ราชสีห์หิรัณย์เดิมทีก็อ่อนแอมากแล้ว มันกลัวอย่างถึงที่สุด มองมาทางหลงเหยียนด้วยสายตาหวาดผวา
“เ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา”
หลงเหยียนแค่นมองมันด้วยสายตาเ็า “ข้าไม่มีทางทำร้ายเ้าหรอก ในเมื่อพวกเรามีวาสนาต่อกัน หรืออีกหน่อยเราร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันดีหรือไม่”
ราชสีห์หิรัณย์เป็สัตว์เทพในยุคโบราณ แน่นอนว่าต้องต่างจากปีศาจอสูรทั่วไปอยู่แล้ว ร่างกายว่องไวและเฉลียวฉลาดกว่า มันมองไปทางคนที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและแข็งแกร่ง ไม่แน่อนาคตอาจเจอการท่องโลกที่น่าจดจำก็เป็ได้
“เ้าไม่โทษข้าที่เมื่อครู่จะกินเ้าหรือ”
หลงเหยียนยิ้ม “ข้ามีวงล้อมสมดุลอยู่ แล้วยังต้องกลัวอีกหรือ!”
หลงเหยียนเดินมาข้างกาย จากนั้นก็ค่อยๆ ส่งพลังปราณเข้าสู่ร่างกายมัน ไม่นานร่างกายของราชสีห์หิรัณย์ก็ฟื้นฟูกลับมามากแล้ว
ครั้งนี้ ในที่สุดมันก็ประจักษ์แล้วว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้านั้นทรงพลังมาก
ราชสีห์หิรัณย์นึกในใจ “เฮอะ! เ้าหนุ่ม วันนี้เ้าช่วยช้า แต่ไม่แน่หากวันใดข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วข้าจะกินเ้าซะ หากกินเ้า ข้าเชื่อว่าพละกำลังข้าต้องฟื้นฟูโดยเร็วแน่”
หลงเหยียนยกฝ่ามือผละออกจากตัวมัน จากนั้นก็ะโขึ้นไปขี่หลังมันทันที
“ถ้าเ้ากล้าคิดไม่ซื่อ อย่ามาโทษข้าที่เหี้ยมโหดเกินไปเลย อย่าลืมเสียเล่า ข้ายังมีวงล้อมสมดุลอยู่” จากนั้นพวกเขาหนึ่งคนหนึ่งสัตว์ก็ออกเดินทาง
ราชสีห์หิรัณย์คำราม จากนั้นก็ะโลอยข้ามเหวไป
นึกไม่ถึงว่ามาที่นี่จะได้สัตว์เทพตัวหนึ่งกลับไป หากเล่าให้ผู้ใดฟัง เกรงว่าต้องไม่มีคนเชื่อแน่
หากไม่ใช่เพราะมันเห็นิญญาัในร่างหลงเหยียนกับตา ทั้งยังมีจิตที่แข็งแกร่ง คาดว่าราชสีห์หิรัณย์เองก็คงไม่กลัวเช่นกัน
“จริงด้วย อีกหน่อยข้าจะเรียกเ้าว่าสิงโตน้อยแล้วกัน ข้าชื่อหลงเหยียน เ้าจะเรียกข้าว่าเสี่ยวเหยียนก็ได้”
“อะไรกัน ข้าเป็ถึงสัตว์เทพกลับถูกเ้าเรียกว่าสิงโตตัวน้อย?” ราชสีห์หิรัณย์รู้สึกไม่พอใจมาก แต่เห็นแก่ที่เขาบากบั่นถ่ายพลังปราณให้ตน คงต้องทำได้แค่ตกลงแล้ว
พวกเขาทั้งสองออกเดินทางร่วมกัน หลงเหยียนนั่งอยู่บนหลังสิงโต รู้สึกเหมือนตนดูสง่าเป็พิเศษ
“จริงด้วย เ้าบอกว่าตัวเองเป็สัตว์เทพมิใช่หรือ งั้นเ้าก็คงรู้เื่อะไรเยอะแยะเป็แน่ เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุดธาตุพลังที่ข้าดูดไปจากตัวเ้าถึงทำให้ข้ามีขนเช่นเ้า ไม่มีผิดเพี้ยน”
ราชสีห์หิรัณย์ยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้ เื่ที่เ้าทำเมื่อครู่ มันเป็จิตเทพที่มีแต่เทพัในยุคโบราณเท่านั้นที่มี ข้าจะบอกเ้าแบบนี้ก็แล้วกัน ธาตุพลังกับโลหิตแยกเป็สองประเภท เมื่อครู่เ้าดูดธาตุพลังของข้า ทำให้ตัวเ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าเ้าไม่หยุด ไม่แน่ตอนนี้ข้าอาจถูกเ้าดูดจนตายแล้วก็เป็ได้ เมื่อก่อนในดินแดนั ข้าเคยเห็นัร่างใหญ่ดูดธาตุพลังของัร่างใหญ่อีกตัว พละกำลังเพิ่มขึ้นมหาศาล และเป็การฆ่าฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลงเหยียนก็ตื่นเต้นมาก เขานึกในใจ ‘ดูเหมือนธาตุพลังจากหินจะช่วยเื่นี้ได้ หรือว่าการดูดธาตุพลังมาจะเปลี่ยนสภาพภายนอกของข้าตามงั้นหรือ?’
