หลังจากเก็บอาการดีใจไว้และตรวจดูพลังของตัวเองก็ทำให้ข้าต้องผิดหวังเพราะตอนนี้พลังในตัวข้าเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับต้นของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เท่านั้นให้ตายสิ!เมื่อครั้งที่ซูเหยียนบรรลุขั้นเทวิญญาก็เข้าสู่ระดับสมบูรณ์ของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เลยแต่ข้ากลับหยุดอยู่ที่ระดับต้นเท่านั้น หรือนี่จะเป็ฝีมือของพี่เสวีนยินกันนะ?
ช่างมันเถอะ!ถึงแม้ข้าจะอยู่ในระดับต้นของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ก็มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถสู้กับระดับเซียนในขั้นการบำเพ็ญเดียวกันได้หรือจะเป็พวกระดับต้นของผู้พิทักษ์ระดับพิภพข้าก็ไม่กลัวเหมือนกันเพราะถึงอย่างไรข้าก็มีพลังของวิชาลมหายใจัขั้นที่สิบ พลังของเืฉุงฉีพลังกระดูกลายเวท รวมทั้งพลังการผสานห้าพลังรวมเป็หนึ่งซึ่งทำให้ข้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้
หลังจากเข้าสู่ขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ก็ทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าพลังในตัวเพิ่มขึ้นมากราวกับอยู่คนละโลกกับขั้นเทวิญญาเลยก็ว่าได้ซึ่งพลังแบบนี้ก็ทำให้ข้าแทบจะกลายเป็คนลืมตัววัวลืมตีนเลยด้วยซ้ำ!
ข้ายืนอยู่กับที่เพื่อปรับพลังในร่างกายนานกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะหยิบกริชออกมาแงะอัญมณีรังไหมหิมะที่ติดอยู่บนผนังโยนเข้าไปเก็บในแหวนกระดูกจักรภพทีละเม็ดเนื่องจากตอนนี้อยู่ในสนามประลองเซินยวนดังนั้นข้าจะต้องเก็บสิ่งที่ล้ำค่าพวกนี้ให้ได้มากที่สุดเพราะถ้ากลับไปที่สำนักก็จะหาของพวกนี้ได้ยากแล้วล่ะดังนั้นตอนนี้เก็บไปได้เท่าไรก็ต้องเอาไปให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างไรหลายๆคนที่เข้าร่วมการประลองต่างก็มาเพื่อหาของล้ำค่าพวกนี้ทั้งนั้นดังนั้นขอแค่นำกลับออกไปได้ จะเอาไปมากเท่าไรก็ไม่มีใครว่า
เพียงชั่วพริบตาเดียวข้าก็เก็บไปแล้วมากกว่าสี่ร้อยเม็ดไม่รวยวันนี้จะไปรวยวันไหน!
...
เมื่อมองไกลออกไป้าก็รับรู้ได้เพียงกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแต่กลับไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมนุษย์เลยแม้แต่น้อยคิดดูแล้วตอนนี้พวกนั้นก็น่าจะพากันเข้าไปชั้นที่หกกันแล้วล่ะ
ข้าเองก็ควรจะออกไปจากตรงนี้เช่นกันเพราะตอนนี้พลังในตัวก็เต็มเปี่ยมและกลับเข้าสู่ขั้นสุดยอดของตัวเองแล้วเหมือนกัน
แต่ถ้าจะออกไปก็จะต้องรวดเร็วและอย่าให้มีอะไรมาขัดขวางเด็ดขาดไม่อย่างนั้นก็จะถูกพวกสัตว์ร้ายใต้สมุทรนี้ตามจนทัน ถ้าถึงตอนนั้นก็คงจะไม่ดีแน่แต่จะให้ข้าขุดรูใหม่เพื่อพาตัวเองขึ้น้าก็คงจะใช้เวลามากเกินไปและตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้ด้วยว่าถังเชวียหรานและซูเหยีนจะเป็อย่างไรดังนั้นข้าจะต้องออกไปให้เร็วที่สุด!
