“คุยโวนัก แต่เกรงว่าเ้าคงไม่มีหวัง”
ซูเฉินเทียนยิ้ม จากนั้นโจมตีเซียวเฉินอย่างไร้ปรานี มิใช่เขาดูถูกเซียวเฉิน ทว่าเขากลับให้ความสำคัญต่อเซียวเฉินมาก ส่วนเื่ชิงอันดับหนึ่งอย่าได้หวัง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเซียวเฉินยังไม่เข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้า ต่อให้มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้าอย่างตนเองก็ไม่กล้าบอกว่าชิงอันดับหนึ่งได้
พร์อันแข็งแกร่งคือกุญแจสำคัญ แต่ความสามารถคือกุญแจสำคัญยิ่งกว่า
มีเพียงความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าจึงอาจจะมีคุณสมบัติแย่งอันดับหนึ่งมาได้ ส่วนขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าคือูเาหนึ่งชั้น หากเซียวเฉินคิดจะชิงอันดับหนึ่งจำเป็ต้องเหยียบย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าจึงมีโอกาส
ทว่าการคิดจะเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าภายในหนึ่งปีนั้นยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้น์ แทบเป็ไปไม่ได้เลย ร้อยปีมานี้ สถานศึกษาชางหวงไม่เคยมีอัจฉริยะประหลาดที่ข้ามห้าชั้นฟ้าภายในหนึ่งปีมาก่อน ไม่เพียงสถานศึกษาชางหวง ต่อให้เป็สถานศึกษาอีกสี่แห่งก็ไม่มีเช่นกัน
แต่เซียวเฉินแค่ยิ้มให้กับการโจมตีของซูเฉินเทียน
“ศิษย์พี่ซู ท่านไม่เข้าใจ ข้าจำเป็ต้อง่ชิง”
เพราะนี่คือความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของข้า...
ข้าได้แต่พยายาม่ชิงอย่างเต็มที่…
ขณะพูด เซียวเฉินพลันหยุดลง ร่างสะท้าน จากนั้นแสดงสีหน้าลิงโลด
“ข้ารู้สึกได้แล้ว ข้ารู้สึกได้แล้ว...”
จากนั้น เซียวเฉินก็โยนกระบี่หนักเบิกฟ้าทิ้ง ทรุดลงนั่งขัดสมาธิทันควัน ปล่อยให้หิมะปลิดปลิวทั่วท้องนภา เขายังคงฝึกวิชา พลังเสวียนพวยพุ่งกลายเป็แสงสีทองปกคลุมร่าง กลางนภาเหนือศีรษะ มีหงส์เพลิงเวียนวน กู่ร้องไม่ขาดสาย และแสงอาทิตย์อัสดงเรื่อเรือง
“หรือว่าจะบรรลุแล้ว?”
ซูเฉินเทียนในิดๆ จากนั้นมุมปากก็หยักเป็รอยยิ้ม การต่อสู้ครั้งนี้นับว่าไม่เสียแรงเปล่า
“อาจารย์ใหญ่ ภารกิจที่ท่านมอบหมาย เสร็จสมบูรณ์แล้ว”
จากนั้น ซูเฉินเทียนก็ถือหอกศึกบงกชทองคุ้มกันเซียวเฉิน ขั้นตานฟ้าบรรลุขั้นเสวียนฟ้าคือสันปันน้ำ หากข้ามได้ก็ขึ้นสู่ที่สูงได้อย่างรวดเร็ว หากข้ามไม่ได้ก็คือข้าวฟ่างเม็ดเดียวจมลงสู่ทะเล
ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันดุจเมฆกับดิน
วิ้งวิ้ง!
แสงเสวียนไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉินค่อยๆ เข้าฌาน
...
ณ สถานศึกษาเซิ่งเต้า
เด็กหนุ่มในชุดสีม่วงออกมาจากศาลาแห่งหนึ่ง บนร่างสวมเสื้อคลุมสีขาว หยุดทอดสายตาไปไกลแสนไกล เด็กหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลา เครื่องหน้าประณีต แต่ั์ตาหงส์คู่นั้นกลับมีแววอึมครึมเรียบเฉย ระหว่างที่มองเกล็ดหิมะโปรยปราย แววตาพลันสาดประกายคมกริบดุจกระบี่ตรงไปยังนภากว้าง
“ตระกูลเนี่ยดับสูญแล้ว...” ฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเนี่ยอวิ๋นเหอยินดีหรือโศกเศร้า ไร้รอยอารมณ์เหมือนพูดเื่ธรรมดาทั่วไป ทว่าดวงตามืดครึ้มมากขึ้นทุกที
ราวกับกลืนกินทุกสิ่งได้
หนักอึ้งจนน่ากลัว
“เซียวเฉิน เ้ายิ่งทำให้ข้ารู้สึกยินดีมากขึ้นทุกที ถึงกับสังหารฉินเฟิง ฆ่าล้างตระกูลเนี่ย เช่นนั้น ตอนนี้เ้าน่าจะมีความสามารถขั้นตานฟ้าสินะ”
ว่าแล้ว เนี่ยอวิ๋นเหอก็ส่งเสียงหัวเราะ
“เจอกันครั้งหน้า ข้าจะสังหารเ้าด้วยตนเอง!”
