทานเยอะเลยจริงๆ อ้วนจนรูปร่างเป็เช่นนี้ นางก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน
หวังซื่อจ้องมองเหลียงซื่อที่สีหน้าขาวซีดด้วยความโกรธแวบหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็กล่าวขออภัยท่านหมอชราหลินด้วยรู้สึกสำนึกผิด แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อไปจะเฝ้าระวังเหลียงซื่อให้ดี จะไม่ให้นางอ้วนต่อไปเช่นนี้อีกแล้ว
ท่านหมอชราหลินพยักหน้า เขาสนิทสนมกับสกุลหูมาช้านาน สำหรับทุกคนในสกุลหูเขาล้วนรู้จักเป็อยากดี เหลียงซื่อล้มลงไปทำให้เกิดการกระทบกระเทือน เขาไตร่ตรองแล้วจึงจ่ายสมุนไพรบำรุงป้องกันการแท้งสองสามเทียบ ให้หูฉางหลินตามเขากลับไปหยิบ หลังจากนั้นก็ชี้แจงเื่ที่ควรระวังอีกสองสามประโยคแล้วจากไป
การกระทบกระเทือนของเหลียงซื่อ จำเป็ต้องพักผ่อนอย่างสงบสักระยะหนึ่ง รวมกับระยะตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ที่บ้านไม่มีคนดูแลก็ไม่ได้ ชุ่ยจูก็ยังเล็ก ไม่มีประสบการณ์ดูแลหญิงมีครรภ์ หวังซื่อทำได้เพียงต้องดูแลด้วยตนเอง
หวังซื่อดูแลเหลียงซื่ออยู่บ้านเก่า สกุลหูจึงขาดแรงกำลังหลักในการทำอาหารหมักไปหนึ่งคน เป็ธรรมดาที่งานจะช้าลงไปด้วย
เื่ที่ต้องทำทุกอย่างของสกุลหูมีมาก นอกจากจะต้องทำอาหารหมักแล้ว หลี่ซื่อยังต้องเจียดเวลาไปซักผ้า ทำกับข้าว เลี้ยงไก่ และเลี้ยงกระต่ายด้วย หนึ่งวันยุ่งจนหัวปั่นเลยทีเดียว หากไม่ใช่ว่าหมู่นี้กำลังวังชาดีขึ้นมาก เกรงว่าคงจะเหนื่อยฟุบไปนานแล้ว
หูฉางหลินกับหูฉางกุ้ยยิ่งไม่มีเวลาว่าง ซื้อหมู เชือดหมู หั่นเนื้อ หมักเนื้อทุกวันก็ยุ่งไปทั้งบ่ายแล้ว รวมกับต้องเตรียมปรับปรุงดินก่อนหว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิด้วย สองคนล้วนยุ่งจนเท้าแทบไม่ััอยู่บนพื้น
เจินจูมองทุกคนที่ยุ่งไม่หยุดราวกับลูกข่าง ตนเองก็เหนื่อยจนหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย จึงเสนอความเห็นให้หาคนทำงานรับจ้างที่เหมาะสมมา จะได้ลดภาระของทุกคนลงไปได้หน่อย
ตอนแรกหวังซื่อไม่เห็นด้วย จ้างคนมาทำงาน ไม่ใช่ว่าขั้นตอนการทำอาหารหมักจะทำให้คนล่วงรู้ได้หรือ? ตำรับเฉพาะของครอบครัวตนเองจะไม่ถูกคนเลียนแบบเอาได้หรือ? เช่นนั้นจะตกลงได้อย่างไร ตนเองเจียดเวลาเล็กน้อยออกมาช่วยเองดีกว่า
เจินจูหยุดไปพักหนึ่งอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ทันทีหลังจากนั้นก็อธิบายอย่างมีความอดทน
การหาคนงานรับจ้างเพียงคนหรือสองคน ทุกวันทำเพียงกรอกไส้ หั่นเนื้อ หรือขูดลอกไส้เล็กนิดหน่อย ไม่ได้เป็งานที่มีฝีมืออะไร เครื่องเทศที่หมักเนื้อนางก็โม่เป็ผงเข้าชุดอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนการหมักเนื้อเพียงให้คนของตนเองทำ ขอแค่ส่วนประกอบของเครื่องเทศไม่รั่วไหลออกไปข้างนอก ขั้นตอนการทำเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ