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาไว้ในมือก่อนจะกวัดแกว่งไปทั่วจนพวกสัตว์ร้ายใต้สมุทรตัวเล็กตัวน้อยส่งเสียงร้องกันดังสนั่นอย่างน่าเวทนาไม่นานคะแนนสะสมที่ข้อมือของข้าก็เพิ่มขึ้นมาอีกเจ็ดถึงแปดส่วนและยังทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมากๆ เลยด้วยอย่าบอกนะว่าเ้าตัวอ่อนของสัตว์ร้ายใต้สมุทรพวกนี้ก็มีคะแนนเทียบเท่ากับสัตว์ิญญาระดับเจ็ดเหมือนกัน?
ทำแบบนี้มันไม่เท่ากับว่าข้าโกงหรือไง?
แต่ก็ช่างเถอะ!หลังจากจัดการกับตัวอ่อนของสัตว์ร้ายใต้สมุทรไปหลายร้อยตัวข้าก็รีบลอยขึ้นไปเหนือปากถ้ำและใช้จังหวะที่พวกไม่ทันได้สังเกตเห็นใช้พลังและความเร็วขั้นสุดพาตัวเองขึ้นไปบนฝั่ง
ขณะที่พวกมันสังเกตเห็นข้าก็เป็เวลาเดียวกับที่ข้าอยู่ห่างจากฝั่งดินไม่ถึงร้อยเมตรจึงรีบใช้พลังของเพลงขาเมฆาหมอกดีดตัวขึ้นจากผิวน้ำแล้วพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่ถึงจะหนีขึ้นมาได้ก็พบว่าใกล้กันกับฝั่งมีสัตว์ร้ายใต้สมุทรอีกสามตัวรออยู่พอมันเห็นว่าข้าะโขึ้นมาได้ก็พุ่งตัวตามมาฆ่าข้าอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้มันจะเป็าของสองผู้ยิ่งใหญ่แต่ผู้ชนะมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!
ข้าตวาดออกมาเสียงต่ำและใช้พลังขั้นสูงสุดของวิชาลมหายใจัพลางกวัดแกว่งกระบี่คมจันทราระดับสามออกไปจนเกิดคลื่นพลังขนาดใหญ่ะเิออกบนท้องฟ้าและก็พุ่งเข้าใส่สัตว์ร้ายใต้สมุทรสามตัวนั้นจนปลิวไปไกลหลายเมตรพอเห็นแบบนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นไม่น้อย เพราะดูแล้วพลังของข้าเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึงซึ่งสามารถโจมตีสัตว์ิญญาระดับเจ็ดถึงสามตัวให้กระเด็นออกไปไกลขนาดนั้นได้
แต่ถึงจะเป็แบบนั้นการคิดจะสังหารพวกมันทั้งสามตัวต่างก็มีพลังเทียบเท่ากับผู้พิทักษ์ระดับพิภพก็ยังเกินความสามารถของข้าอยู่ดีและที่สำคัญที่สุดคือข้าเองก็ไม่ได้อยากจะฆ่าพวกมันด้วย
และเมื่อเท้าของข้าเหยียบลงบนฝั่งพวกสัตว์ร้ายใต้สมุทรก็ทำได้เพียงร้องคำรามแต่ไม่ได้ขึ้นมาจากลำน้ำดูเหมือนว่ามันจะมีข้อจำกัดบางอย่างจึงขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็พอจะเข้าใจได้เพราะถ้ามันสามารถขึ้นมาบนฝั่งได้ เหล่าผู้เข้าร่วมการประลองคนอื่นๆที่สามารถข้ามลำน้ำไปได้จะต้องปวดหัวมากแน่ๆ
พอหนีตายมาได้ข้าก็ดีใจจนหัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้“ฮ่าๆๆๆ ฟางชิงยวน การที่คนอย่างเ้าคิดจะฆ่าข้ามันยังเร็วเกินไป!”
...
ตอนนี้บนฝั่งมีหินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในป่ารก
รอบบริเวณไร้ซึ่งผู้คนเพราะการที่ข้าติดอยู่ใต้ท้องน้ำก็ใช้เวลากว่าหนึ่งวัน ซึ่งคนอื่นๆต่างก็เข้าไปในสนามการประลองชั้นที่หกกันหมดแล้ว
หลังจากที่เดินเข้าใกล้หินาาสรรพสัตว์ก็พบว่ารายชื่อของฟางชิงยวนขึ้นเป็ที่หนึ่งที่สองเป็ถังเชวียหราน ที่สามเป็มู้เซวี่ยน ที่สี่คือหยู่เหวินชิง แต่ถังเชวียหรานกลับตกลงไปอยู่ลำดับที่แปดและชื่อของนางก็ยังดูเลือนรางอีกด้วย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าตามหลักแล้วรายชื่อของถังเชวียหรานน่าจะอยู่ที่สามถึงจะถูกแล้วทำไมถึงหลุดไปอยู่ในอันดับที่แปดได้? และอีกอย่างรายชื่อของถงจั๋วก็ไม่ได้อยู่บนนั้นเหมือนกันจะมีก็แต่รายชื่อของฟางชิงยวนที่ยังคงนำโด่งด้วยคะแนนที่สูงลิบลิ่ว!