แววตาสีหมึกคู่นั้นลึกล้ำจนไม่เห็นก้นบึ้ง ดุจหลุมดำกลางท้องฟ้ายามราตรี ดั่งสระลึกราวสายรุ้ง เสมือนเขาสามารถดูดกลืนทุกสิ่งได้ในพริบตา
“ศิษย์พี่เนี่ย ผู้าุโใหญ่ให้ท่านไปพบ”
เวลานี้ ศิษย์สถานศึกษาเซิ่งเต้าคนหนึ่งเดินมาบอกอย่างนบนอบ
“มีเื่ใด?” เนี่ยอวิ๋นเหอถามเรียบๆ
“ผู้าุโบอกว่าจะหารือเื่การประลองห้าสถานศึกษา”
เนี่ยอวิ๋นเหอพยักหน้า
“ข้ารู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ว่าแล้วก็หันกายจากไป ตอนนี้เซียวเฉินมีฐานะใดในสถานศึกษาชางหวง มีความสามารถพื้นๆ ไร้ความสำเร็จใช่หรือไม่? ระยะห่างระหว่างเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ข้าคือเมฆ ส่วนเ้าคือดิน...
พริบตา เวลาก็ผ่านไปสามวัน
เซียวเฉินยังไม่บรรลุและไม่มีวี่แววที่จะรู้สึกตัว
หงส์เพลิงวนเวียนอย่างต่อเนื่อง รับรองว่าเซียวเฉินจะไม่ถูกแช่แข็งกลางฤดูหนาวจัดเด็ดขาด แม้ยังไม่บรรลุ แต่พลังเสวียนบนร่างของเซียวเฉินกลับบริสุทธิ์ งดงาม และเข้มข้นมากขึ้นทุกที
ตูม!
เหนือศีรษะของเซียวเฉินมีลมหมุนมารวมตัวดูดซับพลังเสวียน ผลึกเสวียนในแหวนเก็บของค่อยๆ ถูกเซียวเฉินดึงพลังอย่างช้าๆ
หนึ่งร้อยก้อน...สามร้อยก้อน...ห้าร้อยก้อน
สองพันก้อน...สองพันห้าร้อยก้อน...
เมื่อผลึกเสวียนถูกดูดซับไปเกือบสามพันก้อน ร่างของเซียวเฉินพลันเปล่งแสงเรืองรอง พลังเสวียนเชื่อมต่อฟากฟ้าและชักนำพลังแห่งดารา
ตูม!
แสงดาราร่วงหล่นมาปกคลุมเซียวเฉิน
“ทะลวงขั้นเสวียนฟ้า!”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ จากนั้นม่านไร้ลักษณ์ภายในร่างก็ถูกพลังแห่งดาราพลุ่งขึ้นทำลายในพริบตา พลังเสวียนไหลเวียนตามอวัยวะภายใน แขนขา กระดูก และชีพจริญญาทั่วร่างของเซียวเฉิน รู้สึกเบาสบายอย่างยิ่ง
วิ้งวิ้ง!
แสงดาราค่อยๆ เลือนหาย เซียวเฉินเก็บพลังเสวียนคืนในร่าง สายตามีแววยิ้มแย้ม ในที่สุดเขาก็บรรลุขั้นเสวียนฟ้า
“รู้สึกเป็อย่างไรบ้าง?”
ซูเฉินเทียนที่อยู่ด้านข้างถามขึ้น ตอนแรกเขาก็ใกับสภาวะการบรรลุของเซียวเฉิน เพราะเซียวเฉินถึงกับบรรลุชักนำดาราได้ เื่นี้ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจกว่านั้นคือ เซียวเฉินถึงกับยืมพลังแห่งดาราทะลวงขั้น เื่นี้ยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน
“รู้สึกไม่เลว แต่สิ้นเปลืองมากไปหน่อย”
เซียวเฉินหัวเราะหึๆ
“สิ้นเปลือง?”
ซูเฉินเทียนอึ้ง เขาสิ้นเปลืองอะไร?
เซียวเฉินเทซากผลึกเสวียนจากแหวนเก็บของออกมากองเหมือนูเาลูกย่อมๆ ซูเฉินเทียนเงียบงันไปนาน
“วิปริต!”
