ภายในห้องเงียบกริบไปครู่ใหญ่ เยวี่ยเจาหรานถือจดหมายสั้นๆ ในมือนั่งลงอีกด้านหนึ่งั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ สีหน้าของฮูหยินเยวี่ยยังคงไม่สู้ดีนัก หว่างคิ้วของนางขมวดปมพันกันยุ่งเหยิงจนไม่อาจคลายได้
ในเวลานี้ มหาบัณฑิตเยวี่ยน่าจะยังอยู่ระหว่างทางกลับจวน ่นี้ราชสำนักมีเื่มากมายต้องระดมกำลังเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ไม่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องรอบคอบถี่ถ้วน แม่ทัพใหญ่เยี่ยนของทางจวนเยี่ยนเองก็ใกล้จะถูกส่งตัวไปกรีธาทัพออกศึก ไม่รู้ว่าไปครานี้จะได้คืนกลับมาอีกครั้งเมื่อใด
สุดท้ายเยวี่ยเจาหรานก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมายืดยาว เก็บงำความกังวลในใจเอาไว้แล้วเอ่ยเรียก “ท่านแม่”
ฮูหยินเยวี่ยเงยหน้าขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน จากหว่างคิ้วนั้นสามารถมองเห็นได้ถึงความไม่สบายใจที่พัวพันสับสนของนาง สถานการณ์ที่แต่เดิมกำลังค่อยๆ มั่นคงแล้วนั้น กลับถูกจดหมายที่ส่งมาอย่างกะทันหันของเยวี่ยเยียนหรานทำลายความสมดุลลงอีกครั้ง ในตอนนี้ เยวี่ยเจาหรานถึงเพิ่งเข้าใจว่า ‘การไม่พานพบคือทางที่ดีที่สุด’ นั้นเป็เช่นไร
“เจาหราน ตามความคิดของเ้า เื่นี้ควรทำเช่นไร...?” ถึงอย่างไรฮูหยินเยวี่ยก็เป็สตรีผู้หนึ่ง ยามนี้ทำได้เพียงพึ่งพาบุตรชายผู้เชื่อถือได้ของตนเท่านั้น เยวี่ยเจาหรานเหมือนจะเยือกเย็นลงไม่น้อย เขาเอ่ยอย่างเชื่องช้าและราบเรียบ “แน่นอนว่าต้องทำเหมือนกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น”
“อะไรนะ?!” ฮูหยินเยวี่ยค่อนข้างสับสน จากการขึ้นเสียงสูงก็ฟังออกแล้วว่า นางคงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เยวี่ยเจาหรานพูดเท่าไรนัก “เ้าหมายถึง พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยหรือ? กว่าจะได้ข่าวคราวจากน้องสาวของเ้าก็ช่างยากเย็น พวกเราจะไม่ปล่อยข่าวคราวอะไรออกไปแล้วตามหานางเลยหรือ?”
เยวี่ยเจาหรานเห็นท่าทีมารดาของตน กลับทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่พูดจา ฮูหยินเยวี่ยยิ่งกระวนกระวายขึ้นมา จึงพยายามเสนอความเห็นอีกครั้ง “บ่าวที่ห้องครัวเห็นคนที่มาส่งจดหมายผู้นั้นแล้ว นั่นไม่ใช่ชาวไร่ชราที่มีหน้าที่ส่งผักให้กับจวนเราตามปกติ คิดดูแล้วคงเป็คนที่น้องสาวของเ้าตั้งใจเตรียมการมา หากพวกเราเริ่มสืบหาจากเขา จะต้องรู้ที่อยู่ของน้องสาวเ้าได้แน่นอน...”
“ท่านแม่ ท่านใจเย็นหน่อย!” เยวี่ยเจาหรานเองก็ขมวดคิ้วไปด้วย เมื่อได้รับข่าวคราวของเยวี่ยเยียนหราน เยวี่ยเจาหรานในฐานะพี่ชายท้องเดียวกันย่อมต้องร้อนใจยิ่งกว่าใคร ทว่านี่ไม่ใช่เื่ที่เกี่ยวข้องกับจวนเยวี่ยแค่ตระกูลเดียว เื่พวกนี้ได้เกี่ยวพันกับจวนเยี่ยนจากในเงามืดอย่างไม่อาจแยกขาดมาตั้งนานแล้ว
ใน่เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่ว่าจะเป็จวนเยวี่ยก็ดี หรือจวนเยี่ยนก็ช่าง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจสร้างปัญหาได้ทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นจะส่งผลลุกลามใหญ่โตไปถึงทุกฝ่าย! ผู้คนมากมายนับร้อยทั้งบนลงล่างของจวนเยี่ยนและจวนเยวี่ยทั้งสองตระกูล ล้วนจะต้องพบกับความวุ่นวายที่ไม่อาจคาดคิด! ดังนั้นเยวี่ยเจาหรานในตอนนี้ห้ามเร่งร้อนใจเป็อันขาด เขาจำเป็ต้องไตร่ตรองให้มากยิ่งขึ้น รอบคอบยิ่งขึ้น ขอเพียงคิดใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนและเยือกเย็นมากพอ จึงจะสามารถหาหนทางแก้ไขที่ดีที่สุดได้
มีเพียงทางนี้เท่านั้น เยวี่ยเจาหรานถึงจะสามารถปกป้องคนที่ตนอยากจะปกป้องเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็ทุกผู้ในตระกูลเยวี่ย หรือจะเป็เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับตนก็ด้วย...
จากจุดเริ่มต้น ั้แ่ยามที่ท่านพ่อท่านแม่ตัดสินใจให้ตนไป ‘แต่งงาน’ กับ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ แทนเยวี่ยเยียนหราน เื่ราวทั้งหมดก็เกินจะคลี่คลายได้ง่ายดายแล้ว... ดังนั้นเยวี่ยเจาหรานจะตื่นตระหนกไม่ได้ และยิ่งไม่อาจทำอะไรโดยพลการ เขาต้องพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่งอย่างละเอียดรอบคอบ คิดหาวิธีที่สามารถยับยั้งความเสียหายได้มากที่สุดเพื่อรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ในยามนี้
“เราไม่อาจตามหาเยียนหรานได้ และจำเป็ต้องแสร้งทำเหมือนกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
และหลังจากที่ได้ใคร่ครวญดูแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดในความคิดของเยวี่ยเจาหรานในตอนนี้ ก็คือการนิ่งเงียบไม่ทำอะไรและไม่พูดอะไรทั้งนั้น ไม่อาจให้ความหุนหันพลันแล่นมาคุกคามชีวิตของทุกคนได้อย่างเด็ดขาด
“บัดซบ!” ฮูหยินเยวี่ยนั้นถึงอย่างไรก็รักหวงแหนบุตรสาวของตนยิ่ง ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ จนทั้งโต๊ะโยกคลอนไปด้วยแรงสั่นะเื “ที่น้องสาวของเ้าหนีงานแต่งไปในตอนแรก ข้ากับพ่อเ้าเองก็อับจนหนทางจริงๆ ถึงได้ใช้วิธีการโง่เขลาให้เ้าไปแต่งงานแทนน้องสาวเช่นนี้ แต่ยามนี้มีข่าวคราวของน้องสาวเ้าแล้ว เ้ากลับเสนอให้นิ่งดูดายไม่แยแส! เยวี่ยเจาหราน นี่เ้าเป็ลูกสะใภ้ของคนอื่นไปจริงๆ แล้วใช่หรือไม่!”
“ข้าเปล่านะขอรับท่านแม่!” เยวี่ยเจาหรานเมื่อถูกมารดาเข้าใจผิดเช่นนี้ ย่อมลนลานไปด้วย พลันน้ำเสียงที่เอ่ยก็แปร่งๆ ไปบ้าง เขาสงบใจลง แล้วจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ท่านจะฟังข้าสักหน่อยได้หรือไม่? ไปตามหาเยียนหรานตอนนี้ ไม่เพียงพาตระกูลของเราพังพินาศ แม้แต่จวนเยี่ยนก็น่าจะต้องประสบเคราะห์ไปด้วย...”
เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงเอ่ยต่อไป “การตัดสินใจเช่นนี้ก็เพื่อจะได้ข้อตัดสินชี้ขาดในเื่นี้ จะให้ข้าเป็เยวี่ยเยียนหรานไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็เยวี่ยเยียนหรานไปจริงๆ หรือจะให้ตระกูลเยี่ยนและเยวี่ยมอดม้วยไปด้วยกัน... นอกเสียจากว่าท่านแม่จะมีวิธีทำให้เยวี่ยเยียนหรานตัวจริงถูกเปลี่ยนตัวกลับมาโดยที่ไม่มีใครรู้ ทว่ายามนี้ท่านแม่ทำได้หรือไม่ขอรับ?”
เมื่อคำพูดของเขาเอ่ยจบ ก็ทำให้ฮูหยินเยวี่ยที่แต่เดิมมีอารมณ์ฉุนเฉียวพลันได้สติคืนมาไม่น้อย เยวี่ยเจาหรานรู้ดีว่าฮูหยินเยวี่ยไม่ใช่คนที่ดูสถานการณ์ไม่ออก เมื่อครู่เป็เพียงเพราะได้รับข่าวคราวจากเยวี่ยเยียนหรานจนร้อนใจเกินไปก็เท่านั้น ยามนี้ขอเพียงค่อยๆ ตักเตือน ก็จะทำให้อารมณ์ของนางสงบลงได้อย่างแน่นอน
“เยียนหรานกล้าส่งจดหมายมาให้ที่บ้านในยามนี้ แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยที่อยู่ ก็เพราะมั่นใจว่าพวกท่านยังคิดจะให้นางแต่งงานกับผู้ชายที่นางไม่ได้ชอบพอ”
คำพูดนี้ของเยวี่ยเจาหราน แท้จริงได้แฝงความร้อนตัวอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนที่ฮูหยินเยวี่ยและมหาบัณฑิตเยวี่ย้าจะให้เยวี่ยเยียนหรานแต่งงานด้วยผู้นั้น… อย่าพูดเื่ชอบหรือไม่ชอบเลย แม้แต่บุรุษก็ยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ!
“การที่นางไม่ได้บอกที่อยู่ ก็ชัดแล้วว่านางไม่้ากลับมา และไม่้าที่จะถูกบีบบังคับให้กลับมาออกเรือนเป็สะใภ้ของใคร” เยวี่ยเจาหรานกุมมือทั้งสองไว้ด้วยกัน เขานิ่งเงียบครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเราทั้งสองตระกูลค่อนข้างมั่นคง คนอื่นไม่รู้ก็แล้วไป แต่เยียนหรานต้องรู้ชัดแน่นอนว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้น นางเองก็รู้ดีว่ายามนี้เราคงไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ ดังนั้นนางถึงกล้าลอบส่งจดหมายบอกกล่าวความเป็ไปกับเรา”
ถึงแม้ฮูหยินเยวี่ยจะฟังด้วยความตกตะลึง ทว่าในเมื่อเป็คำพูดของเด็กอัจฉริยะที่ตนให้กำเนิดมาเองแล้ว เช่นนั้นก็ฝืนฟังเข้าหูไปก่อนก็แล้วกัน
“ท่านสงบใจแล้วลองไตร่ตรองดูให้ดี หากว่ายามนี้เราตามหาเยียนหรานไปตามเส้นทางนี้ ฮ่องเต้จะไม่รับรู้ได้หรือ?” เยวี่ยเจาหรานไม่ได้พูดทุกสิ่งออกมาเถรตรงเกินไป นั่นก็เพราะเขารู้ว่าฮูหยินเยวี่ยจะสามารถเข้าใจได้ ที่มหาบัณฑิตเยวี่ยเป็กระดูกต้นแขนของราชสำนักก็ไม่ใช่เื่โกหก ทว่าแต่ไหนแต่ไรอยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ ดังนั้นข้างกายกระดูกต้นแขนจะไม่มีสายตาที่ฮ่องเต้ส่งมาเลยหรือไร?
หากเื่ที่ตามหาเยวี่ยเยียนหรานถูกเปิดเผยออกไปเพียงนิด ฮ่องเต้ก็จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มีเยวี่ยเยียนหรานที่กินอยู่ในจวนเยี่ยนแล้วผู้หนึ่ง แต่จวนเยวี่ยกลับออกตามหาเยวี่ยเยียนหรานกันเอิกเกริกเช่นนั้นหรือ? เื่นี้ไม่ว่าใครมองก็ล้วนต้องบอกว่าแปลกประหลาดสุดพรรณนา
นับประสาอะไรกับจักรพรรดิที่สามารถนั่งบนบัลลังก์ัได้นับสิบปี จะไปเป็คนเขลาได้หรือ?
เพื่อที่จะรับประกันความปลอดภัยของจวนเยวี่ยและจวนเยี่ยน แผนการที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้คือทำได้เพียงปิดปากเงียบเท่านั้น ทำเหมือนกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ต้องบอกเลยว่า เยวี่ยเยียนหรานและเยวี่ยเจาหรานสมกับเป็พี่ชายน้องสาวร่วมสายเืกัน แม้แต่โครงสร้างในหัวก็ยังฉลาดหลักแหลมเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ทั้งสองนั้นต่างก็มองเื่ราวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คนหนึ่งรับผิดชอบปกป้องความปลอดภัยในตระกูล ส่วนอีกคนหนึ่งก็เกินความคาดหมาย รู้จักที่จะปกป้องความปลอดภัยของตนเอง ทั้งสามารถทำให้คนในตระกูลวางใจลงได้อีกด้วย...
หากว่าเยวี่ยเยียนหรานออกเรือนไปอยู่จวนเยี่ยนจริง ละครของสตรีทั้งสองผู้คงจะน่าดูชมเสียยิ่งกว่านี้อีก หลังจากพูดเกลี้ยกล่อมฮูหยินเยวี่ยจบ เยวี่ยเจาหรานก็เกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาในหัวเสียอย่างนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้