คำพูดนี้กำลังล้อเขาเล่นอีกหรือ?
โหยวเสี่ยวโม่สงสัยคำพูดเขา แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงโผล่มาอยู่ที่เตียงตัวเองอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อวานได้ข่าวว่าหลิงเซียวยุ่ง แต่ปรากฏว่าวันนี้ก็ได้เจอเขาแล้ว ไม่เห็นจะยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้นเหมือนที่ได้ยินนี่นา
หลังจากถูกหลอกหลายรอบ โหยวเสี่ยวโม่จึงแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอก
โจรเด็ดดอกไม้อะไรกัน คิดว่าเขาเป็เด็กสามขวบหรือ ที่นี่คือสำนักเทียนซินเชียวนา แม้ทัพพิภพจะไม่มีการป้องกันดีเท่าหอคัมภีร์ แต่จะมีโจรเด็ดดอกไม้ที่ไหนกล้ามาเด็ดถึงที่สำนักเทียนซินกัน? นอกเสียจากว่าเขารู้สึกว่าชีวิตนั้นยาวเกินไป จะสร้างเื่โกหกทั้งทีก็ไม่ร่างบทให้ดีก่อน
โหยวเสี่ยวโม่คุยในใจกับตัวเอง สายตาที่มองหลิงเซียวชัดว่า ‘ข้าไม่เชื่อคำพูดท่านหรอก’
หลิงเซียวทำทีเป็ไม่เห็น ยิ้มเล็กแล้วเอ่ยต่อ “เนื่องจากว่าที่นี่มีโจรเด็ดดอกไม้อาละวาด ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะหาโอกาสย้ายมานอนกับเ้า ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”
ั้แ่ต้นจนจบ โหยวเสี่ยวโม่เ้าตัวแทบไม่ได้พูดอะไรสักคำ หลิงเซียวก็ตกลงใจเรียบร้อยแล้ว นี่มันพวกบ้าอำนาจและเผด็จการชัดๆ!
“ไม่ได้!” โหยวเสี่ยวโม่แย้งทันควัน ปกติถูกหลิงเซียวรังแกเขาก็มากพอแล้ว นี่ต้องมาเจอหน้ากันทุกวัน นั่นก็เท่ากับว่าแทบไม่มีพื้นที่ส่วนตัวสิ? เขาไม่เอาด้วยหรอก
“ในฐานะที่ข้าเป็ผู้ชายที่เอาใจใส่ ข้าเคารพความเห็นของเ้า ไหนว่ามาซิว่าตรงไหนที่ไม่ได้? พวกเราจะได้หารือกันหน่อย” หลิงเซียวเอ่ยแล้วยิ้มนุ่มนวล ราวกับที่เขาพูดมานั้นเป็ความจริงที่ว่า เขาคือผู้ชายช่างเอาใจใส่
เมื่อได้ยินเขาพูด โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกว่าตัวเองเป็ผู้หญิง เอาเถอะ นี่ยังไม่ทันได้เริ่มต้น ‘การเจรจา’ เขาก็เป็รองแล้ว คงไม่ดีกับ ‘การเจรจา’ แน่ เขาต้องคิดหาทางโต้กลับก่อน
โหยวเสี่ยวโม่พินิจครู่หนึ่ง พลันเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น “ในเมื่อท่านเคารพความเห็นข้า งั้นข้าขอพูดหน่อย ข้ารู้สึกว่าไม่ได้ สถานะของท่านตอนนี้คือศิษย์เอกของสำนักเทียนซิน หากคนรู้เข้าว่าท่านแอบมานอนห้องข้าดึกๆ ดื่นๆ คนอื่นจะมองพวกเรายังไง ชื่อเสียงข้าก็ถูกท่านทำลายป่นปี้หมดสิ?”
หลิงเซียวมองเขาท่าทีสงสัย แล้วเอ่ย “ศิษย์น้องเล็ก เ้ายังหลงเหลือชื่อเสียงอีกหรือ?”