นางยกตัวอย่างขึ้น... โรงเตี๊ยมในเมืองที่ทำการเลียนแบบอาหารหมักของครอบครัวนางเ่าั้ ถึงไม่มีตำรับเฉพาะของครอบครัวนาง ก็ทำอาหารหมักออกมาได้เหมือนกัน ดังนั้น ขั้นตอนต่างๆ ในการทำอาหารหมักที่ธรรมดาเหล่านี้ แท้จริงแล้วผู้เชี่ยวชาญมากมายก็รู้แล้วว่าจะทำได้อย่างไร แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือ เป็ส่วนประกอบเครื่องเทศในการหมักอาหารต่างหาก
หวังซื่อฟังแล้วจึงเห็นพ้องต้องกัน แต่นางยังไม่วางใจนิดหน่อย จึงให้หูฉางกุ้ยซื้อแม่กุญแจมา และล็อกกุญแจประตูห้องฝั่งตะวันออกที่วางเครื่องเทศไว้
สุดท้ายปัญหาอยู่ที่ต้องเลือกบุคคล เจินจูไม่เสนอให้เลือกญาติของตนเอง ยิ่งเป็คนเหล่านี้ ยิ่งง่ายที่จะอาศัยสถานะความเป็ญาติสอบถามไม่หยุด ทำผิดหรือทำช้าล้วนพูดคุยกันลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สกุลหูของพวกเขาไม่รู้แน่ชัดว่าจะจ้างได้กี่วัน รอถึง่อากาศอบอุ่น อาหารหมักก็ทำต่อไม่ได้แล้ว
สุดท้ายทุกคนล้วนคิดว่าเป็จางซื่อก็ไม่เลว
แต่ไหนแต่ไรมาจางซื่อเป็คนดี ทำหน้าที่ของตน ไม่ชอบพูดจาไร้สาระนินทาไปเรื่อย และขยันคล่องแคล่ว ความสัมพันธ์โดยตลอดมาของสกุลหูและสกุลเจิ้งสองครอบครัวก็ไม่เลว แล้วยังพักอยู่ใกล้เคียงกัน ไปมายิ่งสะดวกมากนัก
แน่นอนว่าจางซื่อย่อมเต็มใจ หนึ่งวันสองชั่วยามก็สามารถหาเงินได้สิบเหวิน จะหางานที่ดีเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกเล่า! แม้ทำเพียงสิบวันหรือครึ่งเดือน ก็สามารถหาเงินได้ร้อยกว่าเหวิน นี่ถือโคมไฟไว้ก็ล้วนหาเื่ดีไม่เจอแล้ว! [1]
จางซื่อจึงตอบตกลงแบบไม่คิดแม้แต่น้อย
มีจางซื่อที่มือเท้าคล่องแคล่วเช่นนี้ช่วยเหลือ ความเร็วในการทำอาหารหมักของทุกวันก็ยิ่งเร็วขึ้นมาอีก ทั้งครอบครัวยังสามารถะโออกมาทำเื่อื่นได้เล็กน้อย
เจินจูรู้สึกว่าแรงงานคนที่จ้างมาด้วยเงินสิบเหวินนี้ ยังนับได้ว่าคุ้มค่า หากไม่ใช่เกรงว่าจะดึงดูดสายตามากเกินไป นางยังอยากจ้างฟู่เหรินอีกหลายคนมาทำงานเพิ่มจริงๆ จะได้ปลดปล่อยทั้งครอบครัวออกจากกองเนื้อนี้ได้
แต่ละวันหั่นเนื้อและกรอกเนื้อเช่นนี้ กลิ่นเนื้อหมูเอียนเต็มไปทั่วทั้งบ้านและมือ ตอนนี้เจินจูมองเห็นเนื้อหมูก็รู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากทำต่อแล้ว
แม้แต่เสี่ยวเฮยก็รังเกียจกลิ่นสาบหมูในห้องโถง พักนี้ไม่แม้แต่จะสาวเท้าก้าวเข้ามาสักครึ่งก้าว
