หรูอี้เองก็กล่าวเสริม “นั่นสิ แปลกเหลือเกิน”
มู่หรงฉือพูดขึ้นช้าๆ “เปิ่นกงจำได้ว่าแม่นางเซี่ยคนนั้นพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง นางบอกว่าน้องหญิงหน้าตาเหมือนกับคุณชายหรงมาก”
ฉินรั่วไม่คิดเช่นนั้น “เื่นี้ไม่นับว่ามีอะไร ใต้หล้ากว้างใหญ่ มีคนที่หน้าตาเหมือนกันไม่น้อย เพียงแต่ท่าทางโมโหของหยวนซิ่วน่ากลัวมาก แทบจะกินคนได้เลยทีเดียว”
หรูอี้กล่าว “หยวนซิ่วเป็คนที่ปกป้องเ้านายดั่งดวงใจ โดยเฉพาะตอนนี้ที่องค์หญิงทั้งใทั้งได้รับาเ็”
จู่ๆ ฉินรั่วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เตี้ยนเซี่ย องค์หญิงได้รับความใและได้รับาเ็ คุณชายกงเองก็ได้รับาเ็ ไม่อาจมีทายาทได้อีก เช่นนั้นต่อไปหากองค์หญิงแต่งงานกับคุณชายกงจะไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างไร้ทายาทไปตลอดหรือเพคะ?” นางขมวดคิ้ว “คงไม่ใช่ เกิดเื่เช่นนี้ขึ้น องค์หญิงก็คงไม่แต่งงานกับคุณชายกงแล้ว เกรงว่าสกุลกงเองก็คงไม่อยากจะแต่งองค์หญิงเช่นกัน”
หรูอี้เอียงศีรษะ “เช่นนั้นงานแต่งที่ฝ่าาพระราชทานให้จะทำอย่างไร? ยกเลิกหรือ?”
มู่หรงฉือถอนหายใจยาว งานแต่งงานพระราชทานนี้เกรงว่าจะต้องยกเลิกไป เพียงแต่ต้องหาโอกาสดีๆ รายงานให้เสด็จพ่อเข้าพระทัย
ทันใดนั้น นางพลันนึกถึงเื่ที่หลินอวี่พาศพพี่ชายมาร้องเรียนที่เมืองหลวง…แม่นางหรง คุณชายหรง ล้วนแซ่หรง หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษมีความเป็ไปได้ที่จะเป็ครอบครัวเดียวกันหรือไม่? เื่นี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่?”
จากนั้นหนึ่งวัน มู่หรงฉือก็เดินทางไปยังศาลต้าหลี่เพื่อพบกับเสิ่นจือเหยียน
เมื่อรู้ว่าเตี้ยนเซี่ยมาสอบถามความคืบหน้าเื่พี่น้องสกุลหลิน เสิ่นจือเหยียนก็รายงานการตรวจสอบ จากเก้าครอบครัวที่มีแซ่หรง มีหกครอบครัวที่มีบุตร สี่ในนั้นมีบุตรสาว เมื่อตรวจสอบอายุแล้ว บุตรสาวสกุลหรงที่ตรงกับเงื่อนไขมีอยู่เพียงผู้เดียว
“ข้าสั่งให้ลูกน้องไปพาคนจากครอบครัวนั้นมาแล้ว อีกครึ่งชั่วยามก็คงจะกลับมา”
เขาสวมชุดขุนนาง ดวงหน้าสง่ามีความเ็าเคร่งขรึมเพิ่มเข้ามา
นางขมวดคิ้วเอ่ย “น่าเสียดายที่หลินอวี่ไม่เคยเจอแม่นางหรงมาก่อน ไม่เช่นนั้นเื่ราวก็คงจะง่ายขึ้น”
เสิ่นจือเหยียนพยักหน้า “ทำงานยากขึ้นจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าจะสอบสวนแม่นางหรง เตี้ยนเซี่ยจะไปด้วยหรือไม่?”
มู่หรงฉือรับปาก ก่อนจะถามต่อ “ใช่แล้ว สกุลหรงทั้งหก ครอบครัวที่มีบุตรชายมีกี่ครอบครัว?”