โหยวเสี่ยวโม่กระตุกปากขึ้น ที่จริงเขาก็สงสัยว่าตัวเองยังมีชื่อเสียงในทางที่ดีอยู่หรือไม่ เพราะผ่านเหตุการณ์มามากมาย คนในสำนักเทียนซินมองเขาว่าเป็คนของหลิงเซียวตั้งนานแล้ว แม่น้ำหวงเหอก็ไม่อาจชำระล้างตัวเขาให้สะอาดได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อว่าผู้บริสุทธิ์ก็คือบริสุทธิ์วันยังค่ำ ดังนั้นเขาไม่ยอมให้ชื่อเสียงเขามืดมนอีกต่อไป เขาต้องล้างคำครหาให้ได้!
“ศิษย์น้องเล็ก!” หลิงเซียวก็โพล่งเรียกเขาตัวสะดุ้ง ขณะที่มองมาก็ใช้สายตาน้อยใจแล้วเอ่ย “เ้าไม่เชื่อเื่ที่ข้าบอกสินะ?”
“เชื่อก็บ้าแล้ว” โหยวเสี่ยวโม่เห็นเขาเปลี่ยนหัวข้อ ก็ไม่ได้ขำกับเขา
ทันใดหลิงเซียวก็เผยท่าที ‘ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็เช่นนี้’ เอ่ยอย่างเศร้าโศก “ในใจเ้า คิดว่าข้าคือคนที่จะมานอนกับเ้าโดยไม่มีเหตุผลรึไง?”
โหยวเสี่ยวโม่ตากระตุกเล็กน้อย คำพูดนี้ฟังแล้ว...ทำไมรู้สึกชอบกล? แต่เขาก็รีบพยักหน้ารับ “ใช่!”
หลิงเซียวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ายอมรับ มีบางครั้งที่มันต่างออกไป แต่เ้าก็น่าจะรู้ ่นี้ข้ายุ่งมาก ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นไม่มาหาเ้าติดต่อกันเป็เดือนอย่างนี้ สถานการณ์เช่นนี้ ข้าจะมาหาเ้าโดยไม่มีที่มาได้หรือ? ถึงแม้ข้าอยากมา ก็คงเลือกมาตอนที่เ้ายังไม่หลับดีกว่า ถูกหรือไม่?”
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก ดูเหมือนว่าก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง
เขานึกดูอย่างละเอียด หลิงเซียวไม่เคยปรากฏตัวตอนที่เขาหลับอยู่มาก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเหมือนคาดการณ์ล่วงหน้าได้ มาเวลาที่เขายังไม่ได้นอน เพราะบางทีเขาก็นอนกลางวันเหมือนกัน
แต่จะให้เขาเชื่อว่ามีโจรเด็ดดอกไม้จริง ไม่มีทาง!
หลิงเซียวเห็นเขายังไม่เชื่อจึงงัดไม้ตายออกมา “ศิษย์น้องเล็ก หากเ้าไม่เชื่อจริงๆ งั้นเ้าลองไปดูที่หน้าต่าง ้านั้นมีรูโหว่เท่านิ้วมืออยู่”
โหยวเสี่ยวโม่มองเขาอย่างไม่เชื่อ พลันย่างเท้าไป หน้าต่างมีรูอยู่จริงด้วย ขนาดเท่านิ้วมือ แต่รูนี้ไม่ได้อยู่ตรงกระดาษ หากแต่อยู่ตรงขอบหน้าต่าง
แม้ว่าเมื่อคืนมีความจำบางส่วนหายไป แต่เขาจำได้ว่า หน้าต่างเมื่อคืนไม่มีรูโหว่แบบนี้แน่นอน อีกทั้งถ้าจะเจาะรูที่เกลี้ยงเกลาเช่นนี้ คงมีเพียงนักฝึกตนที่ทำได้ แสดงว่าเมื่อคืนมีคนบุกเข้าห้องเขาจริงๆ
คิดเช่นนี้แล้ว โหยวเสี่ยวโม่พลันเริ่มเชื่อคำพูดหลิงเซียวแล้ว แต่ที่เขาไม่รู้คือ โจรเด็ดดอกไม้คนนั้นอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
หลิงเซียวจับท่าทีเขาได้ จึงรีบอธิบายเสริมทันที “ศิษย์น้องเล็ก เ้ายังจำเื่ที่ข้าร่ายเขตอาคมด้านนอกห้องเ้าไว้ได้ใช่มั้ย เมื่อคืนข้าพบว่ามีคนบุกรุกเขตอาคมนี้ ดังนั้นจึงรีบปรี่มาที่นี่ ไม่งั้น...” พูดถึงตอนท้าย เขาจงใจชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง
ทันใดโหยวเสี่ยวโม่ก็รู้สึกขนลุกวาบ หน้าซีดเผือด “แต่ว่า...ที่นี่คือสำนักเทียนซินเชียวนะ?”