เจินจูมุ่ยปากแล้วยัดเนื้อหมักลงในกรวยกรอกกุนเชียงที่ดัดแปลงขึ้นเล็กน้อย กรวยปากกว้างชนิดนี้เป็เจินจูให้หูฉางกุ้ยใช้ท่อนไม้มาตัด แล้วค่อยๆ แกะจนเป็รูปทรงกรวยมีช่องกลวงตรงกลาง ้ากว้างด้านล่างแคบ และเอากระบอกไม้ไผ่ที่ขนาดพอดีกับช่องด้านล่างมาทำการต่อเข้าไปให้เป็รูปร่างกรวย สำหรับนำไส้เล็กมาสวมไว้ ใช้กรวยเช่นนี้กรองกุนเชียง ความเร็วย่อมไวขึ้นมาก
ครั้งแรกที่หูฉางหลินใช้กรวยชนิดนี้ สายตาที่มองมาทางเจินจูผุดประกายระยิบระยับขึ้น
จุ๊ๆ หลานสาวผู้นี้ของเขาฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ เหมือนว่าไม่มีของอะไรที่นางทำไม่ได้
หลัวจิ่งก็เลื่อมใสนางมากเช่นกัน เด็กสาวอายุสิบเอ็ดปีผู้นี้ ในสมองราวกับมีสิ่งใหม่นับไม่หวาดไม่ไหว ปรากฏสิ่งของอย่างสองอย่างออกมาอยู่ตลอด และสิ่งของมักเกินความคาดหมายเพียงนี้ กลับนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงแล้วยังคล่องแคล่วอีกด้วย
ก็ไม่ใช่เพราะเช่นนี้หรอกหรือ พอยัดเนื้อหนึ่งกำเข้าไปทางปากกว้าง หยิบด้ามตะเกียบดันลงไป ชิ้นเนื้อก็ลื่นลงไปตามกระบอกไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว แม้ไส้เล็กจะยาวหนึ่งส่วนก็ดันชิ้นเนื้อลงไปอย่างรวดเร็วได้ เทียบกันกับเมื่อก่อนแล้ว เร็วกว่าหลายเท่าจริงๆ มุมปากหลัวจิ่งอดยกขึ้นบางๆ ไม่ได้
เจินจูที่มองอยู่ตรงๆ ก็เลิกคิ้วขึ้น
ชิ... เ้าหนุ่มนี่ ทึ่มแล้วหรือ? กรอกกุนเชียงหลายวันมานี้ กลิ่นเนื้อหมูเต็มตัว ยังจะยิ้มออกมาได้? เมื่อก่อนเขาเป็ท่านชายน้อยของสกุลใหญ่โตสูงศักดิ์จริงหรือ? บุคลิกครอบครัวขุนนางที่แต่เดิมมีอยู่ทั่วทั้งตัวนั่น พอนั่งอยู่ท่ามกลางกองเนื้อเต็มกะละมังเช่นนี้ก็หายไปแล้วสามส่วน รวมกับภาพลักษณ์ที่มือเต็มไปด้วยชิ้นเนื้อยังหายไปอีกสามส่วน ทั้งกายมองไปแล้วก็เรียบธรรมดาขึ้นมาก
แหะๆ ดูท่าคนต้องมีเสื้อห่อ พระพุทธรูปต้องมีทองหุ้ม [2] ประโยคนี้ยังมีหลักการอยู่มาก ดูท่านชายน้อยผู้นี้สิ มองแค่ใบหน้างามสง่าก็ยังมีความโดดเด่นอยู่ แต่มองลงไปด้านล่างกลับนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเตี้ย ทั้งกายสวมเสื้อหนาวผ้าหยาบสีเข้ม แขนเสื้อม้วนขึ้น มือสองข้างทั้งมันทั้งเหนียว ภาพเช่นนี้จะมองอย่างไรก็แปลกประหลาด
เจินจูแลบลิ้น นี่ก็เรียกได้ว่าไข่มุกแปดเปื้อนฝุ่นกระมัง [3] ฮิๆ
หลัวจิ่งมองไปทางนางด้วยความงงงวยเล็กน้อย วันนี้ไม่ใช่ว่านางอารมณ์ไม่ดีหรอกหรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็หัวเราะกับตนเองขึ้นมาได้
เห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาฉงน เจินจูยิ่งรู้สึกว่าน่าขบขันมาก เลยฉีกยิ้มขึ้นอย่างสนุกสนาน
หลัวจิ่งก้มมองตัวเองด้วยสองตา แล้วใช้แขนเสื้อเช็ดใบหน้าอีกครั้ง บนกายของตนเองมีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสมกระมัง…? ทำไมเด็กสาวผู้นี้ยิ้มเสียจนมีความสุขเช่นนี้?
