พระราชโองการบอกให้พวกเขาทั้งสามเข้าวังไป อวิ๋นอี้ไม่แปลกใจเลย
นางเดาเื่เช่นนี้ได้ั้แ่ที่นางให้หรงซิวกลับห้องมานอนแล้ว
แต่ต้องพูดเลยนะ ว่าไทเฮากังวลเื่ชีวิตที่มีความสุขด้านเพศของหว่านฉือมาก
คนจากในวังรีบร้อนไม่น้อย อ่านโองการเสร็จ พวกขันทีก็แสดงท่าทีบอกให้พวกเขาออกเดินทางทันที อวิ๋นอี้หิวจนท้องร้องจ๊อก แต่กลับถูกกดดันให้รีบออกไปข้างนอก
หรงซิวเดินพลางมาที่ข้างกายนาง กระแอมเบาๆ เห็นสายตาที่ไม่เข้าใจของนาง เขาก็ยังไม่พูดกระไร เพียงแค่ดึงมือของนางออกมา แล้วเอาของว่างใส่เข้าไปในแขนเสื้อของนาง
อวิ๋นอี้ตาเป็ประกาย
ไทเฮาสั่งให้คนเตรียมรถม้า ให้หรงซิวกับหว่านฉือหนึ่งคัน แล้วอวิ๋นอี้นั่งไปอีกคันคนเดียว การจัดการเช่นนี้ชัดเจนอยู่แล้ว
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก ทำได้เพียงแสร้งทำเป็ไม่ใส่ใจ หลังจากขึ้นรถ นางก็หยิบของว่างออกมา ค่อยๆ ทาน
นางมีลางสังหรณ์ เดี๋ยวเข้าวังไปจะต้องมีเื่วุ่นวายรอนางอยู่เป็แน่ หากนางจะผ่านวันนี้ไปให้ได้ จำเป็ต้องเติมเต็มพลังงานก่อน
คงเป็เพราะว่าถูกไทเฮาตำหนิมาหลายครา นางจึงกลายเป็คนที่หนังหนาหน้าทนไปแล้ว อย่างไรเสียไทเฮาก็มิมีทางจะฆ่านางได้จริงๆ
นางเป็ถึงพระชายาเอกองค์ชายเจ็ด ทั้งยังเป็ลูกสาวคนเดียวของมหาเสนาบดีอวิ๋นเส่าต้าวแห่งต้าอวี่ ไทเฮาจะเลอะเลือนเพียงใด แต่เื่เช่นนี้นางมิมีทางจะไม่รู้ดี
อย่างมากที่สุดก็แค่สั่งสอนนาง ให้นางทนทุกข์เล็กน้อย
เวลาเช้าตรู่ ถนนในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านมาโดยตลอด ยังไม่ทันได้มีผู้ใด มีพ่อค้าแม่ค้าที่ขยันขันแข็งยุ่งอยู่กับการตั้งแผงขายของบ้างเล็กน้อย รถม้าสองคันผ่านพ้นไปราวกับลม
เมื่อไปถึงราชวัง แสงแดดที่อบอุ่นก็ค่อยๆ แรงขึ้น
ทั้งสามคนถูกเชิญไปที่โถงหลัก แต่กลับไม่เห็นเงาของไทเฮา
หรงซิวยืนอยู่ตรงกลาง อวิ๋นอี้อยู่ซ้าย หว่านฉืออยู่ด้านขวา พวกเขามองตรงไปด้านหน้าพร้อมกัน มิมีผู้ใดคุยกับผู้ใด
จะมีกระไรให้พูดกับศัตรูหัวใจกันเล่า
อวิ๋นอี้กำลังคิดเช่นนั้นอยู่ แล้วขันทีที่ประตูใหญ่ก็ะโรายงาน “ไทเฮาเสด็จ!”
คนทั้งหมดพากันคุกเข่าลงบนพื้น
“มากันหมดแล้วหรือ?” ไทเฮาเดินอย่างรวดเร็ว เสียงเพิ่งจะเปล่งออกมา นางก็นั่งอยู่บทแท่นนั่งแล้ว สีหน้าที่นิ่งเรียบมิมีอารมณ์แห่งความปีติใดๆ “ข้าก็นึกว่า พวกเ้าจะคิดว่าคำของข้าเป็เพียงลมเสียอีก!”