“มีสามครอบครัว เหตุใดเตี้ยนเซี่ยถึงได้ถามเื่นี้?”
“ในบุตรชายของสามครอบครัวนั้น มีคนที่อายุราวสิบแปดจนถึงสามสิบบ้างหรือไม่? จะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งก็ได้”
“มีบุตรชายจากสกุลหรงสองครอบครัวที่มีคุณสมบัติตามที่เตี้ยนเซี่ยกล่าวมา เตี้ยนเซี่ย้าจะทำสิ่งใดหรือ?” เขาถามอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
“ประเดี๋ยวเปิ่นกงจะบอกเ้าอย่างละเอียด ตอนนี้เ้าส่งคนไปพาคุณชายสกุลหรงสองคนนี้มาที่ศาลต้าหลี่ที” มู่หรงฉือสั่ง
เสิ่นจือเหยียนไปสั่งการเ้าพนักงาน มู่หรงฉือจึงเดินไปทางเรือนหลัง เห็นหลินอวี่กำลังทำความสะอาดห้องของเสิ่นจือเหยียนอยู่ โดยใช้ผ้าชุบน้ำออกแรงเช็ดเครื่องเรือน
หลินอวี่สวมชุดสีส้มโอรสผ้าเนื้อหยาบ เส้นผมสีดำถูกรวบเป็ทรงผมง่ายๆ ปักด้วยปิ่นธรรมดาเล่มหนึ่ง ทั้งตัวดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้ากลมแดงระเรื่อเพราะใช้แรงในการทำงาน
เมื่อเช็ดเสร็จแล้ว หลินอวี่ก็ยกกะละมังไม้ออกมา เห็นในเรือนมีบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่ก็ชะงักไป รอจนนางเห็นหน้าตาของคนผู้นั้นชัดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีก่อนจะเดินเข้ามา “คุณชาย ข้าจำท่านได้ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?”
“ใต้เท้าเสิ่นกับข้าเป็สหายกันมานานปี ข้ามาหาเขาน่ะ” มู่หรงฉือคลี่ยิ้มสดใส “อยู่ที่ศาลต้าหลี่คุ้นชินแล้วหรือไม่?”
“คุ้นชินบ้างแล้วเ้าค่ะ ข้าอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ หลายวันมานี้ก็เพราะได้คุณชายชี้แนะ หาไม่แล้วข้ากับพี่ชายก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน” หลินอวี่ยิ้มอย่างสดใสสบายใจ “คุณชายเป็ผู้มีพระคุณของข้า พระคุณของท่าน ข้าหลินอวี่จะจดจำเอาไว้ชั่วชีวิตเ้าค่ะ”
“แม่นางหลินไม่ต้องเกรงใจ ข้าแค่ยืนมือทำในสิ่งที่ทำได้เท่านั้น”
“ต่อไปหากคุณชายมีเื่ที่ต้องใช้งานข้า ข้าจะต้องช่วยคุณชายอย่างสุดความสามารถเ้าค่ะ เช่นนี้ก็แล้วกัน คุณชายจะทานอาหารที่นี่หรือไม่? ให้ข้าทำอาหารพื้นบ้านไม่กี่อย่างให้คุณชายกับพวกใต้เท้าในศาลต้าหลี่ลองชิมดู”
“ได้สิ ลาภปากข้าแล้ว”
คนที่พูดประโยคนี้ก็คือเสิ่นจือเหยียน มู่หรงฉือหันกลับไปมอง เขาเดินเอื่อยๆ เข้ามาด้วยใบหน้าประดับยิ้ม “ฝีมือการทำอาหารของแม่นางหลินน่าทึ่งมาก คนของศาลต้าหลี่ที่เคยได้ลิ้มลองฝีมือของนางต่างชมกันไม่ขาดปาก กระทั่งใต้เท้ากู้เองก็ชมเชยยกใหญ่”
มู่หรงฉือยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นวันนี้ข้าจะต้องตั้งใจชิมสักหน่อยแล้ว”