“จริงด้วย เมื่อกี้เ้าบอกว่าธาตุพลังกับโลหิตเป็คนละประเภท แล้วมันเป็แบบไหน?”
ราชสีห์หิรัณย์กลอกตาไปมา เขาก็มีมุมที่น่ารักๆ เช่นนี้เหมือนกัน มันชอบเวลาคนอื่นตั้งข้อสงสัยและถามเขา หากเป็มันตอนที่มีพลังสูงสุด สามารถพูดได้เลยว่านอกจากพละกำลังเทียบเท่าเทพัแล้ว มันไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตามาก่อน
“อะแฮ่ม ในเมื่อเ้าอยากรู้เพียงนั้น งั้นเป็ข้าอธิบายให้ฟังเองก็ได้”
“ธาตุพลังที่ว่าถึงคือดูดชีวิตจากผู้อื่น และเมื่อเติมเต็มกายของตัวเอง ธาตุพลังชนิดนั้นจะก่อตัวกลายเป็รูปร่างลักษณะเดียวกับมันใน่เวลาอันสั้น การทำเช่นนั้นจะช่วยให้ระดับพละกำลังเพิ่มมากขึ้น สำหรับมนุษย์ มันจะช่วยในด้านของพลังปราณ แต่กับสัตว์ปีศาจจะเป็การฝึกผลึกิญญา ส่วนสัตว์เทพจากยุคโบราณของพวกข้าเท่านั้นที่ฝึกแก่นผลึกิญญา”
“เ้ารู้สึกหรือไม่ว่าเมื่อครู่คล้ายพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่ก็เหมือนลดพลังปราณของเ้าด้วยเช่นกัน หากไร้พลังปราณที่แข็งแกร่งควบคุม เ้าก็ไม่มีทางควบคุมพลังปราณที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณไปสู้กับศัตรู...”