เขาเชื่อเื่ที่หลิงเซียวบอกแล้ว แต่ในใจไม่อาจยอมรับเื่ที่เกิดขึ้นได้ ทั้งยังเกิดขึ้นกับตัวเอง ความบริสุทธิ์ของชายก็มีอันตรายงั้นเหรอ?
หลิงเซียวยกมุมปากขำ “เ้ารู้ได้ยังไงว่าโจรเด็ดดอกไม้ไม่ใช่คนของสำนักเทียนซิน?”
โหยวเสี่ยวโม่พูดไม่ออก
ท้ายที่สุดโหยวเสี่ยวโม่ก็ถูกหลิงเซียวปั่นหัวเข้าจนสำเร็จ ถึงแม้จะไม่ใช่โจรเด็ดดอกไม้ แต่ก็มีคนคิดร้ายกับเขาอยู่แน่นอน ทั้งเขาคนนั้นก็เป็ไปได้ว่าเป็คนของสำนักเทียนซิน
ที่หลิงเซียวไม่บอกเขาไปก็เพราะมีแผนบางอย่าง แต่ก็กำชับเขาให้ระวังตัว ให้เขาไม่เผยสิ่งของมีค่าหรือเป็ความลับไว้ในถุงเก็บของเด็ดขาด
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้ฉุกใจอะไร เพียงแต่ตอบรับให้เขาไม่ต้องเป็ห่วง เขาเองก็รู้ว่าต้องระวังตัว เพราะบนตัวเขามีความลับมากมายเหลือเกิน ดังนั้นในถุงเก็บของมีเพียงหญ้าเซียนกับยาเซียนตันที่ส่งเรือนหญ้าเซียนเท่านั้น ล้วนเป็ของธรรมดาทั่วไป หากหายไปจริง ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดเขา หลิงเซียวก็ยิ่งมั่นใจสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้
เพราะหลิงเซียวนั้นแอบมา ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ต่อนานนัก ครู่เดียวก็กลับไปเขาอู๋ซวงแล้ว
เมื่อเขาจากไป โหยวเสี่ยวโม่กลับปวดหัว รู้สึกว่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้กับเมื่อวานช่างน่าเหลือเชื่อ แม้รู้ว่าหลิงเซียวมีความสามารถพูดจากหน้ามือเป็หลังมือได้ แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อ
มีคำหนึ่งที่บ้านเกิดเขาว่าไว้ คือ ยอมเชื่อสิ่งที่มีอยู่ ดีกว่าเชื่ออะไรที่ไม่มีอยู่จริง!
หลังผ่านค่ำคืนน่าตระหนกมา ชีวิตของโหยวเสี่ยวโม่ก็กลับมาสงบสุข เข้าใกล้วันเปิดแดน์วิมานเต็มที บรรยากาศในสำนักเทียนซินก็คึกคักทีเดียว ทัพพิภพก็ไม่ต่างกัน แต่เพียงไม่นาน ก็มีเื่หนึ่งทำลายบรรยากาศลง
เื่ที่เจียงหลิว ศิษย์ผู้นำทัพ์บรรลุขั้นแล้ว
ในเวลาอันสั้นไม่ถึงปีเจียงหลิวไต่จากนักหลอมโอสถขั้นหนึ่งไปจนถึงขั้นสอง แม้จะยังเป็เพียงนักหลอมโอสถชั้นล่าง แต่ถึงแม้สำนักเทียนซินเอง หรือสำนักชิงเฉิงและสำนักอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะมียอดคนที่เลื่อนสองขั้นภายในปีเดียวได้?