หรือว่า...
ข้ารู้สึกใจหายขึ้นมาทันทีเพราะไม่อยากจะคิดหรือเ้าสารเลวฟางชิงยวนมันจะฆ่าถังเชวียหรานกับถงจั๋วไปแล้ว...
พอคิดถึงตอนที่ตัวเองตกลงไปในน้ำและการกระทำของทั้งถังเชวียหรานกับถงจั๋วก็รู้สึกเหมือนกับมีมีดนับพันเล่มกรีดลงบนหัวใจหรือไอ้สารเลวฟางชิงยวนจะกล้าทำร้ายถังเชวียหรานจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?!
พลังที่รุนแรงะเิออกจากร่างกายจนหินาาสรรพสัตว์ถึงกับสั่นไหว
นึกไม่ถึงว่าภายใต้ความโกรธแค้นพลังของข้าจะปะทุออกมาถึงขีดสุด แม้แต่ตัวเองยังต้องแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้
ข้าวางมือลงบนหินาาสรรพสัตว์จนพลังจากสายรัดผูกิญญาจะหลั่งไหลเข้าไปในหินก้อนใหญ่จากนั้นชื่อของข้าก็สว่างวาบบนก้อนหินอีกครั้งและก็เป็ไปตามคาดเมื่อรายชื่อของข้าขึ้นไปแทนที่ชื่อของฟางชิงยวนซึ่งเป็ที่หนึ่งและยังมีคะแนนสะสมมากกว่าเขาอย่างน้อยสามตัว!
ไม่นานพลังิญญาสีเขียวมรกตก็แผ่ออกมาล้อมรอบตัวข้าแล้วหายวับเข้าไป
แล้วเจอกันในชั้นที่หกเหวโลกันตร์!
...
สวบ!
บริเวณรอบๆมันร้อนระอุ เมื่อข้าหล่นลงมาจากฟ้า และก้มลงมองข้างล่างก็ต้องใสุดขีดเพราะตัวเองกำลังจะหล่นลงไปในเหวลึกสีแดงเพลิงที่น่ากลัว ถ้าขืนตกลงไปมีหวังต้องตายสถานเดียวแน่ๆ
ข้ารีบคว้ามือไปยังเครือเถาวัลย์ที่ห้อยออกมาจากหน้าผาสูงถึงแม้มันจะถูกแผดเผาไหม้จนเกรียมแต่กลับแข็งแรงชนิดที่ว่ารับน้ำหนักข้าได้แบบไม่มีเสียงหรือรอยร้าวใดๆด้วยซ้ำ
และตอนนี้เองข้าก็ถือโอกาสมองดูสถานที่รอบๆก่อนจะเห็นว่ามันเป็มิติของแอ่งลาวาขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางเดินเป็ยอดหินแคบๆอยู่บนผนังของแอ่งลาวาที่ว่า และตรงเข้าไปยังส่วนลึกของเหวโลกันตร์แห่งนี้และถ้าเดาไม่ผิดหินาาสรรพสัตว์จะต้องอยู่ใต้เหวโลกันตร์แห่งนี้แน่ๆส่วนเส้นทางแคบๆ บนแอ่งเขานั่นก็มีไว้เพื่อทดสอบผู้เข้าร่วมนั่นเอง
และเพราะเถาวัลย์พวกนี้ข้าจึงยื่นมือไปหาหินาาสรรพสัตว์ไม่ได้ดังนั้นก็คงจะต้องเดินไปตามทางเล็กๆ นั่นแล้วล่ะ
ข้าโหนตัวออกไปจับเถาวัลย์เส้นอื่นๆด้วยวิชาตัวเบา ก่อนจะม้วนตัวขึ้นมายืนอยู่บนยอดหินแคบๆ ที่อยู่ติดผนัง
ปั้ก!