ชักนำพลังแห่งดาราไม่พอ ยังสิ้นเปลืองผลึกเสวียนระดับบนนับพันก้อน เช่นนั้น หากต่อไปไม่บรรลุก็สิ้นเปลืองผลึกเสวียนนับพันก้อนอีก เขามิถูกทรัพยากรในการฝึกวิชาบีบคั้นจนฝึกวิชาไม่ได้หรือ
ต้องรู้ก่อนว่า ตอนที่ซูเฉินเทียนบรรลุสิ้นเปลืองผลึกเสวียนไปประมาณหนึ่งพันก้อนเท่านั้น เซียวเฉินถึงกับใช้จำนวนมากกว่าเขาเกือบหนึ่งเท่าตัวแถมยังดูดซับพลังเสวียนภายนอกอย่างมหาศาล
หากไม่ใช่วิปริตแล้วคืออะไร?
“ฮ่าฮ่า ข้าต้องขอบคุณศิษย์พี่ซู หากไม่ได้ศิษย์พี่ซูช่วยเหลือ เกรงว่าข้าคงย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าได้ไม่รวดเร็วปานนี้” เซียวเฉินหัวเราะหึหึ คนทั้งสองเริ่มคุ้นเคยกันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ศิษย์พี่ซู ท่านรู้จักผู้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาของสถานศึกษาชางหวงในครั้งนี้หรือไม่?” เซียวเฉินถาม
“ครั้งนี้ศิษย์พี่เซียวหวงน่าจะนำทัพ เ้า ข้า และยังมีมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ รู้แค่นี้ก่อน ส่วนคนอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก” ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว
เซียวเฉินประหลาดใจ “ศิษย์พี่ซูก็ไปด้วย?”
“แน่นอน”
“ท่านยังอายุไม่ถึงสามสิบหรือ?”
ซูเฉินเทียนมองเซียวเฉินด้วยสีหน้ารังเกียจ เอ่ยว่า “ข้าเหมือนอายุสามสิบหรือ?”
เซียวเฉินส่ายศีรษะ “ท่านเหมือนอายุสี่สิบ”
“วอนโดนอัดใช่ไหม”
“เพิ่งบรรลุ พวกเรามาสู้กันหน่อย”
ชั่วขณะ บนยอดเขาก็มีเกล็ดหิมะเริงร่าย แสงเสวียนแปลบปลาบไม่ขาดสาย บางครั้งยังมีเสียงฟ้าร้องดังจนหูแทบหนวก คนทั้งสองสู้กันตลอด่เช้า ซูเฉินเทียนใช้ระดับขั้นสะกดเซียวเฉิน ดังนั้น ผลลัพธ์ค่อนข้างอนาถ ซูเฉินเทียนต้องแบกเซียวเฉินกลับไป
“ศิษย์น้องเล็ก เ้าต้องอยู่กับความเป็จริง ต่อหน้าความสามารถล้วนๆ เ้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่เช่นนั้นจะถูกทุบตี” ซูเฉินเทียนมองเซียวเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอย่างจริงใจ ดวงตาฉายแววเห็นอกเห็นใจ
เซียวเฉินมีสีหน้าขุ่นเคือง “คนเลว อย่างกับข้าร้องขอความเมตตาแล้วท่านจะหยุดมือ” ว่าแล้วก็เบือนหน้าหนี ไม่มองซูเฉินเทียนอีก โมโห!
ซูเฉินเทียนหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ไม่ได้ยั้งมือ ครั้งหน้าข้าจะระวังกว่านี้”
ต่อมา ใน่เวลาสั้นๆ เซียวเฉินก็มาลับคมกับซูเฉินเทียนทุกวัน แต่ละครั้งล้วนถูกอัดจนลุกไม่ขึ้น แต่วันที่สองก็คึกคักเปี่ยมพลังดุจัพยัคฆ์ มาขอคำชี้แนะต่ออีก
นานติดต่อกันครึ่งเดือน เซียวเฉินถึงกับบรรลุระดับขั้นระหว่างถูกทุบตี
ขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับสูงสุด!
“ศิษย์พี่ซู พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อย”
“นึกว่ากลัวเ้าหรือ!”
ครึ่งวันต่อมา เซียวเฉินก็ถูกอัดจนลุกไม่ขึ้น
วันที่สอง
“ศิษย์พี่ซู พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันอีก”
“นึกว่ากลัวเ้าหรือ!”
เซียวเฉินยังถูกทารุณเหมือนเดิม
วันที่สาม
“ศิษย์พี่ซู ข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านอีกแล้ว”
“นึกว่ากลัวเ้าหรือ!”
เซียวเฉินรู้สึกว่าเติบโตได้รวดเร็วที่สุดในระหว่างการต่อสู้ แม้เขาจะถูกอัดปางตายทุกวัน แต่เขามีคัมภีร์หงสาานิรวาณอยู่กับตัว จึงฟื้นฟูได้เร็วสุดขีด ไม่มีอะไรต้องกลัว
ขณะที่เซียวเฉินถูกทุบตีปางตายนั้น ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากในป่า เซียวเฉินเงยหน้าขึ้นมองไป ไม่รู้ว่ามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยืนมองตนอยู่ตรงนั้นั้แ่เมื่อใด
ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม