จนกระทั่งเห็นว่าเดินออกมาไกลแล้วเหยาโม่หว่านถึงค่อยยั้งเท้า
“หลิวสิ่งเ้าเห็นชัดแน่นะ ว่าไฉ่อิ๋งวกกลับไปที่ตำหนักหวาชิง” ั์ตาเยียบเย็นไหววูบ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม
“ทูลพระสนมบ่าวเห็นชัดเจนเลยพ่ะย่ะค่ะ” หลิวสิ่งผงกศีรษะอย่างแรง
“อื้ม...หลิวสิ่ง เ้าล่ออันปิ่งซานให้ไปที่กระท่อมหลังนั้น รู้ใช่ไหมว่าควรพูดอย่างไร?” เหยาโม่หว่านกระดกมุมปากคลี่ยิ้มบางๆประกายคมปลาบทอวูบภายใต้ก้นบึ้งดวงตา
“พระสนมโปรดวางพระทัยบ่าวทราบพ่ะย่ะค่ะ” หลิวสิ่งตอบรับบัญชาอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนหมุนกายจากไป หลังจากเห็นอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้วทิงเยว่ซึ่งอุ้มเ้าปุกปุยไว้ในอ้อมแขนก็ฉวยโอกาสเข้ามายืนข้างเหยาโม่หว่าน
“พระสนมทรงปรีชาสามารถยิ่งนัก”ทิงเยว่กล่าวด้วยความรู้สึกเลื่อมใส
“ตรงไหนหรือ?”เหยาโม่หว่านรับปุกปุยมาจากทิงเยว่ พลางย้อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“หากอันปิ่งซานเห็นหวงกุ้ยเฟยอยู่ที่กระท่อมแห่งนั้นจะต้องคิดว่าพระนางเป็ผู้ช่วยชีวิตนางกำนัลคนนั้นเอาไว้ หากคาดเดาตามสามัญสำนึกของคนผู้นั้นการที่หวงกุ้ยเฟยช่วยชีวิตคนที่เขา้าสังหาร หากมิใช่เพื่อการข่มขู่ ก็ต้องคิดเปิดโปงเขาต่อหน้าฝ่าาแต่ไม่ว่าอันปิ่งซานจะคิดอย่างไร ย่อมเป็การผูกปมความแค้นระหว่างเขากับหวงกุ้ยเฟยเอาไว้แล้วในที่สุดบ่าวก็เข้าใจความหมายถ้อยคำที่พระสนมกล่าวไว้ก่อนออกจากตำหนักแล้วเพคะ เมื่อมิอาจช่วยชีวิตของนางกำนัลผู้นั้นได้พระสนมจึงคิดใช้ความตายของนาง มาทำให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้ต้องตายไปเปล่าๆ” ทิงเยว่นำแต่ละส่วนมาวิเคราะห์อย่างละเอียด
“เ้าเด็กคนนี้นี่ช่างฉลาดเฉลียวมากขึ้นทุกวันเช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใดเปิ่นกงถึงเลือกจัดการกับหวงกุ้ยเฟย” เหยาโม่หว่านเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม
“เพราะพระนางกับฟูเหรินใหญ่ปองร้ายฟูเหรินรองจนถึงแก่ความตายพระสนมจึงคิดแก้แค้นให้กับฟูเหรินรองเพคะ” ทิงเยว่ตอบกลับอย่างมั่นใจ เหยาโม่หว่านไม่ตอบแต่ผงกศีรษะ แววตาอาบย้อมไปด้วยความพึงพอใจ นอกจากมารดา นางยัง้าแก้แค้นเพื่อตนเองเพื่อจ้งเอ๋อร์ และน้องสาว เหยาซู่หลวนจะต้องได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานบนโลกมนุษย์อย่างถึงที่สุดก่อนค่อยส่งลงนรก
“พระสนมแล้วตอนนี้พวกเราจะทำอะไรกันต่อเพคะ?” ทิงเยว่มองเหยาโม่หว่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“ตอนนี้น่ะหรือ?เ้าไปห้องเครื่องจัดการเื่อาหารกลางวันเถิด ั้แ่เช้าซู่ชินหวางยังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องเลยนะ”เมื่อนึกถึงหน้าของบุรุษรูปงามปานเทพเซียนผู้นั้น เหยาโม่หว่านก็อดยิ้มขันในใจมิได้ทิงเยว่ได้รับคำสั่งแล้ว ก็รีบตรงไปห้องเครื่องด้วยความเบิกบานใจ
ตำหนักหวาชิง
เหยาซู่หลวนบิดผ้าเช็ดหน้าดวงตาเรียวหรี่แคบ แผ่กำจายรังสีเยียบเย็นออกมา
“นังโง่นั่นพูดแบบนี้จริงๆ หรือ” เหยาซู่หลวนมองนางกำนัลคนสนิทด้วยสายตาเคลือบแคลง