พอเท้าของข้าแตะลงบนยอดหินลาวาส่วนที่ผุกร่อนก็หักและตกลงไปเบื้องล่างดูเหมือนรองเท้าหนังของสำนักจะทนต่อความร้อนไม่ไหวข้าจึงต้องใช้พลังของเกราะรบิญญาเข้ามาปกคลุมเพื่อไม่ให้รองเท้าละลายไปเสียก่อน
อาจจะเป็เพราะข้าติดอยู่ในชั้นที่ห้านานเกินไปตรงทางข้างหน้าจึงไร้ซึ่งผู้คน จะมีก็แต่สัตว์ตัวใหญ่ที่ห้อยโหนไปมาอยู่บนเถาวัลย์เท่านั้นซึ่งมันเป็สัตว์ิญญาที่มีรูปร่างหนาและมีขนสีแดงเพลิงปกคลุมทั่วร่าง‘ชะนีโลกันตร์’ สัตว์ิญญาระดับเจ็ดที่มีพละกำลังค่อนข้างมากและิัหนาแต่ก็มีจุดอ่อนด้วยรูปร่างที่ใหญ่เกินไปจึงเคลื่อนที่ได้ช้าและจัดอยู่ในสัตว์ที่มีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับกลางในขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพ
แต่ถึงมันจะเป็แบบนั้นก็ถือว่าเป็การท้าทายที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับข้าเหมือนกัน
ข้าพยายามพุ่งตัวไปตามเส้นทางด้วยความเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการตามฆ่าของพวกชะนีโลกันตร์แต่เมื่อมาถึงใจกลางเหวโลกันตร์แห่งนี้ก็ถูกพวกมันตามทันจนได้ชะนีโลกันตร์ตัวหนึ่งเข้ามากางแขนกั้นข้าอยู่ตรงหน้าเพื่อไม่ให้ไปต่อซึ่งตรงข้างลำตัวของมันมีร่องรอยพลังลมของกระบี่ฟันลงไปบนหินและรอยเืติดอยู่ด้วยดูเหมือนว่าจะมีคนต่อสู้กับมันมาก่อน แต่ก็แพ้ไปอย่างราบคาบ!
ตรงเท้าของมันมีกระบี่เล่มหนึ่งซึ่งเหมือนกับของรางวัลของผู้ชนะปักอยู่บนผนังหิน
ปั้ว!ปั้ว! ปั้ว!
ชะนีโลกันตร์ส่งเสียงร้องพลางใช้มือสองข้างทุบตีอกตัวเองคล้ายกับกำลังท้ารบอีกทั้งสายตาที่เย้ยหยันของมันยังบอกให้รู้ว่าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“รนหาที่ตาย!”
ข้าเรียกกระบี่คมจันทราออกมาไว้ในมือเพื่อเตรียมสู้รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!และข้าเองก็รู้จุดอ่อนของชะนีโลกันตร์ตัวนี้ไม่น้อยที่สำคัญจุดอ่อนของมันยังเป็จุดเด่นของข้าด้วยถึงแม้เพลงขาเมฆาหมอกจะเป็เพียงวรยุทธ์ขั้นสองแต่ข้าก็ฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นสูงและกลายเป็ข้อได้เปรียบในเื่ความเร็วเมื่อต้องสู้กับชะนีโลกันตร์ที่เชื่องช้าพวกนี้!
ฟิ่ว!
ข้าพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลังไฟที่ลุกโชนท่วมตัวขณะที่เข้าไปใกล้ชะนีโลกันตร์ตัวนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเพื่อหลบการโจมตีด้วยหมัดของมันข้าจึงหันไปใช้กระบี่คมจันทราในมือฟันไปที่เส้นเอ็นตรงขาหลังของมันจนเืสาดแทน
ตุ้บ!