หรงซิวก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยความเคารพและเอาใจว่า “ท่านย่า ใจเย็นๆ ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใจเย็นกระไรกัน!” ไทเฮาโกรธขึ้นอย่างไร้เหตุผล มือเหี่ยวๆ ของนางตบลงบนเก้าอี้นั่ง กัดฟันแล้วพูด “เมื่อคืนเ้าควรจะเข้าห้องหอ สุดท้ายกลับไปที่ใดเสียล่ะ? มิได้เห็นการอภิเษกที่ข้าสั่งอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่? หรงซิว เ้าอย่าคิดนะว่าเป็หลานชายที่ข้ารักที่สุดแล้วจะทำผิดประพฤติเช่นนี้ได้!”
“หลานรู้ผิดชอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หรงซิวคุกเข่าลงทันที ตอนที่มาถึงเขาก็เตรียมตัวมาแล้ว มือทั้งสองเหนือหัวไว้ คนทั้งร่างราวกับจะก้มไปจรดพื้น “ท่านย่าได้โปรดลงโทษหลานด้วย! ทั้งหมดเป็ความผิดของหลานเองพ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้ามิได้จะทำถึงขั้นนั้น!” ไทเฮาไม่สนใจ มิได้รับคำยอมรับผิดของเขา นิ้วเรียวของนางชี้ออกไปที่อวิ๋นอี้ แม่นมที่ยืนอยู่ซ้ายขวาก็รีบเข้าไป คนทั้งสามสี่คนทั้งเตะขานาง ทั้งกดหัว อวิ๋นอี้ขัดขืนมิได้เลย ถูกคนกดให้นั่งอยู่บนพื้น
นางกัดฟัน มองไปที่ไทเฮาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
อยากจะให้นางคุกเข่าลง พูดออกมาสักคำก็ได้ นางมิได้บอกว่าจะไม่คุกเข่าเสียหน่อย จำเป็ต้องใช้วิธีที่ดูถูกเหยียดหยามกันถึงเช่นนี้เลยหรือ?
เห็นว่านางเป็กระไรกัน เป็นักโทษร้ายบาปหนาหรืออย่างไร?
“ข้ามิรู้ว่า...”
“ข้ายังมิได้บอกให้เ้าพูด!” ไทเฮาออกคำสั่ง “แม่นม ตบปากนางยี่สิบครั้ง!”
หรงซิวปวดใจเป็อย่างมาก เขารีบก้มหัวลงขอร้องอ้อนวอน “ท่านย่า! อวิ๋นเออร์นางไม่รู้เดียงสา ทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ท่านมิเคยเอาความกับผู้น้อย...”
“ก็เพราะว่านางไม่รู้เดียงสา จึงต้องสั่งสอนนางให้ดี” ไทเฮาขัดเขาอย่างเ็าและพูดว่า อย่างเกรี้ยวกราด “ดูเหมือนก่อนหน้านี้นางจะถูกสั่งสอนไม่มากพอ ถึงขนาดที่นางไม่จำใส่กะโหลกเสียเลย ตนเองเป็พระชายาเอก แม้แต่นางสนมคนหนึ่งก็ดีกับนางมิได้ นางเป็เสียเช่นนี้ ต่อไปนางจะอยู่เคียงข้างกายเ้า ดูแลหลังเรือนให้เ้าได้อย่างไร? มิเพียงแค่ไร้มารยาท แม้แต่ความละอายก็มิมี ซิวเออร์ ข้าดูแล้ว หากให้นางอยู่ข้างกายเ้าต่อไป จะเป็การทำร้ายเ้า!”
“ท่านย่า!” หรงซิวมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงขมวดคิ้วพูด “เป็ซิวเออร์เองที่ปล่อยตัว ส่วนเื่เมื่อคืน อวิ๋นเออร์นางไม่สบายหนักกะทันหัน นางเป็พระชายาของข้า ซิวเออร์จะทอดทิ้งนางได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นเ้าจึงทิ้งชายาคนใหม่ของเ้าได้งั้นหรือ?” ไทเฮาเยาะเย้ย “เ้าจะให้ผู้อื่นมองหว่านฉืออย่างไร?”