คำตอบคือไม่มี!
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหลิงเลื่อนขั้นจากนักหลอมโอสถขั้นหนึ่งขึ้นขั้นสอง ใช้เวลาราวสี่เดือน และจากขั้นสองขึ้นขั้นสาม ก็ใช้เวลาไปเพียงสี่เดือนกว่า
จากที่รู้กัน นักหลอมโอสถที่ระดับสูงขึ้น การบรรลุขั้นก็จะยิ่งยากขึ้น
ดังนั้นเขาสามารถใช้ระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันเลื่อนขั้นจนถึงขั้นสาม นั่นนับว่าเป็บันทึกอันน่าภูมิใจของทัพ์!
พอข่าวนี้ออกมา คนทั้งสำนักเทียนซินต่างชื่นชมกันยกใหญ่
เวลาเก้าเดือนสามารถเลื่อนขั้นถึงขั้นสาม นั่นคือยอดคนในยอดคน พวกยอดคนทั้งสามทัพที่ถูกยกย่องกันยังทำเช่นนี้ไม่ได้
เจียงหลิวนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาทันใด โดดเด่นกว่าสิบอันดับยอดนิยมโดยเฉพาะอันดับหนึ่งอย่างโหยวเสี่ยวโม่ไปอีก ่เวลาหนึ่ง ที่เื่ราวของโหยวเสี่ยวโม่ไม่เป็ที่กล่าวถึงเท่าไหร่ กลับกันพูดคุยถึงเื่เจียงหลิวกันซะส่วนใหญ่
โหยวเสี่ยวโม่ฟังมาจากหยางอีห้องข้างๆ ว่า เจียงหลิวตอนนี้วิเศษวิโสมาก สำนักเทียนซินจัดเขาเป็บุคคลล้ำค่า ถึงขั้นยกย่องเขาว่าเป็ยอดคนที่โดดเด่นน่าเลื่อมใสที่สุดที่สำนักเทียนซินร้อยปีจะมีสักคน โดดเด่นจนหาใดเทียบ
เมื่อหยางอีพูดจบ น้ำเสียงนั้นขมขื่นเสียจนโหยวเสี่ยวโม่เสียวฟัน แต่สำหรับข่าวนี้ เขามีปฏิกิริยาเพียงหัวเราะเจื่อน ไม่ได้ออกความเห็นแต่อย่างใด
หยางอีนึกว่าเขาแค่อิจฉาจนพูดไม่ออก เมื่อศิษย์ทัพ์เจอกับศิษย์ทัพพิภพ ท่าทางก็หยิ่งยโสจากหน้ามือเป็หลังมือ ท่าทีกร่างเสียจนพวกเขาหมั่นไส้
หากสามัญสำนึกพวกเขาไม่ได้ห้ามเอาไว้ พวกเขาคงต่อยฟันร่วงไปหมดแล้ว
ข่าวนี้แพร่มาได้สามวัน โหยวเสี่ยวโม่เพียงแค่ออกไปก็จะได้ยินแต่หัวข้อเื่นี้ นี่ให้ความรู้สึกกับเขาเหมือนเป็เด็กหนุ่มข้างบ้าน ที่ตอนนี้สถานะของทัพ์สูงกว่าทังอวิ๋นฉีเสียอีก
คิดเช่นนี้แล้ว เขาอดคิดถึงตอนที่อยู่เขาอู๋ซวงไม่ได้ เจียงหลิวถูกทังอวิ๋นฉีขู่ให้ทำเื่พวกนั้น ตอนนี้เขาได้รับความสำคัญจากท่านเ้าสำนัก ทังอวิ๋นฉีจะรังแกเขาอีกก็คงไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน
ผ่านไปอีกหลายวัน ทิศทางลมของสำนักเทียนซินในที่สุดก็เปลี่ยนไป
เพราะกำหนดการเปิดที่แน่นอนของแดน์วิมานออกมาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้