ร่างของมันเซไปตามผนังดินเพราะขาข้างหนึ่งเดินไม่ได้แต่ก็ยังโจมตีใส่ข้าอีกครั้งอยู่ดี
ข้ากวัดแกว่งกระบี่ในมือพร้อมกับหลบการโจมตีของมันด้วยพลังของเพลงขาเมฆาหมอกแล้วหายวับไปอยู่อีกฝั่งของมันก่อนจะฟันไปตรงขาข้างที่เหลือตอนนี้มันจึงเดินไปไหนไม่ได้และทำได้เพียงนั่งอยู่กับที่เพื่อต่อสู่กับข้าเท่านั้น
“ไปตายซะ!” ข้าตวาดเสียงดังและฟันลงไปที่ใบหน้าของมันด้วยพลังของสี่พลังรวมเป็หนึ่ง
ปั้ง!พลังของกระบี่พุ่งเข้าไปที่หน้าของชะนีโลกันตร์จนลึกเห็นกระดูกและเืสาดกระเซ็นซึ่งเืส่วนหนึ่งที่กระเด็นออกมาก็พุ่งมาถูกตัวข้าจากนั้นก็ถูกลายสักเทพราชันัในตัวดูดซึมอย่างรวดเร็วขณะที่ต่อสู้กันอยู่เมื่อครู่ก็ทำให้ข้าเข้าใจถึงหลักการโจมตีและจุดอ่อนของมันแล้วเหมือนกัน
ฉึบ!
หลังจากต่อสู้กันจนรู้ว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหนข้าก็ฟันลงไปอีกครั้งที่ต้นคอของมันจนเืสาดหลังจากนั้นก็รีบถอยตัวออกห่างเพราะมันกำลังใช้กำปั้นหนักๆ ฟาดลงมาแต่ถึงกระนั้นก็เป็เพียงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะสิ้นลมหายใจเท่านั้นเอง
หลังจากขยับหลบแล้วข้าก็พุ่งขึ้นไปฟันลงที่คอหอยของมันอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะตายจริงๆ
สวบ!
คะแนนสะสมจากการสังหารลอยเข้ามาในสายรัดผูกิญญาข้าสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปรับพลังภายในร่างกายให้สมดุลและสงบนิ่งถึงแม้การสังหารชะนีโลกันตร์ตัวนี้จะดูเหมือนง่ายแต่ข้าก็ใช้พลังของสี่พลังรวมเป็หนึ่งจัดการมันเลยทีเดียวดังนั้นพลังของเคล็ดวิชาาที่ตอบสนองต่อการใช้ก็ทำให้ข้ารู้สึกเจ็บไปทั้งร่างแม้จะพออดทนได้บ้างแต่ก็ยังเจ็บเจียนตายอยู่ดีข้าจึงหยิบเนื้อปลาหลีฮื้อหลงหลิงในแหวนกระดูกจักรภพออกมากินอย่างมูมมาม
และตอนนี้เองก็มีเสียงสายลมพัดมาแต่ไกลก่อนจะเผยให้เห็นร่างของคนคนหนึ่งลอยเหาะเข้ามาพร้อมกับชุดของสำนักยาตรา์ที่ขาดหลุดลุ่ยและใบหน้าที่เต็มไปด้วยาแจากการต่อสู้กับชะนีโลกันตร์
ซึ่งข้าเองก็รู้จักเขาด้วย
...
“ฟางซิ่งจือ?” ข้าพูดเสียงเรียบ
ฟางซิ่งจือเองก็มองข้าด้วยสายตาประหลาดใจก่อนจะถาม“ปู้อี้เชวียน...ทำไมเ้าถึง...?”
“แปลกใจล่ะสิที่ข้าไม่ตายในจักรภพธารานั่น”
“...”
ฟางซิ่งจือถึงกับชะงักโดยไม่รู้จะทำอย่างไรก่อนจะพูดหลังจากผ่านไปพักใหญ่“ถึงอย่างไรก็ต้องขอบใจเ้าด้วยแล้วกัน เพราะถ้าไม่ได้เ้าสังหารเ้าชะนีโลกันตร์ตัวนี้ข้าคงไม่กล้าออกมาเหมือนกัน เพราะมันเอาแต่จ้องข้ามาสองชั่วโมงกว่าแล้วล่ะ”
ข้าขมวดคิ้วก่อนจะพูดไป“ไม่ต้องพูดมากบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าหลังจากที่ฟางชิงยวนลอบทำร้ายข้าแล้วเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วถงจั๋วกับถังเชวียหรานเป็ยังไงบ้าง?”
ฟางซิ่งจือชะงักไปก่อนที่แววตาจะแสดงออกถึงความหดหู่“เ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่าผลลัพธ์มันเป็ยังไง...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้