“เจินจู คิดอะไรอยู่หรือ? ดีใจเพียงนี้?” ชุ่ยจูที่นั่งอยู่ข้างกายนาง มองเห็นรอยยิ้มทั่วใบหน้าของนางเช่นกัน
“อืม...” เจินจูกระแอมเสียง กลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ “ไม่มีอะไร คือ… พี่รอง อีกเดี๋ยวกรอกกุนเชียงเสร็จแล้วข้าอยากไปหมู่บ้านต้าวันสักรอบ ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่?”
“ไปหมู่บ้านต้าวันทำอะไร?”
“ท่านลุงหลิ่วบอกว่า ที่นั่นมีเตาเผา ข้าอยากไปดูสักหน่อย”
“โอ้ เตาเผานั่น ข้าเคยเห็น อยู่ฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านต้าวัน สถานที่อยู่ติดูเา หาง่ายมาก” ชุ่ยจูหยุดไปพักหนึ่ง “แต่ตอนบ่ายฮุ่ยหลานจะมาที่บ้าน นัดกันไว้แล้วว่าจะทำงานเย็บปักด้วยกัน”
ฮุ่ยหลานเป็พี่สาวของจ้าวเสี่ยวเหล่ย สนิทสนมกับชุ่ยจูมาตลอด
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด ข้าไปเองก็ได้ สั่งของไม่กี่อย่าง ครึ่งชั่วยามก็กลับมาแล้ว” เจินจูวางแผน ห้องส้วมสองหลัง้าส้วมนั่งยองสองอัน ห้องอาบน้ำสองห้อง้าอ่างล้างหน้าบ้วนปากสองอัน ในห้องครัวยัง้าอ่างล้างผักใหญ่หน่อยหนึ่งใบ สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้บ่อย
“เช่นนั้นไม่ได้ เด็กผู้หญิงแต่ละบ้านไม่สามารถวิ่งไปทั่วเองได้ เรียกให้ท่านพ่อเ้าไปเป็เพื่อน” หลี่ซื่อคัดค้านทันที แม้หมู่บ้านต้าวันจะไม่ไกล แต่อย่างไรก็ไม่ใช่หมู่บ้านในพื้นที่
“อีกเดี๋ยวท่านพ่อยังต้องไปจับหมูกับท่านลุงนะเ้าคะ หมูตัวโตละแวกใกล้เคียงถูกครอบครัวเราจับมาเกือบหมดแล้วด้วย” หมูตัวโตบริเวณสองสามหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงส่วนใหญ่ล้วนถูกสกุลหูกว้านซื้อมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้้าซื้อหมูอีกก็ทำได้เพียงวิ่งไปซื้อถึงหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปหน่อย
“ไม่เป็ไร พ่อไปเป็เพื่อนเ้าก่อน” หูฉางกุ้ยยิ้มแล้วตอบทันที
“อื้ม ไปส่งเ้าดูเตาเผาก่อน ค่อยพาเ้ากลับมาส่งที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เวลาล่าช้าหน่อยไม่ต้องรีบร้อน” หูฉางหลินรีบกล่าว
รู้ว่าพวกเขาไม่วางใจ เจินจูก็ไม่ได้คัดค้านแต่พอเงยหน้าเห็นหลัวจิ่งที่เงียบไม่พูดไม่จา เลยถามขึ้นทันที “ยู่เซิง ขาเ้าก็ดีขึ้นพอสมควรแล้วนี่ อยากไปชมหมู่บ้านต้าวันกับข้าเสียหน่อยหรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1] ถือโคมไฟไว้ก็ล้วนหาเื่ดีไม่เจอแล้ว หมายความว่า เป็เื่ดีที่หาได้ยากมาก
[2] คนต้องมีเสื้อห่อ พระพุทธรูปต้องมีทองหุ้ม หมายถึง คนเราจะดูดีได้ก็เพราะลักษณะทางภายนอก เหมือนเช่นพระพุทธรูปจะดูน่าเลื่อมใส ต้องมีทองหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับสำนวนไทยว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง
[3] ไข่มุกแปดเปื้อนฝุ่น เป็การบอกถึง ไข่มุกเป็สิ่งที่ล้ำค่า พอแปดเปื้อนฝุ่นหรือเจือปนสิ่งสกปรกเข้า ผู้อื่นย่อมต้องมองไม่ออกว่าเป็ของล้ำค่าและสวยงาม เหมือนหลัวจิ่งที่เป็ท่านชายหน้าตาดีฐานะสูงศักดิ์มาก่อน แต่พออยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ก็ดูไม่ออกว่าเคยเป็ท่านชายที่เคยมีฐานะสูงส่ง