“ซิวเออร์กับพระชายารองยังมีวันเวลาด้วยกันอีกยาวนาน มิจำเป็ต้องรีบร้อนกับเพียงแค่เมื่อวานวันเดียว มิใช่หรือ?” หรงซิวพูดจบ ก็มองไปที่หว่านฉือช้าๆ
หว่านฉือเม้มปาก
แววตามืดมิดที่นางเห็นเขานั้นเ็า เขามองมาอย่างสงบ แต่รู้สึกราวกับอยู่ก้นบึ้งทะเลที่เยือกเย็น แต่ก็ราวกับเปลวไฟลุก ราวกับว่าหากนางพูดกระไรไป เปลวไฟนั้นก็จะพุ่งออกมา
หว่านฉือเข้าใจความคาดหวังของหรงซิว
เขาจะให้นางพูดช่วยอวิ๋นอี้ เพราะเขารู้ว่า หากนางเอ่ยปากร่วมด้วย ไทเฮาจะไม่เข้มงวดกับพวกเขาเกินไป
เขามิได้บังคับนาง แต่นางก็มิมีทางเลือกเช่นกัน
หว่านฉือกัดปาก นางเกลียดอวิ๋นอี้นั้นเป็ความจริง อยากจะไล่อวิ๋นอี้ออกไปจากจวนองค์ชายนั้นก็จริง เพียงแต่ว่า นางไม่เคยอยากให้หรงซิวต้องเกลียดนางไปด้วย
ก่อนหน้าที่จะเข้าจวนมา นางสัญญาไว้อย่างสวยหรูดิบดี ตอนนี้เพิ่งจะแต่งงาน นางจะเปิดเผยหน้าที่แท้จริงมิได้ มิเช่นนั้น การปรับความสัมพันธ์กับหรงซิวจะยิ่งยากขึ้นไปอีก
ในความเงียบสงัด หว่านฉือก็ย่อตัวลงทำความเคารพ
“ท่านย่าเพคะ เื่เมื่อคืน มิใช่อย่างที่ท่านคิดเพคะ” นางยิ้มพูด “พระชายาไม่สบายจริงๆ เพคะ เป็ข้าเองที่ให้ฝ่าาไปดูแลนาง เดิมทีข้าเองก็จะไปดูแลนางด้วย ฝ่าาบอกว่าข้าเหนื่อยมาทั้งวัน จึงให้ข้าพักผ่อนอยู่กับห้อง”
การแสดงของหนุ่มสาวพวกนี้ ไทเฮาจะมองไม่ออกได้อย่างไร สมัยนั้นนางก็สู้รบตบมือกับคนในวังมาถึงจุดที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในวันนี้เช่นกัน
การกระทำระหว่างหว่านฉือกับอวิ๋นอี้เป็เพียงการตีกันเล็กๆ น้อยๆ นางเข้าใจสถานการณ์และแผนการของทั้งสองดี
ก็เพราะเช่นนี้ เื่นี้จึงปล่อยไปง่ายๆ มิได้
หว่านฉือเป็คนร้ายมิได้ เช่นนั้นนางก็จะเป็คนร้ายให้
“ไม่สบายเวลาใดไม่เป็ ดันไม่สบายในคืนส่งตัวของพวกเ้างั้นหรือ? ถึงแม้เื่นี้จะเป็เื่บังเอิญ แต่การกลั่นแกล้งตอนพิธียกน้ำชา เป็เื่จริงสินะ!”
“ท่านย่าเพคะ นั่นไม่ใช่การกลั่นแกล้งนะเพคะ” หว่านฉือรีบปฏิเสธ “ท่านพี่เพียงแค่มีความ้าสูงก็เท่านั้น นางทำเช่นนั้นก็ดีกับข้าเอง”
“คำพูดดีๆ เ้าพูดไปเสียหมดเลยนะ” ไทเฮาปัดมือ พูดอย่างถอนหายใจ “ช่างเถิด เื่นี้เป็เื่ของเ้าสามคน หญิงชราอย่างข้ามายุ่งอยู่เรื่อย เกรงว่าพวกเ้าจะหน่าย พวกเ้าเข้ากันได้ดีก็แล้วไป ข้าไม่แทรกแล้ว แต่เช่นนั้นนะ พระชายาเจ็ด”
อวิ๋นอี้ได้ยินชื่อของตนเอง ก็รีบเงยหน้าขึ้น มองไทเฮา ในใจนางเดาออก ไม่แน่ว่านางจะลงโทษนางอีก
“่นี้ร่างกายของพ่อเ้าไม่ค่อยดี ในบ้านก็มีแต่ลูกชาย เ้าในฐานะลูกสาว ไปดูแลเขาหน่อยเถิด!” ไทเฮาพูดถึงตรงนี้ก็พ่นลม “จะได้ไม่หาเื่ไปวันๆ ทำให้เสียชื่อเสียงอีก!”
หลังจากลาไทเฮา ทั้งสามก็เดินออกมา
พวกเขาล้วนเงียบกัน เมื่อถึงจวนองค์ชายเจ็ด หรงซิวก็พยุงช่วยอวิ๋นอี้ลงจากรถม้า
หว่านฉือกำลังลงจากรถมาด้านหลังพอดี ก็เห็นถึงความอ่อนโยนของเขา ได้ให้กับสตรีอีกคนไปหมดแล้ว