หลินอวี่รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “ใต้เท้าเสิ่นก็ชมเกินไปแล้วเ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปซื้อผักที่ตลาดก่อนนะเ้าคะ”
นางเทน้ำในกะละมังออก เช็ดมือ ก่อนจะหยิบถุงเงินออกไปทางประตูเล็ก
มู่หรงฉือพูดหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าพวกเ้ากับแม่นางหลินจะเข้ากันได้ไม่เลวเลยนะ”
เสิ่นจือเหยียนคลี่ยิ้มเอ่ย “แม่นางหลินเป็คนจิตใจดีผู้หนึ่ง ดูแลทุกคนในศาลต้าหลี่อย่างละเอียดรอบคอบ อีกทั้งนางเองก็หน้าตาไม่เลว ชายหนุ่มเืร้อนพวกนั้น เวลาไม่มีอะไรทำก็จะคอยวนเวียนอยู่รอบตัวนาง หากไม่ใช่ข้าออกคำสั่งลงไป พวกเขาจะต้องยอมพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเพื่อนางแน่นอน”
“หากไม่อาจหาแม่นางหรงผู้มีความสัมพันธ์กับหลินซูคนนี้พบ เช่นนั้นคดีนี้ก็สืบหายากแล้ว”
“อย่างไรก็เป็คดีที่เกิดขึ้นในอี้โจว ผ่านไปอีกสามเดือน หาก้าไขคดีก็ยากแล้ว ตอนนี้เพียงทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”
“เ้าพนักงานที่ไปพาบุตรสาวสกุลหรงยังไม่กลับมาหรือ?”
“ไปดูด้านหน้ากันเถิด”
พวกเขาเดินไปทางด้านหน้า พอดีกับที่ฉินรั่วรุดมารายงานว่าเ้าพนักงานพาบุตรสาวสกุลหรงมาแล้ว
ที่เรือนหน้า ครั้นพวกเขาเห็นบุตรสาวสกุลหรงก็ถึงกับยืนอึ้งไป บุตรสาวสกุลหรงอายุราวสิบแปดปี ดวงตาดำขลับ ใบหน้าที่กลมเหมือนขนมเปี๊ยะขนาดใหญ่แดงเรื่อ รูปร่างอ้วนท้วนจนเห็นไขมันเป็ชั้น ตัวของนางใหญ่กว่าหลินอวี่ราวสองเท่า
แม่นางสกุลหรงยิ้มตาหยีอย่างออดอ้อน มีความน่ารักอยู่เล็กน้อย
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนสบตากัน แม่นางร่างอวบอ้วนตรงหน้าเป็บุตรสาวสกุลหรงที่พวกเขาตามหาจริงๆ หรือ?
หลินซูคงไม่ถึงขนาดชอบหญิงสาวที่มีรูปร่างเช่นนี้หรอกนะ ถึงแม้เขาอาจจะไม่ใช่คนที่ตัดสินผู้อื่นจากรูปร่าง แตก็คงไม่ถึงกับเสียอกเสียใจเพราะแม่นางผู้นี้กระมัง
“ใต้เท้า พวกท่านหาข้าหรือ? จะแนะนำสามีให้ข้าใช่หรือไม่?” แม่นางหรงถามพลางยิ้มตาหยีจนมองไม่เห็นดวงตา
“ขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางมีนามว่าอะไร?” เสิ่นจือเหยียนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อนถามขึ้น รีบเก็บความกระอักกระอ่วนลงไป
“ข้าแซ่หรง มีชื่อว่าหรงเถาฮวา” แม่นางสกุลหรงหัวเราะเหอะๆ
“เหอะๆ...” มู่หรงฉือหัวเราะแห้งๆ เถาฮวา เป็ชื่อที่ดียิ่ง
จากนั้นเสิ่นจือเหยียนก็พาหรงเถาฮวาไปยังโถงใหญ่แล้วเชิญให้นางนั่งลง เตรียมจะสอบสวน มีมู่หรงฉือยืนอยู่ด้านข้าง
เห็นในหยาเหมินมีบุรุษหล่อเหลา รูปร่างแข็งแกร่งกำยำมากมาย เถาฮวาก็หัวใจเต้นรัว หัวเราะเหอะๆ แล้วถาม “ที่ใต้เท้าเรียกข้ามา เพราะจะแนะนำสามีให้ข้าใช่หรือไม่?”