“บ่าวได้ยินชัดเลยเพคะนางบอกว่าหวงโฮ่วทรงทิ้งสมบัติล้ำค่าอะไรสักอย่างไว้ให้ ก่อนบ่าวจะกลับมา เห็นเหยาโม่หว่านเดินตรงไปทางตำหนักฉางเล่อแล้ว”ไฉ่อิ๋งได้ยินเช่นนั้นก็รีบรายงานเ้านายไปตามความจริง
“จะเป็อะไรกันแน่นะ?หรือว่า... ไฉ่อิ๋ง ตามเปิ่นกงไปตำหนักฉางเล่อ” เหยาซู่หลวนตัดสินใจแน่วแน่ ลุกขึ้นออกไปจากตำหนักหวาชิงทันทีสมบัติล้ำค่าที่เหยาโม่หว่านเอ่ยถึงมีความเป็ไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับตนเอง ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เหยาโม่ซินกุมความลับของตนเองไว้ไม่น้อยหากหลักฐานถูกส่งไปถึงมือของหวงตี้ ตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยจะรักษาไว้ได้หรือไม่กลับเป็เื่เล็กที่น่าหวาดวิตกมากกว่าคือชีวิตของตนเองต่างหาก
“พระสนมตำหนักฉางเล่อเป็สถานที่ต้องห้าม หากไม่มีพระบัญชาของฝ่าา พวกเรา...” ไฉ่อิ๋งท้วงติงอย่างระมัดระวัง
“จะกลัวอะไรแค่อ้างว่าไปหานังเด็กโง่งมผู้นั้นก็ได้ ถึงจะมีความผิด นังเด็กนั่นก็ผิดเหมือนกันยังไม่รีบไปอีก” เหยาซู่หลวนตวาดกลับ ก่อนเดินไปยังตำหนักฉางเล่ออย่างเร่งร้อน
...
เมื่อกลับมาถึงตำหนักกวานจวีทันทีที่ย่างเข้าประตูตำหนักก็เห็นเย่จวินชิงในอาภรณ์สีขาวนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว
“โม่หว่านนึกว่าหวางเยี่ยสำเร็จเป็เซียนไปแล้วเสียอีก”เหยาโม่หว่านอึ้งงันไปชั่วขณะ ก่อนอุ้มปุกปุยเดินเข้ามาอย่างแช่มช้อย
“เปิ่นหวางอยากกินเนื้อแมว”เย่จวินชิงแค่นเสียงเยาะ แววตาเย็นะเืจับจ้องแมวน้อยในอ้อมแขนของเหยาโม่หว่าน เ้าปุกปุยดูเหมือนจะรับรู้ได้ดิ้นขลุกขลักจนหลุดจากอ้อมแขน วิ่งไปซุกซ่อนตัวอยู่ไกลๆ
“หวางเยี่ยอย่าเพิ่งร้อนพระทัย ทิงเยว่ไปถ่ายทอดคำสั่งให้จัดพระกระยาหารเที่ยงแล้วอีกอย่างจะว่าไป ไยหวางเยี่ยถึงต้องถือสาหาความกับแมวตัวหนึ่งด้วยเล่า เสียภาพพจน์หมดพอดี”เหยาโม่หว่านมิได้นำพา เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“เปิ่นหวางชิงชังั้แ่เรือนไปจนถึงนกกา[1]” เย่จวินชิงมองเหยาโม่หว่านอยู่ดูิ่เหยียดหยัน เื่ที่เปินเหลยทรยศหักหลังยังคงค้างคาอยู่ในใจ
“ที่แท้ปุกปุยต้องมาพลอยเดือดร้อนเพราะโม่หว่านนี่เอง”นางมินำพาต่อท่าทางไม่เป็มิตรของเย่จวินชิง ทั้งไม่รู้สึกโกรธเคืองกับการแสดงออกของเขา
เพราะนางรู้ว่าเขาใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตก่อนหน้านี้เพื่อปกปักรักษาผืนแผ่นดินต้าฉู่ ไม่ว่าจะผ่านสมรภูมิาความวุ่นวายของศึกห้าัชิงบัลลังก์ หรือเหตุการณ์จลาจลต่างๆ เขาล้วนยืนอยู่หน้าเย่หงอี้ยอมเสียสละเืเนื้อ ทำศึกาเพื่อแผ้วถางอุปสรรคให้พี่ชายได้ขึ้นสู่ราชบัลลังก์อย่างสง่างามส่วนเย่หงอี้ก็เหมือนกับโจรกระจอกที่แอบขโมยผลไม้ของผู้อื่น ขึ้นไปนั่งครองบัลลังก์ัในถ้าฐานะหวงตี้อย่างออกหน้าออกตา
...
เชิงอรรถ
[1]ชิงชังั้แ่เรือนไปจนถึงนกกา หมายถึงรังเกียจผู้ใด ก็จะพลอยชิงชังไปถึงทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวของคนผู้นั้นด้วยเหมือนเกลียดบ้าน จึงพลอยรังเกียจไปถึงนกกาที่มาเกาะบนหลังคา