เมื่อราชสีห์หิรัณย์พูดเช่นนั้น หลงเหยียนเพิ่งเข้าใจ เ้าหมอนี่รู้เื่เยอะอย่างที่คิดจริงๆ มันพูดเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนไม่มีผิด
ทันใดนั้น หลงเหยียนบรรลุอะไรบางอย่าง “หรือว่าพลังจากหินสามารถดูดธาตุพลังผู้อื่นได้ ส่วนข้ามีิญญาัที่แข็งแกร่ง สามารถดูดพลังิญญาและิญญายุทธ์ของผู้อื่นได้ ใช้มาหลอมให้กลายเป็พลังปราณ รวมกับกายสุริยะ แต่หากหินวิเศษดูดโลหิตจากผู้อื่นได้ แบบนั้นมันก็ต้องช่วยหลอมให้กลายเป็พลังปราณได้เช่นกัน”
เมื่อนึกเช่นนั้นได้หลงเหยียนก็เริ่มฝึก พลังปราณในร่างกายไหลเวียนได้่หนึ่งแล้ว พลังปราณฟื้นฟูกลับมาได้มาก หลงเหยียนขับเคลื่อนพลังปราณที่อยู่ในจุดรวมปราณผ่านธาตุพลังหินในการดูดโลหิตจากสัตว์เล็กๆ ที่อยู่รอบตัว
“ได้ผลจริงด้วย!” หลงเหยียนดีใจมาก สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ลับๆ ถูกหลงเหยียนดูดโลหิตของมันลอยออกมาเป็ระลอกแล้วเข้าสู่ร่างกายหลงเหยียน หากจะพูดให้ถูก มันเข้าไปหาหินวิเศษ ก่อตัวกลายเป็หลุมดำลอยวนรอบหิน
โลหิตสีเ่าั้ถูกหินวิเศษหลอมให้กลายเป็พลังปราณ จากนั้นพลังปราณก็ไหลสู่จุดรวมปราณอย่างรวดเร็ว ดูดอย่างต่อเนื่อง ภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร เืจากสิ่งมีชีวิตถูกแรงดูดที่มหาศาลนำออกมา
พลังปราณเ่าั้ไหลไปทั่วร่างกายหลงเหยียน การพบสิ่งใหม่ทำให้หลงเหยียนประหลาดใจ
ความรู้สึกเมื่อครู่มันดีอย่างบอกไม่ถูก คล้ายเป็น้ำแ่เบาที่ไหลไปทั่วร่างกายเช่นนั้น การััได้ถึงิญญารอบด้านก็น้อยลง
หลงเหยียนรู้สึกว่าต่อให้โลหิตพวกนี้ถูกหลอมกลายเป็พลังปราณของตน แต่มันไม่ใช่พลังปราณที่บริสุทธิ์ ในนั้นมีสิ่งเจือปน จะให้ดีไม่ต้องใช้มันดีกว่า สู้กายสุริยะของตนไม่ได้ ดูดแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนให้กลายเป็พลังหยาง กลายเป็พลังปราณที่บริสุทธิ์ หากต้องต่อสู้จริงๆ และจำเป็ถึงควรใช้ วิธีเช่นนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปจะดีกว่า
ทันใดนั้น รังสีจากพลังที่น่าเกรงขามลอยมาจากหินวิเศษ ขณะที่โลหิตลอยอยู่กลางอากาศ ดูดโลหิตปีศาจอสูร สามารถหลอมเป็พลังปราณ เพิ่มพละกำลังได้
กายธาตุพลังสามารถเลื่อนพละกำลังเป็สิบเท่า แต่พลังปราณจะลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน และพลังปราณที่หลอมมาจากโลหิตช่วยฟื้นฟูพลังปราณในตัว ถือเป็การใช้ชดเชยได้
“สิงโตน้อย ขอบคุณนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเ้า ข้าก็คงไม่ทันสังเกตเห็นการประสานนี้” หลงเหยียนดีใจมาก เขาเริ่มปรับลมหายใจเพื่อขับเคลื่อนพลังปราณ หลอมโสมจักรพรรดิัในร่างกายให้หมดสิ้น
เขาต้องเปิดการเชื่อมต่อระหว่างพลังให้สำเร็จ จากนั้นก็ฝึกหมัดมายาแปดทิศ ตอนนี้เขาได้การประสานจิตที่แข็งแกร่งมาเพิ่ม สำหรับหลงเหยียนแล้ว เขามีโอกาสชนะในงานแข่งขันล่าสัตว์เพิ่มขึ้น
“ถ้าตอนนี้ข้าเจอปีศาจอสูรร่างใหญ่ละก็ ข้าจะลองทดสอบการประสานจิตทั้งสองนี้ดู น่าเสียดาย หน้าผาตัดพวกนี้เป็เนินร้าง การจะหาหนูตัวหนึ่งยังเป็เื่ยากเลย”
ขณะที่พูดอยู่นั้นใบหน้าของหลงเหยียนก็ประกายรอยยิ้ม แล้วมองไปทางราชสีห์หิรัณย์...
“เ้ามาเป็หนูทดลองของข้าดูหน่อยหรือไม่”
ทันใดนั้น แสงสีแดงสดก็ลอยออกไปห่อหุ้มตัวของราชสีห์หิรัณย์...
--------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้