เสิ่นจือเหยียนปวดเศียรเวียนเกล้า พยายามอดทนแล้วอดทนอีก “ศาลต้าหลี่ไม่ได้รับผิดชอบเื่การหาคู่ แม่นางหรง บิดามารดาของเ้ามีเ้าเป็บุตรสาวเพียงคนเดียวหรือ?”
นางคลี่ยิ้มตอบ “แน่นอน มีข้าเป็บุตรสาวอยู่เพียงผู้เดียว แต่ข้ายังมีพี่ชายอีกคนหนึ่ง พี่ชายแต่งงานกับพี่สะใภ้ มีบุตรแล้วดูน่าสนุกมากจริงๆ”
“เ้าเคยออกไปเที่ยวต่างเมืองหรือไม่?”
“เคยสิ เมื่อหลายเดือนก่อนพี่ชายกับพี่สะใภ้เคยพาข้าไปเที่ยวนอกเมือง ที่ท่าชิง”
“นอกจากที่ท่าชิงนอกเมืองแล้ว ยังเคยไปเที่ยวเล่นที่อื่นอีกหรือไม่?”
“ทุกปีก็จะออกไปเที่ยวนอกเมือง ใต้เท้าท่านไม่เคยไปเที่ยวนอกเมืองหรือ?” หรงเถาฮวาถามด้วยท่าทางจริงจัง
พรืด... มู่หรงฉือหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว แม่นางหรงไม่เพียงจะใจกว้างร่างใหญ่ สมองก็เหมือนจะมีปัญหาอยู่เล็กน้อย
พรืด...พรืด... ยังมีเสียงหัวเราะที่พ่นออกมาจากปากของเ้าพนักงานคนอื่นอย่างต่อเนื่องกันเพราะอดไม่ไหว หากอดทนต่อไปคงต้องเป็แผลร้อนในแน่นอน มีบางคนที่แทบไม่อาจยืดเอวตรงๆ ได้ บางคนเอามือยันเสาเอาไว้ มีบางคนถึงกับลงไปนั่งยองๆ
เสิ่นจือเหยียนทำหน้าเหมือนจะตาย แต่ยังถามต่อไป “แม่นางหรง เ้ารู้จักคนชื่อหลินซูหรือไม่?”
แม่นางหรงได้ยินเช่นนี้ดวงตาพลันวาวโรจน์ขึ้นอย่างยินดี “หลินซูเป็บุรุษหรือ? ใต้เท้าจะแนะนำเขาให้มาเป็สามีของข้าหรือ? เขาอยู่ที่ไหนเล่า?”
นางหันไปมองรอบๆ ด้วยท่าทางปิติยินดีจากใจจริง
เขามองไปทางเตี้ยนเซี่ยแล้วแบมือออกอย่างจนใจ จากนั้นจึงกล่าวว่า “แม่นางหรง ข้าจะให้คนส่งเ้ากลับเรือน”
เ้าพนักงานสองคนพาหรงเถาฮวาออกไป นางยังไม่ยอมไป ะโเสียงดัง “ใต้เท้า ใต้เท้า ท่านไม่ใช่ว่าจะแนะนำสามีให้ข้าหรืออย่างไร?”
“ฮ่าๆๆๆ...”
เ้าพนักงานทุกคนพากันหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะดังครืนประหนึ่งน้ำทะลักออกจากถัง มู่หรงฉือเองก็หัวเราะจนยืนได้ไม่มั่นคง ถึงกับต้องนั่งลงทุบโต๊ะไปหัวเราะไป
เสิ่นจือเหยียนเองก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีก “หัวเราะเข้าไป พวกเ้าหัวเราะกันพอรึยัง อาหารกลางวันนี้ไม่ต้องทานแล้ว”
มีพนักงานคนหนึ่งหัวเราะแล้วพูด “หรงเถาฮวาคนนี้จะต้องไม่ใช่คนร้ายที่สังหารหลินซูแน่นอน บนโลกใบนี้จะมีบุรุษสักกี่คนที่สามารถรับรูปร่างใหญ่เช่นนั้นของนางไหว?”
“เื่นี้ก็ไม่แน่ ดอกไม้ทุกดอกก็เข้าตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
“บุรุษที่ชอบนางจะต้องมีรสนิยมที่หนักพอตัว”
“แน่นอน บุรุษบนโลกใบนี้หากจะต้องแต่งงานกับใครสักคน ส่วนมากย่อมพิจารณาจากหน้าตาก่อน บุรุษที่จะชอบนางจากใจจริงสามารถกล่าวได้ว่าเป็ปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี” มู่หรงฉือวิเคราะห์ “หากหลินซูชอบนางจริง มีความสัมพันธ์กับหรงเถาฮวาจริง เช่นนั้นจากรูปลักษณ์ของหรงเถาฮวา ถ้ามีคนอยากจะแต่งงานกับนาง นางก็คงจะรีบแต่งไปแล้ว เหตุใดยังจะต้องสังหารหลินซูเล่า?”
“จากที่แม่นางหลินพูด บิดามารดาของแม่นางหรงคงจะจัดการเื่การแต่งงานของนางแล้ว นางเพียงแค่ต้องกลับเมืองหลวงมาแต่งงานเท่านั้น” เสิ่นจือเหยียนขมวดคิ้ว “หากเป็ไปตามที่ว่ามา หรงเถาฮวาตอนนี้ยังไม่มีคู่แต่งงาน จึงไม่นับว่าตรงกับคนที่แม่นางหลินกล่าวถึง”
“ดูจากท่าทางของแม่นางหรงตอนพูด นางคงจะไม่ได้โกหก” นางตัดสิน
“หากหรงเถาฮวาไม่ใช่คนที่แม่นางหลินตามหา เช่นนั้นเมืองหลวงก็ไม่มีสตรีสกุลหรงที่มีอายุเหมาะสมแล้ว”
“แม่นางหรงที่อี้โจวได้เปลี่ยนชื่อหรือไม่?”
“มีความเป็ไปได้ แต่เมื่อเป็เช่นนี้ก็จะกลายเป็คดีที่ไม่อาจคลี่คลายได้”
มู่หรงฉือขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “หลินซูไม่ใช่คนมากฝีมือหรอกหรือ? เขาเคยวาดภาพเหมือนของแม่นางหรงคนนั้นหรือไม่?”
เสิ่นจือเหยียนส่ายหน้า “ข้าเคยถามแล้ว แม่นางหลินบอกว่าหลินซูคงเคยวาดภาพนางมาก่อน แต่นางก็ไม่เคยเห็นภาพเหมือนนั้นเช่นกัน หลังจากหลินซูเสียชีวิตไปแล้ว นางเก็บกวาดห้องแต่ก็หาภาพเหมือนนั้นไม่พบ มีเพียงกลอนที่หลินซูเขียนให้แม่นางหรงเท่านั้น”
นางถาม “กลอนพวกนั้นเ้าเคยได้อ่านหรือไม่? มีเบาะแสใดหรือไม่?”
เขาตอบกลับ “ข้าอ่านดูแล้ว ไม่มีเบาะแสใด”
หากหลินอวี่รู้ว่าคดีของพี่ชายไม่รู้ว่าจะเริ่มสืบจากตรงไหน คงจะทุกข์ใจเป็อย่างมาก
เสิ่นจือเหยียนถอนหายใจ “ข้าไม่รู้จะพูดกับแม่นางหลินอย่างไรดี”
มู่หรงฉือพลันรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
ตอนนี้เองก็มีเ้าพนักงานเข้ามารายงานว่าได้พาบุตรชายสกุลหรงสองคนมายังศาลต้าหลี่แล้ว
มู่หรงฉือดีใจมาก รีบสั่งให้เ้าพนักงานพาคนเข้ามา
บุรุษสวมชุดยาวผ้าเนื้อหยาบเดินเข้ามา เห็นเ้าพนักงานมากมายกับใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็ก้มหัวลงอย่างระมัดระวัง หน้าตาเรียบร้อยจริงใจ ดูแล้วเป็คนที่ซื่อสัตย์มาก
นางพิจารณาเขา คนผู้นี้หน้าตาธรรมดา ไม่เหมือนจาวฮวาเลยสักนิด สักนิดเดียวก็ไม่มี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้